สรุปประเด็นสำคัญ ดัชนีอุตสาหกรรมของเดือนสิงหาคม 2548 - ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม = 145.47 เพิ่มขึ้นจากเดือนกรกฎาคม 2548 (142.79) และเพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันของปีก่อน (131.38) - ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมที่เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับเดือนกรกฎาคม 2548 ได้แก่ การผลิตยานยนต์ การผลิตเครื่องรับโทรทัศน์และวิทยุ และสินค้าที่เกี่ยวข้อง การผลิตเครื่องแต่งกาย ยกเว้นเครื่องแต่งกายที่ทำจากขนสัตว์ การผลิตมอลต์ ลิกเคอและมอลต์ การผลิตอุปกรณ์ที่ใช้ในทางทัศนศาสตร์และเครื่องอุปกรณ์เกี่ยวกับการถ่ายภาพ - อัตราการใช้กำลังการผลิตเฉลี่ย = 68.25 เพิ่มขึ้นจากเดือนกรกฎาคม 2548 (67.49) และเพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันของปีก่อน (61.88) ภาวะเศรษฐกิจอุตสาหกรรมในเดือนกันยายน 2548 - ภาวะการผลิตของอุตสาหกรรมอาหารปรับตัวเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับเดือนก่อน สำหรับแนวโน้มการส่งออกยังขยายตัวได้ โดยเฉพาะกุ้งที่ได้รับคืน GSP จาก EU ชั่วคราว และสินค้าอื่นๆ จากคำสั่งซื้อที่เพิ่มขึ้น - การผลิต การจำหน่ายในอุตสาหกรรมสิ่งทอ และเสื้อผ้าสำเร็จรูปยังมีคำสั่งซื้อเข้ามาอย่างต่อเนื่องตามความต้องการบริโภค และคาดว่าจะขยายตัวสูงสุดตั้งแต่เดือนกันยายนเป็นต้นไปจนถึงสิ้นปี เนื่องจากต่างประเทศจะมีการนำเข้าสินค้าก่อนเทศกาลคริสต์มาสและปีใหม่ - ภาวะการผลิตเหล็กในช่วงเดือนนี้ทรงตัวเมื่อเทียบกับเดือนก่อน โดยในส่วนของเหล็กทรงยาวเนื่องจากภาวะการตลาดในประเทศที่ยังคงซบเซาอย่างต่อเนื่องประกอบกับอยู่ในช่วงฤดูฝนทำให้การก่อสร้างในเดือนนี้ชะลอตัวลง ขณะที่สถานการณ์เหล็กทรงแบนในช่วงนี้ การแข่งขันในตลาดสูงเนื่องจากมีการนำเข้าเหล็กราคาถูกจากประเทศจีนและญี่ปุ่นเข้ามาเป็นจำนวนมาก - อุตสาหกรรมรถยนต์ในเดือนกันยายน 2548 ขยายตัวเมื่อเปรียบเทียบกับเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา เนื่องจากมีการผลิตเพิ่มขึ้นให้เพียงพอต่อความต้องการของตลาดในประเทศและต่างประเทศ โดยตลาดในประเทศมีรถยนต์ปิกอัพรุ่นใหม่และรถยนต์นั่งขนาดเล็กบางยี่ห้อ ที่เริ่มเข้าสู่ตลาดในช่วงเดือนสิงหาคม สำหรับตลาดส่งออกยังคงมีการส่งออกรถยนต์ปิกอัพเพิ่มขึ้นต่อเนื่องจากเดือนที่ผ่านมา - อุตสาหกรรมปูนซีเมนต์ในเดือนสิงหาคม 2548 การผลิต การจำหน่ายในประเทศลดลง เนื่องจากอยู่ในช่วงฤดูฝนทำให้การก่อสร้างชะลอตัวลงเล็กน้อย แต่เดือนกันยายน และเดือนตุลาคม คาดว่าการผลิตและการจำหน่ายในประเทศมีแนวโน้มทรงตัวเนื่องจากการชะลอการลงทุนของธุรกิจการก่อสร้างในภาคเอกชน สำหรับการส่งออกขึ้นอยู่กับอุปสงค์ของประเทศคู่ค้าที่สำคัญ - การผลิตสินค้าเครื่องใช้ไฟฟ้าคาดว่าจะปรับตัวเพิ่มขึ้น เนื่องจากการส่งออกที่ยังสามารถขยายตัวเพิ่มขึ้น และผู้ผลิตเตรียมเพิ่มกำลังการผลิตเพื่อรองรับกับความต้องการที่คาดว่าจะมีมากขึ้นในช่วงเทศกาล คริสมาสต์ และปีใหม่ที่กำลังจะมาถึง ส่วนสินค้าอิเล็กทรอนิกส์โดยรวมคาดว่าจะปรับตัวเพิ่มขึ้นสาเหตุเนื่องจากความต้องการของตลาดโลกสูงขึ้น โดยเฉพาะสินค้าอิเล็กทรอนิกส์บางรายการคาดว่ายังมีการขยายตัวได้สูง เช่น คอมพิวเตอร์ อุปกรณ์สื่อสารไร้สาย และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ในยานยนต์ เป็นต้น สถานการณ์เศรษฐกิจอุตสาหกรรม - ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม ก.ค.. 48 = 142.49 ส.ค. 48 = 145.47 โดยอุตสาหกรรมหลักที่ส่งผลให้ดัชนี เพิ่มขึ้น ได้แก่ - การผลิตยานยนต์ - การผลิตเครื่องรับโทรทัศน์และวิทยุ และสินค้าที่เกี่ยวข้อง - การผลิตเครื่องแต่งกาย ยกเว้นเครื่องแต่งกายที่ทำจากขนสัตว์ - อัตราการใช้กำลังการผลิต ก.ค. 48 = 67.49 ส.ค. 48 = 68.25 โดยอุตสาหกรรมหลักที่ส่งผลให้อัตราการใช้กำลังการผลิตเพิ่มขึ้น ได้แก่ - การผลิตยานยนต์ - การผลิตเครื่องรับโทรทัศน์และวิทยุ และสินค้าที่เกี่ยวข้อง - การผลิตเครื่องแต่งกาย ยกเว้นเครื่องแต่งกายที่ทำจากขนสัตว์ 1.อุตสาหกรรมอาหาร “ภาวะการผลิตของอุตสาหกรรมอาหารปรับตัว เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับเดือนก่อน สำหรับแนวโน้มการส่งออกยังขยายตัวได้ โดยเฉพาะกุ้งที่ได้รับคืน GSP จาก EU ชั่วคราว และสินค้าอื่นๆ จากคำสั่งซื้อที่เพิ่มขึ้น" 1. การผลิต ภาวะการผลิตโดยรวมปรับตัวเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนร้อยละ 2.6 เนื่องจากปริมาณคำสั่งซื้อเพิ่มขึ้นกระตุ้นให้ภาคการผลิตขยายตัวโดยเฉพาะในกลุ่มสินค้าประมง แต่เมื่อเทียบกับปีก่อน การผลิตโดยรวมลดลงร้อยละ 2.4 เป็นผลจากปริมาณการผลิตอาหารเพื่อส่งออกลดลงในกลุ่มสินค้าสับปะรดกระป๋องถึงร้อยละ 85.0 และผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังร้อยละ 27.4 เนื่องจากขาดแคลนวัตถุดิบในการผลิต นอกจากนี้การผลิตเพื่อตอบสนองความต้องการในประเทศ กลุ่มสินค้าน้ำมันพืช (ถั่วเหลืองและปาล์มน้ำมัน) มีการผลิตลดลงร้อยละ 16.9 และ 13 เช่นเดียวกัน อย่างไรก็ตามยังมีสินค้าสำคัญที่ยังขยายการผลิตเพิ่มขึ้น ได้แก่ กุ้งแช่เย็นแช่แข็ง ร้อยละ 33.4 และปลาทูน่ากระป๋อง ร้อยละ 33.9 ทำให้ภาพรวมของการผลิตลดลงไม่มากนักเมื่อเทียบกับปีก่อน 2. การตลาด 1) ตลาดในประเทศ สินค้าอาหารและเกษตร มีมูลค่าจำหน่ายเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับเดือนก่อน และเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 0.7-1.9 จากราคาจำหน่ายที่ปรับตัวสูงขึ้นเมื่อเทียบกับปีก่อนตามราคาน้ำมัน 2) ตลาดต่างประเทศ ภาวะการส่งออกโดยรวม มีปริมาณลดลงร้อยละ 15.2 แต่มูลค่าเพิ่มขึ้นร้อยละ 33.2 เมื่อเทียบกับปีก่อน แสดงให้เห็นถึงการปรับตัวของระดับราคาโดยรวมที่เพิ่มขึ้น ประกอบกับมีคำสั่งซื้อสินค้ากุ้ง ทั้งปริมาณและมูลค่าเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 129.6 และ 96.8 ซึ่งเป็นผลจากไทยได้รับคืนสิทธิ GSP เป็นการชั่วคราวจาก EU ถึงปลายปี นอกจากนี้ยังสามารถส่งออกผลิตภัณฑ์สำคัญได้เพิ่มขึ้น เช่น ปลาทูน่ากระป๋อง ร้อยละ 39.3 ไก่แปรรูป ร้อยละ 13.8 บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปและอาหารสำเร็จรูป ร้อยละ 36.9 ข้าวโพดฝักอ่อนกระป๋อง ร้อยละ 61.2 และสับปะรดกระป๋อง ร้อยละ 15.6 3. แนวโน้ม คาดว่าการผลิตและการส่งออกจะยังขยายตัวได้ เมื่อเทียบกับเดือนก่อน เนื่องจากเป็นช่วงที่ลูกค้าต่างประเทศเริ่มมีคำสั่งซื้อสินค้าเข้ามา โดยเฉพาะสินค้ากลุ่มอาหารทะเลแปรรูป เช่น กุ้ง จากการได้รับคืนสิทธิ GSP จาก EU ชั่วคราวถึงปลายปี ปลาและผลิตภัณฑ์อาหารกึ่งสำเร็จรูปอื่นๆ นอกจากนี้ยังมีผลพวงจากปัญหาภัยธรรมชาติในช่วงมรสุม ทำให้ต้องมีการเตรียมสต็อกอาหารสำเร็จรูปสำหรับรองรับสถานการณ์ดังกล่าว 2. อุตสาหกรรมสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่ม “ การผลิต การจำหน่ายเส้นใยสิ่งทอ และเสื้อผ้าสำเร็จรูปยังมีการเติบโตขยายตัวต่อเนื่อง ” 1. การผลิตและการจำหน่าย การผลิตเส้นใยสิ่งทอฯ เดือนสิงหาคม 2548 ลดลงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับเดือนก่อน ขณะที่เสื้อผ้าสำเร็จรูปผลิตจากผ้าถักมีการผลิตทรงตัว และเสื้อผ้าสำเร็จรูปที่ผลิตจากผ้าทอ เพิ่มขึ้นร้อยละ 10.7 ปริมาณการจำหน่ายเส้นใยฯ เพิ่มขึ้นเล็กน้อยเมื่อเทียบกับเดือนก่อน เช่นเดียวกับการจำหน่ายเสื้อผ้าสำเร็จรูปที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 1.1 ซึ่งส่วนใหญ่เป็นการเพิ่มขึ้นจากการส่งออก โดยเฉพาะตลาดหลักอย่างสหรัฐอเมริกา 2. การส่งออกและตลาดส่งออก มูลค่าการส่งออกสิ่งทอโดยรวม เดือนสิงหาคม 2548 เพิ่มขึ้น ร้อยละ 11.1 เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันกับปีก่อน โดยเพิ่มขึ้นในตลาดสหรัฐอเมริกา (+5.9%) ญี่ปุ่น (+7.5%) เยอรมัน (+16.4%) แต่ลดลงในตลาดจีน(-10.5%) และ สหราชอาณาจักร (-14.5%) มูลค่าการส่งออกเสื้อผ้าสำเร็จรูป เดือนสิงหาคม 2548 เพิ่มขึ้นร้อยละ 6.8 โดยส่งออกยังคงเพิ่มขึ้นในตลาดสหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น และฝรั่งเศส แต่ลดลงในตลาดสหราชอาณาจักร เนเธอร์แลนด์และสเปน 3. การนำเข้า มูลค่าการนำเข้าสิ่งทอเดือนม.ค. - ส.ค 2548 โดยรวม เพิ่มขึ้นร้อยละ 9.0 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันกับปีก่อน เป็นการนำเข้า เส้นใยฯ เพิ่มขึ้นร้อยละ 15.1 ตลาดนำเข้าคือ สหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่นออสเตรเลีย และปากีสถาน ผ้าผืน นำเข้าเพิ่มขึ้นร้อยละ 9.0 ตลาดนำเข้าคือจีน ไต้หวัน และฮ่องกง ขณะที่การนำเข้าด้ายทอผ้าฯ ลดลงร้อยละ 2.3 ตลาดนำเข้าคือจากจีน ญี่ปุ่น และไต้หวัน เสื้อผ้าสำเร็จรูป นำเข้าลดลงร้อยละ 8.1 ตลาดนำเข้าคือจีน ฮ่องกง อิตาลี และญี่ปุ่น 4. แนวโน้ม การผลิต การจำหน่ายในอุตสาหกรรมสิ่งทอ และเสื้อผ้าสำเร็จรูปยังมีคำสั่งซื้อเข้ามาอย่างต่อเนื่องตามความต้องการบริโภค และคาดว่าจะขยายตัวสูงสุดตั้งแต่เดือนกันยายนเป็นต้นไปจนถึงสิ้นปี เนื่องจากต่างประเทศจะมีการนำเข้าสินค้าก่อนเทศกาลคริสต์มาสและ ปีใหม่ 3. อุตสาหกรรมเหล็กและเหล็กกล้า “ภาวะการผลิตเหล็กในช่วงเดือนนี้ทรงตัวเมื่อเทียบกับเดือนก่อน โดยในส่วนของเหล็กทรงยาวเนื่องจากภาวะการตลาดในประเทศที่ยังคงซบเซาอย่างต่อเนื่องประกอบกับอยู่ในช่วงฤดูฝนทำให้การก่อสร้างในเดือนนี้ชะลอตัวลง ขณะที่สถานการณ์เหล็กทรงแบนในช่วงนี้ การแข่งขันในตลาดสูงเนื่องจากมีการนำเข้าเหล็กราคาถูกจากประเทศจีนและญี่ปุ่นเข้ามาเป็นจำนวนมาก” 1.การผลิต ภาวะการผลิตเหล็กในช่วงเดือน ส.ค. 48 ชะลอตัวลงเมื่อเทียบกับเดือนก่อน โดยดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมในเดือนนี้มีค่า 112.73 ลดลงร้อยละ 9.33 โดยเป็นผลจากการลดลงของกลุ่มเหล็กทรงยาว เช่น เหล็กเส้นข้ออ้อย ลดลง ร้อยละ 33.27 เหล็กลวด ลดลง ร้อยละ 18.13 เนื่องจากอยู่ในช่วงฤดูฝนทำให้การก่อสร้างชะลอตัวลงประกอบกับสภาวะการค้าในประเทศที่ยังคงซบเซาอย่างต่อเนื่อง จึงทำให้ผู้ผลิตชะลอการผลิตลง สำหรับกลุ่มเหล็กทรงแบน ผลิตภัณฑ์ที่มีการผลิตลดลงได้แก่ เหล็กแผ่นเคลือบดีบุก ลดลง ร้อยละ 14.41 เนื่องจากอุตสาหกรรมอาหารกระป๋องซึ่งใช้เหล็กชนิดนี้เป็นบรรจุภัณฑ์ เช่น สับปะรดกระป๋อง มีการผลิตที่ลดลง ขณะเดียวกันเมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อนการผลิตมีการชะลอตัว ร้อยละ 20.79 โดยเป็นผลมาจากการลดลงของเหล็กแผ่นเคลือบดีบุก ลดลง ร้อยละ 63.67 เหล็กโครงสร้างรูปพรรณชนิดรีดเย็น ลดลง. 50.81 และ เหล็กแผ่นรีดเย็น ลดลง ร้อยละ 45.77 2.ราคาเหล็ก สำหรับการเปลี่ยนแปลงของราคาเหล็ก (FOB) โดยเฉลี่ยที่สำคัญในตลาด CIS ในช่วงเดือนกันยายน 2548 เทียบกับเดือนก่อน ผลิตภัณฑ์เหล็กที่สำคัญส่วนใหญ่มีราคาปรับตัวสูงขึ้น เช่น เศษเหล็ก เพิ่มขึ้นจาก 233 เป็น 260 เหรียญสหรัฐต่อตัน เพิ่มขึ้น ร้อยละ 11.43 เนื่องจากผู้ผลิตได้เริ่มกลับมาซื้อเพื่อเป็นวัตถุดิบในการผลิตเหล็กทรงยาวและทรงแบนหลังจากที่ปริมาณวัตถุดิบในสต๊อกลดลง จึงมีผลทำให้ราคามีการปรับตัวสูงขึ้น เหล็กแท่งเล็ก เพิ่มขึ้นจาก 300 เป็น 333 เหรียญสหรัฐต่อตัน เพิ่มขึ้น ร้อยละ 11.04 เหล็กแผ่นรีดเย็น เพิ่มขึ้นจาก 490 เป็น 504 เหรียญสหรัฐต่อตัน เพิ่มขึ้น ร้อยละ 2.81 เหล็กเส้น เพิ่มขึ้นจาก 365 เป็น 374 เหรียญสหรัฐต่อตัน เพิ่มขึ้น ร้อยละ 2.40 และเหล็กแผ่นรีดร้อน เพิ่มขึ้นจาก 405 เป็น 409 เหรียญสหรัฐต่อตัน เพิ่มขึ้น ร้อยละ 0.93 สำหรับผลิตภัณฑ์ที่มีราคาลดลง ได้แก่ เหล็กแท่งแบน ลดลง จาก 300 เป็น 291หรียญสหรัฐต่อตัน ลดลงร้อยละ 2.92 เนื่องจากมีหลายประเทศในเอเชียตะวันออก โดยเฉพาะ ประเทศจีน ยังคงมีปริมาณสินค้าคงคลังสูงอยู่ 3. แนวโน้ม สถานการณ์เหล็กในเดือน ก.ย. 2548 คาดว่าจะทรงตัวเมื่อเทียบกับเดือนก่อน โดยในส่วนของเหล็กทรงยาวคาดการณ์ว่าจะทรงตัวเนื่องจากยังอยู่ในช่วงฤดูฝน ขณะที่ภาวะการค้ายังคงซบเซาอยู่ ประกอบกับการเปลี่ยนแปลงทางด้านราคาเหล็กยังคงมีทิศทางที่ไม่แน่นอน ผู้ซื้อชะลอการซื้อ จึงส่งผลให้ผู้ผลิตชะลอการผลิตลง ขณะที่เหล็กทรงแบนซึ่งใช้เป็นวัตถุดิบของอุตสาหกรรมยานยนต์ เครื่องใช้ไฟฟ้า ถึงแม้จะมีการคาดการณ์ว่าอุตสาหกรรมต่อเนื่องจะมีการขยายตัว แต่เนื่องจากมีการนำเข้าเหล็กเพื่อใช้ในอุตสาหกรรมดังกล่าวเข้ามาเป็นจำนวนมาก จึงอาจจะมีผลทำให้การผลิตเหล็กทรงแบนในประเทศไม่ขยายตัวเท่าที่ควร 4. อุตสาหกรรมยานยนต์ รถยนต์ (ก.ย. 48) อุตสาหกรรมรถยนต์ในเดือนกันยายน 2548 ขยายตัวเมื่อเปรียบเทียบกับเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา เนื่องจากมีการผลิตเพิ่มขึ้นให้เพียงพอต่อความต้องการของตลาดในประเทศและต่างประเทศ โดยตลาดในประเทศมีรถยนต์ปิกอัพรุ่นใหม่และรถยนต์นั่งขนาดเล็กบางยี่ห้อ ที่เริ่มเข้าสู่ตลาดในช่วงเดือนสิงหาคม สำหรับตลาดส่งออกยังคงมีการส่งออกรถยนต์ปิกอัพเพิ่มขึ้นต่อเนื่องจากเดือนที่ผ่านมา โดยมีข้อมูลประมาณการในเดือนกันยายน ดังนี้ - การผลิตรถยนต์ จำนวน 100,000 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนกันยายน 2547 ร้อยละ 29.49 และเพิ่มขึ้นจากเดือนสิงหาคม 2548 ซึ่งมีการผลิต 98,487 คัน ร้อยละ 1.54 - การจำหน่ายรถยนต์ จำนวน 56,000 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนกันยายน 2547 ร้อยละ 9.56 และเพิ่มขึ้นจากเดือนสิงหาคม 2548 ซึ่งมีการจำหน่าย 52,829 คัน ร้อยละ 6.00 - การส่งออกรถยนต์ มีจำนวน 44,000 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนกันยายน 2547 ร้อยละ 58.20 และเพิ่มขึ้นจากเดือนสิงหาคม 2548 ซึ่งมีการส่งออก 40,283 คัน ร้อยละ 9.23 - แนวโน้ม ภาวะอุตสาหกรรมรถยนต์ในเดือนตุลาคม 2548 คาดว่าจะขยายตัวจากเดือนกันยายน รถจักรยานยนต์ (ก.ย. 48) อุตสาหกรรมรถจักรยานยนต์ขยายตัวเล็กน้อยเมื่อเปรียบเทียบกับเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา เนื่องจากในเดือนนี้มีปัจจัยเสริมจากการเปิดตัวรถจักรยานยนต์รุ่นใหม่ ประกอบกับ ในเดือนที่ผ่านมามียอดขายรถจักรยานยนต์ลดลงมากซึ่งสาเหตุส่วนหนึ่งมาจากการที่ผู้ผลิตรายใหญ่มีนโยบายปรับลดสินค้าคงคลัง โดยมีข้อมูลประมาณการในเดือนกันยายน ดังนี้ - การผลิตรถจักรยานยนต์ จำนวน 184,000 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนสิงหาคม 2548 ซึ่งมีการผลิต 180,996 คัน ร้อยละ 1.66 - การจำหน่าย จำนวน 162,000 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนกันยายน 2547 ร้อยละ 8.59 และเพิ่มขึ้นจากเดือนสิงหาคม 2548 ซึ่งมีการจำหน่าย 158,032 คัน ร้อยละ 2.51 - การส่งออกรถจักรยานยนต์ มีจำนวน 12,000 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนสิงหาคม 2548 ซึ่งมีการส่งออก 11,525 คัน ร้อยละ 4.12 - แนวโน้ม ภาวะอุตสาหกรรมรถจักรยานยนต์ในเดือนตุลาคม 2548 คาดว่าจะขยายตัวจากเดือนกันยายน 5.อุตสาหกรรมปูนซีเมนต์ “ การผลิต การจำหน่ายในประเทศลดลง เนื่องจากอยู่ในช่วงฤดูฝนทำให้การก่อสร้างชะลอตัวลงเล็กน้อย “ 1.การผลิตและการจำหน่ายในประเทศ การผลิตปูนซีเมนต์ในเดือนสิงหาคม 2548 เมื่อเทียบกับเดือนก่อนลดลงร้อยละ 3.19 เนื่องจากอยู่ในช่วงฤดูฝนทำให้การก่อสร้างชะลอตัวลงเล็กน้อย แต่เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อนเพิ่มขึ้นร้อยละ 14.97 เนื่องจากความต้องการใช้ปูนซีเมนต์ยังคงเพิ่มขึ้นตามภาวะธุรกิจก่อสร้างที่ขยายตัวจากการลงทุนในโครงการพัฒนาสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐานของภาครัฐ 2.การส่งออก มูลค่าการส่งออกปูนซีเมนต์ เดือนสิงหาคม เมื่อเทียบกับเดือนก่อนและเดือนเดียวกันของปีก่อนเพิ่มขึ้น ร้อยละ10.01 และ 29.81 ตามลำดับ เนื่องจากความต้องการใช้ปูนซีเมนต์ในประเทศคู่ค้าขยายตัว สำหรับตลาดส่งออกปูนซีเมนต์ที่สำคัญ ได้แก่ สหรัฐอเมริกา เวียดนาม บังคลาเทศ และกัมพูชา 3.แนวโน้ม เดือนกันยายน และเดือนตุลาคม คาดว่าการผลิตและการจำหน่ายในประเทศมีแนวโน้มทรงตัวเนื่องจากการชะลอการลงทุนของธุรกิจการก่อสร้างในภาคเอกชน สำหรับการส่งออกขึ้นอยู่กับอุปสงค์ของประเทศคู่ค้าที่สำคัญ 6. อุตสาหกรรมไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ “การผลิตสินค้าเครื่องใช้ไฟฟ้าคาดว่าจะปรับตัวเพิ่มขึ้น เนื่องจากการส่งออกที่ยังสามารถขยายตัวเพิ่มขึ้น และผู้ผลิตเตรียมเพิ่มกำลังการผลิตเพื่อรองรับกับความต้องการที่คาดว่าจะมีมากขึ้นในช่วงเทศกาล คริสมาสต์ และปีใหม่ที่กำลังจะมาถึง ส่วนสินค้าอิเล็กทรอนิกส์โดยรวมคาดว่าจะปรับตัวเพิ่มขึ้นสาเหตุเนื่องจากความต้องการของตลาดโลกสูงขึ้น โดยเฉพาะสินค้าอิเล็กทรอนิกส์บางรายการคาดว่ายังมีการขยายตัวได้สูง เช่น คอมพิวเตอร์ อุปกรณ์สื่อสารไร้สาย และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ในยานยนต์ เป็นต้น “ ตารางที่1 สินค้าเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ที่มีมูลค่าการส่งออกมากเป็นอันดับต้นๆ ในเดือน ส.ค. 2548 หน่วย : ล้านบาท เครื่องใช้ไฟฟ้า/อิเล็กทรอนิกส์ มูลค่า CPM CPY อุปกรณ์คอมพิวเตอร์และส่วนประกอบ 43,384.8 22.7 45.1 IC 21,553.3 21.3 39.0 เครื่องรับโทรทัศน์สี 6,057.7 17.5 -3.5 เครื่องปรับอากาศ 4,804.7 -21.5 -5.3 รวมเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ 130,668.3 9.9 17.2 ที่มา : สถาบันไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ 1.การผลิต อุตสาหกรรมไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ในภาพรวมของเดือนสิงหาคม 2548 เมื่อเทียบกับเดือนก่อน ดัชนีผลผลิตมีการปรับตัวลดลงร้อยละ 4.4 โดยเป็นการลดลงจากสินค้าในกลุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้าร้อยละ 7.3 และสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ร้อยละ 8.2 สินค้าเครื่องใช้ไฟฟ้าที่มีการขยายตัวเพิ่มขึ้นมากในเดือนสิงหาคม 2548 ได้แก่ เครื่องรับโทรทัศน์จอ 21 นิ้วขึ้นไป โดยขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 25.0 เมื่อเทียบกับเดือนก่อน และร้อยละ 53.4 เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน 2. การส่งออก การส่งออกสินค้าเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ในเดือนสิงหาคมมีมูลค่า 130,668.3 ล้านบาท ปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 9.9 เมื่อเทียบกับเดือนก่อน และเมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อนเพิ่มขึ้นร้อยละ 17.2 โดยเป็นผลจากการเพิ่มขึ้นของสินค้าเครื่องใช้ไฟฟ้า ร้อยละ 3.7 และจากสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ ร้อยละ 26.9 สินค้าใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ที่มีมูลค่าการส่งออกสูงในเดือนสิงหาคม 2548 ได้แก่ อุปกรณ์คอมพิวเตอร์และส่วนประกอบ โดยขยายตัวเพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันของปีก่อนถึงร้อยละ 45.1 ซึ่งเป็นผลมาจากการส่งออกฮาร์ดดิสต์ของไทยที่มีมูลค่าสูงมากนั่นเอง รองลงมาคือ IC โดยมีขยายตัวร้อยละ 39.0 เนื่องจากอุตสาหกรรมไอทีของโลกมีการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง รวมถึง Stock IC ของโลกที่ลดลง รายละเอียดแสดงดังตารางที่ 1 3. แนวโน้ม แม้ว่าความต้องการสินค้าเครื่องใช้ไฟฟ้าในประเทศอาจได้รับผลกระทบจากราคาน้ำมันที่ยังผันผวนและมีราคาสูง แต่อย่างไรก็ตามการผลิตสินค้าเครื่องใช้ไฟฟ้าในเดือนกันยายน 2548 คาดว่าจะปรับตัวเพิ่มขึ้นได้จากเดือนสิงหาคม เนื่องจากการส่งออกที่ยังสามารถขยายตัวเพิ่มขึ้น และผู้ผลิตเตรียมเพิ่มกำลังการผลิตเพื่อรองรับกับความต้องการที่คาดว่าจะมีมากขึ้นในช่วงเทศกาล คริสมาสต์ และปีใหม่ที่กำลังจะมาถึง ส่วนสินค้าอิเล็กทรอนิกส์โดยรวมคาดว่าจะปรับตัวเพิ่มขึ้นสาเหตุเนื่องจากความต้องการของตลาดโลกสูงขึ้น โดยเฉพาะสินค้าอิเล็กทรอนิกส์บางรายการคาดว่ายังมีการขยายตัวได้สูง เช่น คอมพิวเตอร์ อุปกรณ์สื่อสารไร้สาย และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ในยานยนต์ เป็นต้น - ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมในเดือนสิงหาคม 2548 มีค่า 145.47 เพิ่มขึ้นจากเดือนกรกฎาคม 2548 (142.79) ร้อยละ 1.88 และเพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันของปีก่อน (131.38) ร้อยละ 10.72 - อุตสาหกรรมหลักที่ส่งผลให้ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้นจากเดือนกรกฎาคม 2548 ได้แก่ อุตสาหกรรมการผลิตยานยนต์ อุตสาหกรรมการผลิตเครื่องรับโทรทัศน์และวิทยุ และสินค้าที่เกี่ยวข้อง อุตสาหกรรมการผลิตเครื่องแต่งกาย ยกเว้นเครื่องแต่งกายที่ทำจากขนสัตว์ อุตสาหกรรมการผลิตมอลต์ลิกเคอและมอลต์ อุตสาหกรรมการผลิตอุปกรณ์ที่ใช้ในทางทัศนศาสตร์และเครื่องอุปกรณ์เกี่ยวกับการถ่ายภาพ เป็นต้น - อุตสาหกรรมหลักที่ส่งผลให้ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันของ ปีก่อน ได้แก่ อุตสาหกรรมการผลิตยานยนต์ อุตสาหกรรมการแปรรูปและการถนอมสัตว์น้ำและผลิตภัณฑ์จากสัตว์น้ำ อุตสาหกรรมการผลิตเครื่องรับโทรทัศน์และวิทยุ และสินค้าที่เกี่ยวข้อง อุตสาหกรรมการผลิตเครื่องแต่งกาย ยกเว้นเครื่องแต่งกายที่ทำจากขนสัตว์ อุตสาหกรรมการผลิตรถจักรยานยนต์ เป็นต้น - อัตราการใช้กำลังการผลิตในเดือนสิงหาคม 2548 มีค่า 68.25 เพิ่มขึ้นจากเดือนกรกฎาคม 2548 (67.49) และเพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันของปีก่อน (61.88) - อุตสาหกรรมหลักที่ส่งผลให้อัตราการใช้กำลังการผลิตเพิ่มขึ้นจากเดือนกรกฎาคม 2548 ได้แก่ อุตสาหกรรมการผลิตยานยนต์ อุตสาหกรรมการผลิตเครื่องรับโทรทัศน์และวิทยุ และสินค้าที่เกี่ยวข้อง อุตสาหกรรมการผลิตเครื่องแต่งกาย ยกเว้นเครื่องแต่งกายที่ทำจากขนสัตว์ อุตสาหกรรมการผลิตมอลต์ลิกเคอและมอลต์ อุตสาหกรรมการผลิตผลิตภัณฑ์ยาสูบ เป็นต้น - อุตสาหกรรมหลักที่ส่งผลให้อัตราการใช้กำลังการผลิตเพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันของปีก่อน ได้แก่ อุตสาหกรรมการผลิตยานยนต์ อุตสาหกรรมการแปรรูปและการถนอม สัตว์น้ำและผลิตภัณฑ์จากสัตว์น้ำ อุตสาหกรรมการผลิตเครื่องแต่งกาย ยกเว้นเครื่องแต่งกายที่ทำจากขนสัตว์ การผลิตเครื่องดื่มที่ไม่มีแอลกอฮอล์ รวมทั้งน้ำดื่มบรรจุขวด อุตสาหกรรมการผลิตเครื่องรับโทรทัศน์และวิทยุ และสินค้าที่เกี่ยวข้อง เป็นต้น - อัตราการใช้กำลังการผลิตในเดือนสิงหาคม 2548 ของโรงงานขนาดเล็กมีค่า 41.5 โรงงานขนาดกลางมีค่า 55.0 และโรงงานขนาดใหญ่มีค่า 68.3 สถานภาพการประกอบกิจการอุตสาหกรรมเดือนสิงหาคม 2548 - ภาวะการประกอบกิจการของโรงงานจากกรมโรงงานอุตสาหกรรมในเดือนสิงหาคม 2548 เมื่อเปรียบเทียบกับเดือนกรกฎาคม 2548 มีโรงงานที่เริ่มประกอบกิจการจำนวน 395 ราย เพิ่มขึ้นในจำนวนที่มากกว่าเดือนกรกฎาคม 2548 ซึ่งมีโรงงานเริ่มประกอบกิจการจำนวน 319 รายหรือคิดเป็นจำนวนมากกว่าร้อยละ 23.8 ในส่วนของจำนวนเงินลงทุน มียอดเงินลงทุนรวมทั้งสิ้น 23,114 ล้านบาท และก่อให้เกิดการจ้างงานรวม 10,553 คน เพิ่มขึ้นจากเดือนกรกฎาคม 2548 ซึ่งมีการลงทุนเพิ่ม 7,890 ล้านบาทและจำนวนการจ้างงาน 7,862 คน ร้อยละ 193.0 และ 34.2 ตามลำดับ - ภาวะการประกอบกิจการของโรงงานจากกรมโรงงานอุตสาหกรรมในเดือนสิงหาคม 2548 เมื่อเปรียบเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน มีโรงงานที่เริ่มประกอบกิจการเพิ่มขึ้นในจำนวนที่น้อยกว่าเดือนสิงหาคม 2547 ซึ่งมีโรงงานเริ่มประกอบกิจการจำนวน 487 รายหรือคิดเป็นจำนวนน้อยกว่าร้อยละ -18.9 และในส่วนของจำนวนเงินลงทุนเพิ่มขึ้นจากเดือนสิงหาคม 2547 ซึ่งมีการลงทุนเพิ่ม 11,412 ล้านบาทร้อยละ 102.5 แต่การจ้างงานรวมลดลงจากเดือนสิงหาคม 2547 ซึ่งมีจำนวนการจ้างงาน 13,653 คน ร้อยละ —22.7 - อุตสาหกรรมที่มีจำนวนโรงงานเริ่มประกอบกิจการมากที่สุดในเดือนสิงหาคม 2548 คือ อุตสาหกรรมขุดหรือลอก กรวด ทรายหรือดิน จำนวน 43 ราย รองลงมาคือ อุตสาหกรรมการทำเครื่องเรือนจากไม้ ยาง อโลหะอื่น ซึ่งมิได้ทำจากพลาสติกอัดเข้ารูป จำนวน 39 ราย - อุตสาหกรรมที่เริ่มประกอบกิจการโดยมีการลงทุนสูงสุดในเดือนสิงหาคม 2548 คือ อุตสาหกรรมการทำชิ้นส่วนพิเศษสำหรับรถยนต์หรือรถพ่วงเงินทุน 15,384 ล้านบาท รองลงมาคือ อุตสาหกรรมการทำผลิตภัณฑ์คอนกรีต คอนกรีตผสม ผลิตภัณฑ์ยิมซั่ม ปูนปลาสเตอร์ เงินทุน 945 ล้านบาท - อุตสาหกรรมที่เริ่มประกอบกิจการและมีการจ้างงานสูงสุดในเดือนสิงหาคม 2548 คือ อุตสาหกรรมการตัดเย็บเครื่องนุ่งห่ม ผ้าเช็ดหน้า เนกไท ถุงมือ ถุงเท้าจากผ้า หนังสัตว์คนงาน 1,168 คน รองลงมาคือ อุตสาหกรรมการทำเครื่องมือเครื่องใช้ เครื่องเรือน เครื่องประดับจากพลาสติก คนงาน 1,039 คน - ภาวะการเลิกกิจการของโรงงานจากกรมโรงงานอุตสาหกรรมในเดือนสิงหาคม 2548 เมื่อเปรียบเทียบกับเดือนกรกฎาคม 2548 มีโรงงานที่ปิดดำเนินกิจการจำนวน 193 ราย มากกว่าเดือนกรกฎาคม 2548 ซึ่งมีโรงงานที่ปิดดำเนินกิจการจำนวน 173 ราย คิดเป็นร้อยละ 11.6 ในส่วนของเงินทุนมีจำนวน 2,536 ล้านบาทและมีการเลิกจ้างงานจำนวน 4,894 คนมากกว่าเดือนกรกฎาคม 2548 ที่การเลิกกิจการคิดเป็นเงินทุน 1,445 ล้านบาทและเลิกจ้างงานจำนวน 3,394 คน - ภาวะการเลิกกิจการของโรงงานจากกรมโรงงานอุตสาหกรรมในเดือนสิงหาคม 2548 เมื่อเปรียบเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน มีโรงงานที่ปิดดำเนินกิจการจำนวนน้อยกว่าเดือนสิงหาคม 2547 ซึ่งมีโรงงานที่ปิดดำเนินกิจการจำนวน 200 ราย คิดเป็นร้อยละ —3.5 โดยในส่วนเงินทุนและการเลิกจ้างงานมากกว่าเดือนสิงหาคม 2547 ที่การเลิกกิจการคิดเป็นเงินทุน 1,680 ล้านบาทและเลิกจ้างงานจำนวน 4,632 คน - อุตสาหกรรมที่มีจำนวนโรงงานเลิกกิจการมากที่สุดในเดือนสิงหาคม 2548 คือ อุตสาหกรรมการซ่อมยานที่ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์หรือส่วนประกอบ จำนวน 24 ราย รองลงมาคือ อุตสาหกรรมการกลึง เจาะ คว้าน กัด ไส เจียน เชื่อมโลหะทั่วไป จำนวน 15 ราย - อุตสาหกรรมที่เลิกประกอบกิจการโดยที่มีเงินลงทุนสูงสุดในเดือนสิงหาคม 2548 คืออุตสาหกรรมการทำไม้วีเนียร์หรือไม้อัดทุกชนิด เงินทุน 1,087 ล้านบาท รองลงมาคือ อุตสาหกรรมการทำเครื่องประดับโดยใช้เพชร พลอย ไข่มุก ทองคำ ทองขาว เงิน นาก หรืออัญมณี เงินทุน 290 ล้านบาท - อุตสาหกรรมที่เลิกประกอบกิจการและจำนวนคนงานสูงสุดในเดือนสิงหาคม 2548 คือ อุตสาหกรรมการตัดเย็บเครื่องนุ่งห่ม ผ้าเช็ดหน้า เนกไท ถุงมือ ถุงเท้าจากผ้า หนังสัตว์คนงาน 913 คน รองลงมาคือ อุตสาหกรรมการถักผ้า ผ้าลูกไม้ เครื่องนุ่งห่มด้วยด้ายหรือเส้นใย คนงาน 733 คน - ภาวะการลงทุนของสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (สกท.) ในเดือนสิงหาคม 2548 เมื่อเปรียบเทียบกับเดือนกรกฎาคม 2548 มีจำนวนโครงการที่ได้รับการอนุมัติการส่งเสริมการลงทุนจาก สกท. ทั้งสิ้น 113 โครงการ มากกว่าเดือนกรกฎาคม 2548 ที่มีจำนวน 92 โครงการ ร้อยละ 22.8 มีเงินลงทุน 38,800 ล้านบาท มากกว่าเดือนกรกฎาคม 2548 ที่มีเงินลงทุน 21,700 ล้านบาท ร้อยละ 78.8 (ยังมีต่อ)