สืบเนื่องจาก การขยายตัว ของประชากรโลก เป็นผลให้ป่าไม้ ทุกหนแห่งในโลก โดยเฉพาะป่าไม้ ในเขตร้อน ถูกทำลายปีละหลายล้านไร่ เพื่อนำเนื้อไม้ มาใช้ประโยชน์ ด้านที่อยู่อาศัย และใช้สอยในชีวิตประจำวัน
สนองความต้องการ ด้านพื้นฐานของมนุษย์ ประเทศผู้เป็นเจ้าของ ทรัพยากรป่าไม้ ในเขตร้อนเหล่านี้ จึงประสบ
ปัญหา ด้านสิ่งแวดล้อม ก่อเกิดผลกระทบ ต่อสภาพธรรมชาติอย่างรุนแรง ทั้งสภาวะดินฟ้าอากาศ และสภาพ
สังคมโดยทั่วไป
ประเทศไทย เป็นประเทศหนึ่งในเขตร้อน และประสบภาวะดังกล่าว เช่นเดียวกันกับ อีกหลายหลายประเทศ รัฐบาลจึงมีความจำเป็นต้อง ออกพระราชกำหนด ปิดป่า เมื่อ 15 มกราคม 2532 เพื่อปกป้องป่าไม้ มิให้มีการทำไม้ออกจากป่าอีกต่อไป บรรดา ผู้ประกอบการ ด้านอุตสาหกรรมไม้ โดยเฉพาะด้านการก่อสร้าง และ เครื่องเรือน จึงจำเป็นต้อง หาแหล่งไม้ จากสวนป่าที่มนุษย์ปลูกสร้างขึ้นมาใช้ทดแทน และหนึ่งในจำนวนนั้น คือไม้ยางพารา ซึ่งมีศักยภาพ ทั้งด้านกายภาพ คุณสมบัติ และปริมาณ ที่พร้อมใช้ ทดแทนไม้จากป่าธรรมชาติ ได้ทันที
คุณสมบัติเด่นของไม้ยางพารา
ไม้ยางพารา เป็นไม้ที่มีคุณภาพ ทางกายภาพ หลายประการใกล้เคียงกับไม้สัก มีลวดลายที่สวยงาม ย้อมสีได้ ตกแต่งง่าย น้ำหนักเบา ทั้งมีราคาถูก เมื่อเปรียบเทียบกับไม้ชนิดอื่น
ด้วยองค์ประกอบ ด้านคุณสมบัติอันโดดเด่น หลายประการเช่นนี้ ไม้ยางพาราจึงเป็นที่รู้จัก และนิยมใช้
แพร่หลายทั่วโลก ในเวลาอันรวดเร็ว ในชื่อของ " ไม้สักขาว (White Teak )"
แหล่งที่มาของทรัพยากรไม้ยางพารา
ไม้ยางพารา ที่นำมาใช ในอุตสาหกรรม ไม้ปัจจุบันนี้ ล้วนแต่มาจาก สวนยางพารา ที่มนุษย์ เป็นผู้ปลูกสร้างทั้งสิ้น ไม้เหล่านี้เป็นไม้ที่มีอายุมาก ให้ผลผลิตน้ำยางต่ำ ไม่คุ้มค่าทางเศรษฐกิจ ในการกรีดเอาน้ำยางอีกต่อไป จึงจำเป็นต้องโค่นออก แล้วปลูกทดแทนใหม่ ตามวงจรธรรมชาติ ในการประกอบอาชีพ การทำสวนยาง ทุกๆปี สำนักงานกองทุนสงเคราะห์การทำสวนยาง เป็นผู้ให้ทุนสงเคราะห์ ในรูปของ ค่าแรงงาน และวัสดุที่จำเป็น ในการ
สร้างสวนยางพาราใหม่ ทดแทนสวนเดิม ที่โค่นออกไป แก่สวนยางที่ครบวงจรประมาณปีละ 3.5 แสนไร่
ดังนั้น ประเทศไทยจึงได้รับ ผลประโยชน์จากไม้ยางพารา ที่โค่นเพื่อการปลูกแทน มาใช้ในอุตสาหกรรมไม้ ประมาณปีละ 14 ล้านลูกบาศก์เมตร ทดแทนไม้ป่า จากธรรมชาติ อันเป็นการช่วยลดการทำลายป่าธรรมชาติ ได้
อย่างมีประสิทธิภาพเด่นชัด
การใช้ประโยชน์ทรัพยากรไม้ยางพารา
ตลอดระยะเวลา ที่ผ่านมา ไม้ยางพารา มีการใช้ประโยชน์ อย่างมีประสิทธิภาพขึ้นเรื่อยๆ ประมาณการได้ว่า พื้นที่สวนยาง 1 ไร่ สามารถให้ไม้ยาง ที่มีเส้นผ่าศูนย์กลาง 2 นิ้ว ขึ้นไป ประมาณ 40 ลูกบาศก์เมตร ซึ่งสามารถแบ่งประเภท ตามขนาดของไม้ที่ได้ เป็น 3 ประเภท ดังนี้
- ไม้ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 8 นิ้วขึ้นไป จำนวน 2 ลูกบาศก์เมตร ไม้ประเภทนี้นำไปใช้ผลิตไม้อัด(Veneer )
- ไม้ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 6 - 8 นิ้ว จำนวน 23 ลูกบาศก์เมตร ไม้ประเภทนี้ นำไปเลื่อยเป็นไม้แปรรูปขนาดต่างๆได้ประมาณ 8 ลูกบาศก์เมตร ส่วนที่เหลือ 15 ลูกบาศก์เมตร เป็นขี้เลื่อย และปีกไม้ ซึ่งนำไปผลิตเป็นไม้แผ่นปาร์ติเกิ้ล ( Particle Board) และไม้แผ่นเอ็ม ดี เอฟ หรือแผ่นใยไม้อัดความหนาแน่นปานกลาง (
Medium Density Fibreboard )
- ไม้ขนาดเล็กเส้นผ่าศูนย์กลาง 2 - 6 นิ้ว จำนวน 15 ลูกบาศก์เมตร ไม้ประเภทนี้ นำไปใช้เป็นวัสดุ
ก่อสร้าง ไม้ฟืน และวัตถุดิบ ในโรงงานผลิตปาร์ติเกิ้ล และ เอ็ม ดี เอฟ
การใช้ประโยชน์ไม้ยางพาราแปรรูป
ไม้ยางพาราแปรรูป ส่วนใหญ่นำไปใช้ ผลิตเป็นเฟอร์นิเจอร์ ชิ้นส่วนเฟอร์นิเจอร์ วัสดุก่อสร้าง ของเด็กเล่น ของใช้ในครัวเรือน กรอบรูป ของชำร่วย แผงไม้รองยาง (Pallet ) ลังใส่ผลไม้ ฯลฯ
ส่วนที่เหลือ จากการทำเฟอร์นิเจอร์ และเครื่องเรือน ส่งขาย ไปยังประเทศต่างๆ เช่น จีน ญี่ปุ่น ฮ่องกง ไต้หวัน เกาหลี ฯลฯ เป็นวัตถุดิบในการผลิต สินค้าประเภทไม้ต่อไป
ด้วยประโยชน์และศักยภาพ อันมากมี ของไม้ยางพาราเหล่านี้ ไม้ยางพาราอันเป็นไม้ที่มนุษย์ปลูก
สร้าง จึงยังบทบาทสำคัญ ในการเข้ามาทดแทน ไม้ป่าจากธรรมชาติเป็นอย่างดี ทั้งปัจจุบัน และอนาคต ช่วยลดการ
ทำลาย สภาพสิ่งแวดล้อมตามธรรมชาติ ให้คงดำรงอยู่ อย่างที่ควรจะเป็น ได้มากมายประมาณมูลค่ามิได้
--กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม--
-พห-
สนองความต้องการ ด้านพื้นฐานของมนุษย์ ประเทศผู้เป็นเจ้าของ ทรัพยากรป่าไม้ ในเขตร้อนเหล่านี้ จึงประสบ
ปัญหา ด้านสิ่งแวดล้อม ก่อเกิดผลกระทบ ต่อสภาพธรรมชาติอย่างรุนแรง ทั้งสภาวะดินฟ้าอากาศ และสภาพ
สังคมโดยทั่วไป
ประเทศไทย เป็นประเทศหนึ่งในเขตร้อน และประสบภาวะดังกล่าว เช่นเดียวกันกับ อีกหลายหลายประเทศ รัฐบาลจึงมีความจำเป็นต้อง ออกพระราชกำหนด ปิดป่า เมื่อ 15 มกราคม 2532 เพื่อปกป้องป่าไม้ มิให้มีการทำไม้ออกจากป่าอีกต่อไป บรรดา ผู้ประกอบการ ด้านอุตสาหกรรมไม้ โดยเฉพาะด้านการก่อสร้าง และ เครื่องเรือน จึงจำเป็นต้อง หาแหล่งไม้ จากสวนป่าที่มนุษย์ปลูกสร้างขึ้นมาใช้ทดแทน และหนึ่งในจำนวนนั้น คือไม้ยางพารา ซึ่งมีศักยภาพ ทั้งด้านกายภาพ คุณสมบัติ และปริมาณ ที่พร้อมใช้ ทดแทนไม้จากป่าธรรมชาติ ได้ทันที
คุณสมบัติเด่นของไม้ยางพารา
ไม้ยางพารา เป็นไม้ที่มีคุณภาพ ทางกายภาพ หลายประการใกล้เคียงกับไม้สัก มีลวดลายที่สวยงาม ย้อมสีได้ ตกแต่งง่าย น้ำหนักเบา ทั้งมีราคาถูก เมื่อเปรียบเทียบกับไม้ชนิดอื่น
ด้วยองค์ประกอบ ด้านคุณสมบัติอันโดดเด่น หลายประการเช่นนี้ ไม้ยางพาราจึงเป็นที่รู้จัก และนิยมใช้
แพร่หลายทั่วโลก ในเวลาอันรวดเร็ว ในชื่อของ " ไม้สักขาว (White Teak )"
แหล่งที่มาของทรัพยากรไม้ยางพารา
ไม้ยางพารา ที่นำมาใช ในอุตสาหกรรม ไม้ปัจจุบันนี้ ล้วนแต่มาจาก สวนยางพารา ที่มนุษย์ เป็นผู้ปลูกสร้างทั้งสิ้น ไม้เหล่านี้เป็นไม้ที่มีอายุมาก ให้ผลผลิตน้ำยางต่ำ ไม่คุ้มค่าทางเศรษฐกิจ ในการกรีดเอาน้ำยางอีกต่อไป จึงจำเป็นต้องโค่นออก แล้วปลูกทดแทนใหม่ ตามวงจรธรรมชาติ ในการประกอบอาชีพ การทำสวนยาง ทุกๆปี สำนักงานกองทุนสงเคราะห์การทำสวนยาง เป็นผู้ให้ทุนสงเคราะห์ ในรูปของ ค่าแรงงาน และวัสดุที่จำเป็น ในการ
สร้างสวนยางพาราใหม่ ทดแทนสวนเดิม ที่โค่นออกไป แก่สวนยางที่ครบวงจรประมาณปีละ 3.5 แสนไร่
ดังนั้น ประเทศไทยจึงได้รับ ผลประโยชน์จากไม้ยางพารา ที่โค่นเพื่อการปลูกแทน มาใช้ในอุตสาหกรรมไม้ ประมาณปีละ 14 ล้านลูกบาศก์เมตร ทดแทนไม้ป่า จากธรรมชาติ อันเป็นการช่วยลดการทำลายป่าธรรมชาติ ได้
อย่างมีประสิทธิภาพเด่นชัด
การใช้ประโยชน์ทรัพยากรไม้ยางพารา
ตลอดระยะเวลา ที่ผ่านมา ไม้ยางพารา มีการใช้ประโยชน์ อย่างมีประสิทธิภาพขึ้นเรื่อยๆ ประมาณการได้ว่า พื้นที่สวนยาง 1 ไร่ สามารถให้ไม้ยาง ที่มีเส้นผ่าศูนย์กลาง 2 นิ้ว ขึ้นไป ประมาณ 40 ลูกบาศก์เมตร ซึ่งสามารถแบ่งประเภท ตามขนาดของไม้ที่ได้ เป็น 3 ประเภท ดังนี้
- ไม้ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 8 นิ้วขึ้นไป จำนวน 2 ลูกบาศก์เมตร ไม้ประเภทนี้นำไปใช้ผลิตไม้อัด(Veneer )
- ไม้ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 6 - 8 นิ้ว จำนวน 23 ลูกบาศก์เมตร ไม้ประเภทนี้ นำไปเลื่อยเป็นไม้แปรรูปขนาดต่างๆได้ประมาณ 8 ลูกบาศก์เมตร ส่วนที่เหลือ 15 ลูกบาศก์เมตร เป็นขี้เลื่อย และปีกไม้ ซึ่งนำไปผลิตเป็นไม้แผ่นปาร์ติเกิ้ล ( Particle Board) และไม้แผ่นเอ็ม ดี เอฟ หรือแผ่นใยไม้อัดความหนาแน่นปานกลาง (
Medium Density Fibreboard )
- ไม้ขนาดเล็กเส้นผ่าศูนย์กลาง 2 - 6 นิ้ว จำนวน 15 ลูกบาศก์เมตร ไม้ประเภทนี้ นำไปใช้เป็นวัสดุ
ก่อสร้าง ไม้ฟืน และวัตถุดิบ ในโรงงานผลิตปาร์ติเกิ้ล และ เอ็ม ดี เอฟ
การใช้ประโยชน์ไม้ยางพาราแปรรูป
ไม้ยางพาราแปรรูป ส่วนใหญ่นำไปใช้ ผลิตเป็นเฟอร์นิเจอร์ ชิ้นส่วนเฟอร์นิเจอร์ วัสดุก่อสร้าง ของเด็กเล่น ของใช้ในครัวเรือน กรอบรูป ของชำร่วย แผงไม้รองยาง (Pallet ) ลังใส่ผลไม้ ฯลฯ
ส่วนที่เหลือ จากการทำเฟอร์นิเจอร์ และเครื่องเรือน ส่งขาย ไปยังประเทศต่างๆ เช่น จีน ญี่ปุ่น ฮ่องกง ไต้หวัน เกาหลี ฯลฯ เป็นวัตถุดิบในการผลิต สินค้าประเภทไม้ต่อไป
ด้วยประโยชน์และศักยภาพ อันมากมี ของไม้ยางพาราเหล่านี้ ไม้ยางพาราอันเป็นไม้ที่มนุษย์ปลูก
สร้าง จึงยังบทบาทสำคัญ ในการเข้ามาทดแทน ไม้ป่าจากธรรมชาติเป็นอย่างดี ทั้งปัจจุบัน และอนาคต ช่วยลดการ
ทำลาย สภาพสิ่งแวดล้อมตามธรรมชาติ ให้คงดำรงอยู่ อย่างที่ควรจะเป็น ได้มากมายประมาณมูลค่ามิได้
--กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม--
-พห-