กรุงเทพ--6 ก.ค.--กระทรวงการต่างประเทศ
กระทรวงการต่างประเทศได้รับรายงานจากสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงมานามา ว่า เมื่อวันที่ 20 มิถุนายน ที่ผ่านมา นายวิทยา พูลสุวรรณ เอกอัครราชทูต ณ กรุงมานามา และเจ้าหน้าที่กงสุลสถานเอกอัครราชทูตฯ ได้ไปเยี่ยมหญิงไทยซึ่งถูกคุมขังอยู่ที่เรือนจำ Isa Town พร้อมทั้งนำสิ่งของ จำเป็นไปเยี่ยมด้วย โดยมีรายละเอียดดังนี้
1. ขณะนี้มีหญิงไทยจำคุกอยู่ที่เรือนจำ Isa Town จำนวน 41 คน
2. หญิงไทยที่ถูกคุมขังทั้งหมด ต้องโทษคดีลักลอบค้าประเวณีในประเทศบาห์เรน และปัญหา สำคัญ คือ หญิงไทยทั้งหมดวีซ่าหมดอายุ และเมื่อครบกำหนดออกจากเรือนจำก็จะต้องจ่ายค่าวีซ่าหมดอายุ อย่างต่ำคนละ 40 ดีนาร์ หญิงไทยหลายคนวีซ่าหมดอายุและไม่มีเงินจ่ายค่าปรับ สำหรับอัตราค่าปรับวีซ่า หมดอายุของบาห์เรน คือ เดือนแรก ปรับ 40 ดีนาร์ (ประมาณ 4,000 บาท) เดือนต่อไปจะถูกปรับเดือนละ 30 ดีนาร์ (ประมาณ 3,000 บาท) โดยไม่มีกำหนดเพดานสูงสุด และหากอยู่เกินนานเท่าไรก็จะถูกปรับไป ทุกเดือน
3. หญิงไทยส่วนใหญ่จะประสบปัญหาในการติดต่อกับเพื่อนหรือคนรู้จักในประเทศบาห์เรน เนื่องจากทางเรือนจำไม่อนุญาตให้ใช้โทรศัพท์ติดต่อในบาห์เรน อนุญาตให้ใช้โทรศัพท์ติดต่อได้เรื่องวีซ่า และ ตั๋วเครื่องบินเท่านั้น โดยทางเรือนจำอนุญาตให้โทรศัพท์ทางไกลมาประเทศไทยได้อาทิตย์ละ 1 ครั้ง และ สถานเอกอัครราชทูตฯ ก็ได้ช่วยเจรจากับทางเรือนจำให้หญิงไทยสามารถใช้โทรศัพท์ติดต่อในประเทศบาห์เรนได้ (โดยให้เลือกได้ว่าจะใช้โทรศัพท์ติดต่อในประเทศบาห์เรนหรือโทรศัพท์กลับมายังประเทศไทย)
ในการนี้ กระทรวงการต่างประเทศจึงขอประกาศเตือนหญิงไทยที่มีความประสงค์จะเดินทางไปทำงานยังประเทศบาห์เรน ขอให้ศึกษาระเบียบและกฎหมายของประเทศบาห์เรนก่อนออกเดินทาง หากเดินทางไปลักลอบค้าประเวณีก็จะถูกจำคุก เพราะทางการบาห์เรนได้มีการบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจังต่อหญิงต่างชาติที่ลักลอบค้าประเวณี
กองการสื่อมวลชน กรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ โทร. 643-5105 โทรสาร. 643-5106-7 E-mail : [email protected]จบ--
-พห-
กระทรวงการต่างประเทศได้รับรายงานจากสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงมานามา ว่า เมื่อวันที่ 20 มิถุนายน ที่ผ่านมา นายวิทยา พูลสุวรรณ เอกอัครราชทูต ณ กรุงมานามา และเจ้าหน้าที่กงสุลสถานเอกอัครราชทูตฯ ได้ไปเยี่ยมหญิงไทยซึ่งถูกคุมขังอยู่ที่เรือนจำ Isa Town พร้อมทั้งนำสิ่งของ จำเป็นไปเยี่ยมด้วย โดยมีรายละเอียดดังนี้
1. ขณะนี้มีหญิงไทยจำคุกอยู่ที่เรือนจำ Isa Town จำนวน 41 คน
2. หญิงไทยที่ถูกคุมขังทั้งหมด ต้องโทษคดีลักลอบค้าประเวณีในประเทศบาห์เรน และปัญหา สำคัญ คือ หญิงไทยทั้งหมดวีซ่าหมดอายุ และเมื่อครบกำหนดออกจากเรือนจำก็จะต้องจ่ายค่าวีซ่าหมดอายุ อย่างต่ำคนละ 40 ดีนาร์ หญิงไทยหลายคนวีซ่าหมดอายุและไม่มีเงินจ่ายค่าปรับ สำหรับอัตราค่าปรับวีซ่า หมดอายุของบาห์เรน คือ เดือนแรก ปรับ 40 ดีนาร์ (ประมาณ 4,000 บาท) เดือนต่อไปจะถูกปรับเดือนละ 30 ดีนาร์ (ประมาณ 3,000 บาท) โดยไม่มีกำหนดเพดานสูงสุด และหากอยู่เกินนานเท่าไรก็จะถูกปรับไป ทุกเดือน
3. หญิงไทยส่วนใหญ่จะประสบปัญหาในการติดต่อกับเพื่อนหรือคนรู้จักในประเทศบาห์เรน เนื่องจากทางเรือนจำไม่อนุญาตให้ใช้โทรศัพท์ติดต่อในบาห์เรน อนุญาตให้ใช้โทรศัพท์ติดต่อได้เรื่องวีซ่า และ ตั๋วเครื่องบินเท่านั้น โดยทางเรือนจำอนุญาตให้โทรศัพท์ทางไกลมาประเทศไทยได้อาทิตย์ละ 1 ครั้ง และ สถานเอกอัครราชทูตฯ ก็ได้ช่วยเจรจากับทางเรือนจำให้หญิงไทยสามารถใช้โทรศัพท์ติดต่อในประเทศบาห์เรนได้ (โดยให้เลือกได้ว่าจะใช้โทรศัพท์ติดต่อในประเทศบาห์เรนหรือโทรศัพท์กลับมายังประเทศไทย)
ในการนี้ กระทรวงการต่างประเทศจึงขอประกาศเตือนหญิงไทยที่มีความประสงค์จะเดินทางไปทำงานยังประเทศบาห์เรน ขอให้ศึกษาระเบียบและกฎหมายของประเทศบาห์เรนก่อนออกเดินทาง หากเดินทางไปลักลอบค้าประเวณีก็จะถูกจำคุก เพราะทางการบาห์เรนได้มีการบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจังต่อหญิงต่างชาติที่ลักลอบค้าประเวณี
กองการสื่อมวลชน กรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ โทร. 643-5105 โทรสาร. 643-5106-7 E-mail : [email protected]จบ--
-พห-