1 ผลประกอบการของระบบธนาคารพาณิชย์ไทย
- กำไรสุทธิในไตรมาสที่ 2 ของปี 2548 ลดลงจากไตรมาสก่อนเล็กน้อยแต่เพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 25 เมื่อเทียบกับไตรมาสที่ 2 ของปี 2547 ทั้งจากการเพิ่มขึ้นของรายได้ และการลดลงของภาระค่าใช้จ่ายสุทธิ
- อัตราส่วนทางการเงินที่สำคัญล่าสุดยังคงแสดงถึงความสามารถในการทำกำไรและการดำเนินงานที่ยังอยู่ในเกณฑ์ดี
ในไตรมาสที่ 2 ของปี 2548 ธนาคารพาณิชย์ไทย มีกำไรสุทธิจากการดำเนินงาน 23.7 พันล้านบาท ลดลงจาก ไตรมาสก่อนร้อยละ 6.2 ในขณะที่เพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกัน ปีก่อนร้อยละ 25.4 ทั้งนี้ กำไรสุทธิที่เพิ่มขึ้นเป็นผลจากรายได้ดอกเบี้ยรับที่เพิ่มขึ้นตามการขยายตัวของสินเชื่อ ที่ขยายตัวได้ต่อเนื่อง และอัตราผลตอบแทนจากการลงทุนในหลักทรัพย์และตลาดเงินที่เพิ่มขึ้นตามการปรับตัวสูงขึ้นของอัตราดอกเบี้ยในตลาดการเงิน อีกทั้งธนาคารพาณิชย์ใหญ่มีรายได้ค่าธรรมเนียมจากบริการต่างๆ เพิ่มขึ้น แม้ว่าจะมีค่าใช้จ่ายที่ไม่ใช่ดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น แต่ภาระการ กันสำรองหนี้สงสัยจะสูญลดลงมาก เนื่องจากธนาคาร แทบทุกแห่งมีการกันสำรองไว้ในระดับค่อนข้างสูงอยู่แล้ว
สำหรับทิศทางอัตราดอกเบี้ยในตลาดการเงินแม้ว่าจะมีแนวโน้มสูงขึ้นตามอัตราดอกเบี้ยนโยบายการเงินที่ได้ไม่รวม ธ.ดีบีเอสไทยทนุ เนื่องจากเพิกถอนจากการเป็นบริษัทจดทะเบียน ปรับสูงขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไปตั้งแต่เดือนสิงหาคมปี 2547 แต่สภาพคล่องในระบบธนาคารพาณิชย์โดยรวมยังมี ส่วนเกินอยู่ระดับหนึ่งโดยเฉพาะของธนาคารพาณิชย์ ใหญ่และธนาคารของรัฐบางแห่ง จึงยังไม่มีความจำเป็นต้องปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยปล่อยกู้ MLR อย่างไรก็ดี ในช่วง เดือนพฤษภาคม-กรกฎาคม 2548 ธนาคารพาณิชย์ได้ทยอยปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยเงินฝากและเงินให้กู้เกือบทุกประเภทขึ้นในช่วงร้อยละ 0.25-0.50 ต่อปี โดยธนาคารพาณิชย์ ขนาดใหญ่ทุกแห่งได้มีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินฝากระยะ 12-24 เดือนเพื่อรองรับการแข่งขัน และอัตราดอกเบี้ย MLR เฉลี่ย 4 ธนาคารขนาดใหญ่เพิ่มขึ้นเล็กน้อยจาก ร้อยละ 5.69 ต่อปี ในไตรมาสก่อนเป็นร้อยละ 5.875 ต่อปี ในไตรมาสนี้
ในช่วงหลังของปี ปัจจัยเสี่ยงจากแนวโน้มเศรษฐกิจ ที่ชะลอตัวลงและภาวะต้นทุนทางการเงินที่สูงขึ้นน่าจะยัง ไม่กระทบความสามารถในการทำกำไรของระบบธนาคารพาณิชย์มากนัก เนื่องจากส่วนใหญ่ได้เพิ่มความระมัดระวังด้านคุณภาพของสินเชื่อและมีการเร่งรัดจัดการสินทรัพย์ และหนี้สินด้อยคุณภาพ นอกจากนี้ ในปัจจุบันธนาคารพาณิชย์มีความเพียงพอของเงินกองทุน และได้เตรียมปรับองค์กรตลอดจนแนวทางการดำเนินงานเพื่อรองรับการแข่งขันที่คาดว่าจะเพิ่มมากขึ้นบ้างแล้ว
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--
- กำไรสุทธิในไตรมาสที่ 2 ของปี 2548 ลดลงจากไตรมาสก่อนเล็กน้อยแต่เพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 25 เมื่อเทียบกับไตรมาสที่ 2 ของปี 2547 ทั้งจากการเพิ่มขึ้นของรายได้ และการลดลงของภาระค่าใช้จ่ายสุทธิ
- อัตราส่วนทางการเงินที่สำคัญล่าสุดยังคงแสดงถึงความสามารถในการทำกำไรและการดำเนินงานที่ยังอยู่ในเกณฑ์ดี
ในไตรมาสที่ 2 ของปี 2548 ธนาคารพาณิชย์ไทย มีกำไรสุทธิจากการดำเนินงาน 23.7 พันล้านบาท ลดลงจาก ไตรมาสก่อนร้อยละ 6.2 ในขณะที่เพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกัน ปีก่อนร้อยละ 25.4 ทั้งนี้ กำไรสุทธิที่เพิ่มขึ้นเป็นผลจากรายได้ดอกเบี้ยรับที่เพิ่มขึ้นตามการขยายตัวของสินเชื่อ ที่ขยายตัวได้ต่อเนื่อง และอัตราผลตอบแทนจากการลงทุนในหลักทรัพย์และตลาดเงินที่เพิ่มขึ้นตามการปรับตัวสูงขึ้นของอัตราดอกเบี้ยในตลาดการเงิน อีกทั้งธนาคารพาณิชย์ใหญ่มีรายได้ค่าธรรมเนียมจากบริการต่างๆ เพิ่มขึ้น แม้ว่าจะมีค่าใช้จ่ายที่ไม่ใช่ดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น แต่ภาระการ กันสำรองหนี้สงสัยจะสูญลดลงมาก เนื่องจากธนาคาร แทบทุกแห่งมีการกันสำรองไว้ในระดับค่อนข้างสูงอยู่แล้ว
สำหรับทิศทางอัตราดอกเบี้ยในตลาดการเงินแม้ว่าจะมีแนวโน้มสูงขึ้นตามอัตราดอกเบี้ยนโยบายการเงินที่ได้ไม่รวม ธ.ดีบีเอสไทยทนุ เนื่องจากเพิกถอนจากการเป็นบริษัทจดทะเบียน ปรับสูงขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไปตั้งแต่เดือนสิงหาคมปี 2547 แต่สภาพคล่องในระบบธนาคารพาณิชย์โดยรวมยังมี ส่วนเกินอยู่ระดับหนึ่งโดยเฉพาะของธนาคารพาณิชย์ ใหญ่และธนาคารของรัฐบางแห่ง จึงยังไม่มีความจำเป็นต้องปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยปล่อยกู้ MLR อย่างไรก็ดี ในช่วง เดือนพฤษภาคม-กรกฎาคม 2548 ธนาคารพาณิชย์ได้ทยอยปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยเงินฝากและเงินให้กู้เกือบทุกประเภทขึ้นในช่วงร้อยละ 0.25-0.50 ต่อปี โดยธนาคารพาณิชย์ ขนาดใหญ่ทุกแห่งได้มีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินฝากระยะ 12-24 เดือนเพื่อรองรับการแข่งขัน และอัตราดอกเบี้ย MLR เฉลี่ย 4 ธนาคารขนาดใหญ่เพิ่มขึ้นเล็กน้อยจาก ร้อยละ 5.69 ต่อปี ในไตรมาสก่อนเป็นร้อยละ 5.875 ต่อปี ในไตรมาสนี้
ในช่วงหลังของปี ปัจจัยเสี่ยงจากแนวโน้มเศรษฐกิจ ที่ชะลอตัวลงและภาวะต้นทุนทางการเงินที่สูงขึ้นน่าจะยัง ไม่กระทบความสามารถในการทำกำไรของระบบธนาคารพาณิชย์มากนัก เนื่องจากส่วนใหญ่ได้เพิ่มความระมัดระวังด้านคุณภาพของสินเชื่อและมีการเร่งรัดจัดการสินทรัพย์ และหนี้สินด้อยคุณภาพ นอกจากนี้ ในปัจจุบันธนาคารพาณิชย์มีความเพียงพอของเงินกองทุน และได้เตรียมปรับองค์กรตลอดจนแนวทางการดำเนินงานเพื่อรองรับการแข่งขันที่คาดว่าจะเพิ่มมากขึ้นบ้างแล้ว
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--