รูปแบบโดยภาพรวมแล้วแรงบันดาลใจต่างๆ พยายามจะสื่อถึงลักษณะที่กลับสู่ความเรียบง่าย รูปแบบดีไซน์ภายใต้คอนเซ็ปต์ Universal มีการแสวงหาพลังงานใหม่ๆ บวกกับผสมผสานแรงบันดาลใจสำหรับคนรุ่นใหม่ (New Generation) ในเทรนด์นี้สามารถแบ่งได้เป็น 3 รูปแบบ คือ
1. Opposite Contrast แรงบันดาลใจในธีมนี้ เฉดสีจะออกมาในแนวตุ่นๆ ครีมๆ จนถึงเหลือง ดูแล้วสบายตา รวมถึงในลักษณะของสีที่ถูกตากแดดไว้นานๆ ดู จางๆ สื่อถึงความตรงกันข้ามอย่างชัดเจน เกิดจากแรงบันดาลใจระหว่างความเป็น ธรรมชาติและเทคโนโลยีทางวิทยาศาสตร์เข้าด้วยกัน มีความละเอียดดึงดูดอยู่ในตัว สีที่ใช้ออกแนวโทนน้ำเงินเข้ม เขียว ไปจนมืด รวมถึงมีการใช้สีตรงกันข้าม เช่น ขาวกับดำ ทั้งนี้ไม่ว่าจะสื่อออกมาในรูปแบบที่ตรงกันข้ามอย่างไรก็สามารถผสมผสานกันได้อย่างลงตัว มีการเล่นสีระหว่างความสุภาพเรียบง่าย ดูสบายตากับความแข่งกระด้างเข้าไว้ด้วยกัน หรือยกตัวอย่างในลักษณะของหยิง-หยาง สองมุมต่างที่แสดงถึงอารมณ์ที่ขัดแย้งกัน, ความทันสมัยและความความโบราณ , นามธรรมกับความจริง , ธรรมชาติบวกกับเทคโนโลยีสมัยใหม่ , แข็งกระด้างกับอ่อนช้อย , เรียบง่ายแต่ดูทันสมัยอยู่ในตัว รวมถึงแสงที่นำมาใช้ในคอนเซ็ปต์นี้ก็จะสื่อถึงความขัดแย้งด้วย เช่น สว่างกับขุ่น เป็นต้น วัสดุที่นำมาใช้เป็นการแสวงหาให้ดูแตกต่างไปจากภาพเดิมๆ เช่นเลือกใช้วัสดุในรูปแบบของผ้าวูลในช่วงฤดูซัมเมอร์ หรือ ใช้ฝ้าย ลินิน ไหมรวมกัน ทั้งนี้เพื่อปรับความคิดในเรื่องของซีซั่น และได้ปรับโครงสร้างใหม่ โดยการทอไฟเบอร์ใหม่ๆ ผิดแปลกจาก pattern เดิมรูปแบบฟอร์มบิดเบี้ยว เป็นต้น
2. Feeling Positive รูปแบบนี้ต้องการสื่อถึงแรงบันดาลใจที่แสดงออกถึงอารมณ์ ความรู้สึก เช่น ให้ความรู้สึกที่ดูสดใส อ่อนเยาว์แลดูอ่อนนุ่ม สีที่ใช้จะออกแนวสีพาสเทลอ่อนๆ สีขาว ดำ จนถึงสีเทา มีการเชื่อมโยงของเส้นสายที่สื่อออกมาดูแล้วสบายตา ดูเด็กเป็นวัยรุ่น อ่อนหวานดูดีแต่เรียบง่าย มีความตายตัว โครงสร้างผ้าให้อารมณ์ความรู้สึกที่บางเบา ทิ้งๆดูโปร่งแบบผ้าซีทรู เป็นต้น รูปแบบนี้จะเน้นที่เก็บรายละเอียดเล็กๆน้อยๆ ในขั้นตอนสุดท้าย finishing เช่น เพิ่มสีสันสดใส มีมิติเล็กๆ สื่อถึงจินตนาการแฟนตาซีที่โดดเด่น และดูแปลกตาในขั้นตอนนี้ สวมใส่ออกมาแล้วดูสบายเป็นผู้ดี คอนเซ็ปต์นี้อยู่ภายใต้ความรู้สึกที่ต้องการเสนอแนวความคิดใหม่ๆ รวมถึงมีการใช้ข้อความ message ต่างๆ เพื่อเป็นสื่อในการดึงดูดให้เกิดพฤติกรรมความพึงพอใจในการซื้อ เทคนิคการผลิตต่างๆ ก็มีบทบาทที่ทำให้เกิดอารมณ์ความรู้สึกด้วย ยกตัวอย่างเช่น เทคนิคที่ทำให้ผ้าดูเก่าๆ หลุดๆ ลอกๆ เป็นต้น โครงสร้างผ้าถูกปรับเปลี่ยนใหม่หมดเพื่อแสดงถึงจินตนาการที่โดดเด่น เช่นดอกไม้ จะถูกนำมาปรับรูปทรงใหม่ให้แตกต่างไปจากธรรมชาติ เป็นต้น
3. Energetic แรงบันดาลใจรูปแบบน้จะสื่อออกมาในรูปแบบของพลังงานรวมถึงดิจิตอล ก็เข้ามามีบทบาทอย่างมาก ลักษณะที่ออกมาจึงดูไม่สมจริง มีการนำเอารูปแบบปัจจุบันมาทำใหม่ ไม่มีรูปทรงตายตัวเป็นนามธรรม ภาพรวมเสนออกมาในรูปแบบสิ่งแปลกปลอมความไม่เป็นจริง ใช้สีสังเคราะห์ สื่อถึงจิตใต้สำนึกที่ไม่สมจริง ผสมผสานความเป็นพลังงาน การขับเคลื่อนรุนแรงเกินความเป็นจริง บวกกับเทคโนโลยีใหม่ๆ ได้แก่ ดิจิตอล กราฟฟิค แสงนีออน แอฟเฟ็กค์ต่างๆ เข้ามาช่วยตลอดจนเส้นสายที่ใช้จะเคลื่อนไหวในลักษณะของลายเส้นมากๆ สีออกมาในแนวที่รุนแรง ลายผ้าเน้นความเป็นแฟนซีมากๆ บ่งบอกความเป็นอนาคตสวมใส่สบายดูดีมีมุมมองเส้นสายปรับตามสรีระสัดส่วนเปลี่ยนแปลงแบบแม่นยำ ทั้งนี้ใช้รูปแบบทรงเลขาคณิตเป็นพื้นฐาน
ที่มา: http://www.depthai.go.th
-ดท-