ข่าวเศรษฐกิจในประเทศ
1. กนง. ธปท.ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอาร์พีระยะ 14 วันอีกร้อยละ0.25 นางอัจนา ไวความดี ผู้ช่วย
ผู้ว่าการ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) มีมติ
ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอาร์พีระยะ 14 วัน อีกร้อยละ 0.25 จากร้อยละ 2.5 ต่อปี เป็นร้อยละ 2.75 ต่อปี เนื่อง
จากเห็นว่าราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้นมีผลกระทบต่อเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ ทำให้ขาดดุลบัญชีเดินสะพัดมากขึ้น กนง.
ได้ประเมินว่า มีความเป็นไปได้ที่ยอดการขาดดุลบัญชีเดินสะพัดสิ้นปี 48 จะมากกว่า 3,000 ล้านดอลลาร์
สรอ. เนื่องจากราคาน้ำมันดิบดูไบปรับตัวสูงขึ้นจากประมาณการเดิมที่ 44 ดอลลาร์ สรอ./บาร์เรล เป็น 55
ดอลลาร์ สรอ./บาร์เรล และมูลค่าการนำเข้าน้ำมันในช่วงเดือน พ.ค.และมิ.ย.ได้เร่งตัวสูงมาก จึงทำให้การ
ขาดดุลบัญชีเดินสะพัดน่าจะสูงกว่าที่ ธปท.เคยประมาณการไว้ และมีโอกาสที่อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานจะเร่งตัวสูงกว่า
เป้าหมาย โดยเงินเฟ้อพื้นฐานที่ ธปท.กำหนดไว้อยู่ที่ร้อยละ 0-3.5 เนื่องจากการลอยตัวราคาน้ำมันดีเซลใน
ประเทศ การปรับขึ้นของราคาสินค้า และการปรับขึ้นของค่าแรงขั้นต่ำ ดังนั้น ดอกเบี้ยนโยบายควรอยู่ในทิศทางขา
ขึ้นเพื่อควบคุมอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานให้อยู่ภายในเกณฑ์ที่กำหนด เพื่อรักษาการขยายตัวอย่างยั่งยืนของเศรษฐกิจใน
ระยะยาว (ข่าวสด, สยามรัฐ, มติชน, บ้านเมือง, เดลินิวส์, ไทยรัฐ, โลกวันนี้, กรุงเทพธุรกิจ, ผู้จัดการรายวัน)
2. ผลการดำเนินงาน ธพ. 11 แห่งในไตรมาส 2 ปี 48 มีกำไรเพิ่มขึ้นร้อยละ 163.96 เทียบต่อ
ปี ธพ. 11 แห่ง จากจำนวน 12 แห่ง ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ได้แจ้งผลการ
ดำเนินงานไตรมาส 2 ปี 48 พบว่ามีกำไรสุทธิรวม 23,257.32 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4,342.24 ล้านบาท จากช่วง
เดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 18,915.07 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 163.96 โดยมีเพียง 2 ธนาคารเท่านั้น
ที่มีกำไรสุทธิลดลง คือ ธ.เอเชีย และ ธ.ไทยพาณิชย์ที่มีกำไรลดลงร้อยละ 15.92 และ 12.26 จากช่วงเดียวกัน
ของปีก่อนตามลำดับ ทั้งนี้ ธนาคารที่มีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นมากที่สุด คือ ธ.สแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด นครธน มีกำไรสุทธิ
เพิ่มขึ้นร้อยละ 123.10 จากงวดเดียวกันปีก่อน รองลงมา คือ ธ.กรุงไทย และ ธ.ยูโอบี รัตนสิน ส่วนผลการ
ดำเนินงานงวดครึ่งแรกปี 48 ของทั้ง 11 ธนาคาร มีกำไรสุทธิรวม 48,363.64 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4,109.96
ล้านบาท หรือร้อยละ 9.28 จากงวดเดียวกันของปีก่อน โดย ธ.กรุงเทพ เป็นธนาคารที่มีกำไรงวดครึ่งปีแรกสูงที่
สุด 11,576.77 ล้านบาท รองลงมา คือ ธ.ไทยพาณิชย์ 9,210.50 ล้านบาท และ ธ.กสิกรไทย 7,691.78
ล้านบาท (มติชน, เดลินิวส์, โลกวันนี้, ผู้จัดการรายวัน)
3. กกร.ประเมินเศรษฐกิจไทยขยายตัวร้อยละ 3.0-3.5 ประธานสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย
เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการร่วม 3 สถาบันเอกชน (กกร.) คือ สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย สภา
อุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) และสมาคมธนาคารไทย ว่า ที่ประชุมได้ประเมินภาวะเศรษฐกิจในครึ่ง
หลังปี 48 และปี 49 ภายหลังที่รัฐบาลมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจออกมา โดยวิเคราะห์ถึงปัญหาที่จะมากระทบต่อ
เศรษฐกิจ โดยส่วนใหญ่เห็นว่าผลิตภัณฑ์ในประเทศ (จีดีพี) ปีนี้จะขยายตัวต่ำกว่าร้อยละ 4 อยู่ทีร้อยละ 3.0-3.5
จากเดิมที่เคยคาดว่าจะอยู่ที่ร้อยละ 5.0-5.5 และจะเกิดภาวะขาดดุลบัญชีเดินสะพัด (กรุงเทพธุรกิจ)
4. ดัชนีราคาส่งออกในช่วง 6 เดือนแรกปี 48 ปรับตัวสูงขึ้นร้อยละ 7.4 โฆษก ก.พาณิชย์ เปิดเผย
ถึงดัชนีราคาส่งออกของประเทศในช่วง 6 เดือนแรก (ม.ค.-มิ.ย.) ของปี 48 ว่า มีค่าเท่ากับ 110.9 ปรับตัว
สูงขึ้นร้อยละ 7.4 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยเป็นการปรับเพิ่มขึ้นของดัชนีราคาส่งออกสินค้าหมวด
เกษตรกรรมร้อยละ 4.9 หมวดสินค้าอุตสาหกรรมเกษตรร้อยละ 11.1 หมวดสินค้าอุตสาหกรรมร้อยละ 6.4 และ
หมวดสินค้าแร่และเชื้อเพลิงร้อยละ 27.8 ทั้งนี้ เป็นผลจากการสูงขึ้นของข้าว กาแฟ ผลิตภัณฑ์ มันสำปะหลัง
น้ำตาลทราย และกากน้ำตาล อาหารทะเลกระป๋องและแปรรูป น้ำมันดิบ และแร่ยิบซัม เป็นต้น (แนวหน้า, โลกวันนี้)
5. กรมสรรพากรเผยขณะนี้ไม่มีนโยบายขยายอายุมาตรการลดหย่อนภาษีให้บริษัทที่จะเข้าจดทะเบียน
ใน ตลท. อธิบดีกรมสรรพากร เปิดเผยว่า ขณะนี้กรมสรรพากรไม่มีนโยบายที่จะขยายอายุมาตรการลดหย่อนภาษีให้
กับบริษัทที่จะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ซึ่งกำลังจะสิ้นสุดมาตรการในสิ้นปีนี้แต่
อย่างใด เนื่องจากเป็นมาตรการระยะสั้นที่ต้องการสนับสนุนให้บริษัทเอกชนที่มีความพร้อมเข้าจดทะเบียนในตลาดหุ้น
ไทย เพื่อระดมทุนเป็นหลัก ไม่ใช่กระตุ้นให้จดทะเบียนเพื่อให้ได้รับสิทธิพิเศษทางภาษีอากร จึงสมควรดำเนินการใน
ช่วงเวลาใดเวลาหนึ่งเพื่อจูงใจเท่านั้น ไม่ใช่ให้การสนับสนุนเป็นมาตรการถาวร ทั้งนี้ กรมสรรพากรได้ลดหย่อน
ภาษีเงินได้นิติบุคคลให้กับบริษัทที่เข้าจดทะเบียนใน ตลท.จากร้อยละ 30 เหลือร้อยละ 25 ของกำไรสุทธิ เป็น
เวลา 5 ปี และลดหย่อนภาษีให้กับบริษัทที่เข้าจทดะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ใหม่จากร้อยละ 30 เหลือร้อยละ 20
เพื่อกระตุ้นให้บริษัทเอกชนเข้ามาระดมทุนในตลาดหุ้น เพื่อกระตุ้นตลาดและเพิ่มสินค้าใหม่ ๆ ในตลาดให้มากขึ้น
(เดลินิวส์)
ข่าวเศรษฐกิจต่างประเทศ
1. เดือน พ.ค.48 ยูโรโซนเกินดุลการค้าเพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อยจากเดือนก่อนหน้า รายงานจากบ
รัสเซลส์เมื่อ 20 ก.ค.48 The European Union’s Statistics (Eurostat) เปิดเผยว่า ยอดเกินดุลการ
ค้าของ 12 ประเทศเขตเศรษฐกิจยุโรป (ยูโรโซน) ก่อนปรับฤดูกาลในเดือน พ.ค.48 อยู่ที่ระดับ 2.2 พัน ล.ยู
โร (2.65 พัน ล.ดอลลาร์ สรอ.) เพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากเดือนก่อนหน้าซึ่งมีจำนวน 2 พัน ล.ยูโร แต่ต่ำกว่าเดือน
เดียวกันของปีก่อนซึ่งมีจำนวน 7.2 พัน ล.ยูโร โดยการส่งออกในเดือน พ.ค.เพิ่มขึ้นร้อยละ 8 เทียบต่อปีหรือเป็น
จำนวน 100.5 พัน ล.ยูโร ขณะที่การนำเข้าขยายตัวถึงร้อยละ 14 เป็นจำนวน 98.3 พัน ล.ยูโร สำหรับยอด
เกินดุลการค้าในช่วงเดือน ม.ค.-พ.ค.48 มีจำนวน 10.2 พัน ล.ยูโร น้อยกว่า 1 ใน 3 ของช่วงเดียวกันปี
ก่อน ซึ่งมีจำนวน 33 พัน ล.ยูโร นอกจากนี้ Eurostat เปิดเผยว่า สหภาพยุโรป (25 ประเทศ) ขาดดุลการค้า
เป็นจำนวน 7.3 พัน ล.ยูโรในเดือน พ.ค.48 สูงเป็น 2 เท่าของช่วงเดียวกันปีก่อน แต่ลดลงจากเดือนก่อนหน้า
ซึ่งขาดดุลการค้า 8.9 พัน ล.ยูโร สำหรับช่วงเดือน 5 เดือนแรก (ม.ค.-พ.ค.48) สหภาพยุโรปขาดดุลการค้า
เป็นจำนวน 43.8 พัน ล.ยูโร เพิ่มขึ้นจาก 27.8 พัน ล.ยูโรในช่วงเดียวกันปีก่อน (รอยเตอร์)
2. ยอดเกินดุลการค้าในเดือน มิ.ย.48 ของญี่ปุ่นลดลงน้อยกว่าที่คาดไว้ รายงานจากโตเกียว เมื่อ
21 ก.ค.48 ยอดเกินดุลการค้าของญี่ปุ่นในเดือน มิ.ย.48 มีจำนวน 873.1 พันล้านเยนหรือ 7.7 พันล้าน
ดอลลาร์ สรอ.ลดลงร้อยละ 23.5 จากปีก่อน โดยลดลงเป็นเดือนที่ 3 ติดต่อกัน แต่มีจำนวนสูงกว่าที่คาดไว้ก่อน
หน้านี้ที่ 750.6 พันล้านเยน โดยเป็นผลจากการส่งออกชะลอตัวลงโดยเฉพาะการส่งออกไปยังจีนที่เพิ่มขึ้นเพียงร้อย
ละ 2.3 เทียบกับปีก่อนที่เพิ่มขึ้นในอัตราเลข 2 หลัก อันเป็นผลจากมาตรการชะลอความร้อนแรงในบางภาค
เศรษฐกิจของรัฐบาลจีน ในขณะที่มูลค่าการนำเข้าเพิ่มขึ้นจากราคาน้ำมันที่สูงขึ้น โดยยอดส่งออกของญี่ปุ่นในเดือน
มิ.ย.48 เพิ่มขึ้นร้อยละ 3.6 จากปีก่อนมีจำนวน 5.5 ล้านล้านเยน ในขณะที่ยอดนำเข้าเพิ่มขึ้นร้อยละ 11.0 จาก
ปีก่อนมีจำนวน 4.6 ล้านล้านเยน นักเศรษฐศาสตร์คาดว่าการส่งออกของญี่ปุ่นจะกลับมาฟื้นตัวในช่วงไตรมาสสุดท้าย
ปีนี้ซึ่งเป็นเวลาที่คาดว่าระดับสินค้าคงคลังของสินค้าประเภทไอทีในตลาดส่งออกของญี่ปุ่นลดลงแล้ว (รอยเตอร์)
3. คาดว่ายอดค้าปลีกของอังกฤษจะขยายตัวต่ำสุดในรอบเกือบทศวรรษ รายงานจากลอนดอน เมื่อ
วันที่ 20 ก.ค. 48 ผลการสำรวจของรอยเตอร์คาดว่าในเดือนมิ.ย. ยอดค้าปลีกของอังกฤษจะขยายตัวร้อยละ
0.2 จากเดือนก่อนหน้าและขยายตัวร้อยละ 0.7 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีที่แล้ว ซึ่งเป็นอัตราการขยายตัวต่ำที่สุด
ในรอบเกือบ 10 ปีนับตั้งแต่เดือนม.ค. 39 ทั้งนี้ยอดค้าปลีกของอังกฤษในเดือนพ.ค. ขยายตัวร้อยละ 0.1 เทียบ
ต่อเดือนและร้อยละ 1.3 เทียบต่อปี ซึ่งนักวิเคราะห์เห็นว่าการขยายตัวของยอดค้าปลีกดังกล่าวเนื่องจากราคาบ้าน
ของอังกฤษมีเสถียรภาพรวมทั้งเริ่มเทศกาลลดราคาในช่วงต้นฤดูร้อนกระตุ้นให้ผู้บริโภคมีการใช้จ่ายเพิ่มขึ้น ทั้งนี้
สำนักงานสถิติแห่งชาติของอังกฤษมีกำหนดจะประกาศตัวเลขยอดค้าปลีกอย่างเป็นทางการในวันพฤหัสบดีนี้เวลา
8.30 น ตามเวลาท้องถิ่น(รอยเตอร์)
4. ดัชนีราคาผู้บริโภคของมาเลเซียในเดือนมิ.ย. เพิ่มขึ้นร้อยละ 3.2 จากระยะเดียวกันปีที่แล้ว
รายงานจากกัวลาลัมเปอร์ เมื่อวันที่ 20 ก.ค. 48 สำนักงานสถิติแห่งชาติมาเลเซียเปิดเผยว่าในเดือนมิ.ย. ดัชนี
ราคาผู้บริโภค (CPI) ซึ่งเป็นเครื่องชี้วัดภาวะเงินเฟ้อของมาเลเซียเพิ่มขึ้นร้อยละ 3.2 จากช่วงเดียวกันปีที่แล้ว
เพิ่มขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนก.พ. 42 ที่ CPI เพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 3.8 ส่วนใหญ่เป็นการเพิ่มขึ้นในหมวดสินค้า
เครื่องดื่มและยาสูบที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 13.4 ส่วนหมวดอาหารเพิ่มขึ้นร้อยละ 3.6 สำหรับเครื่องนุ่มห่มลดลงร้อยละ
1.1 (รอยเตอร์)
ข้อมูลเศรษฐกิจ 21 ก.ค. 48 20 ก.ค. 48 30 ม.ค. 47 แหล่งข้อมูล
อัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยระหว่างธนาคาร (Bht/1US$) 42.089 39.263 ธปท.
อัตราซื้อถัวเฉลี่ยตั๋วเงิน/อัตราขายถัวเฉลี่ยของ ธพ. (Bht/1US$) 41.8843/42.1598 39.0915/39.3765 ธปท.
อัตราดอกเบี้ยกู้ยืมระหว่าง ธพ. ขนาดใหญ่ระยะ 7 วัน (ร้อยละ) 2.7800-2.78125 1.1875 - 1.2800 รอยเตอร์
ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ (จุด)/มูลค่าซื้อ/ขาย (พันล้านบาท) 650.04/ 13.91 698.90/29.26 ตลท.
ราคาทองคำแท่ง (ซื้อ/ขายบาทละ) 8,350/8,450 8,300/8,400 7,400/7,500 สมาคมค้าทองคำ
ราคาน้ำมันดิบดูไบ (US$/บาเรล) 50.14 51.45 28.18 ปตท./รอยเตอร์
ราคาน้ำมันเบนซิน 95/ดีเซล (บาท) 25.74*/22.99** 25.74*/22.99** 16.99/14.59 ปตท.
* ปรับเพิ่ม 40 สตางค์ เมื่อ 12 ก.ค. 48
**ปรับเพิ่ม 90 สตางค์เมื่อ13 ก.ค. 48
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--
1. กนง. ธปท.ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอาร์พีระยะ 14 วันอีกร้อยละ0.25 นางอัจนา ไวความดี ผู้ช่วย
ผู้ว่าการ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) มีมติ
ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอาร์พีระยะ 14 วัน อีกร้อยละ 0.25 จากร้อยละ 2.5 ต่อปี เป็นร้อยละ 2.75 ต่อปี เนื่อง
จากเห็นว่าราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้นมีผลกระทบต่อเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ ทำให้ขาดดุลบัญชีเดินสะพัดมากขึ้น กนง.
ได้ประเมินว่า มีความเป็นไปได้ที่ยอดการขาดดุลบัญชีเดินสะพัดสิ้นปี 48 จะมากกว่า 3,000 ล้านดอลลาร์
สรอ. เนื่องจากราคาน้ำมันดิบดูไบปรับตัวสูงขึ้นจากประมาณการเดิมที่ 44 ดอลลาร์ สรอ./บาร์เรล เป็น 55
ดอลลาร์ สรอ./บาร์เรล และมูลค่าการนำเข้าน้ำมันในช่วงเดือน พ.ค.และมิ.ย.ได้เร่งตัวสูงมาก จึงทำให้การ
ขาดดุลบัญชีเดินสะพัดน่าจะสูงกว่าที่ ธปท.เคยประมาณการไว้ และมีโอกาสที่อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานจะเร่งตัวสูงกว่า
เป้าหมาย โดยเงินเฟ้อพื้นฐานที่ ธปท.กำหนดไว้อยู่ที่ร้อยละ 0-3.5 เนื่องจากการลอยตัวราคาน้ำมันดีเซลใน
ประเทศ การปรับขึ้นของราคาสินค้า และการปรับขึ้นของค่าแรงขั้นต่ำ ดังนั้น ดอกเบี้ยนโยบายควรอยู่ในทิศทางขา
ขึ้นเพื่อควบคุมอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานให้อยู่ภายในเกณฑ์ที่กำหนด เพื่อรักษาการขยายตัวอย่างยั่งยืนของเศรษฐกิจใน
ระยะยาว (ข่าวสด, สยามรัฐ, มติชน, บ้านเมือง, เดลินิวส์, ไทยรัฐ, โลกวันนี้, กรุงเทพธุรกิจ, ผู้จัดการรายวัน)
2. ผลการดำเนินงาน ธพ. 11 แห่งในไตรมาส 2 ปี 48 มีกำไรเพิ่มขึ้นร้อยละ 163.96 เทียบต่อ
ปี ธพ. 11 แห่ง จากจำนวน 12 แห่ง ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ได้แจ้งผลการ
ดำเนินงานไตรมาส 2 ปี 48 พบว่ามีกำไรสุทธิรวม 23,257.32 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4,342.24 ล้านบาท จากช่วง
เดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 18,915.07 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 163.96 โดยมีเพียง 2 ธนาคารเท่านั้น
ที่มีกำไรสุทธิลดลง คือ ธ.เอเชีย และ ธ.ไทยพาณิชย์ที่มีกำไรลดลงร้อยละ 15.92 และ 12.26 จากช่วงเดียวกัน
ของปีก่อนตามลำดับ ทั้งนี้ ธนาคารที่มีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นมากที่สุด คือ ธ.สแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด นครธน มีกำไรสุทธิ
เพิ่มขึ้นร้อยละ 123.10 จากงวดเดียวกันปีก่อน รองลงมา คือ ธ.กรุงไทย และ ธ.ยูโอบี รัตนสิน ส่วนผลการ
ดำเนินงานงวดครึ่งแรกปี 48 ของทั้ง 11 ธนาคาร มีกำไรสุทธิรวม 48,363.64 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4,109.96
ล้านบาท หรือร้อยละ 9.28 จากงวดเดียวกันของปีก่อน โดย ธ.กรุงเทพ เป็นธนาคารที่มีกำไรงวดครึ่งปีแรกสูงที่
สุด 11,576.77 ล้านบาท รองลงมา คือ ธ.ไทยพาณิชย์ 9,210.50 ล้านบาท และ ธ.กสิกรไทย 7,691.78
ล้านบาท (มติชน, เดลินิวส์, โลกวันนี้, ผู้จัดการรายวัน)
3. กกร.ประเมินเศรษฐกิจไทยขยายตัวร้อยละ 3.0-3.5 ประธานสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย
เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการร่วม 3 สถาบันเอกชน (กกร.) คือ สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย สภา
อุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) และสมาคมธนาคารไทย ว่า ที่ประชุมได้ประเมินภาวะเศรษฐกิจในครึ่ง
หลังปี 48 และปี 49 ภายหลังที่รัฐบาลมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจออกมา โดยวิเคราะห์ถึงปัญหาที่จะมากระทบต่อ
เศรษฐกิจ โดยส่วนใหญ่เห็นว่าผลิตภัณฑ์ในประเทศ (จีดีพี) ปีนี้จะขยายตัวต่ำกว่าร้อยละ 4 อยู่ทีร้อยละ 3.0-3.5
จากเดิมที่เคยคาดว่าจะอยู่ที่ร้อยละ 5.0-5.5 และจะเกิดภาวะขาดดุลบัญชีเดินสะพัด (กรุงเทพธุรกิจ)
4. ดัชนีราคาส่งออกในช่วง 6 เดือนแรกปี 48 ปรับตัวสูงขึ้นร้อยละ 7.4 โฆษก ก.พาณิชย์ เปิดเผย
ถึงดัชนีราคาส่งออกของประเทศในช่วง 6 เดือนแรก (ม.ค.-มิ.ย.) ของปี 48 ว่า มีค่าเท่ากับ 110.9 ปรับตัว
สูงขึ้นร้อยละ 7.4 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยเป็นการปรับเพิ่มขึ้นของดัชนีราคาส่งออกสินค้าหมวด
เกษตรกรรมร้อยละ 4.9 หมวดสินค้าอุตสาหกรรมเกษตรร้อยละ 11.1 หมวดสินค้าอุตสาหกรรมร้อยละ 6.4 และ
หมวดสินค้าแร่และเชื้อเพลิงร้อยละ 27.8 ทั้งนี้ เป็นผลจากการสูงขึ้นของข้าว กาแฟ ผลิตภัณฑ์ มันสำปะหลัง
น้ำตาลทราย และกากน้ำตาล อาหารทะเลกระป๋องและแปรรูป น้ำมันดิบ และแร่ยิบซัม เป็นต้น (แนวหน้า, โลกวันนี้)
5. กรมสรรพากรเผยขณะนี้ไม่มีนโยบายขยายอายุมาตรการลดหย่อนภาษีให้บริษัทที่จะเข้าจดทะเบียน
ใน ตลท. อธิบดีกรมสรรพากร เปิดเผยว่า ขณะนี้กรมสรรพากรไม่มีนโยบายที่จะขยายอายุมาตรการลดหย่อนภาษีให้
กับบริษัทที่จะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ซึ่งกำลังจะสิ้นสุดมาตรการในสิ้นปีนี้แต่
อย่างใด เนื่องจากเป็นมาตรการระยะสั้นที่ต้องการสนับสนุนให้บริษัทเอกชนที่มีความพร้อมเข้าจดทะเบียนในตลาดหุ้น
ไทย เพื่อระดมทุนเป็นหลัก ไม่ใช่กระตุ้นให้จดทะเบียนเพื่อให้ได้รับสิทธิพิเศษทางภาษีอากร จึงสมควรดำเนินการใน
ช่วงเวลาใดเวลาหนึ่งเพื่อจูงใจเท่านั้น ไม่ใช่ให้การสนับสนุนเป็นมาตรการถาวร ทั้งนี้ กรมสรรพากรได้ลดหย่อน
ภาษีเงินได้นิติบุคคลให้กับบริษัทที่เข้าจดทะเบียนใน ตลท.จากร้อยละ 30 เหลือร้อยละ 25 ของกำไรสุทธิ เป็น
เวลา 5 ปี และลดหย่อนภาษีให้กับบริษัทที่เข้าจทดะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ใหม่จากร้อยละ 30 เหลือร้อยละ 20
เพื่อกระตุ้นให้บริษัทเอกชนเข้ามาระดมทุนในตลาดหุ้น เพื่อกระตุ้นตลาดและเพิ่มสินค้าใหม่ ๆ ในตลาดให้มากขึ้น
(เดลินิวส์)
ข่าวเศรษฐกิจต่างประเทศ
1. เดือน พ.ค.48 ยูโรโซนเกินดุลการค้าเพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อยจากเดือนก่อนหน้า รายงานจากบ
รัสเซลส์เมื่อ 20 ก.ค.48 The European Union’s Statistics (Eurostat) เปิดเผยว่า ยอดเกินดุลการ
ค้าของ 12 ประเทศเขตเศรษฐกิจยุโรป (ยูโรโซน) ก่อนปรับฤดูกาลในเดือน พ.ค.48 อยู่ที่ระดับ 2.2 พัน ล.ยู
โร (2.65 พัน ล.ดอลลาร์ สรอ.) เพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากเดือนก่อนหน้าซึ่งมีจำนวน 2 พัน ล.ยูโร แต่ต่ำกว่าเดือน
เดียวกันของปีก่อนซึ่งมีจำนวน 7.2 พัน ล.ยูโร โดยการส่งออกในเดือน พ.ค.เพิ่มขึ้นร้อยละ 8 เทียบต่อปีหรือเป็น
จำนวน 100.5 พัน ล.ยูโร ขณะที่การนำเข้าขยายตัวถึงร้อยละ 14 เป็นจำนวน 98.3 พัน ล.ยูโร สำหรับยอด
เกินดุลการค้าในช่วงเดือน ม.ค.-พ.ค.48 มีจำนวน 10.2 พัน ล.ยูโร น้อยกว่า 1 ใน 3 ของช่วงเดียวกันปี
ก่อน ซึ่งมีจำนวน 33 พัน ล.ยูโร นอกจากนี้ Eurostat เปิดเผยว่า สหภาพยุโรป (25 ประเทศ) ขาดดุลการค้า
เป็นจำนวน 7.3 พัน ล.ยูโรในเดือน พ.ค.48 สูงเป็น 2 เท่าของช่วงเดียวกันปีก่อน แต่ลดลงจากเดือนก่อนหน้า
ซึ่งขาดดุลการค้า 8.9 พัน ล.ยูโร สำหรับช่วงเดือน 5 เดือนแรก (ม.ค.-พ.ค.48) สหภาพยุโรปขาดดุลการค้า
เป็นจำนวน 43.8 พัน ล.ยูโร เพิ่มขึ้นจาก 27.8 พัน ล.ยูโรในช่วงเดียวกันปีก่อน (รอยเตอร์)
2. ยอดเกินดุลการค้าในเดือน มิ.ย.48 ของญี่ปุ่นลดลงน้อยกว่าที่คาดไว้ รายงานจากโตเกียว เมื่อ
21 ก.ค.48 ยอดเกินดุลการค้าของญี่ปุ่นในเดือน มิ.ย.48 มีจำนวน 873.1 พันล้านเยนหรือ 7.7 พันล้าน
ดอลลาร์ สรอ.ลดลงร้อยละ 23.5 จากปีก่อน โดยลดลงเป็นเดือนที่ 3 ติดต่อกัน แต่มีจำนวนสูงกว่าที่คาดไว้ก่อน
หน้านี้ที่ 750.6 พันล้านเยน โดยเป็นผลจากการส่งออกชะลอตัวลงโดยเฉพาะการส่งออกไปยังจีนที่เพิ่มขึ้นเพียงร้อย
ละ 2.3 เทียบกับปีก่อนที่เพิ่มขึ้นในอัตราเลข 2 หลัก อันเป็นผลจากมาตรการชะลอความร้อนแรงในบางภาค
เศรษฐกิจของรัฐบาลจีน ในขณะที่มูลค่าการนำเข้าเพิ่มขึ้นจากราคาน้ำมันที่สูงขึ้น โดยยอดส่งออกของญี่ปุ่นในเดือน
มิ.ย.48 เพิ่มขึ้นร้อยละ 3.6 จากปีก่อนมีจำนวน 5.5 ล้านล้านเยน ในขณะที่ยอดนำเข้าเพิ่มขึ้นร้อยละ 11.0 จาก
ปีก่อนมีจำนวน 4.6 ล้านล้านเยน นักเศรษฐศาสตร์คาดว่าการส่งออกของญี่ปุ่นจะกลับมาฟื้นตัวในช่วงไตรมาสสุดท้าย
ปีนี้ซึ่งเป็นเวลาที่คาดว่าระดับสินค้าคงคลังของสินค้าประเภทไอทีในตลาดส่งออกของญี่ปุ่นลดลงแล้ว (รอยเตอร์)
3. คาดว่ายอดค้าปลีกของอังกฤษจะขยายตัวต่ำสุดในรอบเกือบทศวรรษ รายงานจากลอนดอน เมื่อ
วันที่ 20 ก.ค. 48 ผลการสำรวจของรอยเตอร์คาดว่าในเดือนมิ.ย. ยอดค้าปลีกของอังกฤษจะขยายตัวร้อยละ
0.2 จากเดือนก่อนหน้าและขยายตัวร้อยละ 0.7 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีที่แล้ว ซึ่งเป็นอัตราการขยายตัวต่ำที่สุด
ในรอบเกือบ 10 ปีนับตั้งแต่เดือนม.ค. 39 ทั้งนี้ยอดค้าปลีกของอังกฤษในเดือนพ.ค. ขยายตัวร้อยละ 0.1 เทียบ
ต่อเดือนและร้อยละ 1.3 เทียบต่อปี ซึ่งนักวิเคราะห์เห็นว่าการขยายตัวของยอดค้าปลีกดังกล่าวเนื่องจากราคาบ้าน
ของอังกฤษมีเสถียรภาพรวมทั้งเริ่มเทศกาลลดราคาในช่วงต้นฤดูร้อนกระตุ้นให้ผู้บริโภคมีการใช้จ่ายเพิ่มขึ้น ทั้งนี้
สำนักงานสถิติแห่งชาติของอังกฤษมีกำหนดจะประกาศตัวเลขยอดค้าปลีกอย่างเป็นทางการในวันพฤหัสบดีนี้เวลา
8.30 น ตามเวลาท้องถิ่น(รอยเตอร์)
4. ดัชนีราคาผู้บริโภคของมาเลเซียในเดือนมิ.ย. เพิ่มขึ้นร้อยละ 3.2 จากระยะเดียวกันปีที่แล้ว
รายงานจากกัวลาลัมเปอร์ เมื่อวันที่ 20 ก.ค. 48 สำนักงานสถิติแห่งชาติมาเลเซียเปิดเผยว่าในเดือนมิ.ย. ดัชนี
ราคาผู้บริโภค (CPI) ซึ่งเป็นเครื่องชี้วัดภาวะเงินเฟ้อของมาเลเซียเพิ่มขึ้นร้อยละ 3.2 จากช่วงเดียวกันปีที่แล้ว
เพิ่มขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนก.พ. 42 ที่ CPI เพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 3.8 ส่วนใหญ่เป็นการเพิ่มขึ้นในหมวดสินค้า
เครื่องดื่มและยาสูบที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 13.4 ส่วนหมวดอาหารเพิ่มขึ้นร้อยละ 3.6 สำหรับเครื่องนุ่มห่มลดลงร้อยละ
1.1 (รอยเตอร์)
ข้อมูลเศรษฐกิจ 21 ก.ค. 48 20 ก.ค. 48 30 ม.ค. 47 แหล่งข้อมูล
อัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยระหว่างธนาคาร (Bht/1US$) 42.089 39.263 ธปท.
อัตราซื้อถัวเฉลี่ยตั๋วเงิน/อัตราขายถัวเฉลี่ยของ ธพ. (Bht/1US$) 41.8843/42.1598 39.0915/39.3765 ธปท.
อัตราดอกเบี้ยกู้ยืมระหว่าง ธพ. ขนาดใหญ่ระยะ 7 วัน (ร้อยละ) 2.7800-2.78125 1.1875 - 1.2800 รอยเตอร์
ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ (จุด)/มูลค่าซื้อ/ขาย (พันล้านบาท) 650.04/ 13.91 698.90/29.26 ตลท.
ราคาทองคำแท่ง (ซื้อ/ขายบาทละ) 8,350/8,450 8,300/8,400 7,400/7,500 สมาคมค้าทองคำ
ราคาน้ำมันดิบดูไบ (US$/บาเรล) 50.14 51.45 28.18 ปตท./รอยเตอร์
ราคาน้ำมันเบนซิน 95/ดีเซล (บาท) 25.74*/22.99** 25.74*/22.99** 16.99/14.59 ปตท.
* ปรับเพิ่ม 40 สตางค์ เมื่อ 12 ก.ค. 48
**ปรับเพิ่ม 90 สตางค์เมื่อ13 ก.ค. 48
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--