ข่าวเศรษฐกิจในประเทศ
1. ดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับรายได้ในอนาคตเดือน มิ.ย.48 ลดลงต่ำกว่า 100 เป็นเดือนที่ 2 และ
ลดลงต่ำสุดในรอบ 7 ปี ผอ.ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ ม.หอการค้าไทย เปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่น
เศรษฐกิจโดยรวมเดือน มิ.ย.48 เท่ากับร้อยละ 80.5 ต่ำกว่าเดือน พ.ค.ซึ่งอยู่ที่ 83.1 ลดลงต่ำสุดในรอบ 3
ปี 1 เดือน ส่วนดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับโอกาสในการหางานทำเดือน มิ.ย.เท่ากับ 79.6 ต่ำกว่าเดือน พ.ค.
ซึ่งอยู่ที่ 81.8 และดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับรายได้ในอนาคตเดือน มิ.ย.เท่ากับ 96.9 ต่ำกว่าเดือน พ.ค.ซึ่งอยู่ที่
ระดับ 99.7 โดยลดลงต่ำกว่าระดับ 100 เป็นเดือนที่ 2 และลดลงต่ำสุดในรอบ 7 ปี ทั้งนี้ ปัจจัยที่มีผลกระทบทำ
ให้ดัชนีความเชื่อมั่นลดลงมาจากสาเหตุสำคัญ คือ ราคาน้ำมันที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นในเดือน มิ.ย.โดยราคาน้ำมันดีเซล
ปรับราคา 3.20 บาทต่อลิตรตลอดเดือน มิ.ย. ปัจจัยดังกล่าวสร้างความกังวลให้กับผู้บริโภคเกี่ยวกับราคาสินค้า
และค่าครองชีพที่สูงขึ้นมากถึงร้อยละ 60 ของจำนวนผู้ตอบแบบสอบถาม (กรุงเทพธุรกิจ, โลกวันนี้, เดลินิวส์,
บ้านเมือง, สยามรัฐ, แนวหน้า)
2. ก.พาณิชย์คาดภาวะเงินเฟ้อครึ่งหลังปี 48 จะเพิ่มขึ้นสูงกว่าร้อยละ 4.0 ปลัด ก.พาณิชย์ เปิด
เผยว่า มั่นใจทั้งปี 48 อัตราเงินเฟ้อจะเป็นไปตามเป้าหมาย คือ ร้อยละ 3.8 แต่ยอรับว่ามีความเป็นไปได้ที่เงิน
เฟ้อรายเดือนในครึ่งหลังปี 48 อาจเพิ่มสูงขึ้นเกินร้อยละ 4.0 เนื่องจากราคาน้ำมันและราคาสินค้าที่ปรับตัวสูงขึ้น
ขณะที่นางอัจนา ไวความดี ผู้ช่วยผู้ว่าการ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวว่าในภาวะราคาน้ำมันและค่า
จ้างแรงงานปรับตัวเพิ่มขึ้นนั้น ย่อมที่จะส่งผลต่ออัตราเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้นเป็นปกติ แต่อัตราเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้นนั้นจะเกิด
ขึ้นในช่วงเวลาหนึ่ง ไม่ได้อยู่ในระดับสูงอย่างต่อเนื่อง (กรุงเทพธุรกิจ, โพสต์ทูเดย์)
3. ก.คลังเตรียมประเมินตัวเลขเศรษฐกิจใหม่ รอง ผอ.สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ใน
ฐานะโฆษก ก.คลัง เปิดเผยว่า สศค.อยู่ระหว่างประเมินตัวเลขรายละเอียดทั้งหมดจากการประกาศมาตรการ
กระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้นของ นรม.เมื่อวันที่ 12 ก.ค.ที่ผ่านมา โดยคาดว่าจะมีผลต่อภาวะเศรษฐกิจไม่มากนัก
เพราะเป็นเพียงการพยุงเศรษฐกิจในช่วงที่ราคาน้ำมันแพง ซึ่ง สศค.ยังประมาณการภาวะเศรษฐกิจที่ระดับร้อยละ
4.6-5.1 อย่างไรก็ตาม มาตรการทั้งหมดจะเห็นผลได้มากน้อยเพียงใดต้องเปรียบเทียบผลของมาตรการแบบปีต่อ
ปี ขณะที่ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวถึงมาตรการฟื้นฟูความเชื่อมั่นและกระตุ้นภาวะเศรษฐกิจ
ของรัฐบาลว่า นโยบายที่ออกมาถูกทางแล้ว โดยเฉพาะการลอยตัวราคาน้ำมันดีเซล ซึ่งราคาน้ำมันที่อยู่ในระดับสูง
จะส่งผลกระทบต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจ รัฐบาลจึงต้องมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจออกมาเสริมเพื่อไม่ให้คนที่มี
รายได้น้อยถูกกระทบมาก (บ้านเมือง)
4. สมาคมสินเชื่อที่อยู่อาศัยเตรียมจัดงานจำหน่ายเอ็นพีเอประมาณ 2 แสนล้านบาท ประธานสมาคม
สินเชื่อที่อยู่อาศัย เปิดเผยว่า ระหว่างวันที่ 29-31 ก.ค.นี้ สมาคมจะจัดงานเอ็นพีเอแกรนด์เซลครั้งที่ 4 โดยมี
สถาบันการเงิน 40 แห่งเข้าร่วม ทั้ง ธ.พาณิชย์ ธ.เฉพาะกิจของรัฐ ตัวแทนนายหน้าอสังหาริมทรัพย์ และกลุ่ม
พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ นำบ้านใหม่ บ้านมือสอง ตลอดจนอสังหาริมทรัพย์ต่าง ๆ มูลค่ากว่า 1.9 แสนล้านบาท โดย
ตั้งเป้ายอดขายจากทั้งงาน 2.2 พันล้านบาท (มติชน, เดลินิวส์, แนวหน้า)
ข่าวเศรษฐกิจต่างประเทศ
1. ยอดการขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกของ สรอ. ณ สัปดาห์ล่าสุดเพิ่มขึ้นเหนือความคาด
หมาย รายงานจากวอชิงตันเมื่อ 14 ก.ค.48 ก.แรงงาน สรอ. เปิดเผยว่า ยอดการขอรับสวัสดิการว่างงาน
ครั้งแรก (First-time claims) ของ สรอ. ณ สัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 9 ก.ค.48 เพิ่มขึ้น 16,000 คน เป็น
จำนวน 336,000 คน จากจำนวน 320,000 คนในสัปดาห์ก่อนหน้า เป็นการเพิ่มขึ้นสูงสุดนับตั้งแต่ช่วงปลาย
เดือน พ.ค.48 และเป็นการเพิ่มขึ้นเหนือความคาดหมายของนักเศรษฐศาสตร์ซึ่งคาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็นจำนวน
325,000 คน ทั้งนี้ นักวิเคราะห์กล่าวว่า การเพิ่มขึ้นของยอดการขอรับสวัสดิการว่างงานดังกล่าว มีสาเหตุจาก
การเลิกจ้างชั่วคราวในอุตสาหกรรมผลิตรถยนต์และอุตสาหกรรมอื่นๆ ประกอบกับการเลิกจ้างตามฤดูกาลใน
ภาคบริการ สำหรับยอดการขอรับสวัสดิการว่างงานเฉลี่ยในช่วง 4 สัปดาห์ (A four-week moving average
of claims) ซึ่งสามารถชี้วัดอัตราการเลิกจ้างงานได้แม่นยำกว่า ปรับตัวเพิ่มขึ้น 250 คนเป็นจำนวน 320,750
คน ส่วนยอดการขอรับสวัสดิการว่างงานในกลุ่มที่เคยขอรับสวัสดิการว่างงานมาแล้ว เพิ่มขึ้น 45,000 คนเป็น
จำนวน 2.62 ล้านคน ณ สัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 2 ก.ค.48 (รอยเตอร์)
2. ยอดขายบ้านสุทธิของอังกฤษลดลงมาอยู่ที่ร้อยละ 12 ในไตรมาสที่ 2 ปีนี้ต่ำสุดนับตั้งแต่ไตรมาสสุด
ท้ายปี 41 รายงานจากลอนดอน เมื่อ 14 ก.ค.48 ผลสำรวจรายไตรมาสของหอการค้าอังกฤษพบว่ายอดขายบ้าน
สุทธิของอังกฤษในส่วนที่เกี่ยวกับธุรกิจบริการลดลงมาอยู่ที่ร้อยละ 12 ในไตรมาสที่ 2 ปีนี้จากระดับร้อยละ 23 ใน
ไตรมาสแรก นับเป็นสัญญาณชี้ให้เห็นว่าภาคบริการซึ่งมีสัดส่วนประมาณ 2 ใน 3 ของระบบเศรษฐกิจของอังกฤษ
กำลังชะลอตัวลงเช่นเดียวกับภาคการผลิต โดยหอการค้าอังกฤษได้ปรับประมาณการการขยายตัวทางเศรษฐกิจในปีนี้
ลงเหลือประมาณร้อยละ 2.0 และเรียกร้องให้มีการลดอัตราดอกเบี้ยลงร้อยละ 0.25 ทำให้นักวิเคราะห์คาดว่า
ธ.กลางอังกฤษจะลดอัตราดอกเบี้ยลงในการประชุมในเดือนหน้า (รอยเตอร์)
3. ทุนสำรองเงินตราต่างประเทศของจีนยังคงเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว รายงานจากปักกิ่งเมื่อวันที่ 14
ก.ค. 48 ธ.กลางจีนเปิดเผยว่า ในไตรมาสที่ 2 ปีนี้ทุนสำรองเงินตราต่างประเทศของจีนเพิ่มขึ้น 51.9 พันล.
ดอลลาร์สรอ.ทำสถิติสูงสุดที่ระดับ 711 พันล.ดอลลาร์ สรอ. เนื่องจากการเกินดุลการค้าจำนวนมากทำให้เงินทุน
ไหลเข้าประเทศจีนเพื่อการเก็งกำไรค่าเงินหยวน ซึ่งคาดว่าจะมีการปรับค่าเงิน ทั้งนี้ จีนมีทุนสำรองระหว่าง
ประเทศมากที่สุดในโลกรองจากญี่ปุ่น ซึ่งในไตรมาสที่ 2 นี้ทุนสำรองไหลเข้าถึงวันละ 570 ล้านดอลลาร์ สรอ.
หรือชม.ละเกือบ 24 ล้านดอลลาร์สรอ. การที่ทุนสำรองระหว่างประเทศของจีนเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วดังกล่าวทำให้
จีนต้องพยายามบริหารเงินทุนดังกล่าวเพื่อให้เงินหยวนมีเสถียรภาพที่ระดับ 8.28 หยวนต่อ 1 ดอลลาร์ สรอ. ทั้งนี้
นักเศรษฐศาสตร์จาก Daiwa Securities ในเซียงไฮ้คาดว่าหากทุนสำรองระหว่างประเทศเพิ่มขึ้นอีกจะสร้าง
ความยุ่งยากแก่รัฐบาลจีน ที่ผ่านมาจีนไม่สนใจแรงกดดันที่มีมาอย่างต่อเนื่องจากสรอ. และยุโรปเพื่อให้จีนปรับค่า
เงินหยวน แต่หากการเกินดุลการค้า และทุนสำรองเงินตราต่างประเทศยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องเช่นนี้ จีนจะต้อง
เผชิญกับแรงกดดันมากขึ้นอีก ทั้งนี้ในครึ่งแรกปี 48 ทุนสำรองเงินตราต่างประเทศของจีน เพิ่มขึ้นที่ระดับ 101 พัน
ล.ดอลลาร์ สรอ. และเฉพาะเดือนมิ.ย.เพิ่มขึ้นถึง 20 พันล. ดอลลาร์ สรอ. ซึ่งที่ผ่านมาประเทศต่างๆรวมทั้ง
สรอ.ได้กล่าวหาว่าการผูกค่าเงินหยวนกับดอลลาร์ สรอ.ทำให้เงินหยวนมีค่าต่ำกว่าความเป็นจริงส่งผลให้ผู้ส่งออก
ของจีนได้เปรียบคู่ค้าในตลาดโลก อย่างไรก็ตามจีนได้สัญญาว่าจะปฎิรูประบบอัตราแลกเปลี่ยน แต่ต้องแน่ใจว่าระบบ
การเงินแข็งแกร่ง และเศรษฐกิจมีเสถียรภาพ (รอยเตอร์)
4. อัตราการว่างงานของเกาหลีใต้เดือน มิ.ย.48 เพิ่มขึ้นสูงสุดในรอบ 5 เดือน รายงานจากกรุง
โซล ประเทศเกาหลีใต้ เมื่อวันที่ 14 ก.ค.48 อัตราการว่างงานของเกาหลีใต้ในเดือน มิ.ย.48 เพิ่มขึ้นร้อย
ละ 3.8 สูงสุดในรอบ 5 เดือน จากร้อยละ 3.7 ในเดือน พ.ค.48 ซึ่งเป็นระดับที่นักเศรษฐศาสตร์คาดว่าจะทรง
ตัวต่อเนื่องในเดือน มิ.ย. สร้างความกังวลเพิ่มขึ้นว่าการบริโภคภายในประเทศที่อ่อนตัวมาเป็นเวลานานจะ
สามารถพลิกฟื้นกลับคืนได้รวดเร็วมากน้อยเพียงใด ทั้งนี้ ตัวเลขของเดือน พ.ค.48 ได้มีการปรับเพิ่มขึ้นหลังจาก
เกาหลีใต้ได้ใช้วิธีการแบบใหม่ในการคิดคำนวณอัตราการจ้างงาน ด้านนายจ้างชาวเกาหลีใต้ยังคงลังเลที่จะจ้าง
คนงานเพิ่มขึ้น เนื่องจากอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศยังคงชะลอตัว รวมทั้งปัจจัยลบจากราคาน้ำมันที่
ปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องและภาคการส่งออกที่ลดลง ในขณะที่ภาครัฐหวังว่าการบริโภคภาคเอกชนจะสามารถฟื้นตัว
กลับคืนได้หลังจากซบเซามาเป็นเวลากว่า 2 ปี เพื่อช่วยพลิกฟื้นเศรษฐกิจทดแทนการส่งออกที่อ่อนตัวลง โดยการ
บริโภคภาคเอกชนในปีนี้ฟื้นตัวดีขึ้น แต่ยังไม่ดีเท่าที่ควร อนึ่ง รมช.ก.คลังของเกาหลีใต้กล่าวว่า อัตราการว่าง
งานที่เพิ่มขึ้นส่วนหนึ่งมาจากการบริโภคภายในประเทศที่ฟื้นตัวกระตุ้นให้ประชาชนกลับเข้าสู่ตลาดแรงงาน แต่ไม่มี
ตำแหน่งงานเพียงพอที่จะรองรับได้ ทำให้ตัวเลขคนว่างงานเพิ่มสูงขึ้น (รอยเตอร์)
ข้อมูลเศรษฐกิจ 15 ก.ค. 48 14 ก.ค. 48 30 ม.ค. 47 แหล่งข้อมูล
อัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยระหว่างธนาคาร (Bht/1US$) 41.878 39.263 ธปท.
อัตราซื้อถัวเฉลี่ยตั๋วเงิน/อัตราขายถัวเฉลี่ยของ ธพ. (Bht/1US$) 41.6956/41.9807 39.0915/39.3765 ธปท.
อัตราดอกเบี้ยกู้ยืมระหว่าง ธพ. ขนาดใหญ่ระยะ 7 วัน (ร้อยละ) 2.6875 — 2.7000 1.1875 - 1.2800 รอยเตอร์
ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ (จุด)/มูลค่าซื้อ/ขาย (พันล้านบาท) 661.45/ 16.02 698.90/29.26 ตลท.
ราคาทองคำแท่ง (ซื้อ/ขายบาทละ) 8,300/8,400 8,400/8,500 7,400/7,500 สมาคมค้าทองคำ
ราคาน้ำมันดิบดูไบ (US$/บาเรล) 52.51 53 28.18 ปตท./รอยเตอร์
ราคาน้ำมันเบนซิน 95/ดีเซล (บาท) 25.74*/22.99** 25.74*/22.99** 16.99/14.59 ปตท.
* ปรับเพิ่ม 40 สตางค์ เมื่อ 12 ก.ค. 48
**ปรับเพิ่ม 90 สตางค์เมื่อ13 ก.ค. 48
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--
1. ดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับรายได้ในอนาคตเดือน มิ.ย.48 ลดลงต่ำกว่า 100 เป็นเดือนที่ 2 และ
ลดลงต่ำสุดในรอบ 7 ปี ผอ.ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ ม.หอการค้าไทย เปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่น
เศรษฐกิจโดยรวมเดือน มิ.ย.48 เท่ากับร้อยละ 80.5 ต่ำกว่าเดือน พ.ค.ซึ่งอยู่ที่ 83.1 ลดลงต่ำสุดในรอบ 3
ปี 1 เดือน ส่วนดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับโอกาสในการหางานทำเดือน มิ.ย.เท่ากับ 79.6 ต่ำกว่าเดือน พ.ค.
ซึ่งอยู่ที่ 81.8 และดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับรายได้ในอนาคตเดือน มิ.ย.เท่ากับ 96.9 ต่ำกว่าเดือน พ.ค.ซึ่งอยู่ที่
ระดับ 99.7 โดยลดลงต่ำกว่าระดับ 100 เป็นเดือนที่ 2 และลดลงต่ำสุดในรอบ 7 ปี ทั้งนี้ ปัจจัยที่มีผลกระทบทำ
ให้ดัชนีความเชื่อมั่นลดลงมาจากสาเหตุสำคัญ คือ ราคาน้ำมันที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นในเดือน มิ.ย.โดยราคาน้ำมันดีเซล
ปรับราคา 3.20 บาทต่อลิตรตลอดเดือน มิ.ย. ปัจจัยดังกล่าวสร้างความกังวลให้กับผู้บริโภคเกี่ยวกับราคาสินค้า
และค่าครองชีพที่สูงขึ้นมากถึงร้อยละ 60 ของจำนวนผู้ตอบแบบสอบถาม (กรุงเทพธุรกิจ, โลกวันนี้, เดลินิวส์,
บ้านเมือง, สยามรัฐ, แนวหน้า)
2. ก.พาณิชย์คาดภาวะเงินเฟ้อครึ่งหลังปี 48 จะเพิ่มขึ้นสูงกว่าร้อยละ 4.0 ปลัด ก.พาณิชย์ เปิด
เผยว่า มั่นใจทั้งปี 48 อัตราเงินเฟ้อจะเป็นไปตามเป้าหมาย คือ ร้อยละ 3.8 แต่ยอรับว่ามีความเป็นไปได้ที่เงิน
เฟ้อรายเดือนในครึ่งหลังปี 48 อาจเพิ่มสูงขึ้นเกินร้อยละ 4.0 เนื่องจากราคาน้ำมันและราคาสินค้าที่ปรับตัวสูงขึ้น
ขณะที่นางอัจนา ไวความดี ผู้ช่วยผู้ว่าการ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวว่าในภาวะราคาน้ำมันและค่า
จ้างแรงงานปรับตัวเพิ่มขึ้นนั้น ย่อมที่จะส่งผลต่ออัตราเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้นเป็นปกติ แต่อัตราเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้นนั้นจะเกิด
ขึ้นในช่วงเวลาหนึ่ง ไม่ได้อยู่ในระดับสูงอย่างต่อเนื่อง (กรุงเทพธุรกิจ, โพสต์ทูเดย์)
3. ก.คลังเตรียมประเมินตัวเลขเศรษฐกิจใหม่ รอง ผอ.สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ใน
ฐานะโฆษก ก.คลัง เปิดเผยว่า สศค.อยู่ระหว่างประเมินตัวเลขรายละเอียดทั้งหมดจากการประกาศมาตรการ
กระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้นของ นรม.เมื่อวันที่ 12 ก.ค.ที่ผ่านมา โดยคาดว่าจะมีผลต่อภาวะเศรษฐกิจไม่มากนัก
เพราะเป็นเพียงการพยุงเศรษฐกิจในช่วงที่ราคาน้ำมันแพง ซึ่ง สศค.ยังประมาณการภาวะเศรษฐกิจที่ระดับร้อยละ
4.6-5.1 อย่างไรก็ตาม มาตรการทั้งหมดจะเห็นผลได้มากน้อยเพียงใดต้องเปรียบเทียบผลของมาตรการแบบปีต่อ
ปี ขณะที่ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวถึงมาตรการฟื้นฟูความเชื่อมั่นและกระตุ้นภาวะเศรษฐกิจ
ของรัฐบาลว่า นโยบายที่ออกมาถูกทางแล้ว โดยเฉพาะการลอยตัวราคาน้ำมันดีเซล ซึ่งราคาน้ำมันที่อยู่ในระดับสูง
จะส่งผลกระทบต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจ รัฐบาลจึงต้องมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจออกมาเสริมเพื่อไม่ให้คนที่มี
รายได้น้อยถูกกระทบมาก (บ้านเมือง)
4. สมาคมสินเชื่อที่อยู่อาศัยเตรียมจัดงานจำหน่ายเอ็นพีเอประมาณ 2 แสนล้านบาท ประธานสมาคม
สินเชื่อที่อยู่อาศัย เปิดเผยว่า ระหว่างวันที่ 29-31 ก.ค.นี้ สมาคมจะจัดงานเอ็นพีเอแกรนด์เซลครั้งที่ 4 โดยมี
สถาบันการเงิน 40 แห่งเข้าร่วม ทั้ง ธ.พาณิชย์ ธ.เฉพาะกิจของรัฐ ตัวแทนนายหน้าอสังหาริมทรัพย์ และกลุ่ม
พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ นำบ้านใหม่ บ้านมือสอง ตลอดจนอสังหาริมทรัพย์ต่าง ๆ มูลค่ากว่า 1.9 แสนล้านบาท โดย
ตั้งเป้ายอดขายจากทั้งงาน 2.2 พันล้านบาท (มติชน, เดลินิวส์, แนวหน้า)
ข่าวเศรษฐกิจต่างประเทศ
1. ยอดการขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกของ สรอ. ณ สัปดาห์ล่าสุดเพิ่มขึ้นเหนือความคาด
หมาย รายงานจากวอชิงตันเมื่อ 14 ก.ค.48 ก.แรงงาน สรอ. เปิดเผยว่า ยอดการขอรับสวัสดิการว่างงาน
ครั้งแรก (First-time claims) ของ สรอ. ณ สัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 9 ก.ค.48 เพิ่มขึ้น 16,000 คน เป็น
จำนวน 336,000 คน จากจำนวน 320,000 คนในสัปดาห์ก่อนหน้า เป็นการเพิ่มขึ้นสูงสุดนับตั้งแต่ช่วงปลาย
เดือน พ.ค.48 และเป็นการเพิ่มขึ้นเหนือความคาดหมายของนักเศรษฐศาสตร์ซึ่งคาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็นจำนวน
325,000 คน ทั้งนี้ นักวิเคราะห์กล่าวว่า การเพิ่มขึ้นของยอดการขอรับสวัสดิการว่างงานดังกล่าว มีสาเหตุจาก
การเลิกจ้างชั่วคราวในอุตสาหกรรมผลิตรถยนต์และอุตสาหกรรมอื่นๆ ประกอบกับการเลิกจ้างตามฤดูกาลใน
ภาคบริการ สำหรับยอดการขอรับสวัสดิการว่างงานเฉลี่ยในช่วง 4 สัปดาห์ (A four-week moving average
of claims) ซึ่งสามารถชี้วัดอัตราการเลิกจ้างงานได้แม่นยำกว่า ปรับตัวเพิ่มขึ้น 250 คนเป็นจำนวน 320,750
คน ส่วนยอดการขอรับสวัสดิการว่างงานในกลุ่มที่เคยขอรับสวัสดิการว่างงานมาแล้ว เพิ่มขึ้น 45,000 คนเป็น
จำนวน 2.62 ล้านคน ณ สัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 2 ก.ค.48 (รอยเตอร์)
2. ยอดขายบ้านสุทธิของอังกฤษลดลงมาอยู่ที่ร้อยละ 12 ในไตรมาสที่ 2 ปีนี้ต่ำสุดนับตั้งแต่ไตรมาสสุด
ท้ายปี 41 รายงานจากลอนดอน เมื่อ 14 ก.ค.48 ผลสำรวจรายไตรมาสของหอการค้าอังกฤษพบว่ายอดขายบ้าน
สุทธิของอังกฤษในส่วนที่เกี่ยวกับธุรกิจบริการลดลงมาอยู่ที่ร้อยละ 12 ในไตรมาสที่ 2 ปีนี้จากระดับร้อยละ 23 ใน
ไตรมาสแรก นับเป็นสัญญาณชี้ให้เห็นว่าภาคบริการซึ่งมีสัดส่วนประมาณ 2 ใน 3 ของระบบเศรษฐกิจของอังกฤษ
กำลังชะลอตัวลงเช่นเดียวกับภาคการผลิต โดยหอการค้าอังกฤษได้ปรับประมาณการการขยายตัวทางเศรษฐกิจในปีนี้
ลงเหลือประมาณร้อยละ 2.0 และเรียกร้องให้มีการลดอัตราดอกเบี้ยลงร้อยละ 0.25 ทำให้นักวิเคราะห์คาดว่า
ธ.กลางอังกฤษจะลดอัตราดอกเบี้ยลงในการประชุมในเดือนหน้า (รอยเตอร์)
3. ทุนสำรองเงินตราต่างประเทศของจีนยังคงเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว รายงานจากปักกิ่งเมื่อวันที่ 14
ก.ค. 48 ธ.กลางจีนเปิดเผยว่า ในไตรมาสที่ 2 ปีนี้ทุนสำรองเงินตราต่างประเทศของจีนเพิ่มขึ้น 51.9 พันล.
ดอลลาร์สรอ.ทำสถิติสูงสุดที่ระดับ 711 พันล.ดอลลาร์ สรอ. เนื่องจากการเกินดุลการค้าจำนวนมากทำให้เงินทุน
ไหลเข้าประเทศจีนเพื่อการเก็งกำไรค่าเงินหยวน ซึ่งคาดว่าจะมีการปรับค่าเงิน ทั้งนี้ จีนมีทุนสำรองระหว่าง
ประเทศมากที่สุดในโลกรองจากญี่ปุ่น ซึ่งในไตรมาสที่ 2 นี้ทุนสำรองไหลเข้าถึงวันละ 570 ล้านดอลลาร์ สรอ.
หรือชม.ละเกือบ 24 ล้านดอลลาร์สรอ. การที่ทุนสำรองระหว่างประเทศของจีนเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วดังกล่าวทำให้
จีนต้องพยายามบริหารเงินทุนดังกล่าวเพื่อให้เงินหยวนมีเสถียรภาพที่ระดับ 8.28 หยวนต่อ 1 ดอลลาร์ สรอ. ทั้งนี้
นักเศรษฐศาสตร์จาก Daiwa Securities ในเซียงไฮ้คาดว่าหากทุนสำรองระหว่างประเทศเพิ่มขึ้นอีกจะสร้าง
ความยุ่งยากแก่รัฐบาลจีน ที่ผ่านมาจีนไม่สนใจแรงกดดันที่มีมาอย่างต่อเนื่องจากสรอ. และยุโรปเพื่อให้จีนปรับค่า
เงินหยวน แต่หากการเกินดุลการค้า และทุนสำรองเงินตราต่างประเทศยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องเช่นนี้ จีนจะต้อง
เผชิญกับแรงกดดันมากขึ้นอีก ทั้งนี้ในครึ่งแรกปี 48 ทุนสำรองเงินตราต่างประเทศของจีน เพิ่มขึ้นที่ระดับ 101 พัน
ล.ดอลลาร์ สรอ. และเฉพาะเดือนมิ.ย.เพิ่มขึ้นถึง 20 พันล. ดอลลาร์ สรอ. ซึ่งที่ผ่านมาประเทศต่างๆรวมทั้ง
สรอ.ได้กล่าวหาว่าการผูกค่าเงินหยวนกับดอลลาร์ สรอ.ทำให้เงินหยวนมีค่าต่ำกว่าความเป็นจริงส่งผลให้ผู้ส่งออก
ของจีนได้เปรียบคู่ค้าในตลาดโลก อย่างไรก็ตามจีนได้สัญญาว่าจะปฎิรูประบบอัตราแลกเปลี่ยน แต่ต้องแน่ใจว่าระบบ
การเงินแข็งแกร่ง และเศรษฐกิจมีเสถียรภาพ (รอยเตอร์)
4. อัตราการว่างงานของเกาหลีใต้เดือน มิ.ย.48 เพิ่มขึ้นสูงสุดในรอบ 5 เดือน รายงานจากกรุง
โซล ประเทศเกาหลีใต้ เมื่อวันที่ 14 ก.ค.48 อัตราการว่างงานของเกาหลีใต้ในเดือน มิ.ย.48 เพิ่มขึ้นร้อย
ละ 3.8 สูงสุดในรอบ 5 เดือน จากร้อยละ 3.7 ในเดือน พ.ค.48 ซึ่งเป็นระดับที่นักเศรษฐศาสตร์คาดว่าจะทรง
ตัวต่อเนื่องในเดือน มิ.ย. สร้างความกังวลเพิ่มขึ้นว่าการบริโภคภายในประเทศที่อ่อนตัวมาเป็นเวลานานจะ
สามารถพลิกฟื้นกลับคืนได้รวดเร็วมากน้อยเพียงใด ทั้งนี้ ตัวเลขของเดือน พ.ค.48 ได้มีการปรับเพิ่มขึ้นหลังจาก
เกาหลีใต้ได้ใช้วิธีการแบบใหม่ในการคิดคำนวณอัตราการจ้างงาน ด้านนายจ้างชาวเกาหลีใต้ยังคงลังเลที่จะจ้าง
คนงานเพิ่มขึ้น เนื่องจากอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศยังคงชะลอตัว รวมทั้งปัจจัยลบจากราคาน้ำมันที่
ปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องและภาคการส่งออกที่ลดลง ในขณะที่ภาครัฐหวังว่าการบริโภคภาคเอกชนจะสามารถฟื้นตัว
กลับคืนได้หลังจากซบเซามาเป็นเวลากว่า 2 ปี เพื่อช่วยพลิกฟื้นเศรษฐกิจทดแทนการส่งออกที่อ่อนตัวลง โดยการ
บริโภคภาคเอกชนในปีนี้ฟื้นตัวดีขึ้น แต่ยังไม่ดีเท่าที่ควร อนึ่ง รมช.ก.คลังของเกาหลีใต้กล่าวว่า อัตราการว่าง
งานที่เพิ่มขึ้นส่วนหนึ่งมาจากการบริโภคภายในประเทศที่ฟื้นตัวกระตุ้นให้ประชาชนกลับเข้าสู่ตลาดแรงงาน แต่ไม่มี
ตำแหน่งงานเพียงพอที่จะรองรับได้ ทำให้ตัวเลขคนว่างงานเพิ่มสูงขึ้น (รอยเตอร์)
ข้อมูลเศรษฐกิจ 15 ก.ค. 48 14 ก.ค. 48 30 ม.ค. 47 แหล่งข้อมูล
อัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยระหว่างธนาคาร (Bht/1US$) 41.878 39.263 ธปท.
อัตราซื้อถัวเฉลี่ยตั๋วเงิน/อัตราขายถัวเฉลี่ยของ ธพ. (Bht/1US$) 41.6956/41.9807 39.0915/39.3765 ธปท.
อัตราดอกเบี้ยกู้ยืมระหว่าง ธพ. ขนาดใหญ่ระยะ 7 วัน (ร้อยละ) 2.6875 — 2.7000 1.1875 - 1.2800 รอยเตอร์
ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ (จุด)/มูลค่าซื้อ/ขาย (พันล้านบาท) 661.45/ 16.02 698.90/29.26 ตลท.
ราคาทองคำแท่ง (ซื้อ/ขายบาทละ) 8,300/8,400 8,400/8,500 7,400/7,500 สมาคมค้าทองคำ
ราคาน้ำมันดิบดูไบ (US$/บาเรล) 52.51 53 28.18 ปตท./รอยเตอร์
ราคาน้ำมันเบนซิน 95/ดีเซล (บาท) 25.74*/22.99** 25.74*/22.99** 16.99/14.59 ปตท.
* ปรับเพิ่ม 40 สตางค์ เมื่อ 12 ก.ค. 48
**ปรับเพิ่ม 90 สตางค์เมื่อ13 ก.ค. 48
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--