กรุงเทพ--28 มิ.ย.--กระทรวงการต่างประเทศ
เมื่อวันที่ 26 มิถุนายน 2548 ดร. กันตธีร์ ศุภมงคล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศได้เดินทางถึงสาธารณรัฐเยเมน และได้เริ่มการเยือนอย่างเป็นทางการ โดยมีกำหนดการเข้าร่วมการประชุมประเทศสมาชิกองค์การการประชุมอิสลามครั้งที่ 32 ระหว่างวันที่ 28-30 มิถุนายน 2548
ในวันที่ 27 มิถุนายน 2548 ดร. กันตธีร์ ศุภมงคลได้เข้าเยี่ยมคารวะและหารือข้อราชการกับนาย Abu Bakr al-Qurbi รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศเยเมน และได้เข้าเยี่ยมคารวะนาย Abdulqadir Ba Jammal นายกรัฐมนตรีเยเมนด้วย
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศได้ย้ำกับฝ่ายเยเมนว่า ตนเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศคนแรกของไทยที่เดินทางเยือนเยเมนอย่างเป็นทางการ ทั้งสองฝ่ายได้เห็นพ้องกันที่จะเพิ่มพูนความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในขณะนี้ที่รัฐบาลได้ประกาศนโยบาย “มุ่งตะวันตก” ในขณะที่เยเมนก็สนใจที่จะเพิ่มพูนความสัมพันธ์กับประเทศต่างๆ ในเอเชียตะวันออก และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ภายใต้นโยบาย “มุ่งตะวันออก”
ทั้งสองฝ่ายมีความเห็นพ้องว่า ทั้งสองประเทศสามารถขยายความสัมพันธ์ทางด้านเศรษฐกิจได้มากขึ้น โดยเฉพาะในด้านการค้า การประมง และวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศได้กล่าวย้ำว่า ประเทศไทยได้ทำความตกลงการค้าเสรีกับหลายประเทศ ดังนั้น ประเทศไทยจึงมีความเหมาะสมที่เยเมนจะใช้เป็นศูนย์กลางขยายความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจไปยังประเทศต่างๆ ในเอเชียตะวันออก และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
นอกจากนี้ ทั้งสองฝ่ายได้หารือกี่ยวกับการเพิ่มความร่วมมือที่ใกล้ชิดกันมากขึ้น โดยเฉพาะใน ด้านการศึกษา ซึ่งในปัจจุบันมีนักศึกษาไทยมุสลิมเดินทางไปศึกษาด้านอิสลามศึกษา และภาษาอารบิคที่เยเมนจำนวนมาก
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศได้เสนอจัดทำโครงการฝึกอบรมแก่นักศึกษาชาวเยเมนที่ประสงค์จะเดินทางมาศึกษาในประเทศไทยในสาขาการสาธารณสุข การเกษตร และการชลประทาน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศเปิดเผยด้วยว่า ในระหว่างการหารือ ฝ่ายเยเมนได้ขอให้ประเทศไทยให้ความรู้ด้านการทำฝนเทียมซึ่งเป็นเรื่องที่ไทยมีความชำนาญ
ในฐานะที่เยเมนเป็นเจ้าภาพการประชุมประเทศสมาชิกองค์การการประชุมอิสลามครั้งนี้ ฝ่ายเยเมนได้กล่าวย้ำว่า การประชุมครั้งนี้นับเป็นการประชุมที่สำคัญที่ประเทศสมาชิกจะต้องร่วมกันกระตุ้นบทบาทของกลุ่มประเทศสมาชิกองค์การการประชุมอิสลามไม่ใช่แค่คงบทบาทในกลุ่มสมาชิก หากต้องขยายบทบาทไปยังระดับระหว่างประเทศด้วย โดยจะเน้นในด้านการขยายความสัมพันธ์ด้านเศรษฐกิจระหว่างกลุ่มประเทศสมาชิก การเพิ่มบทบาทของกลุ่มประเทศสมาชิกในการป้องกันการใช้กำลังรุนแรงและการก่อการร้าย และในวาระที่จะมีการปฏิรูปองค์การสหประชาชาติกลุ่มประเทศสมาชิกจะหาวิธีการที่จะประสานงานกันเพื่อให้กลุ่มประเทศสมาชิกสามารถสร้างความมั่นใจต่อประเทศที่นับถือศาสนาอิสลามว่า จะได้รับการคัดเลือกอย่างยุติธรรมเพื่อเป็นตัวแทนในคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศได้แถลงต่อผู้สื่อข่าวเกี่ยวกับการประชุมประเทศสมาชิกองค์การการประชุมอิสลามโดยแสดงความหวังว่า หากมีการกล่าวถึงสถานการณ์ในภาคใต้ในเอกสารการประชุมก็น่าจะสะท้อนให้เห็นถึงรายงานผลการเดินทางมาตรวจสอบข้อเท็จจริงในประเทศไทยในเชิงบวกของคณะผู้แทนขององค์การการประชุมอิสลามเมื่อต้นเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ขณะเดียวกันที่ประชุมฯ ก็ควรกล่าวถึงสถานการณ์ภาคใต้ในเชิงสร้างสรรค์เพื่อที่จะเป็นพื้นฐานที่จะส่งผลดีต่อการทำงานร่วมกันในการแก้ไขปัญหาภาคใต้ระหว่างไทยกับกลุ่มประเทศสมาชิกองค์การการประชุมอิสลามในอนาคต
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศกล่าวด้วยว่า ประเทศไทยมีความโปร่งใสในการให้ความร่วมมือแก่ผู้แทนกลุ่มประเทศสมาชิกองค์การการประชุมอิสลามในการให้ข้อเท็จจริงของสถานการร์ในภาคใต้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงที่ผู้แทนขององค์การการประชุมอิสลามเยือนไทย ดังนั้น องค์การการประชุมอิสลามจึงไม่น่าที่จะออกมติใดๆ ที่เกี่ยวกับการแก้ไขปัญหาสถานการณ์ในภาคใต้ เพื่อเป็นการแสดงให้เห็นถึงนโยบายขององค์การการประชุมอิสลามที่จะให้ความเคารพอธิปไตย และไม่แทรกแซงกิจการภายในของประเทศอื่นรวมทั้งไม่ให้การสนับสนุนกลุ่มแบ่งแยกดินแดนในทุกรูปแบบ ทั้งนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศย้ำด้วยว่า ในช่วงเวลาที่ผ่านมากลุ่มประเทศสมาชิกองค์การการประชุมอิสลามมีความเห็นว่า สถานการณ์ในภาคใต้ไม่ได้เกิดขึ้นจากความขัดแย้งทางศาสนา
กองการสื่อมวลชน กรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ โทร. 643-5105 โทรสาร. 643-5106-7 E-mail : [email protected]จบ--
-พห-
เมื่อวันที่ 26 มิถุนายน 2548 ดร. กันตธีร์ ศุภมงคล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศได้เดินทางถึงสาธารณรัฐเยเมน และได้เริ่มการเยือนอย่างเป็นทางการ โดยมีกำหนดการเข้าร่วมการประชุมประเทศสมาชิกองค์การการประชุมอิสลามครั้งที่ 32 ระหว่างวันที่ 28-30 มิถุนายน 2548
ในวันที่ 27 มิถุนายน 2548 ดร. กันตธีร์ ศุภมงคลได้เข้าเยี่ยมคารวะและหารือข้อราชการกับนาย Abu Bakr al-Qurbi รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศเยเมน และได้เข้าเยี่ยมคารวะนาย Abdulqadir Ba Jammal นายกรัฐมนตรีเยเมนด้วย
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศได้ย้ำกับฝ่ายเยเมนว่า ตนเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศคนแรกของไทยที่เดินทางเยือนเยเมนอย่างเป็นทางการ ทั้งสองฝ่ายได้เห็นพ้องกันที่จะเพิ่มพูนความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในขณะนี้ที่รัฐบาลได้ประกาศนโยบาย “มุ่งตะวันตก” ในขณะที่เยเมนก็สนใจที่จะเพิ่มพูนความสัมพันธ์กับประเทศต่างๆ ในเอเชียตะวันออก และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ภายใต้นโยบาย “มุ่งตะวันออก”
ทั้งสองฝ่ายมีความเห็นพ้องว่า ทั้งสองประเทศสามารถขยายความสัมพันธ์ทางด้านเศรษฐกิจได้มากขึ้น โดยเฉพาะในด้านการค้า การประมง และวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศได้กล่าวย้ำว่า ประเทศไทยได้ทำความตกลงการค้าเสรีกับหลายประเทศ ดังนั้น ประเทศไทยจึงมีความเหมาะสมที่เยเมนจะใช้เป็นศูนย์กลางขยายความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจไปยังประเทศต่างๆ ในเอเชียตะวันออก และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
นอกจากนี้ ทั้งสองฝ่ายได้หารือกี่ยวกับการเพิ่มความร่วมมือที่ใกล้ชิดกันมากขึ้น โดยเฉพาะใน ด้านการศึกษา ซึ่งในปัจจุบันมีนักศึกษาไทยมุสลิมเดินทางไปศึกษาด้านอิสลามศึกษา และภาษาอารบิคที่เยเมนจำนวนมาก
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศได้เสนอจัดทำโครงการฝึกอบรมแก่นักศึกษาชาวเยเมนที่ประสงค์จะเดินทางมาศึกษาในประเทศไทยในสาขาการสาธารณสุข การเกษตร และการชลประทาน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศเปิดเผยด้วยว่า ในระหว่างการหารือ ฝ่ายเยเมนได้ขอให้ประเทศไทยให้ความรู้ด้านการทำฝนเทียมซึ่งเป็นเรื่องที่ไทยมีความชำนาญ
ในฐานะที่เยเมนเป็นเจ้าภาพการประชุมประเทศสมาชิกองค์การการประชุมอิสลามครั้งนี้ ฝ่ายเยเมนได้กล่าวย้ำว่า การประชุมครั้งนี้นับเป็นการประชุมที่สำคัญที่ประเทศสมาชิกจะต้องร่วมกันกระตุ้นบทบาทของกลุ่มประเทศสมาชิกองค์การการประชุมอิสลามไม่ใช่แค่คงบทบาทในกลุ่มสมาชิก หากต้องขยายบทบาทไปยังระดับระหว่างประเทศด้วย โดยจะเน้นในด้านการขยายความสัมพันธ์ด้านเศรษฐกิจระหว่างกลุ่มประเทศสมาชิก การเพิ่มบทบาทของกลุ่มประเทศสมาชิกในการป้องกันการใช้กำลังรุนแรงและการก่อการร้าย และในวาระที่จะมีการปฏิรูปองค์การสหประชาชาติกลุ่มประเทศสมาชิกจะหาวิธีการที่จะประสานงานกันเพื่อให้กลุ่มประเทศสมาชิกสามารถสร้างความมั่นใจต่อประเทศที่นับถือศาสนาอิสลามว่า จะได้รับการคัดเลือกอย่างยุติธรรมเพื่อเป็นตัวแทนในคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศได้แถลงต่อผู้สื่อข่าวเกี่ยวกับการประชุมประเทศสมาชิกองค์การการประชุมอิสลามโดยแสดงความหวังว่า หากมีการกล่าวถึงสถานการณ์ในภาคใต้ในเอกสารการประชุมก็น่าจะสะท้อนให้เห็นถึงรายงานผลการเดินทางมาตรวจสอบข้อเท็จจริงในประเทศไทยในเชิงบวกของคณะผู้แทนขององค์การการประชุมอิสลามเมื่อต้นเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ขณะเดียวกันที่ประชุมฯ ก็ควรกล่าวถึงสถานการณ์ภาคใต้ในเชิงสร้างสรรค์เพื่อที่จะเป็นพื้นฐานที่จะส่งผลดีต่อการทำงานร่วมกันในการแก้ไขปัญหาภาคใต้ระหว่างไทยกับกลุ่มประเทศสมาชิกองค์การการประชุมอิสลามในอนาคต
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศกล่าวด้วยว่า ประเทศไทยมีความโปร่งใสในการให้ความร่วมมือแก่ผู้แทนกลุ่มประเทศสมาชิกองค์การการประชุมอิสลามในการให้ข้อเท็จจริงของสถานการร์ในภาคใต้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงที่ผู้แทนขององค์การการประชุมอิสลามเยือนไทย ดังนั้น องค์การการประชุมอิสลามจึงไม่น่าที่จะออกมติใดๆ ที่เกี่ยวกับการแก้ไขปัญหาสถานการณ์ในภาคใต้ เพื่อเป็นการแสดงให้เห็นถึงนโยบายขององค์การการประชุมอิสลามที่จะให้ความเคารพอธิปไตย และไม่แทรกแซงกิจการภายในของประเทศอื่นรวมทั้งไม่ให้การสนับสนุนกลุ่มแบ่งแยกดินแดนในทุกรูปแบบ ทั้งนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศย้ำด้วยว่า ในช่วงเวลาที่ผ่านมากลุ่มประเทศสมาชิกองค์การการประชุมอิสลามมีความเห็นว่า สถานการณ์ในภาคใต้ไม่ได้เกิดขึ้นจากความขัดแย้งทางศาสนา
กองการสื่อมวลชน กรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ โทร. 643-5105 โทรสาร. 643-5106-7 E-mail : [email protected]จบ--
-พห-