สรุปภาวะการค้าไทย-สหรัฐระหว่างเดือน ม.ค.- ส.ค.2548

ข่าวเศรษฐกิจ Thursday October 20, 2005 17:01 —กรมส่งเสริมการส่งออก

1. สหรัฐอเมริกาเป็นตลาดนำเข้าสำคัญอันดับ 1 ของโลก (ม.ค.-ก.ค.48) มีมูลค่าการนำเข้ารวม 929,538,148,071 เหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นร้อยละ 13.312. แหล่งผลิตสำคัญที่สหรัฐอเมริกานำเข้าในปี 2548 (ม.ค.-ส.ค.) ได้แก่ - แคนาดา ร้อยละ 17.07 มูลค่า 183,556.896 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นร้อยละ 8.90 - จีน ร้อยละ 14.21 มูลค่า 152,832.287 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นร้อยละ 25.80 - เม็กซิโก ร้อยละ 10.22 มูลค่า 109,959.958 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นร้อยละ 8.37 - ญี่ปุ่น ร้อยละ 8.50 มูลค่า 91,361.106 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นร้อยละ 7.47ส่วนการนำเข้าจากไทยอยู่อันดับที่ 17 สัดส่วนร้อยละ 1.19 มูลค่า 12,798.581 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นร้อยละ 14.673. สหรัฐฯ ได้ใช้ทุกมาตรการเพื่อกดดันจีนในปี 2548 โดยจีนเองก็ไม่ต้องการมีปัญหากับสหรัฐฯ จึงต้องปรับค่าเงินหยวนเพราะจีนต้องพึ่งพาตลาดสหรัฐฯ มาก อย่างไรก็ตามจีนจะไม่อยู่เฉยแต่จะปรับกลยุทธ์การต่อสู้ โดยจีนจะต้องเผชิญหน้าด้านเศรษฐกิจกับสหรัฐฯ โดยตรงซึ่งการที่เงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าเป็นนโยบายของสหรัฐฯ เพื่อผลักภาระให้ประเทศต่างๆ ในภูมิภาคเอเซีย โดยสหรัฐฯ มักจะให้เหตุผลว่าขาดดุลการค้ากับจีนจำนวนมหาศาล เพื่อกดดันให้จีนปรับค่าเงินหยวน ซึ่งจีนยอมผ่อนปรนเป็นขั้นตอนและปรับค่าเงินให้สอดคล้องกับความเป็นจริง พร้อมกับย้ายการลงทุนไปยังอินโดจีน ดังนั้นทุนจะเริ่มไหลเข้าอินโดจีน ไทยและอาเซียน เพื่อเตรียมรับกับโครงสร้างที่เปลี่ยนแปลงด้านความมั่นคงและเศรษฐกิจ4. สหรัฐอเมริกาเป็นตลาดส่งออกสำคัญอันดับหนึ่งของไทย โดยมีสัดส่วนการส่งออกไปตลาดนี้ (ม.ค.-ส.ค. 2548)มูลค่า 10,970.05 ล้านเหรียญสหรัฐฯ สัดส่วนร้อยละ 15.34 เพิ่มขึ้นร้อยละ 10.70 หรือคิดเป็นร้อยละ 64.27 ของเป้าหมายการส่งออก5.การค้าระหว่างประเทศไทย-สหรัฐฯมูลค่า : ล้านเหรียญสหรัฐ 2545 2546 2547 2547 2548 อัตราการขยายตัว (ร้อยละ) 2545 2546 2547 2548 (ม.ค.-ส.ค.) (ม.ค.-ส.ค) (ม.ค.-ส.ค) มูลค่าการค้า 19,656.45 20,688.79 22,732.18 14,689.51 16,850.66 -3.45 5.25 9.88 14.71 สินค้าออก 13,509.42 13,596.19 15,516.81 9,909.56 10,970.05 2.35 0.64 14.13 10.70 สินค้าเข้า 6,147.03 7,092.60 7,215.37 4,779.95 5,880.61 -14.14 15.38 1.73 23.03 ดุลการค้า 7,362.39 6,503.59 8,301.44 5,129.62 5,089.44 21.89 -11.66 27.64 -0.78 สินค้าไทยส่งออกไปสหรัฐอเมริกา (ม.ค.-ส.ค. 2548) 25 อันดับแรกมีสัดส่วนรวมกันร้อยละ 78.00 ของมูลค่าการส่งออกโดยรวมไปตลาดนี้ สินค้าสำคัญที่มูลค่าการส่งออกเพิ่มขึ้นเกินกว่าร้อยละ 50 มี 3 รายการ สินค้าสำคัญที่มีมูลค่าเพิ่มขึ้นเกินกว่าร้อยละ 25 มี 5 รายการ และสินค้าที่มีมูลค่าลดลงเกินกว่าร้อยละ 20 มี 2 รายการสถิติการส่งออกสินค้าไทยไปสหรัฐที่มีมูลค่าการเปลี่ยนแปลงสูงมูลค่า : ล้านเหรียญสหรัฐ อันดับที่ มูลค่า : ล้านเหรียญสหรัฐ มูลค่าการ % สัดส่วน ร้อยละ ตลาด ม.ค.-ส.ค47 ม.ค.-ส.ค48 เปลี่ยนแปลง เปลี่ยนแปลง 2547 2548 ม.ค.-ส.ค ม.ค.-ส.ค.1. สินค้าที่มีมูลค่าการส่งออกไปสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นสูง มากกว่าร้อยละ 50 มี 3 รายการ (1) เครื่องใช้ไฟฟ้าและส่วนประกอบอื่นๆ 8 216.33 362.81 146.48 67.71 2.33 3.31 (2) กุ้งสดแช่เย็น แช่แข็ง 9 202.45 329.45 127.00 62.73 2.41 3.00 (3) ผลิตภัณฑ์พลาสติก 15 122.47 197.63 75.16 61.36 1.29 1.80 2. สินค้าที่มีมูลค่าการส่งออกไปสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นสูง มากกว่าร้อยละ 25 มี 4 รายการ (1) อัญมณีและเครื่องประดับ 4 447.41 582.11 134.70 30.11 4.63 5.31 (2) ผลิตภัณฑ์ยาง 6 301.07 391.02 89.95 29.88 3.10 3.56 (3) วงจรพิมพ์ 10 222.65 310.85 88.20 39.61 2.20 2.83 (4) เครื่องใช้บนโต๊ะอาหารในครัวฯ 19 129.61 165.55 35.94 27.72 1.33 1.51 (5) เครื่องจักรกลและส่วนประกอบฯ 21 111.52 149.46 37.94 34.01 1.11 1.36 3. สินค้าที่มีมูลค่าการส่งออกไปสหรัฐฯ ลดลงมากกว่า ร้อยละ 20 มี 2 รายการ (1) ส่วนประกอบอากาศยานและอุปกรณ์การบิน 20 252.53 154.97 -97.56 -38.63 2.25 1.41 (2) แผงสวิสซ์และแผงควบคุม-กระแสไฟฟ้า 22 181.08 132.47 -48.61 -26.84 1.59 1.21 รวบรวมโดย : ศูนย์สารสนเทศการค้าระหว่างประเทศจากสถิติการส่งออกดังกล่าวมีข้อสังเกต ดังนี้เครื่องใช้ไฟฟ้าและส่วนประกอบ (HS. 85) Electrical Machinery - สหรัฐฯ นำเข้าจากไทยเป็นอันดับที่ 8 มูลค่า 3,695.524 ล้านเหรียญสหรัฐ มีสัดส่วนร้อยละ 2.84 เพิ่มขึ้นร้อยละ 32.00 ด้านการนำเข้าจากตลาดโลกของสหรัฐฯ มูลค่า 130,332.113 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 10.92 นำเข้าจาก จีน เม็กซิโก ญี่ปุ่น เป็นหลัก (ม.ค.-ส.ค. 2548)กุ้งสดแช่เย็น แช่แข็ง (HS. 030613) SHRIMP, PRAWN FROZEN - สหรัฐฯ นำเข้าจากไทยเป็นอันดับที่ 1 มูลค่า 334.249 ล้านเหรียญสหรัฐ มีสัดส่วนร้อยละ 21.25 เพิ่มขึ้นร้อยละ 42.63 ด้านการนำเข้าจากตลาดโลกของสหรัฐฯ มูลค่า 1,573.121 ล้านเหรียญสหรัฐ ลดลงร้อยละ 2.51 นำเข้าจาก ไทย อินโดนีเซีย เวียดนาม เป็นหลัก (ม.ค.-ส.ค. 2548)ผลิตภัณฑ์พลาสติก (HS. 3924) Tableware, Kitchenware, Other Household Articles and Toilet Articles of Plastic - สหรัฐฯ นำเข้าจากไทยอันดับที่ 8 มูลค่า 20.314 ล้านเหรียญสหรัฐ มีสัดส่วนร้อยละ 1.21 เพิ่มขึ้นร้อยละ 5.81 ด้านการนำเข้าจากตลาดโลกของสหรัฐฯ มูลค่า 1,685.462 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 20.38 นำเข้าจาก จีน เม็กซิโก ไต้หวัน เป็นหลัก (ม.ค.-ส.ค. 2548)อัณมณีและเครื่องประดับ (HS.7102) DIAMONS - สหรัฐฯ นำเข้าจากไทยเป็นอันดับที่ 15 มูลค่า 26.435 ล้านเหรียญสหรัฐ มีสัดส่วนร้อยละ 0.25 ลดลงร้อยละ 15.20 ด้านการนำเข้าจากตลาดโลกของสหรัฐฯ มูลค่า 10,658.407 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 10.71 นำเข้าจาก อิสราเอล อินเดีย เบลเยี่ยม เป็นหลัก (ม.ค.-ส.ค. 2548) (HS 7103) Precious And Semiprecious stone - สหรัฐฯ นำเข้าจากไทยเป็นอันดับที่ 1 มูลค่า 121.191 ล้านเหรียญสหรัฐ มีสัดส่วนร้อยละ 23.39 ลดลงร้อยละ 0.60 ด้านการนำเข้าจากตลาดโลกของสหรัฐฯ มูลค่า 518.206 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 12.11 นำเข้าจาก ไทย อินเดีย สวิสเซอร์แลนด์ เป็นหลัก (ม.ค.-ส.ค. 2548)(HS 7113) Jewelry With Prec Met - สหรัฐฯ นำเข้าจากไทยเป็นอันดับที่ 4 มูลค่า 545.605 ล้านเหรียญสหรัฐ มีสัดส่วนร้อยละ 11.54 เพิ่มขึ้นร้อยละ 2.05 ด้านการนำเข้าจากตลาดโลกของสหรัฐฯ มูลค่า 4,730.600 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 11.34 นำเข้าจาก อินเดีย อิตาลี จีน เป็นหลัก (ม.ค.-ส.ค. 2548) ผลิตภัณฑ์ยาง (HS.4015) APPARL AND ACCESS, SFT, VUL (ถุงมือและถุงมือที่ใช้ทางศัลยกรรม เครื่องแต่งกายและของประดับ) - สหรัฐฯ นำเข้าจากไทยเป็นอันดับที่ 2 มูลค่า 244.716 ล้านเหรียญสหรัฐ มีสัดส่วนร้อยละ 33.13 เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.60 ด้านการนำเข้าจากตลาดโลกของสหรัฐฯ มูลค่า 738.716 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 8.65 นำเข้าจาก มาเลเซีย ไทย จีน เป็นหลัก (ม.ค.-ส.ค. 2548) (HS 4016) OT ART OF UNHARD, VULC (เสื่อ ของอื่นๆ ทำด้วย Vulcanized ยางรัด ยางลบ กระเบื้องปูพื้น - สหรัฐฯ นำเข้าจากไทยเป็นอันดับที่ 11 มูลค่า 28.794 ล้านเหรียญสหรัฐ มีสัดส่วนร้อยละ 1.78 เพิ่มขึ้นร้อยละ 31.32 ด้านการนำเข้าจากตลาดโลกของสหรัฐฯ มูลค่า 1,620.580 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 6.55 นำเข้าจาก แคนาดา ญี่ปุ่น เม็กซิโก เป็นหลัก (ม.ค.-ส.ค. 2548)HS 4014) HYG/ PHARM ART, SFT, VUL ของใช้ทางเภสัชกรรม - สหรัฐฯ นำเข้าจากไทยเป็นอันดับที่ 3 มูลค่า 4.990 ล้านเหรียญสหรัฐ มีสัดส่วนร้อยละ 12.98ลดลงร้อยละ 29.30 ด้านการนำเข้าจากตลาดโลกของสหรัฐฯ มูลค่า 38.454 ล้านเหรียญสหรัฐ ลดลงร้อยละ 2.16 นำเข้าจาก อินเดีย ญี่ปุ่น ไทย เป็นหลัก (ม.ค.-ส.ค. 2548)วงจรพิมพ์ (HS. 8534) Printed Circuits - สหรัฐฯ นำเข้าจากไทยเป็นอันดับที่ 8 มูลค่า 41.463 ล้านเหรียญสหรัฐ มีสัดส่วนร้อยละ 2.90 เพิ่มขึ้นร้อยละ 15.40 ด้านการนำเข้าจากตลาดโลกของสหรัฐฯ มูลค่า 1,428.547 ล้านเหรียญสหรัฐ ลดลงร้อยละ 0.14 นำเข้าจาก แคนาดา จีน ไต้หวัน เป็นหลัก (ม.ค-ส.ค 2548) เครื่องใช้บนโต๊ะอาหารในครัวและบ้านเรือน (HS. 3924) Tableware, O Household - สหรัฐฯ นำเข้าจากไทยเป็นอันดับที่ 8 มูลค่า 20.314 ล้านเหรียญสหรัฐ มีสัดส่วนร้อยละ 1.21 เพิ่มขึ้นร้อยละ 5.81 ด้านการนำเข้าจากตลาดโลกของสหรัฐฯ มูลค่า 1,683.462 ล้านเหรียญสหรัฐเพิ่มขึ้นร้อยละ 20.38 นำเข้าจาก จีน เม็กซิโก ไต้หวัน เป็นหลัก (ม.ค-ส.ค 2548) เครื่องจักรกลและส่วนประกอบ (HS. 84) MACHINERY - สหรัฐฯ นำเข้าจากไทยเป็นอันดับที่ 13 มูลค่า 2,208.416 ล้านเหรียญสหรัฐ มีสัดส่วนร้อยละ1.51 เพิ่มขึ้นร้อยละ 10.14 ด้านการนำเข้าจากตลาดโลกของสหรัฐฯ มูลค่า 146,044.996 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 12.51 นำเข้าจาก จีน ญี่ปุ่น เม็กซิโก เป็นหลัก (ม.ค.-ส.ค. 2548)8. ข้อมูลเพิ่มเติมและข้อคิดเห็นเกี่ยวกับการค้าระหว่างไทย-สหรัฐฯ เมือเดือนกรกฎคม 2548 จีนได้ประกาศยกเลิกระบบผูกติดเงินหยวนกับค่าเงินดอลลาร์ซึ่งใช้มานานนับ 10 ปี หลังจากที่โดนผู้ประกอบการอเมริกันร้องเรียนว่าระบบดังกล่าวส่งผลให้ค่าเงินหยวนมี มูลค่าต่ำกว่าความเป็นจริงถึง 40% ทำให้ผู้ส่งออกจีนได้เปรียบทางการค้าอย่างไม่เป็นธรรม ในขณะที่สหรัฐฯ ยังคงต้องการเห็นจีนปล่อยให้กลไกตลาดเป็นตัวกำหนดมูลค่าเงินหยวนพร้อมกับต้องการเห็น การยืดหยุ่นของค่าเงินที่เพิ่มมากขึ้น ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยเศรษฐกิจโลกของโกลด์แมน แซคส์ กล่าวว่า การเปลี่ยนแปลงเงินหยวนตามที่ธนาคารจีนประกาศจะส่งผลชักนำให้หลายประเทศในภูมิภาคเอเซีย อาทิ ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ และอินเดีย มีการปฏิรูประบบเงินตราต่างประเทศในช่วง 10 ปีข้างหน้า สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่าเงินดอลลาร์ทำสถิติแข็งค่าสุดในรอบ 16 เดือนเมื่อเทียบกับเยนและแข็งค่าที่สุดในรอบ 3 เดือนเมื่อเทียบกับยูโร ทั้งนี้การแข็งค่าของเงินดอลลาร์สหรัฐมีสาเหตุส่วนหนึ่งที่ชี้ให้เห็นว่า การผลิตของสหรัฐฯ ขยายตัวในเดือนกันยายนสวนทางกับความคาดหมายของนักเศรษฐ-ศาสตร์ อย่างไรก็ตามดอลลาร์มีแนวโน้มที่จะต้องเผชิญความยากลำบากในการที่จะปรับตัวสูงขึ้น หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) นายรักหุราม ราชันได้ให้ความเห็นว่า ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) มีแนวโน้มที่จะยังคงปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ต่อไปในระยะอันใกล้นี้ เนื่องจากราคาน้ำมันกำลังส่งผลกระทบให้เงินเฟ้อปรับตัวขึ้นอย่างช้าๆ คาดว่าดัชนีราคา ผู้ผลิตในสหรัฐฯ จะดีดตัวขึ้น ซึ่งความเสี่ยงมากที่สุดต่อเศรษฐกิจโลกมาจากการชะลอตัวของการบริโภคในสหรัฐฯ ประกอบกับตลาดที่อยู่อาศัยสหรัฐฯ ตกอยู่ในภาวะตรึงตัว เนื่องจากอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ในประเทศกำลังเพิ่มขึ้นซึ่งจะส่งผลกระทบเชิงลบต่อการบริโภคในระยะยาว ในขณะที่เศรษฐกิจเอเซียก็ได้รับผลกระทบต่อการพุ่งสูงขึ้นของราคาน้ำมันดิบเช่นกัน อย่างไรก็ดีการที่อินโดนีเซียลดเงินอุดหนุนราคา พลังงาน และปรับขึ้นดอกเบี้ยเงินกู้ นับเป็นสัญญาณที่ดีในการปรับเศรษฐกิจ สหรัฐฯ ถูกกดดันให้สร้างความคืบหน้าด้านการลดการอุดหนุนภาคเกษตรในประเทศ ในขณะที่ สหรัฐฯเองก็พยายามหลีกเลี่ยงให้ชาติอื่นๆ ยอมลดภาษีเกษตรในระดับที่น่าพอใจเพื่อเปิดตลาดการเกษตรให้แก่สหรัฐฯ ผู้แทนการค้าสหรัฐฯ นายร็อบ พอร์ตแมน ระบุว่าสหรัฐฯ ต้องการเห็นชาติร่ำรวย เช่น สหภาพยุโรป (อียู) และญี่ปุ่น ลดภาษีในช่วง 5 ปี เริ่มจาก 55-90% ก่อนที่ภาษีดังกล่าวจะลดเหลือ 0% นอกจากนี้สหรัฐฯ ยังจะเรียกร้องให้กำจัดการอุดหนุนการส่งออกไปพร้อมๆ กันอีกด้วย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขสหรัฐฯ นายไมเคิล โอ ลีวิทท์ เปิดเผยภายหลังการตรวจเยี่ยมระบบป้องกันโรคไข้หวัดนกในฟาร์มของบริษัทเจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือซีพีเอฟและฟาร์มนางสุมาลี ศรีนวล เกษตรกรรายย่อยซึ่งเป็นฟาร์มคู่สัญญากับซีพีเอฟ ว่าระบบการควบคุมโรคไข้หวัดนกของบริษัทข้างต้นมีระบบการจัดการฟาร์มที่ดี อย่างไรก็ตามเชื้อไข้หวัดนกมิได้เกิดจากไก่เพียงอย่างเดียว แต่ยังมีการแอบแฝงอยู่ในสัตว์ปีกโดยเฉพาะนกอพยพ ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญที่จะต้องระวัง สหรัฐฯ จึงได้ให้ความสำคัญในเรื่องกระบวนการตรวจสอบย้อนกลับ วิธีการชำแหละและห้องปฏิบัติการเป็นพิเศษ ทั้งนี้นายไมเคิลกล่าวว่าสหรัฐฯ ได้มีการทดลองวัคซีนไข้หวัดนกสายพันธ์ H5N1ซึ่งขณะนี้ได้ผ่านการวิจัยในระยะที่ 1 และ 2 ซึ่งเป็นการทดสอบความปลอดภัย แต่การใช้วัคซีนยังมีปัญหาเนื่องจากต้องใช้ในปริมาณสูง อย่างไรก็ตามแม้สหรัฐฯ จะสามารถผลิตวัคซีนเพื่อป้องกันไข้หวัดนกได้ แต่ก็ไม่มากพอที่จะมอบให้แก่คนทั้งโลกหากเกิดวิกฤตขึ้นมา ดังนั้นทุกประเทศควรจะต้องพัฒนาความสามารถในการผลิตวัคซีนด้วยตนเอง เพราะโอกาสที่จะเกิดการระบาดของหวัดนกทั่วโลกนั้น มีอยู่สูงมากทีเดียว หัวหน้าคณะเจรจาจัดทำข้อตกลงเขตการค้าเสรี (เอฟทีเอ) ไทย-สหรัฐฯ นายนิตย์ พิบูลสงคราม เปิดเผยความคืบหน้าผลการเจรจาเรื่องการคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญา เมื่อวันที่ 28 กันยายน 2548 ว่าไทยได้ยื่นข้อเสนอให้สหรัฐฯ ให้ความคุ้มครองสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ เช่น ข้าวหอมมะลิ ผ้าไหม โดยจะต้องให้การคุ้มครองและแบ่งปันผลประโยชน์จากภูมิปัญญาท้องถิ่นของไทย หากนำไปวิจัยและพัฒนาในเชิงพาณิชย์ ทั้งนี้แม้รัฐบาลไทยจะยื่นข้อเสนอการเจรจาอย่างไรก็ตาม สหรัฐฯ ก็ยังคงต้องการให้รัฐบาลไทยเปลี่ยนแปลงกฎหมายคุ้มครองพันธุ์พืช 2542 นักวิชาการไทยหลายฝ่ายให้ความเห็นว่า สหรัฐฯ ต้องการเป็นเจ้าของสิทธิบัตรพืชพรรณชีวภาพต่างๆ ของไทย ดังตัวอย่าง "มะละกอพันธุ์สุกช้า" หรือมะละกอแขกดำกับแขกนวล ซึ่งคนไทยรู้จักดีมาหลายชั่วคน กำลังถูกมหาวิทยาลัยคอร์แนล แห่งสหรัฐฯ ยื่นจดสิทธิบัตรในฐานะมะละกอสายพันธุ์ใหม่ "มะละกอ GMOs" ที่ผ่านการตัดแต่งพันธุกรรมเรียบร้อยแล้ว และหากในอนาคตมะละกอ GMOs แพร่กระจายไปวงกว้าง ในที่สุดเกษตรกรไทยจะต้องจ่ายค่าเมล็ดพันธุ์และธรรมเนียมการส่งออกให้แก่เจ้าของสิทธิบัตรคือ บริษัทมูลนิธิวิจัยคอร์แนล จะเห็นได้ว่าการเจรจา FTA ในเรื่องดังกล่าวอาจเป็นดาบสองคม ถ้าคนไทยไม่ตื่นตัวต่อการคุกคามฐานทรัพยากรในแผ่นดิน ภายหลังจากที่คณะผู้แทนไทยทั้งภาครัฐบาลและเอกชน (กรมการค้าต่างประเทศ สมาคมกุ้งไทยสมาคมอาหารแช่เยือกแข็งไทย) เข้าให้การต่อคณะกรรมาธิการการค้าระหว่างประเทศ (ITC) กรณีสหรัฐฯ จะทบทวนสถาณการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป (changed circumstance review (CCR) จากการถูกเก็บภาษีต่อต้านการทุ่มตลาด (เอดี) เนื่องจากประเทศไทยประสบธรณีพิบัติถูกคลื่นยักษ์สึนามิพัดถล่มฟาร์มเพาะเลี้ยงลูกกุ้งใน 6 จังหวัดชายทะเลอันดามัน ทั้งนี้ ITC ของสหรัฐฯ ระบุว่าพร้อมที่จะให้ความช่วยเหลือ แต่ความช่วยเหลือต้องมีพื้นฐานความเสียหายที่เกิดขึ้นจริงที่สหรัฐฯ ยอมรับได้อย่างไรก็ตาม ความหวังของประเทศไทยขณะนี้จะขึ้นอยู่กับ 3 ปัจจัย คือ 1. กรมประมงสามรถแสดงหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ให้เป็นที่ยอมรับต่อ ITC ว่าอุตสาหกรรมไทยได้รับผลกระทบอย่างไรจากสึนามิ 2. ขึ้นอยู่ว่า ITC จะแยกการพิจารณากรณี CCR ระหว่างไทยกับอินเดียหรือไม่ หากพิจารณากันคนละกรณี เชื่อว่าอินเดียจะได้รับการชดเชยจากสหรัฐฯ เยงประเทศเดียว เนื่องจากอินเดียได้เปรียบไทยในด้านการรวบรวมข้อมูลทางด้านวิทยาศาสตร์ที่สำรวจทุกแง่มุมเกี่ยวกับผลกระทบที่เกิดขึ้นและสามารถชี้แจงได้มากกว่าไทย 3. คำขอร้องจากฝ่ายไทยกรณีที่ พ.ต.ท ทักษิณ ชินวัต เยือนสหรัฐฯ ในต้นเดือนกันยายน2548 ว่ามีน้ำหนักทางการเมืองเพียงพอหรือไม่ ที่มา: http://www.depthai.go.th

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ