ข่าวเศรษฐกิจในประเทศ
1. ก.คลังเชื่อมั่นว่าการขาดดุลการค้าในเดือน เม.ย.48 เป็นสิ่งที่ไม่น่ากังวล รมว.คลัง เปิด
เผยว่า การนำเข้าของไทยในเดือน เม.ย.48 มีมูลค่า 9,172 ล.ดอลลาร์ สรอ. ขณะที่การส่งออกมีมูลค่า
7,912 ล.ดอลลาร์ สรอ. ส่งผลให้ขาดดุลการค้าจำนวน 1,250 ล.ดอลลาร์ สรอ. นับเป็นการขาดดุลการค้า
ติดต่อกันเป็นเดือนที่ 4 และเมื่อรวม 4 เดือนแรกของปี 48 ไทยขาดดุลการค้าจำนวน 4,420 ล.ดอลลาร์ สรอ.
ขณะที่ดุลบัญชีเดินสะพัดไตรมาสแรกขาดดุลรวม 1,499 ล.ดอลลาร์ สรอ. ทั้งนี้ สาเหตุที่ไทยประสบปัญหาขาด
ดุลการค้าในเดือน เม.ย.48 เกิดจากการส่งออกที่น้อยกว่าปกติเนื่องจากมีวันหยุดนักขัตฤกษ์ยาว ขณะที่การนำเข้า
สินค้ายังมีอยู่ต่อเนื่อง เนื่องจากการสั่งซื้อสินค้านำเข้าเป็นการสั่งซื้อล่วงหน้า สำหรับประเด็นผลกระทบจากการขาด
ดุลการค้าต่อการขาดดุลบัญชีเดินสะพัดในภาพรวม ไม่ใช่เรื่องน่าเป็นห่วง เพราะประเทศไทยมีฐานะที่มั่นคง โดย
ขณะนี้มีเงินทุนสำรองทางการจำนวน 50 พัน ล.ดอลลาร์ สรอ. เพียงพอที่จะรองรับสถานการณ์ได้ (ผู้จัดการราย
วัน, โพสต์ทูเดย์, ข่าวสด)
2. ดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมปรับตัวเพิ่มขึ้นเล็กน้อยในเดือน เม.ย.48 รองประธานสภา
อุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมในเดือน เม.ย.48 ปรับ
ตัวสูงขึ้นเล็กน้อยมาอยู่ที่ระดับ 97.2 ใกล้เคียงกับเดือน มี.ค.ซึ่งอยู่ที่ระดับ 96.8 แต่ยังคงต่ำกว่าระดับ 100 มา
เป็นระยะเวลา 3 เดือนติดต่อกัน ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความเชื่อมั่นของผู้ประกอบการที่ยังอยู่ในระดับไม่ดีนัก และอาจ
ส่งผลลบต่อความเชื่อมั่นด้านการค้า การลงทุน ธุรกิจท่องเที่ยว รวมถึงกำลังซื้อของผู้บริโภค สำหรับสาเหตุหลักที่ทำ
ให้ผู้ประกอบการมีความเชื่อมั่นในระดับที่ไม่ดีนัก เป็นผลจากสถานการณ์ราคาน้ำมันในตลาดโลกที่มีการปรับตัวสูงขึ้น
อย่างต่อเนื่อง ประกอบกับการที่รัฐบาลมีแนวโน้มจะลอยตัวราคาน้ำมันดีเซลจึงส่งผลกระทบโดยตรงต่อความเชื่อมั่น
ของผู้ประกอบการที่มีต้นทุนประกอบการและต้นทุนการขนส่ง รวมถึงภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวในช่วงไตรมาสที่ 2 ของปี และสถานการณ์ความไม่สงบในภาคใต้ (โพสต์ทูเดย์, ไทยโพสต์)
3. ปริมาณการใช้เช็คทั่วประเทศลดลงในเดือน เม.ย.48 รายงานข่าวจากธนาคารแห่งประเทศ
ไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า การชะลอตัวของเศรษฐกิจที่ต่อเนื่องมาจากไตรมาสแรกของปี 48 และวันหยุดยาวใน
ช่วงสงกรานต์ ส่งผลให้ปริมาณการใช้เช็คทั่วประเทศในเดือน เม.ย.ลดลง โดยเช็คเรียกเก็บในเขตกรุงเทพฯ
และปริมณฑลมีจำนวน 4,878,560 ฉบับ ลดลงจากระยะเดียวกันของปีก่อน 3.4% เช็คที่เรียกเก็บในภูมิภาคมี
จำนวน 1,273,399 ฉบับ ลดลง 3.1% ส่วนมูลค่าการใช้จ่ายผ่านเช็คยังคงเพิ่มขึ้น โดยการใช้จ่ายผ่านเช็คใน
เขตกรุงเทพฯ และปริมณฑลมีมูลค่า 1,856,194.17 ล.บาท เพิ่มขึ้น 6.3% เขตภูมิภาคมีมูลค่า 173,344.03 ล.
บาท เพิ่มขึ้น 10.3% ส่วนเช็คคืนโดยไม่มีเงินหรือเช็คเด้งรวมทั่วประเทศมีจำนวน 93,999 ฉบับ ลดลง 2.2% คิด
เป็นมูลค่า 10,050.88 ล.บาท หรือเพิ่มขึ้น 23.4% (โลกวันนี้)
4. ก.พลังงานติดตามสถานการณ์ราคาน้ำมันในตลาดโลกอย่างใกล้ชิด ปลัด ก.พลังงาน กล่าวถึง
แนวทางการลอยตัวราคาน้ำมันดีเซลว่า ขณะนี้กำลังติดตามสถานการณ์ราคาในตลาดโลกอย่างใกล้ชิด โดยคาดว่าจะ
มีการเปลี่ยนแปลงราคาภายใน 1-2 เดือนนี้ ซึ่งหากพิจารณาการอุดหนุนราคาของกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง ในส่วน
ของดีเซลขณะนี้อยู่ที่ระดับ 2 บาทกว่าต่อลิตร ซึ่งเป็นระดับที่ไม่สูงมาก แต่การจะลอยตัวทันทีหรือไม่ ก็ขึ้นกับนโยบาย
ของรัฐเป็นสำคัญ เพราะจะต้องศึกษาผลกระทบทั้งในส่วนของราคาสินค้าและการขนส่งประกอบด้วย (ผู้จัดการราย
วัน)
ข่าวเศรษฐกิจต่างประเทศ
1. ยอดขายบ้านใหม่ของ สรอ.ในเดือน เม.ย.48 เพิ่มขึ้นอย่างไม่คาดคิดที่ร้อยละ 0.2 รายงาน
จากวอชิงตัน เมื่อ 25 พ.ค.48 ก.พาณิชย์ สรอ. เปิดเผยว่า ยอดขายบ้านใหม่ (สำหรับครอบครัวเดี่ยว) ของ
สรอ.ในเดือน เม.ย.48 เพิ่มขึ้นอย่างไม่คาดคิดที่จำนวน 1.316 ล้านหลัง หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.2 (ตัวเลขหลัง
ปรับปัจจัยทางฤดูกาลแล้ว) ซึ่งเพิ่มขึ้นจากจำนวน 1.313 ล้านหลังในเดือน มี.ค.48 (ตัวเลขที่ทบทวนแล้ว จากที่
ประมาณการก่อนหน้านี้ว่าจะมีจำนวน 1.431 ล้านหลัง) ขณะที่นักวิเคราะห์จากวอลล์สตรีทคาดการณ์ว่ายอดขายบ้าน
ใหม่จะอยู่ที่จำนวน 1.350 ล้านหลัง หรือลดลงร้อยละ 0.1 อนึ่ง หลังจากทบทวนตัวเลขแล้วยอดขายบ้านใหม่ใน
เดือน มี.ค.48 เพิ่มขึ้นร้อยละ 4.5 จากที่ประกาศก่อนหน้านี้ว่าจะเพิ่มขึ้นร้อยละ 12.2 ทั้งนี้ ยอดขายในภาค
ตะวันออกเฉียงเหนือของ สรอ.ในเดือน เม.ย.เพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 37.2 เทียบกับที่ลดลงร้อยละ 4.9 ในเดือน มี.
ค.48 (ตัวเลขที่ทบทวนแล้ว) ขณะที่ภาคตะวันตกเพิ่มขึ้นร้อยละ 2.8 ส่วนภาคใต้และภาคเหนือตอนกลางชะลอตัวลด
ลงร้อยละ 5.3 และ 0.5 ตามลำดับ สำหรับทางด้านอุปทานของบ้าน ซึ่งเป็นเครื่องชี้วัดช่วงเวลาที่จะสามารถขาย
บ้านได้ในเดือน เม.ย.48 ยังคงอยู่ที่ 4.1 เดือน ทั้งนี้ ราคาขายกลางสำหรับบ้านใหม่ในเดือน เม.ย.48 อยู่ที่
230,800 ดอลลาร์ สรอ. เพิ่มขึ้นจากราคา 217,500 ดอลลาร์ สรอ.ในเดือนก่อน ขณะที่ราคาบ้านใหม่เฉลี่ยไม่
เปลี่ยนแปลงจากเดือนก่อนอยู่ที่ 283,500 ดอลลาร์ สรอ. (รอยเตอร์)
2. เศรษฐกิจของอังกฤษเติบโตลดลง ขณะที่การใช้จ่ายส่วนบุคคลยังอ่อนตัว รายงานจากกรุง
ลอนดอน ประเทศอังกฤษ เมื่อวันที่ 25 พ.ค.48 สนง.สถิติแห่งชาติของอังกฤษ เปิดเผยว่า เศรษฐกิจของอังกฤษ
ในไตรมาสแรกปีนี้มีอัตราการเติบโตเพียงร้อยละ 0.5 ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบเกือบสองปี เนื่องจากผลผลิตภาค
อุตสาหกรรมลดลงอย่างมาก รวมทั้งการใช้จ่ายส่วนบุคคลยังคงอ่อนตัวอย่างต่อเนื่องมาตั้งแต่ปลายปีก่อนจนถึง
ปัจจุบัน ในขณะที่มีสัญญาณที่ดีเพียงเล็กน้อยจากการใช้จ่ายในครัวเรือนที่เพิ่มขึ้นเท่านั้น ซึ่งนักเศรษฐศาสตร์กล่าวว่า
เป็นสัญญาณเตือนให้ ธ.กลางของอังกฤษที่ยังคงคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจจะฟื้นตัวในช่วงหลายเดือนข้างหน้าได้มีการ
พิจารณาปรับลดอัตราดอกเบี้ยเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ทั้งนี้ การใช้จ่ายของผู้บริโภคเพิ่มขึ้นเพียงร้อยละ 0.3 ในช่วง
ไตรมาสแรก ทำให้อัตราการเติบโตต่อปีอยู่ในระดับต่ำสุดในรอบ 4 ปี ด้านนาย Richard Lambert สมาชิกของ
คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของอังกฤษ (Monetary Policy Committee - MPC) กล่าวว่า การใช้
จ่ายของผู้บริโภคอาจจะไม่ฟื้นตัวเหมือนที่ ธ.กลางอังกฤษคาดการณ์ไว้ และเขาไม่คิดว่าอัตราดอกเบี้ยปัจจุบันจะอยู่
ในระดับต่ำเกินไป อนึ่ง ธ.กลางอังกฤษคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับร้อยละ 4.75 มาตั้งแต่เดือน ส.ค.47 และนัก
วิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าการปรับดอกเบี้ยครั้งต่อไปน่าจะเป็นการปรับลดลง เนื่องจาก MPC ต้องการที่จะกระตุ้นให้
มีการบริโภคเพิ่มขึ้น (รอยเตอร์)
3. เศรษฐกิจในไตรมาสที่ 1 ของมาเลเซียขยายตัวร้อยละ 5.7 มากกว่าที่คาดไว้ รายงานจากกัว
ลาลัมเปอร์ เมื่อวันที่ 25 พ.ค. 48 ธ.กลางมาเลเซียเปิดเผยว่า ในไตรมาสแรกปี 48 เศรษฐกิจมาเลเซียเติบ
โตร้อยละ 5.7 จากช่วงเดียวกันปีที่แล้ว มากกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์ได้คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ว่าจะขยายตัวประมาณ
ร้อยละ 5.5 เป็นการขยายตัวอย่างแข็งแกร่งท่ามกลางประเทศอื่นๆในเอเซีย แม้ว่าเศรษฐกิจโลกจะชะลอตัว ทั้งนี้
มาเลเซียเป็นประเทศที่พึ่งพาการส่งออกเป็นสำคัญ นักเศรษฐศาสตร์ให้ความเห็นว่าเศรษฐกิจมาเลเซียจะขยาย
ตัวอย่างต่อเนื่องเนื่องจากการส่งออกที่แข็งแกร่งรวมทั้งปัจจัยสนับสนุนจากอุปสงค์ในประเทศที่เพิ่มสูงขึ้นแม้ว่าการส่ง
ออกสินค้าอิเล็กทรอนิกส์จะชะลอตัวก็ตาม ในทางตรงกันข้ามกับประเทศอื่นๆในภูมิภาคเอเซียตะวันออกที่เศรษฐกิจพึ่ง
พาการส่งออกอาทิ ไต้หวัน และเกาหลีใต้เศรษฐกิจในไตรมาสแรกขยายตัวเพียงร้อยละ 2.5 และร้อยละ 2.7
ตามลำดับ เนื่องจากได้รับผลกระทบจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก(รอยเตอร์)
4. ปริมาณเงิน M3 ของมาเลเซียในเดือนเม.ย.เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีที่แล้วร้อยละ12.5 ราย
งานจากกัวลาลัมเปอร์ เมื่อวันที่ 25 พ.ค. 48 ธ.กลางมาเลเซียเปิดเผยว่า ในเดือนเม.ย. ปริมาณเงินตาม
ความหมายกว้าง (M3) เพิ่มขึ้นร้อยละ 12.5 จากร้อยละ 13.3 เมื่อเดือนมี.ค. ขณะที่ปริมาณเงิน M1 ซึ่งได้แก่
ปริมาณเงินหมุนเวียนเงินสดและเงินฝากในธพ. เพิ่มขึ้นอยู่ที่ร้อยละ 11.6 จากร้อยละ 9.4 เมื่อเดือนมี.ค. ส่วน
ปริมาณเงิน M2 (ได้แก่ปริมาณเงิน M1 รวมเงินฝากประจำ เงินฝากออมทรัพย์ และเงินฝากที่เป็นสกุลเงินตราต่าง
ประเทศ) ชะลอลงเล็กน้อยอยู่ที่ร้อยละ 24.7 จากร้อยละ 25.7 เมื่อเดือนมี.ค. สำหรับสินเชื่อสุทธิในเดือนเม.
ย. เพิ่มขึ้นร้อยละ 8.8 จากระยะเดียวกันปีที่แล้ว ขณะที่สินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ ณสิ้นสุดเดือนเม.ย. อยู่ที่ร้อย
ละ 5.4 ไม่เปลี่ยนแปลงจาก ณ.สิ้นสุดเดือนมี.ค.(รอยเตอร์)
ข้อมูลเศรษฐกิจ 26 พ.ค. 48 25 พ.ค. 48 30 ม.ค. 47 แหล่งข้อมูล
อัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยระหว่างธนาคาร (Bht/1US$) 40.052 39.263 ธปท.
อัตราซื้อถัวเฉลี่ยตั๋วเงิน/อัตราขายถัวเฉลี่ยของ ธพ. (Bht/1US$) 39.8127/40.0869 39.0915/39.3765 ธปท.
อัตราดอกเบี้ยกู้ยืมระหว่าง ธพ. ขนาดใหญ่ระยะ 7 วัน (ร้อยละ) 2.34375 — 2.35 1.1875 - 1.2800 รอยเตอร์
ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ (จุด)/มูลค่าซื้อ/ขาย (พันล้านบาท) 660.18/14.87 698.90/29.26 ตลท.
ราคาทองคำแท่ง (ซื้อ/ขายบาทละ) 7,950/8,050 7,900/8,000 7,400/7,500 สมาคมค้าทองคำ
ราคาน้ำมันดิบดูไบ (US$/บาเรล) 46.11 45.29 28.18 ปตท./รอยเตอร์
ราคาน้ำมันเบนซิน 95/ดีเซล (บาท) 22.14*/18.19** 22.14*/18.19** 16.99/14.59 ปตท.
* ปรับลด ลิตรละ 40 สตางค์ เมื่อ 17 พ.ค. 48
* *ปรับเพิ่ม ลิตรละ 3 บาท เมื่อ 23 มี.ค. 48
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--
1. ก.คลังเชื่อมั่นว่าการขาดดุลการค้าในเดือน เม.ย.48 เป็นสิ่งที่ไม่น่ากังวล รมว.คลัง เปิด
เผยว่า การนำเข้าของไทยในเดือน เม.ย.48 มีมูลค่า 9,172 ล.ดอลลาร์ สรอ. ขณะที่การส่งออกมีมูลค่า
7,912 ล.ดอลลาร์ สรอ. ส่งผลให้ขาดดุลการค้าจำนวน 1,250 ล.ดอลลาร์ สรอ. นับเป็นการขาดดุลการค้า
ติดต่อกันเป็นเดือนที่ 4 และเมื่อรวม 4 เดือนแรกของปี 48 ไทยขาดดุลการค้าจำนวน 4,420 ล.ดอลลาร์ สรอ.
ขณะที่ดุลบัญชีเดินสะพัดไตรมาสแรกขาดดุลรวม 1,499 ล.ดอลลาร์ สรอ. ทั้งนี้ สาเหตุที่ไทยประสบปัญหาขาด
ดุลการค้าในเดือน เม.ย.48 เกิดจากการส่งออกที่น้อยกว่าปกติเนื่องจากมีวันหยุดนักขัตฤกษ์ยาว ขณะที่การนำเข้า
สินค้ายังมีอยู่ต่อเนื่อง เนื่องจากการสั่งซื้อสินค้านำเข้าเป็นการสั่งซื้อล่วงหน้า สำหรับประเด็นผลกระทบจากการขาด
ดุลการค้าต่อการขาดดุลบัญชีเดินสะพัดในภาพรวม ไม่ใช่เรื่องน่าเป็นห่วง เพราะประเทศไทยมีฐานะที่มั่นคง โดย
ขณะนี้มีเงินทุนสำรองทางการจำนวน 50 พัน ล.ดอลลาร์ สรอ. เพียงพอที่จะรองรับสถานการณ์ได้ (ผู้จัดการราย
วัน, โพสต์ทูเดย์, ข่าวสด)
2. ดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมปรับตัวเพิ่มขึ้นเล็กน้อยในเดือน เม.ย.48 รองประธานสภา
อุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมในเดือน เม.ย.48 ปรับ
ตัวสูงขึ้นเล็กน้อยมาอยู่ที่ระดับ 97.2 ใกล้เคียงกับเดือน มี.ค.ซึ่งอยู่ที่ระดับ 96.8 แต่ยังคงต่ำกว่าระดับ 100 มา
เป็นระยะเวลา 3 เดือนติดต่อกัน ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความเชื่อมั่นของผู้ประกอบการที่ยังอยู่ในระดับไม่ดีนัก และอาจ
ส่งผลลบต่อความเชื่อมั่นด้านการค้า การลงทุน ธุรกิจท่องเที่ยว รวมถึงกำลังซื้อของผู้บริโภค สำหรับสาเหตุหลักที่ทำ
ให้ผู้ประกอบการมีความเชื่อมั่นในระดับที่ไม่ดีนัก เป็นผลจากสถานการณ์ราคาน้ำมันในตลาดโลกที่มีการปรับตัวสูงขึ้น
อย่างต่อเนื่อง ประกอบกับการที่รัฐบาลมีแนวโน้มจะลอยตัวราคาน้ำมันดีเซลจึงส่งผลกระทบโดยตรงต่อความเชื่อมั่น
ของผู้ประกอบการที่มีต้นทุนประกอบการและต้นทุนการขนส่ง รวมถึงภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวในช่วงไตรมาสที่ 2 ของปี และสถานการณ์ความไม่สงบในภาคใต้ (โพสต์ทูเดย์, ไทยโพสต์)
3. ปริมาณการใช้เช็คทั่วประเทศลดลงในเดือน เม.ย.48 รายงานข่าวจากธนาคารแห่งประเทศ
ไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า การชะลอตัวของเศรษฐกิจที่ต่อเนื่องมาจากไตรมาสแรกของปี 48 และวันหยุดยาวใน
ช่วงสงกรานต์ ส่งผลให้ปริมาณการใช้เช็คทั่วประเทศในเดือน เม.ย.ลดลง โดยเช็คเรียกเก็บในเขตกรุงเทพฯ
และปริมณฑลมีจำนวน 4,878,560 ฉบับ ลดลงจากระยะเดียวกันของปีก่อน 3.4% เช็คที่เรียกเก็บในภูมิภาคมี
จำนวน 1,273,399 ฉบับ ลดลง 3.1% ส่วนมูลค่าการใช้จ่ายผ่านเช็คยังคงเพิ่มขึ้น โดยการใช้จ่ายผ่านเช็คใน
เขตกรุงเทพฯ และปริมณฑลมีมูลค่า 1,856,194.17 ล.บาท เพิ่มขึ้น 6.3% เขตภูมิภาคมีมูลค่า 173,344.03 ล.
บาท เพิ่มขึ้น 10.3% ส่วนเช็คคืนโดยไม่มีเงินหรือเช็คเด้งรวมทั่วประเทศมีจำนวน 93,999 ฉบับ ลดลง 2.2% คิด
เป็นมูลค่า 10,050.88 ล.บาท หรือเพิ่มขึ้น 23.4% (โลกวันนี้)
4. ก.พลังงานติดตามสถานการณ์ราคาน้ำมันในตลาดโลกอย่างใกล้ชิด ปลัด ก.พลังงาน กล่าวถึง
แนวทางการลอยตัวราคาน้ำมันดีเซลว่า ขณะนี้กำลังติดตามสถานการณ์ราคาในตลาดโลกอย่างใกล้ชิด โดยคาดว่าจะ
มีการเปลี่ยนแปลงราคาภายใน 1-2 เดือนนี้ ซึ่งหากพิจารณาการอุดหนุนราคาของกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง ในส่วน
ของดีเซลขณะนี้อยู่ที่ระดับ 2 บาทกว่าต่อลิตร ซึ่งเป็นระดับที่ไม่สูงมาก แต่การจะลอยตัวทันทีหรือไม่ ก็ขึ้นกับนโยบาย
ของรัฐเป็นสำคัญ เพราะจะต้องศึกษาผลกระทบทั้งในส่วนของราคาสินค้าและการขนส่งประกอบด้วย (ผู้จัดการราย
วัน)
ข่าวเศรษฐกิจต่างประเทศ
1. ยอดขายบ้านใหม่ของ สรอ.ในเดือน เม.ย.48 เพิ่มขึ้นอย่างไม่คาดคิดที่ร้อยละ 0.2 รายงาน
จากวอชิงตัน เมื่อ 25 พ.ค.48 ก.พาณิชย์ สรอ. เปิดเผยว่า ยอดขายบ้านใหม่ (สำหรับครอบครัวเดี่ยว) ของ
สรอ.ในเดือน เม.ย.48 เพิ่มขึ้นอย่างไม่คาดคิดที่จำนวน 1.316 ล้านหลัง หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.2 (ตัวเลขหลัง
ปรับปัจจัยทางฤดูกาลแล้ว) ซึ่งเพิ่มขึ้นจากจำนวน 1.313 ล้านหลังในเดือน มี.ค.48 (ตัวเลขที่ทบทวนแล้ว จากที่
ประมาณการก่อนหน้านี้ว่าจะมีจำนวน 1.431 ล้านหลัง) ขณะที่นักวิเคราะห์จากวอลล์สตรีทคาดการณ์ว่ายอดขายบ้าน
ใหม่จะอยู่ที่จำนวน 1.350 ล้านหลัง หรือลดลงร้อยละ 0.1 อนึ่ง หลังจากทบทวนตัวเลขแล้วยอดขายบ้านใหม่ใน
เดือน มี.ค.48 เพิ่มขึ้นร้อยละ 4.5 จากที่ประกาศก่อนหน้านี้ว่าจะเพิ่มขึ้นร้อยละ 12.2 ทั้งนี้ ยอดขายในภาค
ตะวันออกเฉียงเหนือของ สรอ.ในเดือน เม.ย.เพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 37.2 เทียบกับที่ลดลงร้อยละ 4.9 ในเดือน มี.
ค.48 (ตัวเลขที่ทบทวนแล้ว) ขณะที่ภาคตะวันตกเพิ่มขึ้นร้อยละ 2.8 ส่วนภาคใต้และภาคเหนือตอนกลางชะลอตัวลด
ลงร้อยละ 5.3 และ 0.5 ตามลำดับ สำหรับทางด้านอุปทานของบ้าน ซึ่งเป็นเครื่องชี้วัดช่วงเวลาที่จะสามารถขาย
บ้านได้ในเดือน เม.ย.48 ยังคงอยู่ที่ 4.1 เดือน ทั้งนี้ ราคาขายกลางสำหรับบ้านใหม่ในเดือน เม.ย.48 อยู่ที่
230,800 ดอลลาร์ สรอ. เพิ่มขึ้นจากราคา 217,500 ดอลลาร์ สรอ.ในเดือนก่อน ขณะที่ราคาบ้านใหม่เฉลี่ยไม่
เปลี่ยนแปลงจากเดือนก่อนอยู่ที่ 283,500 ดอลลาร์ สรอ. (รอยเตอร์)
2. เศรษฐกิจของอังกฤษเติบโตลดลง ขณะที่การใช้จ่ายส่วนบุคคลยังอ่อนตัว รายงานจากกรุง
ลอนดอน ประเทศอังกฤษ เมื่อวันที่ 25 พ.ค.48 สนง.สถิติแห่งชาติของอังกฤษ เปิดเผยว่า เศรษฐกิจของอังกฤษ
ในไตรมาสแรกปีนี้มีอัตราการเติบโตเพียงร้อยละ 0.5 ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบเกือบสองปี เนื่องจากผลผลิตภาค
อุตสาหกรรมลดลงอย่างมาก รวมทั้งการใช้จ่ายส่วนบุคคลยังคงอ่อนตัวอย่างต่อเนื่องมาตั้งแต่ปลายปีก่อนจนถึง
ปัจจุบัน ในขณะที่มีสัญญาณที่ดีเพียงเล็กน้อยจากการใช้จ่ายในครัวเรือนที่เพิ่มขึ้นเท่านั้น ซึ่งนักเศรษฐศาสตร์กล่าวว่า
เป็นสัญญาณเตือนให้ ธ.กลางของอังกฤษที่ยังคงคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจจะฟื้นตัวในช่วงหลายเดือนข้างหน้าได้มีการ
พิจารณาปรับลดอัตราดอกเบี้ยเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ทั้งนี้ การใช้จ่ายของผู้บริโภคเพิ่มขึ้นเพียงร้อยละ 0.3 ในช่วง
ไตรมาสแรก ทำให้อัตราการเติบโตต่อปีอยู่ในระดับต่ำสุดในรอบ 4 ปี ด้านนาย Richard Lambert สมาชิกของ
คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของอังกฤษ (Monetary Policy Committee - MPC) กล่าวว่า การใช้
จ่ายของผู้บริโภคอาจจะไม่ฟื้นตัวเหมือนที่ ธ.กลางอังกฤษคาดการณ์ไว้ และเขาไม่คิดว่าอัตราดอกเบี้ยปัจจุบันจะอยู่
ในระดับต่ำเกินไป อนึ่ง ธ.กลางอังกฤษคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับร้อยละ 4.75 มาตั้งแต่เดือน ส.ค.47 และนัก
วิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าการปรับดอกเบี้ยครั้งต่อไปน่าจะเป็นการปรับลดลง เนื่องจาก MPC ต้องการที่จะกระตุ้นให้
มีการบริโภคเพิ่มขึ้น (รอยเตอร์)
3. เศรษฐกิจในไตรมาสที่ 1 ของมาเลเซียขยายตัวร้อยละ 5.7 มากกว่าที่คาดไว้ รายงานจากกัว
ลาลัมเปอร์ เมื่อวันที่ 25 พ.ค. 48 ธ.กลางมาเลเซียเปิดเผยว่า ในไตรมาสแรกปี 48 เศรษฐกิจมาเลเซียเติบ
โตร้อยละ 5.7 จากช่วงเดียวกันปีที่แล้ว มากกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์ได้คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ว่าจะขยายตัวประมาณ
ร้อยละ 5.5 เป็นการขยายตัวอย่างแข็งแกร่งท่ามกลางประเทศอื่นๆในเอเซีย แม้ว่าเศรษฐกิจโลกจะชะลอตัว ทั้งนี้
มาเลเซียเป็นประเทศที่พึ่งพาการส่งออกเป็นสำคัญ นักเศรษฐศาสตร์ให้ความเห็นว่าเศรษฐกิจมาเลเซียจะขยาย
ตัวอย่างต่อเนื่องเนื่องจากการส่งออกที่แข็งแกร่งรวมทั้งปัจจัยสนับสนุนจากอุปสงค์ในประเทศที่เพิ่มสูงขึ้นแม้ว่าการส่ง
ออกสินค้าอิเล็กทรอนิกส์จะชะลอตัวก็ตาม ในทางตรงกันข้ามกับประเทศอื่นๆในภูมิภาคเอเซียตะวันออกที่เศรษฐกิจพึ่ง
พาการส่งออกอาทิ ไต้หวัน และเกาหลีใต้เศรษฐกิจในไตรมาสแรกขยายตัวเพียงร้อยละ 2.5 และร้อยละ 2.7
ตามลำดับ เนื่องจากได้รับผลกระทบจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก(รอยเตอร์)
4. ปริมาณเงิน M3 ของมาเลเซียในเดือนเม.ย.เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีที่แล้วร้อยละ12.5 ราย
งานจากกัวลาลัมเปอร์ เมื่อวันที่ 25 พ.ค. 48 ธ.กลางมาเลเซียเปิดเผยว่า ในเดือนเม.ย. ปริมาณเงินตาม
ความหมายกว้าง (M3) เพิ่มขึ้นร้อยละ 12.5 จากร้อยละ 13.3 เมื่อเดือนมี.ค. ขณะที่ปริมาณเงิน M1 ซึ่งได้แก่
ปริมาณเงินหมุนเวียนเงินสดและเงินฝากในธพ. เพิ่มขึ้นอยู่ที่ร้อยละ 11.6 จากร้อยละ 9.4 เมื่อเดือนมี.ค. ส่วน
ปริมาณเงิน M2 (ได้แก่ปริมาณเงิน M1 รวมเงินฝากประจำ เงินฝากออมทรัพย์ และเงินฝากที่เป็นสกุลเงินตราต่าง
ประเทศ) ชะลอลงเล็กน้อยอยู่ที่ร้อยละ 24.7 จากร้อยละ 25.7 เมื่อเดือนมี.ค. สำหรับสินเชื่อสุทธิในเดือนเม.
ย. เพิ่มขึ้นร้อยละ 8.8 จากระยะเดียวกันปีที่แล้ว ขณะที่สินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ ณสิ้นสุดเดือนเม.ย. อยู่ที่ร้อย
ละ 5.4 ไม่เปลี่ยนแปลงจาก ณ.สิ้นสุดเดือนมี.ค.(รอยเตอร์)
ข้อมูลเศรษฐกิจ 26 พ.ค. 48 25 พ.ค. 48 30 ม.ค. 47 แหล่งข้อมูล
อัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยระหว่างธนาคาร (Bht/1US$) 40.052 39.263 ธปท.
อัตราซื้อถัวเฉลี่ยตั๋วเงิน/อัตราขายถัวเฉลี่ยของ ธพ. (Bht/1US$) 39.8127/40.0869 39.0915/39.3765 ธปท.
อัตราดอกเบี้ยกู้ยืมระหว่าง ธพ. ขนาดใหญ่ระยะ 7 วัน (ร้อยละ) 2.34375 — 2.35 1.1875 - 1.2800 รอยเตอร์
ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ (จุด)/มูลค่าซื้อ/ขาย (พันล้านบาท) 660.18/14.87 698.90/29.26 ตลท.
ราคาทองคำแท่ง (ซื้อ/ขายบาทละ) 7,950/8,050 7,900/8,000 7,400/7,500 สมาคมค้าทองคำ
ราคาน้ำมันดิบดูไบ (US$/บาเรล) 46.11 45.29 28.18 ปตท./รอยเตอร์
ราคาน้ำมันเบนซิน 95/ดีเซล (บาท) 22.14*/18.19** 22.14*/18.19** 16.99/14.59 ปตท.
* ปรับลด ลิตรละ 40 สตางค์ เมื่อ 17 พ.ค. 48
* *ปรับเพิ่ม ลิตรละ 3 บาท เมื่อ 23 มี.ค. 48
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--