สรุปประเด็นสำคัญ
ดัชนีอุตสาหกรรมของเดือนมีนาคม 2548
- ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม = 152.59 เพิ่มขึ้นจากเดือนกุมภาพันธ์ 2548 (133.28) และเพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันของปีก่อน (144.25)
- ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมที่เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับเดือนกุมภาพันธ์ 2548 ได้แก่ การผลิตยานยนต์ ผลิตภัณฑ์ที่ได้จากการกลั่นน้ำมันปิโตรเลียม การจัดเตรียมและการปั่นเส้นใยสิ่งทอรวมถึงการทอสิ่งทอ การผลิตเหล็กและผลิตภัณฑ์เหล็กกล้าขั้นมูลฐาน การผลิตเครื่องดื่มที่ไม่มีแอลกอฮอล์รวมทั้งน้ำดื่มบรรจุขวด
- อัตราการใช้กำลังการผลิตเฉลี่ย = 71.16 เพิ่มขึ้นจากเดือนกุมภาพันธ์ 2548 (61.19) และเพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันของปีก่อน (66.37)
ภาวะเศรษฐกิจอุตสาหกรรมในเดือนเมษายน 2548
- ภาวะการผลิตอุตสาหกรรมอาหารเพื่อส่งออกเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน สำหรับแนวโน้มการส่งออกอาหารจะยังชะลอตัว เป็นผลต่อเนื่องจากระดับราคาน้ำมันแพง แต่การบริโภคในประเทศจะเพิ่มขึ้นในช่วงเทศกาลสงกรานต์
- การผลิตสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่มในเดือนเมษายน 2548 จะชะลอตัวลงเมื่อเทียบกับเดือนมีนาคม ซึ่งเป็นไปตามกลไกการตลาดเนื่องจากเทศกาลวันหยุดที่มีต่อเนื่อง และคาดการณ์เดือนพฤษภาคมการจำหน่ายเสื้อผ้าสำเร็จรูปยังมีการขยายตัวตามความต้องการของผู้บริโภคที่เพิ่มขึ้น
- ภาวการณ์การผลิตเหล็กและเหล็กกล้าในเดือน เม.ย. 2548 ยังคงทรงตัวเมื่อเทียบกับเดือนก่อน โดยเหล็กทรงยาวขยายตัวขึ้นเล็กน้อยเนื่องจากโครงการก่อสร้างของภาครัฐยังคงขยายตัวอยู่แต่ในส่วนของโครงการภาคเอกชนตลาดยังซบเซาอยู่ เนื่องจากความต้องการของหมู่บ้านจัดสรรในตลาดยังคงทรงตัวอยู่ ขณะที่เหล็กทรงแบนยังคงทรงตัวอยู่
- อุตสาหกรรมรถยนต์ ในเดือนเมษายน 2548 ชะลอตัวเมื่อเปรียบเทียบกับเดือนที่ผ่านมา เนื่องจาก ในเดือนเมษายนมีวันหยุดนักขัตฤกษ์หลายวัน ปริมาณการผลิตจึงลดลงจากเดือนก่อน ประกอบกับผู้ผลิตส่วนใหญ่ได้เร่งการส่งออกรถยนต์ไปในเดือนมีนาคมแล้ว
- อุตสาหกรรมปูนซีเมนต์ ในเดือนเมษายนการผลิตและการจำหน่ายมีแนวโน้มลดลง เนื่องจากเป็นช่วงวันหยุดยาวเทศกาลสงกรานต์ทำให้จำนวนวันทำงานลดลง ส่วนเดือนพฤษภาคมคาดว่าการผลิตและการจำหน่ายยังคงเพิ่มขึ้นตามการขยายตัวของธุรกิจในประเทศ
- อุตสาหกรรมไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ การผลิตและปริมาณการจำหน่ายโดยรวมยังคงขยายตัวได้ดี โดยสินค้าที่คาดว่ายังสามารถขยายตัวได้ยังคงเป็นสินค้าไฟฟ้าในกลุ่มเครื่องทำความเย็น Wireless Handsets, Personal Computer และ Consumer Electronics
สถานการณ์เศรษฐกิจอุตสาหกรรม
- ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม
ก.พ.48 = 133.28
มี.ค.48 = 152.59
โดยอุตสาหกรรมหลักที่ส่งผลให้ดัชนี เพิ่มขึ้น ได้แก่
- การผลิตยานยนต์
- การผลิตผลิตภัณฑ์ที่ได้จากการกลั่นน้ำมันปิโตรเลียม
- การจัดเตรียมและการปั่นเส้นใยสิ่งทอรวมถึงการทอสิ่งทอ
- อัตราการใช้กำลังการผลิต
ก.พ.48 = 61.19
มี.ค.48 = 71.16
โดยอุตสาหกรรมหลักที่ส่งผลให้อัตราการใช้กำลังการผลิตเพิ่มขึ้น ได้แก่
- การผลิตยานยนต์
- การผลิตผลิตภัณฑ์ที่ได้จากการกลั่นน้ำมันปิโตรเลียม
- การจัดเตรียมและการปั่นเส้นใยสิ่งทอรวมถึงการทอสิ่งทอ
1.อุตสาหกรรมอาหาร
ภาวะการผลิตอุตสาหกรรมอาหารเพื่อส่งออกเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน สำหรับแนวโน้มการส่งออกอาหารจะยังชะลอตัว เป็นผลต่อเนื่องจากระดับราคาน้ำมันแพง แต่การบริโภคในประเทศจะเพิ่มขึ้นในช่วงเทศกาลสงกรานต์
1. การผลิต
ภาวะการผลิตโดยรวม ส่วนใหญ่ขยายตัวเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน
ร้อยละ 8.5 และเมื่อเทียบกับปีก่อนลดลงร้อยละ 2 โดยสินค้าอาหารที่ผลิตเพื่อส่งออกลดลง เช่น กุ้งแช่เย็นแช่แข็ง ร้อยละ 13.4 ไก่สดแช่เย็น แช่แข็งร้อยละ 2.5 ผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง ร้อยละ 18.8 เนื่องจากวัตถุดิบขาดแคลน รวมทั้งการปล่อยลอยตัวของราคาน้ำมันดีเซลส่งผล ต่อต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้น ส่วนน้ำตาลทราย ผลิตลดลงจากปีก่อนร้อยละ 85 เนื่องจากเป็นช่วงปิดหีบและปริมาณอ้อยเข้าโรงงานน้อยกว่าปีก่อนมากจากปัญหาภัยแล้ง สำหรับสินค้าที่ผลิตเพื่อใช้ภายในประเทศ เช่น อาหารสัตว์ผลิตลดลง ร้อยละ 8.8 ส่วนสินค้าน้ำมันพืชขยายตัวเพิ่มขึ้น ร้อยละ 15
2. การตลาด
1) ตลาดในประเทศ สินค้าอาหารและเกษตรภาพรวมมีการจำหน่ายเพิ่มขึ้นประมาณร้อยละ 12 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่วนหนึ่ง เป็นผลจากความมั่นใจในการบริโภคโดยรวมเริ่มดีขึ้น ประกอบกับเป็นช่วงเทศกาลไหว้บรรพบุรุษของชาวไทยเชื้อสายจีนและใกล้เทศกาลสงกรานต์ ทำให้ความต้องการใช้จ่ายด้านอุปโภคและบริโภคเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม จากปัจจัยด้านราคาน้ำมันและราคาสินค้าที่เริ่มขยับตัวสูงขึ้น ส่งผลต่อความต้องการบริโภคสินค้าที่มีราคาสูง ลดลง เช่น กุ้ง ลดลงร้อยละ 56 เมื่อเทียบกับปีก่อน
2) ตลาดต่างประเทศ
ภาวะการส่งออกโดยรวม มีมูลค่าเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน ร้อยละ 17.7 สินค้าที่ส่งออกเพิ่มขึ้น คือ สินค้าไก่แปรรูป ร้อยละ 72 บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ร้อยละ 49 กุ้งแช่เย็นแช่แข็ง ร้อยละ 41 ปลาทูน่ากระป๋อง ร้อยละ 22.7 ข้าวโพดฝักอ่อนฯ ร้อยละ15 น้ำตาลทรายและผลิตภัณฑ์ ร้อยละ 6 และผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง ร้อยละ 2 สำหรับสินค้าที่ส่งออกลดลง ได้แก่ ไก่สดแช่เย็นแช่แข็ง ร้อยละ 93 เนื่องจากการปรับเปลี่ยนโครงสร้างมาผลิตและส่งออกสินค้าที่มีมูลค่าสูงขึ้น เครื่องเทศและสมุนไพร ร้อยละ 38 และสับปะรดกระป๋อง ร้อยละ 10.6 เป็นผลจากการขาดแคลนวัตถุดิบในการส่งออกได้เพิ่มขึ้นมากกว่าร้อยละ 30 เมื่อเทียบกับปีก่อน
3. แนวโน้ม
คาดว่าการผลิตและการส่งออกโดยรวมจะชะลอตัวเมื่อเทียบกับเดือนก่อน ทั้งอาหารประเภทกระป๋อง แปรรูป และอาหารกึ่งสำเร็จรูป เนื่องจากมีปัจจัยลบจากราคาน้ำมันที่ยังมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ดีการบริโภคในประเทศอาจเพิ่มขึ้นจากความต้องการบริโภคในช่วงเทศกาลสงกรานต์
2. อุตสาหกรรมสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่ม
1.การผลิตและการจำหน่าย
การผลิตเส้นใยสิ่งทอฯ เดือนมีนาคม 2548 เพิ่มขึ้นร้อยละ 22.5 เมื่อเทียบกับเดือนก่อน และร้อยละ 2.9 เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน เช่นเดียวกันกับเสื้อผ้าสำเร็จรูปมีการผลิตเพิ่มขึ้นร้อยละ 9.4 เมื่อเทียบกับเดือนก่อน และร้อยละ 9.8 เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน ซึ่งเป็นการขยายตัวตามความต้องการบริโภคทั้งในประเทศและต่างประเทศ
ปริมาณการจำหน่ายเส้นใยสิ่งทอฯ เดือนมีนาคม 2548 เพิ่มขึ้นร้อยละ 6.5 เสื้อผ้าสำเร็จรูปเพิ่มขึ้นร้อยละ 6.4 เมื่อเทียบกับเดือนก่อน แต่เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน ปริมาณการจำหน่ายเสื้อผ้าสำเร็จรูป เพิ่มขึ้นร้อยละ 16.3
2. การส่งออกและตลาดส่งออก
มูลค่าการส่งออกสิ่งทอ เดือนมีนาคม 2548 เพิ่มขึ้นร้อยละ 7.0 เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน โดยเพิ่มขึ้นในตลาดสหรัฐอเมริกา (+8.9%) สหภาพยุโรป (+0.6%) อาเซียน (+13.7%) และญี่ปุ่น (+1.9%) มูลค่าการส่งออกเสื้อผ้าสำเร็จรูป เดือนมีนาคม 2548 เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนร้อยละ 4.7 เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน ส่งออกเพิ่มขึ้นในตลาดสหรัฐอเมริกา (+7.1%) ญี่ปุ่น (+9.0%) ฝรั่งเศส (+18.6%) และเยอรมนี (+40.6%) เป็นต้น แต่ลดลงในตลาดสหราชอาณาจักร (-11.3%)
3. การนำเข้า
มูลค่าการนำเข้าเส้นใยฯ เดือนมีนาคม 2548 เพิ่มขึ้นร้อยละ 18.0 เส้นด้ายทอผ้าฯ นำเข้าเพิ่มขึ้นร้อยละ 8.4 ตลาดนำเข้าหลักคือจากสหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น และจีน ผ้าผืน นำเข้าเพิ่มขึ้น ร้อยละ 5.5 ตลาดนำเข้าหลักคือจากจีน ไต้หวัน และญี่ปุ่น เสื้อผ้าสำเร็จรูป นำเข้าเพิ่มขึ้นเล็กน้อยร้อยละ 0.7 ตลาดนำเข้าหลักคือจีน อิตาลี ฮ่องกงและญี่ปุ่น
4. แนวโน้ม
การผลิตสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่มในเดือนเมษายน 2548 จะชะลอตัวลงเมื่อเทียบกับเดือนมีนาคม ซึ่งเป็นไปตามกลไกการตลาดเนื่องจากเทศกาลวันหยุดที่มีต่อเนื่อง และคาดการณ์เดือนพฤษภาคมการจำหน่ายเสื้อผ้าสำเร็จรูปยังมีการขยายตัวตามความต้องการของผู้บริโภคที่เพิ่มขึ้น สำหรับผลิตภัณฑ์สิ่งทอคาดว่าจะมีอัตราชะลอตัว
3. อุตสาหกรรมเหล็กและเหล็กกล้า
1.การผลิต
ภาวะการผลิตเหล็กในช่วงเดือน มี.ค. 48 เพิ่มขึ้นร้อยละ 24.02 เมื่อเทียบกับเดือนก่อน ดัชนีผลผลิตในเดือนนี้มีค่า 170.21 โดยเหล็กเส้นกลมมีการขยายตัวเพิ่มขึ้นมากที่สุด ร้อยละ 68.62 ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการก่อสร้างในโครงการขนาดใหญ่ของภาครัฐที่ยังคงมีอยู่อย่างต่อเนื่อง ประกอบกับการที่ผู้ผลิตเร่งทำการผลิตไว้เพื่อเป็นสต๊อกสำหรับชดเชยในช่วงวันหยุดเทศกาลสงกรานต์ รองลงมาคือ เหล็กลวด เพิ่มขึ้น ร้อยละ 51.98 สำหรับเหล็กแผ่นรีดเย็น เพิ่มขึ้น ร้อยละ 39.69 เหล็กแผ่นรีดร้อนชนิดม้วน เพิ่มขึ้น ร้อยละ 29.99 ขณะเดียวกันเมื่อเทียบกับเดือนเดียวกัน ของปีก่อน ภาวะการผลิตเพิ่มขึ้น ร้อยละ 8.04 โดยเหล็กเส้นกลม เพิ่มขึ้นมากที่สุด ร้อยละ 36.72 รองลงมาคือ เหล็กลวด เพิ่มขึ้น 28.02 เหล็กแผ่นรีดร้อนชนิดม้วน เพิ่มขึ้น ร้อยละ 18.11 และ เหล็กแผ่นรีดเย็น เพิ่มขึ้น ร้อยละ 6.38
2. ราคาเหล็ก
สำหรับการเปลี่ยนแปลงของราคาเหล็ก (FOB) โดยเฉลี่ยที่สำคัญในตลาด CIS ในช่วงเดือนเมษายน 2548 เทียบกับช่วงเดือนก่อน ผลิตภัณฑ์สำคัญที่มีราคาเพิ่มขึ้น ได้แก่ เหล็กแท่งเล็ก โดยเพิ่มขึ้นจาก 373 เป็น 383 เหรียญสหรัฐต่อตัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 2.55 เหล็กแผ่นรีดเย็น เพิ่มขึ้นจาก 622 เป็น 630 เหรียญสหรัฐต่อตัน เพิ่มขึ้น ร้อยละ 1.29 ผลิตภัณฑ์ที่มีราคาลดลง ได้แก่ เศษเหล็ก ลดลงจาก 237 เป็น 230 เหรียญสหรัฐต่อตัน ลดลง 2.95 เหล็กแท่งแบน ลดลงจาก 483 เป็น 470 เหรียญสหรัฐต่อตัน ลดลง 2.59 และเหล็กแผ่นรีดร้อน ลดลงจาก 528 เป็น 521 เหรียญสหรัฐต่อตัน ลดลง 1.28 สำหรับผลิตภัณฑ์ที่มีราคาทรงตัวได้แก่ เหล็กเส้น ราคาอยู่ที่ 415 เหรียญสหรัฐต่อตัน
3. แนวโน้ม
ภาวการณ์การผลิตในเดือน เม.ย. 2548 จะทรงตัว เมื่อเทียบกับเดือนก่อน โดยเหล็กทรงยาวขยายตัวขึ้นเล็กน้อยเนื่องจากโครงการก่อสร้างของภาครัฐยังคงขยายตัวอยู่แต่ในส่วนของโครงการภาคเอกชนตลาดยังซบเซาอยู่ เนื่องจากความต้องการของหมู่บ้านจัดสรรในตลาดยังคงทรงตัวอยู่ขณะที่เหล็กทรงแบนยังคงทรงตัวอยู่
4. อุตสาหกรรมยานยนต์
รถยนต์ (เม.ย. 48)
อุตสาหกรรมรถยนต์ในเดือนเมษายน 2548 ชะลอตัวเมื่อเปรียบเทียบกับเดือนที่ผ่านมา เนื่องจาก ในเดือนเมษายนมีวันหยุดนักขัตฤกษ์หลายวัน ปริมาณการผลิตจึงลดลงจากเดือนก่อน ประกอบกับผู้ผลิตส่วนใหญ่ได้เร่งการส่งออกรถยนต์ไปในเดือนมีนาคมแล้ว โดยประมาณการในเดือนเมษายน ดังนี้
- การผลิตรถยนต์ จำนวน 79,000 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนเมษายน 2547 ร้อยละ 18.00 แต่ลดลงจากเดือนมีนาคม 2548 ซึ่งมีการผลิต 95,295 คัน ร้อยละ 17.10
- การจำหน่ายรถยนต์ จำนวน 52,000 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนเมษายน 2547 ร้อยละ 1.34 แต่ลดลงจากเดือนมีนาคม 2548 ซึ่งมีการจำหน่าย 67,559 คัน ร้อยละ 23.03
- การส่งออกรถยนต์ มีจำนวน 27,000 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนเมษายน 2547 ร้อยละ 32.55 แต่ลดลงจากเดือนมีนาคม 2548 ซึ่งมีการส่งออก 35,615 คัน ร้อยละ 24.19
- แนวโน้ม ภาวะอุตสาหกรรมรถยนต์ในเดือนพฤษภาคม 2548 มีแนวโน้มขยายตัวเพิ่มขึ้นเล็กน้อย
รถจักรยานยนต์ (เม.ย. 48)
อุตสาหกรรมรถจักรยานยนต์ชะลอตัวเมื่อเปรียบเทียบกับเดือนมีนาคมที่ผ่านมา เนื่องจากในเดือนเมษายนมีวันหยุดมาก ทำให้ในเดือนเมษายนของทุกปี การจำหน่ายรถจักรยานยนต์ชะลอตัวลง ประกอบกับ ผู้ผลิตได้เร่งผลิต และจำหน่ายไปให้เสร็จสิ้นภายในเดือนมีนาคม เพื่อปิดยอดในไตรมาสแรก โดยประมาณการในเดือนเมษายน ดังนี้
- การผลิตรถจักรยานยนต์ จำนวน 250,000 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนเมษายน 2547 ร้อยละ 15.48 แต่ลดลงจากเดือนมีนาคม 2548 ซึ่งมีการผลิต 293,933 คัน ร้อยละ 14.95
- การจำหน่าย จำนวน 162,000 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนเมษายน 2547 ร้อยละ 8.81 แต่ลดลงจากเดือนมีนาคม 2548 ซึ่งมีการจำหน่าย 186,824 คัน ร้อยละ 13.29
- การส่งออกรถจักรยานยนต์ มีจำนวน 85,000 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนเมษายน 2547 ร้อยละ 58.96 แต่ลดลงจากเดือนมีนาคม2548 ซึ่งมีการส่งออก 88,120 คัน ร้อยละ 3.54
- แนวโน้มภาวะอุตสาหกรรมรถจักรยานยนต์ในเดือนพฤษภาคม 2548 จะขยายตัวจากเดือนเมษายน 2548 ทั้งด้านการผลิต การจำหน่าย และการส่งออก
5. อุตสาหกรรมปูนซีเมนต์
”ความต้องการใช้ปูนซีเมนต์
ในประเทศเพิ่มขึ้นตามการขยายตัวของธุรกิจภายในประเทศและการส่งออก
1.การผลิตและการจำหน่ายในประเทศ
การผลิตปูนซีเมนต์ในเดือนมีนาคม 2548
เมื่อเทียบกับเดือนก่อนและเดือนเดียวกันของปีก่อน เพิ่มขึ้นร้อยละ 23.52 และ 19.01 ตามลำดับเนื่องจากการจำหน่ายในประเทศยังคงเพิ่มขึ้นตามความต้องการใช้ปูนซีเมนต์ซึ่งเพิ่มขึ้นตามภาวะธุรกิจก่อสร้างและธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่ยังขยายตัวอย่างต่อเนื่อง จากการขยายการลงทุนในภาค เอกชนและการลงทุนในโครงการพัฒนาสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐานของภาครัฐ
2. การส่งออก
มูลค่าการส่งออกปูนซีเมนต์ เดือนมีนาคม
เมื่อเทียบกับเดือนก่อนและเดือนเดียวกันของปีก่อนเพิ่มขึ้นร้อยละ 40.75 และ 87.27 ตามลำดับ เนื่องจากความต้องการใช้ปูนซีเมนต์ในประเทศคู่ค้าเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในประเทศเพื่อนบ้าน สำหรับตลาดส่งออกปูนซีเมนต์ที่สำคัญ ได้แก่ เวียดนาม บังคลาเทศ กัมพูชาและสหรัฐอเมริกา
3. แนวโน้ม
เดือนเมษายนคาดว่าการผลิตและการจำหน่ายมีแนวโน้มลดลง เนื่องจากเป็นช่วงวันหยุดยาวเทศกาลสงกรานต์ทำให้จำนวนวันทำงานลดลง ส่วนเดือนพฤษภาคมคาดว่าการผลิตและการจำหน่ายยังคงเพิ่มขึ้นตามการขยายตัวของธุรกิจในประเทศ สำหรับการส่งออกขึ้นอยู่กับอุปสงค์ของประเทศคู่ค้าที่สำคัญ
6. อุตสาหกรรมไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์
“การผลิตและปริมาณการจำหน่ายโดยรวมยังคงขยายตัวได้ดี โดยสินค้าที่คาดว่ายังขยายตัวได้ยังคงเป็นสินค้าไฟฟ้าในกลุ่มเครื่องทำความเย็น Wireless Handsets, Personal Computer และ Consumer Electronics”
ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์
1.การผลิต
ภาพรวมการผลิตเมื่อเทียบกับเดือนก่อนมีการขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 14.65 เป็นการขยายตัวเพิ่มขึ้นจากสินค้าทั้ง 2 กลุ่ม โดยสินค้ากลุ่มไฟฟ้ามีการขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 19.35 และจากสินค้าในกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 7.92
ดัชนีผลผลิตของสินค้าในกลุ่มไฟฟ้าที่มีการขยายตัวเพิ่มขึ้นมากในเดือนนี้อยู่ในกลุ่มสินค้าที่ทำความเย็นเนื่องจาก เข้าฤดูร้อนจึงมีคำสั่งซื้อมากทั้งในประเทศและต่างประเทศ ซึ่งได้แก่ เครื่องปรับอากาศแบบแยกส่วน คอนเดนซิ่งยูนิต รองลงมาคือ ตู้เย็น เครื่องปรับอากาศแบบแยกส่วน แฟนคอยล์ยูนิต ขยายตัวร้อยละ 37.35 31.54 และ 21.90 ตามลำดับ ดัชนีผลผลิตของสินค้าในกลุ่มสินค้าอิเล็ก ทรอนิกส์ ที่มีการขยายตัวเพิ่มขึ้นในเดือนนี้ ได้แก่ Semiconductor devices Transistors และ Integrated Circuits (IC) Other IC โดยขยาย ตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 27.08 และ 20.15
2. การส่งออก
การส่งออก มีการปรับตัวดีขึ้น โดยขยายตัวเพิ่มมากถึงร้อยละ 33.1 เมื่อเทียบกับเดือนก่อนสินค้ากลุ่มสินค้าไฟฟ้าเพิ่มขึ้น ร้อยละ 35.0 และกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ ร้อยละ 31.8
สินค้าไฟฟ้ามูลค่าสูงที่มีการขยายตัวเพิ่ม ขึ้นในเดือนนี้ ได้แก่ เครื่องปรับอากาศและส่วนประกอบ รองลงมาได้แก่ เครื่องเล่นวีดีโอ อุปกรณ์เครื่องเสียงและส่วนประกอบ แผงสวิทช์และแผงควบคุมกระแสไฟฟ้า สินค้าในกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์มูลค่าสูงที่มีการขยายตัวเพิ่มจากเดือนก่อน ได้แก่ แผงวงจร ไฟฟ้า รองลงมา ได้แก่ เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์ และส่วนประกอบวงจรพิมพ์
3. แนวโน้ม
การผลิตและปริมาณการจำหน่ายโดยรวมยังคงปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยสินค้าที่น่าจะยังมีแนวโน้มเติบโตได้ค่อนข้างดีในเดือนต่อไป ได้แก่ สินค้าในกลุ่มเครื่องทำความเย็น สินค้าที่กลุ่มที่ใช้ในครัวเรือนซึ่งเป็นผลจากการขยายตัวของบ้านเรือนใหม่ยังมีอัตราขยายตัวดี สำหรับสินค้าชิ้นส่วนอิเล็ก ทรอนิกส์ประเภทเซมิคอนดักเตอร์ยังมีการขยาย ตัวโดยได้จากแรงฉุดจากสินค้า Wireless Handsets, Personal Computer และ Consumer Electronics
- ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมในเดือนมีนาคม 2548 มีค่า 152.59 เพิ่มขึ้นจากเดือนกุมภาพันธ์ 2548 (133.28) ร้อยละ 14.5 และเพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันของปีก่อน (144.25) ร้อยละ 5.8
- อุตสาหกรรมหลักที่ส่งผลให้ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้นจากเดือนกุมภาพันธ์ 2548 ได้แก่ อุตสาหกรรมการผลิตยานยนต์ อุตสาหกรรมการผลิตผลิตภัณฑ์ที่ได้จากการกลั่นน้ำมันปิโตรเลียม อุตสาหกรรมการจัดเตรียมและการปั่นเส้นใยสิ่งทอรวมถึงการทอสิ่งทอ อุตสาหกรรมการผลิตเหล็กและผลิตภัณฑ์เหล็กกล้าขั้นมูลฐาน อุตสาหกรรมการผลิตเครื่องดื่มที่ไม่มีแอลกอฮอล์รวมทั้งน้ำดื่มบรรจุขวด เป็นต้น
- อุตสาหกรรมหลักที่ส่งผลให้ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันของปีก่อน ได้แก่ อุตสาหกรรมการผลิตยานยนต์ อุตสาหกรรมการผลิตผลิตภัณฑ์ที่ได้จากการกลั่นน้ำมันปิโตรเลียม อุตสาหกรรมการผลิตผลิตภัณฑ์ยาสูบ อุตสาหกรรมการผลิตเครื่องจักรที่ใช้งานทั่วไปอื่นๆ อุตสาหกรรมการผลิตผลิตภัณฑ์จากคอนกรีต ซีเมนต์ และปูนปลาสเตอร์ เป็นต้น
- อัตราการใช้กำลังการผลิตในเดือนมีนาคม 2548 มีค่า 71.16 เพิ่มขึ้นจากเดือนกุมภาพันธ์ 2548 (61.19) และเพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันของปีก่อนเช่นกัน (66.37)
- อุตสาหกรรมหลักที่ส่งผลให้อัตราการใช้กำลังการผลิตเพิ่มขึ้นจากเดือนกุมภาพันธ์ 2548 ได้แก่ อุตสาหกรรมการผลิตยานยนต์ อุตสาหกรรมการผลิตผลิตภัณฑ์ที่ได้จากการกลั่นน้ำมันปิโตรเลียม อุตสาหกรรมการจัดเตรียมและการปั่นเส้นใยสิ่งทอรวมถึงการทอสิ่งทอ อุตสาหกรรมการผลิตเหล็กและผลิตภัณฑ์เหล็กกล้าขั้นมูลฐาน อุตสาหกรรมการผลิตเครื่องดื่มที่ไม่มีแอลกอฮอล์รวมทั้งน้ำดื่มบรรจุขวด เป็นต้น
- อุตสาหกรรมหลักที่ส่งผลให้อัตราการใช้กำลังการผลิตเพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันของปีก่อน ได้แก่ อุตสาหกรรมการผลิตยานยนต์ อุตสาหกรรมการผลิตผลิตภัณฑ์ที่ได้จากการกลั่นน้ำมันปิโตรเลียม อุตสาหกรรมการผลิตผลิตภัณฑ์ยาสูบ อุตสาหกรรมการผลิตเครื่องดื่มที่ไม่มีแอลกอฮอล์รวมทั้งน้ำดื่มบรรจุขวด อุตสาหกรรมผลิตเครื่องแต่งกาย ยกเว้นเครื่องแต่งกายที่ทำจากขนสัตว์ เป็นต้น
--สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม--
-พห-
ดัชนีอุตสาหกรรมของเดือนมีนาคม 2548
- ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม = 152.59 เพิ่มขึ้นจากเดือนกุมภาพันธ์ 2548 (133.28) และเพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันของปีก่อน (144.25)
- ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมที่เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับเดือนกุมภาพันธ์ 2548 ได้แก่ การผลิตยานยนต์ ผลิตภัณฑ์ที่ได้จากการกลั่นน้ำมันปิโตรเลียม การจัดเตรียมและการปั่นเส้นใยสิ่งทอรวมถึงการทอสิ่งทอ การผลิตเหล็กและผลิตภัณฑ์เหล็กกล้าขั้นมูลฐาน การผลิตเครื่องดื่มที่ไม่มีแอลกอฮอล์รวมทั้งน้ำดื่มบรรจุขวด
- อัตราการใช้กำลังการผลิตเฉลี่ย = 71.16 เพิ่มขึ้นจากเดือนกุมภาพันธ์ 2548 (61.19) และเพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันของปีก่อน (66.37)
ภาวะเศรษฐกิจอุตสาหกรรมในเดือนเมษายน 2548
- ภาวะการผลิตอุตสาหกรรมอาหารเพื่อส่งออกเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน สำหรับแนวโน้มการส่งออกอาหารจะยังชะลอตัว เป็นผลต่อเนื่องจากระดับราคาน้ำมันแพง แต่การบริโภคในประเทศจะเพิ่มขึ้นในช่วงเทศกาลสงกรานต์
- การผลิตสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่มในเดือนเมษายน 2548 จะชะลอตัวลงเมื่อเทียบกับเดือนมีนาคม ซึ่งเป็นไปตามกลไกการตลาดเนื่องจากเทศกาลวันหยุดที่มีต่อเนื่อง และคาดการณ์เดือนพฤษภาคมการจำหน่ายเสื้อผ้าสำเร็จรูปยังมีการขยายตัวตามความต้องการของผู้บริโภคที่เพิ่มขึ้น
- ภาวการณ์การผลิตเหล็กและเหล็กกล้าในเดือน เม.ย. 2548 ยังคงทรงตัวเมื่อเทียบกับเดือนก่อน โดยเหล็กทรงยาวขยายตัวขึ้นเล็กน้อยเนื่องจากโครงการก่อสร้างของภาครัฐยังคงขยายตัวอยู่แต่ในส่วนของโครงการภาคเอกชนตลาดยังซบเซาอยู่ เนื่องจากความต้องการของหมู่บ้านจัดสรรในตลาดยังคงทรงตัวอยู่ ขณะที่เหล็กทรงแบนยังคงทรงตัวอยู่
- อุตสาหกรรมรถยนต์ ในเดือนเมษายน 2548 ชะลอตัวเมื่อเปรียบเทียบกับเดือนที่ผ่านมา เนื่องจาก ในเดือนเมษายนมีวันหยุดนักขัตฤกษ์หลายวัน ปริมาณการผลิตจึงลดลงจากเดือนก่อน ประกอบกับผู้ผลิตส่วนใหญ่ได้เร่งการส่งออกรถยนต์ไปในเดือนมีนาคมแล้ว
- อุตสาหกรรมปูนซีเมนต์ ในเดือนเมษายนการผลิตและการจำหน่ายมีแนวโน้มลดลง เนื่องจากเป็นช่วงวันหยุดยาวเทศกาลสงกรานต์ทำให้จำนวนวันทำงานลดลง ส่วนเดือนพฤษภาคมคาดว่าการผลิตและการจำหน่ายยังคงเพิ่มขึ้นตามการขยายตัวของธุรกิจในประเทศ
- อุตสาหกรรมไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ การผลิตและปริมาณการจำหน่ายโดยรวมยังคงขยายตัวได้ดี โดยสินค้าที่คาดว่ายังสามารถขยายตัวได้ยังคงเป็นสินค้าไฟฟ้าในกลุ่มเครื่องทำความเย็น Wireless Handsets, Personal Computer และ Consumer Electronics
สถานการณ์เศรษฐกิจอุตสาหกรรม
- ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม
ก.พ.48 = 133.28
มี.ค.48 = 152.59
โดยอุตสาหกรรมหลักที่ส่งผลให้ดัชนี เพิ่มขึ้น ได้แก่
- การผลิตยานยนต์
- การผลิตผลิตภัณฑ์ที่ได้จากการกลั่นน้ำมันปิโตรเลียม
- การจัดเตรียมและการปั่นเส้นใยสิ่งทอรวมถึงการทอสิ่งทอ
- อัตราการใช้กำลังการผลิต
ก.พ.48 = 61.19
มี.ค.48 = 71.16
โดยอุตสาหกรรมหลักที่ส่งผลให้อัตราการใช้กำลังการผลิตเพิ่มขึ้น ได้แก่
- การผลิตยานยนต์
- การผลิตผลิตภัณฑ์ที่ได้จากการกลั่นน้ำมันปิโตรเลียม
- การจัดเตรียมและการปั่นเส้นใยสิ่งทอรวมถึงการทอสิ่งทอ
1.อุตสาหกรรมอาหาร
ภาวะการผลิตอุตสาหกรรมอาหารเพื่อส่งออกเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน สำหรับแนวโน้มการส่งออกอาหารจะยังชะลอตัว เป็นผลต่อเนื่องจากระดับราคาน้ำมันแพง แต่การบริโภคในประเทศจะเพิ่มขึ้นในช่วงเทศกาลสงกรานต์
1. การผลิต
ภาวะการผลิตโดยรวม ส่วนใหญ่ขยายตัวเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน
ร้อยละ 8.5 และเมื่อเทียบกับปีก่อนลดลงร้อยละ 2 โดยสินค้าอาหารที่ผลิตเพื่อส่งออกลดลง เช่น กุ้งแช่เย็นแช่แข็ง ร้อยละ 13.4 ไก่สดแช่เย็น แช่แข็งร้อยละ 2.5 ผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง ร้อยละ 18.8 เนื่องจากวัตถุดิบขาดแคลน รวมทั้งการปล่อยลอยตัวของราคาน้ำมันดีเซลส่งผล ต่อต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้น ส่วนน้ำตาลทราย ผลิตลดลงจากปีก่อนร้อยละ 85 เนื่องจากเป็นช่วงปิดหีบและปริมาณอ้อยเข้าโรงงานน้อยกว่าปีก่อนมากจากปัญหาภัยแล้ง สำหรับสินค้าที่ผลิตเพื่อใช้ภายในประเทศ เช่น อาหารสัตว์ผลิตลดลง ร้อยละ 8.8 ส่วนสินค้าน้ำมันพืชขยายตัวเพิ่มขึ้น ร้อยละ 15
2. การตลาด
1) ตลาดในประเทศ สินค้าอาหารและเกษตรภาพรวมมีการจำหน่ายเพิ่มขึ้นประมาณร้อยละ 12 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่วนหนึ่ง เป็นผลจากความมั่นใจในการบริโภคโดยรวมเริ่มดีขึ้น ประกอบกับเป็นช่วงเทศกาลไหว้บรรพบุรุษของชาวไทยเชื้อสายจีนและใกล้เทศกาลสงกรานต์ ทำให้ความต้องการใช้จ่ายด้านอุปโภคและบริโภคเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม จากปัจจัยด้านราคาน้ำมันและราคาสินค้าที่เริ่มขยับตัวสูงขึ้น ส่งผลต่อความต้องการบริโภคสินค้าที่มีราคาสูง ลดลง เช่น กุ้ง ลดลงร้อยละ 56 เมื่อเทียบกับปีก่อน
2) ตลาดต่างประเทศ
ภาวะการส่งออกโดยรวม มีมูลค่าเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน ร้อยละ 17.7 สินค้าที่ส่งออกเพิ่มขึ้น คือ สินค้าไก่แปรรูป ร้อยละ 72 บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ร้อยละ 49 กุ้งแช่เย็นแช่แข็ง ร้อยละ 41 ปลาทูน่ากระป๋อง ร้อยละ 22.7 ข้าวโพดฝักอ่อนฯ ร้อยละ15 น้ำตาลทรายและผลิตภัณฑ์ ร้อยละ 6 และผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง ร้อยละ 2 สำหรับสินค้าที่ส่งออกลดลง ได้แก่ ไก่สดแช่เย็นแช่แข็ง ร้อยละ 93 เนื่องจากการปรับเปลี่ยนโครงสร้างมาผลิตและส่งออกสินค้าที่มีมูลค่าสูงขึ้น เครื่องเทศและสมุนไพร ร้อยละ 38 และสับปะรดกระป๋อง ร้อยละ 10.6 เป็นผลจากการขาดแคลนวัตถุดิบในการส่งออกได้เพิ่มขึ้นมากกว่าร้อยละ 30 เมื่อเทียบกับปีก่อน
3. แนวโน้ม
คาดว่าการผลิตและการส่งออกโดยรวมจะชะลอตัวเมื่อเทียบกับเดือนก่อน ทั้งอาหารประเภทกระป๋อง แปรรูป และอาหารกึ่งสำเร็จรูป เนื่องจากมีปัจจัยลบจากราคาน้ำมันที่ยังมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ดีการบริโภคในประเทศอาจเพิ่มขึ้นจากความต้องการบริโภคในช่วงเทศกาลสงกรานต์
2. อุตสาหกรรมสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่ม
1.การผลิตและการจำหน่าย
การผลิตเส้นใยสิ่งทอฯ เดือนมีนาคม 2548 เพิ่มขึ้นร้อยละ 22.5 เมื่อเทียบกับเดือนก่อน และร้อยละ 2.9 เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน เช่นเดียวกันกับเสื้อผ้าสำเร็จรูปมีการผลิตเพิ่มขึ้นร้อยละ 9.4 เมื่อเทียบกับเดือนก่อน และร้อยละ 9.8 เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน ซึ่งเป็นการขยายตัวตามความต้องการบริโภคทั้งในประเทศและต่างประเทศ
ปริมาณการจำหน่ายเส้นใยสิ่งทอฯ เดือนมีนาคม 2548 เพิ่มขึ้นร้อยละ 6.5 เสื้อผ้าสำเร็จรูปเพิ่มขึ้นร้อยละ 6.4 เมื่อเทียบกับเดือนก่อน แต่เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน ปริมาณการจำหน่ายเสื้อผ้าสำเร็จรูป เพิ่มขึ้นร้อยละ 16.3
2. การส่งออกและตลาดส่งออก
มูลค่าการส่งออกสิ่งทอ เดือนมีนาคม 2548 เพิ่มขึ้นร้อยละ 7.0 เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน โดยเพิ่มขึ้นในตลาดสหรัฐอเมริกา (+8.9%) สหภาพยุโรป (+0.6%) อาเซียน (+13.7%) และญี่ปุ่น (+1.9%) มูลค่าการส่งออกเสื้อผ้าสำเร็จรูป เดือนมีนาคม 2548 เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนร้อยละ 4.7 เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน ส่งออกเพิ่มขึ้นในตลาดสหรัฐอเมริกา (+7.1%) ญี่ปุ่น (+9.0%) ฝรั่งเศส (+18.6%) และเยอรมนี (+40.6%) เป็นต้น แต่ลดลงในตลาดสหราชอาณาจักร (-11.3%)
3. การนำเข้า
มูลค่าการนำเข้าเส้นใยฯ เดือนมีนาคม 2548 เพิ่มขึ้นร้อยละ 18.0 เส้นด้ายทอผ้าฯ นำเข้าเพิ่มขึ้นร้อยละ 8.4 ตลาดนำเข้าหลักคือจากสหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น และจีน ผ้าผืน นำเข้าเพิ่มขึ้น ร้อยละ 5.5 ตลาดนำเข้าหลักคือจากจีน ไต้หวัน และญี่ปุ่น เสื้อผ้าสำเร็จรูป นำเข้าเพิ่มขึ้นเล็กน้อยร้อยละ 0.7 ตลาดนำเข้าหลักคือจีน อิตาลี ฮ่องกงและญี่ปุ่น
4. แนวโน้ม
การผลิตสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่มในเดือนเมษายน 2548 จะชะลอตัวลงเมื่อเทียบกับเดือนมีนาคม ซึ่งเป็นไปตามกลไกการตลาดเนื่องจากเทศกาลวันหยุดที่มีต่อเนื่อง และคาดการณ์เดือนพฤษภาคมการจำหน่ายเสื้อผ้าสำเร็จรูปยังมีการขยายตัวตามความต้องการของผู้บริโภคที่เพิ่มขึ้น สำหรับผลิตภัณฑ์สิ่งทอคาดว่าจะมีอัตราชะลอตัว
3. อุตสาหกรรมเหล็กและเหล็กกล้า
1.การผลิต
ภาวะการผลิตเหล็กในช่วงเดือน มี.ค. 48 เพิ่มขึ้นร้อยละ 24.02 เมื่อเทียบกับเดือนก่อน ดัชนีผลผลิตในเดือนนี้มีค่า 170.21 โดยเหล็กเส้นกลมมีการขยายตัวเพิ่มขึ้นมากที่สุด ร้อยละ 68.62 ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการก่อสร้างในโครงการขนาดใหญ่ของภาครัฐที่ยังคงมีอยู่อย่างต่อเนื่อง ประกอบกับการที่ผู้ผลิตเร่งทำการผลิตไว้เพื่อเป็นสต๊อกสำหรับชดเชยในช่วงวันหยุดเทศกาลสงกรานต์ รองลงมาคือ เหล็กลวด เพิ่มขึ้น ร้อยละ 51.98 สำหรับเหล็กแผ่นรีดเย็น เพิ่มขึ้น ร้อยละ 39.69 เหล็กแผ่นรีดร้อนชนิดม้วน เพิ่มขึ้น ร้อยละ 29.99 ขณะเดียวกันเมื่อเทียบกับเดือนเดียวกัน ของปีก่อน ภาวะการผลิตเพิ่มขึ้น ร้อยละ 8.04 โดยเหล็กเส้นกลม เพิ่มขึ้นมากที่สุด ร้อยละ 36.72 รองลงมาคือ เหล็กลวด เพิ่มขึ้น 28.02 เหล็กแผ่นรีดร้อนชนิดม้วน เพิ่มขึ้น ร้อยละ 18.11 และ เหล็กแผ่นรีดเย็น เพิ่มขึ้น ร้อยละ 6.38
2. ราคาเหล็ก
สำหรับการเปลี่ยนแปลงของราคาเหล็ก (FOB) โดยเฉลี่ยที่สำคัญในตลาด CIS ในช่วงเดือนเมษายน 2548 เทียบกับช่วงเดือนก่อน ผลิตภัณฑ์สำคัญที่มีราคาเพิ่มขึ้น ได้แก่ เหล็กแท่งเล็ก โดยเพิ่มขึ้นจาก 373 เป็น 383 เหรียญสหรัฐต่อตัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 2.55 เหล็กแผ่นรีดเย็น เพิ่มขึ้นจาก 622 เป็น 630 เหรียญสหรัฐต่อตัน เพิ่มขึ้น ร้อยละ 1.29 ผลิตภัณฑ์ที่มีราคาลดลง ได้แก่ เศษเหล็ก ลดลงจาก 237 เป็น 230 เหรียญสหรัฐต่อตัน ลดลง 2.95 เหล็กแท่งแบน ลดลงจาก 483 เป็น 470 เหรียญสหรัฐต่อตัน ลดลง 2.59 และเหล็กแผ่นรีดร้อน ลดลงจาก 528 เป็น 521 เหรียญสหรัฐต่อตัน ลดลง 1.28 สำหรับผลิตภัณฑ์ที่มีราคาทรงตัวได้แก่ เหล็กเส้น ราคาอยู่ที่ 415 เหรียญสหรัฐต่อตัน
3. แนวโน้ม
ภาวการณ์การผลิตในเดือน เม.ย. 2548 จะทรงตัว เมื่อเทียบกับเดือนก่อน โดยเหล็กทรงยาวขยายตัวขึ้นเล็กน้อยเนื่องจากโครงการก่อสร้างของภาครัฐยังคงขยายตัวอยู่แต่ในส่วนของโครงการภาคเอกชนตลาดยังซบเซาอยู่ เนื่องจากความต้องการของหมู่บ้านจัดสรรในตลาดยังคงทรงตัวอยู่ขณะที่เหล็กทรงแบนยังคงทรงตัวอยู่
4. อุตสาหกรรมยานยนต์
รถยนต์ (เม.ย. 48)
อุตสาหกรรมรถยนต์ในเดือนเมษายน 2548 ชะลอตัวเมื่อเปรียบเทียบกับเดือนที่ผ่านมา เนื่องจาก ในเดือนเมษายนมีวันหยุดนักขัตฤกษ์หลายวัน ปริมาณการผลิตจึงลดลงจากเดือนก่อน ประกอบกับผู้ผลิตส่วนใหญ่ได้เร่งการส่งออกรถยนต์ไปในเดือนมีนาคมแล้ว โดยประมาณการในเดือนเมษายน ดังนี้
- การผลิตรถยนต์ จำนวน 79,000 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนเมษายน 2547 ร้อยละ 18.00 แต่ลดลงจากเดือนมีนาคม 2548 ซึ่งมีการผลิต 95,295 คัน ร้อยละ 17.10
- การจำหน่ายรถยนต์ จำนวน 52,000 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนเมษายน 2547 ร้อยละ 1.34 แต่ลดลงจากเดือนมีนาคม 2548 ซึ่งมีการจำหน่าย 67,559 คัน ร้อยละ 23.03
- การส่งออกรถยนต์ มีจำนวน 27,000 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนเมษายน 2547 ร้อยละ 32.55 แต่ลดลงจากเดือนมีนาคม 2548 ซึ่งมีการส่งออก 35,615 คัน ร้อยละ 24.19
- แนวโน้ม ภาวะอุตสาหกรรมรถยนต์ในเดือนพฤษภาคม 2548 มีแนวโน้มขยายตัวเพิ่มขึ้นเล็กน้อย
รถจักรยานยนต์ (เม.ย. 48)
อุตสาหกรรมรถจักรยานยนต์ชะลอตัวเมื่อเปรียบเทียบกับเดือนมีนาคมที่ผ่านมา เนื่องจากในเดือนเมษายนมีวันหยุดมาก ทำให้ในเดือนเมษายนของทุกปี การจำหน่ายรถจักรยานยนต์ชะลอตัวลง ประกอบกับ ผู้ผลิตได้เร่งผลิต และจำหน่ายไปให้เสร็จสิ้นภายในเดือนมีนาคม เพื่อปิดยอดในไตรมาสแรก โดยประมาณการในเดือนเมษายน ดังนี้
- การผลิตรถจักรยานยนต์ จำนวน 250,000 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนเมษายน 2547 ร้อยละ 15.48 แต่ลดลงจากเดือนมีนาคม 2548 ซึ่งมีการผลิต 293,933 คัน ร้อยละ 14.95
- การจำหน่าย จำนวน 162,000 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนเมษายน 2547 ร้อยละ 8.81 แต่ลดลงจากเดือนมีนาคม 2548 ซึ่งมีการจำหน่าย 186,824 คัน ร้อยละ 13.29
- การส่งออกรถจักรยานยนต์ มีจำนวน 85,000 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนเมษายน 2547 ร้อยละ 58.96 แต่ลดลงจากเดือนมีนาคม2548 ซึ่งมีการส่งออก 88,120 คัน ร้อยละ 3.54
- แนวโน้มภาวะอุตสาหกรรมรถจักรยานยนต์ในเดือนพฤษภาคม 2548 จะขยายตัวจากเดือนเมษายน 2548 ทั้งด้านการผลิต การจำหน่าย และการส่งออก
5. อุตสาหกรรมปูนซีเมนต์
”ความต้องการใช้ปูนซีเมนต์
ในประเทศเพิ่มขึ้นตามการขยายตัวของธุรกิจภายในประเทศและการส่งออก
1.การผลิตและการจำหน่ายในประเทศ
การผลิตปูนซีเมนต์ในเดือนมีนาคม 2548
เมื่อเทียบกับเดือนก่อนและเดือนเดียวกันของปีก่อน เพิ่มขึ้นร้อยละ 23.52 และ 19.01 ตามลำดับเนื่องจากการจำหน่ายในประเทศยังคงเพิ่มขึ้นตามความต้องการใช้ปูนซีเมนต์ซึ่งเพิ่มขึ้นตามภาวะธุรกิจก่อสร้างและธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่ยังขยายตัวอย่างต่อเนื่อง จากการขยายการลงทุนในภาค เอกชนและการลงทุนในโครงการพัฒนาสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐานของภาครัฐ
2. การส่งออก
มูลค่าการส่งออกปูนซีเมนต์ เดือนมีนาคม
เมื่อเทียบกับเดือนก่อนและเดือนเดียวกันของปีก่อนเพิ่มขึ้นร้อยละ 40.75 และ 87.27 ตามลำดับ เนื่องจากความต้องการใช้ปูนซีเมนต์ในประเทศคู่ค้าเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในประเทศเพื่อนบ้าน สำหรับตลาดส่งออกปูนซีเมนต์ที่สำคัญ ได้แก่ เวียดนาม บังคลาเทศ กัมพูชาและสหรัฐอเมริกา
3. แนวโน้ม
เดือนเมษายนคาดว่าการผลิตและการจำหน่ายมีแนวโน้มลดลง เนื่องจากเป็นช่วงวันหยุดยาวเทศกาลสงกรานต์ทำให้จำนวนวันทำงานลดลง ส่วนเดือนพฤษภาคมคาดว่าการผลิตและการจำหน่ายยังคงเพิ่มขึ้นตามการขยายตัวของธุรกิจในประเทศ สำหรับการส่งออกขึ้นอยู่กับอุปสงค์ของประเทศคู่ค้าที่สำคัญ
6. อุตสาหกรรมไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์
“การผลิตและปริมาณการจำหน่ายโดยรวมยังคงขยายตัวได้ดี โดยสินค้าที่คาดว่ายังขยายตัวได้ยังคงเป็นสินค้าไฟฟ้าในกลุ่มเครื่องทำความเย็น Wireless Handsets, Personal Computer และ Consumer Electronics”
ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์
1.การผลิต
ภาพรวมการผลิตเมื่อเทียบกับเดือนก่อนมีการขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 14.65 เป็นการขยายตัวเพิ่มขึ้นจากสินค้าทั้ง 2 กลุ่ม โดยสินค้ากลุ่มไฟฟ้ามีการขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 19.35 และจากสินค้าในกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 7.92
ดัชนีผลผลิตของสินค้าในกลุ่มไฟฟ้าที่มีการขยายตัวเพิ่มขึ้นมากในเดือนนี้อยู่ในกลุ่มสินค้าที่ทำความเย็นเนื่องจาก เข้าฤดูร้อนจึงมีคำสั่งซื้อมากทั้งในประเทศและต่างประเทศ ซึ่งได้แก่ เครื่องปรับอากาศแบบแยกส่วน คอนเดนซิ่งยูนิต รองลงมาคือ ตู้เย็น เครื่องปรับอากาศแบบแยกส่วน แฟนคอยล์ยูนิต ขยายตัวร้อยละ 37.35 31.54 และ 21.90 ตามลำดับ ดัชนีผลผลิตของสินค้าในกลุ่มสินค้าอิเล็ก ทรอนิกส์ ที่มีการขยายตัวเพิ่มขึ้นในเดือนนี้ ได้แก่ Semiconductor devices Transistors และ Integrated Circuits (IC) Other IC โดยขยาย ตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 27.08 และ 20.15
2. การส่งออก
การส่งออก มีการปรับตัวดีขึ้น โดยขยายตัวเพิ่มมากถึงร้อยละ 33.1 เมื่อเทียบกับเดือนก่อนสินค้ากลุ่มสินค้าไฟฟ้าเพิ่มขึ้น ร้อยละ 35.0 และกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ ร้อยละ 31.8
สินค้าไฟฟ้ามูลค่าสูงที่มีการขยายตัวเพิ่ม ขึ้นในเดือนนี้ ได้แก่ เครื่องปรับอากาศและส่วนประกอบ รองลงมาได้แก่ เครื่องเล่นวีดีโอ อุปกรณ์เครื่องเสียงและส่วนประกอบ แผงสวิทช์และแผงควบคุมกระแสไฟฟ้า สินค้าในกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์มูลค่าสูงที่มีการขยายตัวเพิ่มจากเดือนก่อน ได้แก่ แผงวงจร ไฟฟ้า รองลงมา ได้แก่ เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์ และส่วนประกอบวงจรพิมพ์
3. แนวโน้ม
การผลิตและปริมาณการจำหน่ายโดยรวมยังคงปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยสินค้าที่น่าจะยังมีแนวโน้มเติบโตได้ค่อนข้างดีในเดือนต่อไป ได้แก่ สินค้าในกลุ่มเครื่องทำความเย็น สินค้าที่กลุ่มที่ใช้ในครัวเรือนซึ่งเป็นผลจากการขยายตัวของบ้านเรือนใหม่ยังมีอัตราขยายตัวดี สำหรับสินค้าชิ้นส่วนอิเล็ก ทรอนิกส์ประเภทเซมิคอนดักเตอร์ยังมีการขยาย ตัวโดยได้จากแรงฉุดจากสินค้า Wireless Handsets, Personal Computer และ Consumer Electronics
- ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมในเดือนมีนาคม 2548 มีค่า 152.59 เพิ่มขึ้นจากเดือนกุมภาพันธ์ 2548 (133.28) ร้อยละ 14.5 และเพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันของปีก่อน (144.25) ร้อยละ 5.8
- อุตสาหกรรมหลักที่ส่งผลให้ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้นจากเดือนกุมภาพันธ์ 2548 ได้แก่ อุตสาหกรรมการผลิตยานยนต์ อุตสาหกรรมการผลิตผลิตภัณฑ์ที่ได้จากการกลั่นน้ำมันปิโตรเลียม อุตสาหกรรมการจัดเตรียมและการปั่นเส้นใยสิ่งทอรวมถึงการทอสิ่งทอ อุตสาหกรรมการผลิตเหล็กและผลิตภัณฑ์เหล็กกล้าขั้นมูลฐาน อุตสาหกรรมการผลิตเครื่องดื่มที่ไม่มีแอลกอฮอล์รวมทั้งน้ำดื่มบรรจุขวด เป็นต้น
- อุตสาหกรรมหลักที่ส่งผลให้ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันของปีก่อน ได้แก่ อุตสาหกรรมการผลิตยานยนต์ อุตสาหกรรมการผลิตผลิตภัณฑ์ที่ได้จากการกลั่นน้ำมันปิโตรเลียม อุตสาหกรรมการผลิตผลิตภัณฑ์ยาสูบ อุตสาหกรรมการผลิตเครื่องจักรที่ใช้งานทั่วไปอื่นๆ อุตสาหกรรมการผลิตผลิตภัณฑ์จากคอนกรีต ซีเมนต์ และปูนปลาสเตอร์ เป็นต้น
- อัตราการใช้กำลังการผลิตในเดือนมีนาคม 2548 มีค่า 71.16 เพิ่มขึ้นจากเดือนกุมภาพันธ์ 2548 (61.19) และเพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันของปีก่อนเช่นกัน (66.37)
- อุตสาหกรรมหลักที่ส่งผลให้อัตราการใช้กำลังการผลิตเพิ่มขึ้นจากเดือนกุมภาพันธ์ 2548 ได้แก่ อุตสาหกรรมการผลิตยานยนต์ อุตสาหกรรมการผลิตผลิตภัณฑ์ที่ได้จากการกลั่นน้ำมันปิโตรเลียม อุตสาหกรรมการจัดเตรียมและการปั่นเส้นใยสิ่งทอรวมถึงการทอสิ่งทอ อุตสาหกรรมการผลิตเหล็กและผลิตภัณฑ์เหล็กกล้าขั้นมูลฐาน อุตสาหกรรมการผลิตเครื่องดื่มที่ไม่มีแอลกอฮอล์รวมทั้งน้ำดื่มบรรจุขวด เป็นต้น
- อุตสาหกรรมหลักที่ส่งผลให้อัตราการใช้กำลังการผลิตเพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันของปีก่อน ได้แก่ อุตสาหกรรมการผลิตยานยนต์ อุตสาหกรรมการผลิตผลิตภัณฑ์ที่ได้จากการกลั่นน้ำมันปิโตรเลียม อุตสาหกรรมการผลิตผลิตภัณฑ์ยาสูบ อุตสาหกรรมการผลิตเครื่องดื่มที่ไม่มีแอลกอฮอล์รวมทั้งน้ำดื่มบรรจุขวด อุตสาหกรรมผลิตเครื่องแต่งกาย ยกเว้นเครื่องแต่งกายที่ทำจากขนสัตว์ เป็นต้น
--สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม--
-พห-