ข่าวเศรษฐกิจในประเทศ
1. ธปท.ออกประกาศผ่อนผันวิธีปฏิบัติเกี่ยวกับการกันเงินสำรอง รายงานจากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ว่า ธปท.ได้ออกประกาศเพิ่มเติมเกี่ยวกับการผ่อนผันวิธีปฏิบัติการกันสำรองที่ ธปท.ได้ออกประกาศไปเมื่อวันที่ 18 ธ.ค.ที่ผ่านมา โดยธุรกรรมที่จะได้รับการผ่อนผันไม่ต้องกันสำรองร้อยละ 30 มีดังนี้ 1) การรับซื้อเงินตราต่างประเทศที่เป็นเงินลงทุนโดยตรง โดยเงินลงทุนโดยตรง หมายถึง ธุรกรรมการลงทุนในระยะยาวของผู้ลงทุนในต่างประเทศที่มีต่อธุรกิจในประเทศไทยทั้งที่จัดตั้งเป็นนิติบุคคลและส่วนบุคคล โดยผู้ลงทุนถือหุ้นในกิจการ (Equity Capital) ตั้งแต่ร้อยละ 10 ขึ้นไป และมีส่วนร่วมในการบริหารจัดการธุรกิจนั้น รวมถึงการซื้ออสังหาริมทรัพย์ เช่น ที่ดิน คอนโดมิเนียม ด้วย 2) การรับซื้อเงินตราต่างประเทศที่เป็นเงินบริการโดยเงินบริการให้หมายถึงธุรกรรมตาม Transaction Purpose Code 3) การรับซื้อเงินตราต่างประเทศจากลูกค้า หรือบุคคลรับอนุญาต ในรูปเช็คเดินทางและธนบัตร 4) การรับซื้อเงินตราต่างประเทศจากธุรกรรมเงินตราต่างประเทศที่เป็นการต่ออายุสัญญาเดิม (Rollover Swap) ที่ทำกับสถาบันการเงินเดิม 5) การรับซื้อเงินตราต่างประเทศแลกบาทที่สืบเนื่องจากการซื้อตราสารหนี้ก่อนวันที่ 19 ธ.ค.49 6) การรับซื้อเงินตราต่างประเทศจากบุคคลดังต่อไปนี้ 6.1 สถานทูตไทย สถานกงสุลไทย หรือหน่วยงานรัฐบาลไทยที่ตั้งอยู่นอกประเทศไทย 6.2 สถานทูตต่างประเทศ สถานกงสุล ทบวงการชำนัญพิเศษแห่งองค์การสหประชาชาติ องค์การหรือสถาบันระหว่างประเทศ ที่ประจำการในประเทศ 7) เงินกู้สกุลเงินตราต่างประเทศของหน่วยงานราชการที่นำมาขายรับบาท 8) เงินตราต่างประเทศของบุคคลไทยที่เข้ามาฝาก FCD และนำมาขายรับบาทที่มีเอกสารหลักฐานว่าเงินตราต่างประเทศที่นำมาฝากดังกล่าวเป็นประเภทที่ได้รับการยกเว้นหรือผ่อนผันการกันสำรองตามระเบียบ (ไทยรัฐ, ผู้จัดการรายวัน)
2. ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล ปฏิเสธการแทรกแซงการทำงาน ธปท. ขณะที่ผู้ว่าการ ธปท.ยืนยันความเป็นอิสระ ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล รอง นรม. และ รมว.คลัง เปิดเผยถึงมาตรการสกัดกั้นการเก็งกำไรค่าเงินของ ธปท.ทำให้เงินบาทอ่อนค่าลงมาก ว่า การอ่อนค่าลงของเงินบาทถือว่าดีแล้ว ซึ่งเป็นไปตามที่ ธปท.ต้องการ เพราะก่อนออกมาตรการค่าเงินบาทแข็งขึ้นร้อยละ 14 เมื่อเทียบกับต้นปี ส่งผลให้ผู้ส่งออกสามารถอยู่ได้จากที่เคยเสียเปรียบคู่แข่ง เพราะเงินบาทแข็งค่าขึ้น ซึ่งเมื่อเทียบกับคู่แข่งที่ค่าเงินแข็งขึ้นเพียงร้อยละ 6-7 นอกจากนี้ยังปฏิเสธการแทรกแซงการทำงานของ ธปท. ขณะที่ผู้ว่าการ ธปท.กล่าวว่า การอ่อนค่าของเงินบาทคงจะมีส่วนที่ได้รับผลจากมาตรการดูแลค่าเงินบาทก่อนหน้านี้ มีส่วนทำให้ค่าเงินชะลอการแข็งค่าขึ้น หลังจากที่ก่อนหน้านี้ค่าเงินบาทค่าขึ้นอย่างเดียวมาอย่างต่อเนื่อง สำหรับกรณีที่ ธปท.ยกเลิกมาตรการสกัดเงินทุนไหลเข้าระยะสั้นในส่วนของเงินทุนในตลาดหลักทรัพย์นั้น การดำเนินนโยบายต่าง ๆ ของ ธปท.ไม่มีคำสั่งมาจากฝ่ายการเมือง โดยการยกเลิกมาตรการเนื่องจากโบรกเกอร์ยืนยันว่า ดูแลเงินที่เข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นได้ อนึ่ง บรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้นวานนี้ (21 ธ.ค.49) ปิดตลาดที่ระดับ 676.10 จุด ลดลง 15.45 จุด หรือร้อยละ 2.23 มูลค่าการซื้อขายรวม 20,209.58 ล้านบาท โดยนักลงทุนต่างชาติยังคงมียอดขายสุทธิต่อเนื่องจำนวน 998.13 ล้านบาท ส่วนนักลงทุนสถาบันในประเทศมียอดขายสุทธิ 775.39 ล้านบาท และนักลงทุนรายบุคคลมียอดขายสุทธิ 222.74 ล้านบาท (กรุงเทพธุรกิจ, โลกวันนี้)
3. กองทุนฟื้นฟูฯ เผยภาวะตลาดหุ้นที่ลดลงจะไม่กระทบแผนการทยอยขายหุ้น 3 ธนาคาร ผอส.ฝ่ายบริหารกองทุน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวว่า ภาวะตลาดหุ้นที่ลดลงช่วงนี้จะไม่กระทบแผนการทยอยขายหุ้นที่กองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงินจะขยายหุ้นที่ถืออยู่ใน ธ.กรุงไทย ธ.นครหลวงไทย และ ธ.ไทยธนาคาร เพราะหากบรรยากาศตลาดหุ้นไม่ดี ก็ชะลอแผนการขายหุ้นออกไปได้ เชื่อว่าไม่กระทบ ทั้งนี้ กองทุนฟื้นฟูฯ ถือหุ้นอยู่ใน .ธ.ไทยธนาคาร ประมาณร้อยละ 48 ใน ธ.นครหลวงไทย ถือหุ้นประมาณร้อยละ 47.6 และใน ธ.กรุงไทยประมาณร้อยละ 56.41 (โพสต์ทูเดย์)
4. หอการค้าไทยเรียกร้อง ธปท.ดูแลค่าเงินบาทต่อเนื่อง กรรมการเลขาธิการ หอการค้าไทย เปิดเผยว่า ในปี 49 เศรษฐกิจจะขยายตัวได้ระดับร้อยละ 4.5 โดยได้ปัจจัยหนุนจากการส่งออกที่แม้ในช่วงปลายปีจะชะลอตัวจากปัญหาค่าเงินบาท แต่ภาพรวมยังเติบโตได้ดี ส่วนปี 50 คาดว่าเศรษฐกิจโดยรวมจะขยายตัวไม่ต่างจากปีนี้ แต่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ต้องดูแลค่าเงินบาทอย่างแท้จริง ไม่ให้มีเงินไหลเข้าเพื่อเก็งกำไรมากเกินไป ทั้งนี้ มาตรการของ ธปท.ที่ให้หักเงินไหลเข้าจากต่างประเทศร้อยละ 30 ยกเว้นการนำเงินเข้ามาเพื่อลงทุนในตลาดทุนนั้น จากการประเมินเห็นว่าเป็นมาตรการที่ดี สามารถดูแลค่าเงินได้ แต่ต้องการให้มีการดูแลอย่างต่อเนื่องและจริงจังต่อไป เพื่อไม่ให้กระทบต่อการส่งออก ซึ่งยังเป็นกลไกหลักในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจต่อไป (กรุงเทพธุรกิจ, โพสต์ทูเดย์, ไทยรัฐ, สยามรัฐ)
5. ไทยเกินดุลการค้าเดือน พ.ย.49 สูงสุดในรอบ 6 ปี อธิบดีกรมส่งเสริมการส่งออก เปิดเผยว่า การส่งออกเดือน พ.ย.49 มีมูลค่า 11,871 ล้านดอลลาร์ สรอ. เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 20.7 โดยเป็นการส่งออกเกิน 10,000 ล้านดอลลาร์ สรอ. เป็นเดือนที่ 7 ติดต่อกัน ส่งผลให้การส่งออกใน 11 เดือนแรกของปีนี้ มีมูลค่า 118,989 ล้านดอลลาร์ สรอ. เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันร้อยละ 17.2 ส่วนการนำเข้าในเดือน พ.ย.49 มีมูลค่า 10,129 ล้านดอลลาร์ สรอ. เพิ่มขึ้นร้อยละ 3.51 ส่งผลให้ยอดนำเข้ารวมในช่วง 11 เดือน มีมูลค่า 116,800 ล้านดอลลาร์ สรอ. เพิ่มขึ้นร้อยละ 7.5 ทำให้ไทยเกินดุลการค้าในเดือน พ.ย.1,742 ล้านดอลลาร์ สรอ. เป็นการเกินดุลที่สูงที่สุดในรอบ 6 ปี ส่วนดุลการค้ารอบ 11 เดือนมีมูลค่า 2,189 ล้านดอลลาร์ จากช่วงเดียวกันของปีก่อนขาดดุลการค้า 7,088 ล้านดอลลาร์ สรอ. ทั้งนี้ จากสถิติการนำเข้าและส่งออกในปีนี้ เชื่อว่าในเดือน ธ.ค.49 จะเกินดุลการค้าเพิ่มขึ้น 500-1,000 ล้านดอลลาร์ สรอ. คาดว่าดุลการค้าทั้งปีจะเกินดุลประมาณ 3,000 ล้านดอลลาร์ สรอ. จากปีก่อนที่ขาดดุล 7,236 ล้านดอลลาร์ สรอ. (กรุงเทพธุรกิจ, ผู้จัดการรายวัน, โลกวันนี้, โพสต์ทูเดย์, ไทยรัฐ, เดลินิวส์, สยามรัฐ, แนวหน้า, ข่าวสด)
6. ก.ล.ต.เผยการฟื้นความเชื่อมั่นนักลงทุนต่างประเทศควบคู่ไปกับการปรับโครงสร้างตลาดทุนเป็นภาระเร่งด่วนปีหน้า เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) แถลงแผนของ ก.ล.ต.ปีหน้า จะต้องเร่งฟื้นความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่างประเทศต่อตลาดทุนไทยอย่างเร่งด่วน ภายหลังจากการใช้มาตรการของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ในการสกัดค่าเงินบาทได้ส่งผลกระทบต่อตลาดทุน ซึ่ง ก.ล.ต.ได้พยายามเรียกความเชื่อมั่นโดยการให้ข้อมูลอย่างดีที่สุด ซึ่งก็เชื่อว่านักลงทุนต่างประเทศจะเข้าใจ แต่อาจจะต้องใช้เวลาบ้าง เพราะพื้นฐานของเศรษฐกิจและกฎระเบียบไม่ได้เปลี่ยนแปลง โดยการลงทุนในตลาดหุ้นหลังจากนี้จะไม่ได้รับผลกระทบจากมาตรการสกัดการเก็งกำไรค่าเงินบาท เนื่องจาก ธปท.ได้ผ่อนปรนกฎเกณฑ์โดยยกเว้นการกันสำรองร้อยละ 30 แต่ตลาดตราสารหนี้อาจจะเป็นอุปสรรคบ้างในการพัฒนา เพราะการลงทุนในตลาดตราสารหนี้ยังไม่ได้รับการผ่อนปรน นอกจากนี้ ในส่วนของธุรกิจหลักทรัพย์ ก.ล.ต.จะเสนอร่างกฎกระทรวงรองรับการปรับโครงสร้างธุรกิจหลักทรัพย์ทั้งในปัจจุบัน และหลังเปิดเสรี โดยเพิ่มช่องทางการทำธุรกิจหลากหลายมากขึ้น เพื่อเพิ่มช่องทางการลงทุนในหลักทรัพย์ต่างประเทศ รวมทั้งสนับสนุนให้บริษัทหลักทรัพย์ออกไปลงทุนในหลักทรัพย์ต่างประเทศ และสนับสนุนการควบรวมกิจการเพื่อให้บริษัทหลักทรัพย์มีขนาดใหญ่สามารถขยายไปทำธุรกิจอื่นได้ (กรุงเทพธุรกิจ)
ข่าวเศรษฐกิจต่างประเทศ
1. สรอ.ปรับลดอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจในไตรมาสที่ 3 ปี 49 จากร้อยละ 2.2 เป็นร้อยละ 2.0 ต่อปี รายงานจากวอชิงตัน เมื่อ 21 ธ.ค.49 ก.พาณิชย์ สรอ.ปรับลดอัตราการขยายตัวของ GDP หรือผลผลิตรวมในประเทศในไตรมาสที่ 3 ปี 49 เหลือร้อยละ 2.0 ต่อปี จากร้อยละ 2.2 ต่อปีที่ประมาณไว้เมื่อเดือนก่อน และชะลอตัวลงจากร้อยละ 2.6 ต่อปีในไตรมาสที่ 2 ปี 49 โดยเป็นผลจากการใช้จ่ายในภาคบริการของผู้บริโภคอ่อนตัวลงกว่าที่คาดไว้ เป็นสัญญาณว่าเศรษฐกิจกำลังชะลอตัวลง สอดคล้องกับจำนวนคนขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกที่เพิ่มขึ้น 9,000 คนมีจำนวน 315,000 คนและการใช้จ่ายเพื่อสร้างบ้านใหม่ที่ลดลงร้อยละ 18.7 ลดลงในอัตราสูงสุดในรอบกว่า 15 ปีนับตั้งแต่ลดลงร้อยละ 21.7 ในไตรมาสแรกปี 34 ในขณะที่ดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐานที่ไม่รวมราคาอาหารและพลังงานชะลอตัวลงมาอยู่ที่ร้อยละ 2.2 ในไตรมาสที่ 3 ปี 49 จากร้อยละ 2.7 ในไตรมาสที่ 2 โดยหากเทียบต่อปี ดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐานในไตรมาสที่ 3 ปี 49 สูงขึ้นร้อยละ 2.4 สูงสุดนับตั้งแต่เพิ่มขึ้นในอัตราเดียวกันเมื่อไตรมาสที่ 2 ปี 38 หลังจากเพิ่มขึ้นร้อยละ 2.2 ต่อปีในไตรมาสที่ 2 ปี 49 นักเศรษฐศาสตร์บางคนเห็นว่ายิ่งดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐานอยู่ในระดับสูงกว่าร้อยละ 2.0 นานเท่าไร ยิ่งมีความเสี่ยงมากขึ้นที่อัตราเงินเฟ้อจะสูงขึ้นอีก จึงเห็นว่า ธ.กลาง สรอ.ควรขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อชะลอภาวะเงินเฟ้อ ในขณะที่ ธ.กลาง สรอ.ได้คงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ร้อยละ 5.25 ต่อปีมาตั้งแต่กลางปี 49 ที่ผ่านมา (รอยเตอร์)
2. สถาบันวิจัยทางเศรษฐกิจของเยอรมนีปรับเพิ่มประมาณการ GDP ของเยอรมนีทั้งในปีนี้และปีหน้า รายงานจากเบอร์ลิน เมื่อวันที่ 21 ธ.ค.49 IWH ซึ่งเป็น 1 ใน 6 ของสถาบันวิจัยทางเศรษฐกิจชั้นนำของเยอรมนีคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจเยอรมนีจะขยายตัวร้อยละ 1.4 ในปีหน้า ปรับเพิ่มขึ้นจากประมาณการเดิมร้อยละ 0.8 ที่คาดไว้เมื่อเดือน ก.ย. สำหรับปีนี้คาดว่าเศรษฐกิจจะเติบโตร้อยละ 2.5 ปรับเพิ่มขึ้นจากที่คาดไว้ว่าจะขยายตัวร้อยละ 2.0 เนื่องจากเศรษฐกิจเยอรมนีฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่งมากกว่าที่คาดการณ์ไว้ในตอนแรก ส่วนหนึ่งจากการดำเนินนโยบายผ่อนปรนของรัฐบาลในภาคอุตสาหกรรมและการส่งออกส่งผลให้อุตสาหกรรมการก่อสร้างขยายตัวอย่างแข็งแกร่งที่สุดในรอบ 7 ปีเนื่องจากปริมาณความต้องการสูงขึ้น อย่างไรก็ตามในปีนี้เศรษฐกิจมีแนวโน้มขยายตัวมากแต่ไม่ต่อเนื่องไปจนถึงปีหน้าเนื่องจากการส่งออกจะชะลอตัวลง ขณะที่การใช้จ่ายบริโภคไม่แน่นอนเนื่องจากการปรับเพิ่มภาษีการขายอาจส่งผลกระทบต่อผลผลิต รวมทั้งกำไรของบริษัท (รอยเตอร์)
3. อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจของอังกฤษในช่วงไตรมาส 3 ปี 49 เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.7 รายงานจากลอนดอนเมื่อ 21 ธ.ค.49 The Office for National Statistics (ONS) เปิดเผยว่า อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจของอังกฤษในช่วงไตรมาส 3 ปี 49 (เดือน ก.ค.-ก.ย.) เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.7 ไม่เปลี่ยนแปลงจากไตรมาสก่อนหน้า ทั้งนี้ ONS ได้ปรับเพิ่มอัตราการขยายตัวต่อปีขึ้นที่ระดับร้อยละ 2.9 จากการประมาณการก่อนหน้าที่ระดับร้อยละ 2.7 นับเป็นระดับสูงสุดในรอบ 2 ปีตั้งแต่ไตรมาส 3 ปี 47 และสูงกว่าการคาดการณ์ของ รมว.คลังที่เคยคาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ว่าอัตราการขยายตัวต่อปีจะเพิ่มขึ้นที่ระดับร้อยละ 2.75 โดยการปรับเพิ่มประมาณการในครั้งนี้ทำให้บรรดานักวิเคราะห์ต่างคาดการณ์ว่า ธ.กลางอังกฤษอาจปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยนโยบายอีกในช่วงต้นปีหน้านี้ นอกจากนี้ ONS ได้เปิดเผยตัวเลขดุลบัญชีเดินสะพัดว่า ขาดดุลเป็นจำนวน 9.429 พัน ล.ปอนด์ ในช่วงไตรมาส 3 ปี 49 หรือเท่ากับร้อยละ 2.9 ของจีดีพี สูงกว่าไตรมาสก่อนหน้าที่ขาดดุลเป็นจำนวน 8.264 พัน ล.ปอนด์ (รอยเตอร์)
4. ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคเกาหลีใต้เพิ่มขึ้นเล็กน้อยในไตรมาส 4 ปี 49 รายงานจากโซลเมื่อวันที่ 22 ธ.ค.49 ธ.กลางเกาหลีใต้เปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคเกาหลีใต้ในช่วงไตรมาส 4 ปี 49 เพิ่มขึ้นเล็กน้อยที่ระดับ 98 จากระดับ 96 ในช่วงไตรมาสก่อนหน้า แต่ต่ำกว่าระดับ 101 ในช่วงไตรมาสที่ 2 ของปี โดยดัชนียังคงต่ำกว่าระดับ 100 ซึ่งสะท้อนว่าผู้บริโภคที่มีความเชื่อมั่นต่อภาวะเศรษฐกิจในแง่บวกมีสัดส่วนน้อยกว่าผู้บริโภคที่มีความเชื่อมั่นในแง่ลบ สำหรับดัชนีความคาดหวังต่อภาวะเศรษฐกิจในอนาคตเพิ่มขึ้นเช่นกันที่ระดับ 72 จากระดับ 70 ขณะที่ดัชนีความเชื่อมั่นต่อภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบันอยู่ที่ระดับ 60 ไม่เปลี่ยนแปลงจากไตรมาสก่อนหน้า ทั้งนี้ ทางการเกาหลีใต้ได้คาดการณ์อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจในปี 50 ว่าจะชะลอลงจากปี 49 ที่คาดการณ์ไว้ร้อยละ 5 โดยการส่งออกที่แข็งแกร่งเป็นปัจจัยสนับสนุนเศรษฐกิจ ขณะที่การแข็งค่าของเงินวอนและการชะลอตัวของการใช้จ่ายภายในประเทศยังคงเป็นปัจจัยเสี่ยงต่อภาวะเศรษฐกิจ (รอยเตอร์)
ข้อมูลเศรษฐกิจ 22 ธ.ค. 49 21 ธ.ค. 49 31 ม.ค. 49 แหล่งข้อมูล
อัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยระหว่าง
ธนาคาร (Bht/1US$) 36.425 39.078 ธปท.
อัตราซื้อถัวเฉลี่ยตั๋วเงิน/อัตราขายถัวเฉลี่ยของ
ธพ. (Bht/1US$) 36.1363/36.5172 38.9113/39.2013 ธปท.
อัตราดอกเบี้ยกู้ยืมระหว่าง ธพ. ขนาดใหญ่ระยะ
7 วัน (ร้อยละ) 5.12438 4.29375 รอยเตอร์
ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ
(จุด)/มูลค่าซื้อ/ขาย (พันล้านบาท) 676.10/20.21 762.63/12.66 ตลท.
ราคาทองคำแท่ง (ซื้อ/ขายบาทละ) 10,650/10,750 10,650/10,750 10,350/10,450 สมาคมค้าทองคำ
ราคาน้ำมันดิบดูไบ (US$/บาเรล) 58.63 58.78 60.96 ปตท./รอยเตอร์
ราคาน้ำมันเบนซิน 95/ดีเซล (บาท)
* ปรับเมื่อ 2 ธ.ค. 49 ** ปรับเมื่อ
16 ธ.ค. 49 26.09*/23.34** 26.09*/23.34** 27.24/24.69 ปตท.
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--
1. ธปท.ออกประกาศผ่อนผันวิธีปฏิบัติเกี่ยวกับการกันเงินสำรอง รายงานจากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ว่า ธปท.ได้ออกประกาศเพิ่มเติมเกี่ยวกับการผ่อนผันวิธีปฏิบัติการกันสำรองที่ ธปท.ได้ออกประกาศไปเมื่อวันที่ 18 ธ.ค.ที่ผ่านมา โดยธุรกรรมที่จะได้รับการผ่อนผันไม่ต้องกันสำรองร้อยละ 30 มีดังนี้ 1) การรับซื้อเงินตราต่างประเทศที่เป็นเงินลงทุนโดยตรง โดยเงินลงทุนโดยตรง หมายถึง ธุรกรรมการลงทุนในระยะยาวของผู้ลงทุนในต่างประเทศที่มีต่อธุรกิจในประเทศไทยทั้งที่จัดตั้งเป็นนิติบุคคลและส่วนบุคคล โดยผู้ลงทุนถือหุ้นในกิจการ (Equity Capital) ตั้งแต่ร้อยละ 10 ขึ้นไป และมีส่วนร่วมในการบริหารจัดการธุรกิจนั้น รวมถึงการซื้ออสังหาริมทรัพย์ เช่น ที่ดิน คอนโดมิเนียม ด้วย 2) การรับซื้อเงินตราต่างประเทศที่เป็นเงินบริการโดยเงินบริการให้หมายถึงธุรกรรมตาม Transaction Purpose Code 3) การรับซื้อเงินตราต่างประเทศจากลูกค้า หรือบุคคลรับอนุญาต ในรูปเช็คเดินทางและธนบัตร 4) การรับซื้อเงินตราต่างประเทศจากธุรกรรมเงินตราต่างประเทศที่เป็นการต่ออายุสัญญาเดิม (Rollover Swap) ที่ทำกับสถาบันการเงินเดิม 5) การรับซื้อเงินตราต่างประเทศแลกบาทที่สืบเนื่องจากการซื้อตราสารหนี้ก่อนวันที่ 19 ธ.ค.49 6) การรับซื้อเงินตราต่างประเทศจากบุคคลดังต่อไปนี้ 6.1 สถานทูตไทย สถานกงสุลไทย หรือหน่วยงานรัฐบาลไทยที่ตั้งอยู่นอกประเทศไทย 6.2 สถานทูตต่างประเทศ สถานกงสุล ทบวงการชำนัญพิเศษแห่งองค์การสหประชาชาติ องค์การหรือสถาบันระหว่างประเทศ ที่ประจำการในประเทศ 7) เงินกู้สกุลเงินตราต่างประเทศของหน่วยงานราชการที่นำมาขายรับบาท 8) เงินตราต่างประเทศของบุคคลไทยที่เข้ามาฝาก FCD และนำมาขายรับบาทที่มีเอกสารหลักฐานว่าเงินตราต่างประเทศที่นำมาฝากดังกล่าวเป็นประเภทที่ได้รับการยกเว้นหรือผ่อนผันการกันสำรองตามระเบียบ (ไทยรัฐ, ผู้จัดการรายวัน)
2. ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล ปฏิเสธการแทรกแซงการทำงาน ธปท. ขณะที่ผู้ว่าการ ธปท.ยืนยันความเป็นอิสระ ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล รอง นรม. และ รมว.คลัง เปิดเผยถึงมาตรการสกัดกั้นการเก็งกำไรค่าเงินของ ธปท.ทำให้เงินบาทอ่อนค่าลงมาก ว่า การอ่อนค่าลงของเงินบาทถือว่าดีแล้ว ซึ่งเป็นไปตามที่ ธปท.ต้องการ เพราะก่อนออกมาตรการค่าเงินบาทแข็งขึ้นร้อยละ 14 เมื่อเทียบกับต้นปี ส่งผลให้ผู้ส่งออกสามารถอยู่ได้จากที่เคยเสียเปรียบคู่แข่ง เพราะเงินบาทแข็งค่าขึ้น ซึ่งเมื่อเทียบกับคู่แข่งที่ค่าเงินแข็งขึ้นเพียงร้อยละ 6-7 นอกจากนี้ยังปฏิเสธการแทรกแซงการทำงานของ ธปท. ขณะที่ผู้ว่าการ ธปท.กล่าวว่า การอ่อนค่าของเงินบาทคงจะมีส่วนที่ได้รับผลจากมาตรการดูแลค่าเงินบาทก่อนหน้านี้ มีส่วนทำให้ค่าเงินชะลอการแข็งค่าขึ้น หลังจากที่ก่อนหน้านี้ค่าเงินบาทค่าขึ้นอย่างเดียวมาอย่างต่อเนื่อง สำหรับกรณีที่ ธปท.ยกเลิกมาตรการสกัดเงินทุนไหลเข้าระยะสั้นในส่วนของเงินทุนในตลาดหลักทรัพย์นั้น การดำเนินนโยบายต่าง ๆ ของ ธปท.ไม่มีคำสั่งมาจากฝ่ายการเมือง โดยการยกเลิกมาตรการเนื่องจากโบรกเกอร์ยืนยันว่า ดูแลเงินที่เข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นได้ อนึ่ง บรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้นวานนี้ (21 ธ.ค.49) ปิดตลาดที่ระดับ 676.10 จุด ลดลง 15.45 จุด หรือร้อยละ 2.23 มูลค่าการซื้อขายรวม 20,209.58 ล้านบาท โดยนักลงทุนต่างชาติยังคงมียอดขายสุทธิต่อเนื่องจำนวน 998.13 ล้านบาท ส่วนนักลงทุนสถาบันในประเทศมียอดขายสุทธิ 775.39 ล้านบาท และนักลงทุนรายบุคคลมียอดขายสุทธิ 222.74 ล้านบาท (กรุงเทพธุรกิจ, โลกวันนี้)
3. กองทุนฟื้นฟูฯ เผยภาวะตลาดหุ้นที่ลดลงจะไม่กระทบแผนการทยอยขายหุ้น 3 ธนาคาร ผอส.ฝ่ายบริหารกองทุน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวว่า ภาวะตลาดหุ้นที่ลดลงช่วงนี้จะไม่กระทบแผนการทยอยขายหุ้นที่กองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงินจะขยายหุ้นที่ถืออยู่ใน ธ.กรุงไทย ธ.นครหลวงไทย และ ธ.ไทยธนาคาร เพราะหากบรรยากาศตลาดหุ้นไม่ดี ก็ชะลอแผนการขายหุ้นออกไปได้ เชื่อว่าไม่กระทบ ทั้งนี้ กองทุนฟื้นฟูฯ ถือหุ้นอยู่ใน .ธ.ไทยธนาคาร ประมาณร้อยละ 48 ใน ธ.นครหลวงไทย ถือหุ้นประมาณร้อยละ 47.6 และใน ธ.กรุงไทยประมาณร้อยละ 56.41 (โพสต์ทูเดย์)
4. หอการค้าไทยเรียกร้อง ธปท.ดูแลค่าเงินบาทต่อเนื่อง กรรมการเลขาธิการ หอการค้าไทย เปิดเผยว่า ในปี 49 เศรษฐกิจจะขยายตัวได้ระดับร้อยละ 4.5 โดยได้ปัจจัยหนุนจากการส่งออกที่แม้ในช่วงปลายปีจะชะลอตัวจากปัญหาค่าเงินบาท แต่ภาพรวมยังเติบโตได้ดี ส่วนปี 50 คาดว่าเศรษฐกิจโดยรวมจะขยายตัวไม่ต่างจากปีนี้ แต่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ต้องดูแลค่าเงินบาทอย่างแท้จริง ไม่ให้มีเงินไหลเข้าเพื่อเก็งกำไรมากเกินไป ทั้งนี้ มาตรการของ ธปท.ที่ให้หักเงินไหลเข้าจากต่างประเทศร้อยละ 30 ยกเว้นการนำเงินเข้ามาเพื่อลงทุนในตลาดทุนนั้น จากการประเมินเห็นว่าเป็นมาตรการที่ดี สามารถดูแลค่าเงินได้ แต่ต้องการให้มีการดูแลอย่างต่อเนื่องและจริงจังต่อไป เพื่อไม่ให้กระทบต่อการส่งออก ซึ่งยังเป็นกลไกหลักในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจต่อไป (กรุงเทพธุรกิจ, โพสต์ทูเดย์, ไทยรัฐ, สยามรัฐ)
5. ไทยเกินดุลการค้าเดือน พ.ย.49 สูงสุดในรอบ 6 ปี อธิบดีกรมส่งเสริมการส่งออก เปิดเผยว่า การส่งออกเดือน พ.ย.49 มีมูลค่า 11,871 ล้านดอลลาร์ สรอ. เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 20.7 โดยเป็นการส่งออกเกิน 10,000 ล้านดอลลาร์ สรอ. เป็นเดือนที่ 7 ติดต่อกัน ส่งผลให้การส่งออกใน 11 เดือนแรกของปีนี้ มีมูลค่า 118,989 ล้านดอลลาร์ สรอ. เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันร้อยละ 17.2 ส่วนการนำเข้าในเดือน พ.ย.49 มีมูลค่า 10,129 ล้านดอลลาร์ สรอ. เพิ่มขึ้นร้อยละ 3.51 ส่งผลให้ยอดนำเข้ารวมในช่วง 11 เดือน มีมูลค่า 116,800 ล้านดอลลาร์ สรอ. เพิ่มขึ้นร้อยละ 7.5 ทำให้ไทยเกินดุลการค้าในเดือน พ.ย.1,742 ล้านดอลลาร์ สรอ. เป็นการเกินดุลที่สูงที่สุดในรอบ 6 ปี ส่วนดุลการค้ารอบ 11 เดือนมีมูลค่า 2,189 ล้านดอลลาร์ จากช่วงเดียวกันของปีก่อนขาดดุลการค้า 7,088 ล้านดอลลาร์ สรอ. ทั้งนี้ จากสถิติการนำเข้าและส่งออกในปีนี้ เชื่อว่าในเดือน ธ.ค.49 จะเกินดุลการค้าเพิ่มขึ้น 500-1,000 ล้านดอลลาร์ สรอ. คาดว่าดุลการค้าทั้งปีจะเกินดุลประมาณ 3,000 ล้านดอลลาร์ สรอ. จากปีก่อนที่ขาดดุล 7,236 ล้านดอลลาร์ สรอ. (กรุงเทพธุรกิจ, ผู้จัดการรายวัน, โลกวันนี้, โพสต์ทูเดย์, ไทยรัฐ, เดลินิวส์, สยามรัฐ, แนวหน้า, ข่าวสด)
6. ก.ล.ต.เผยการฟื้นความเชื่อมั่นนักลงทุนต่างประเทศควบคู่ไปกับการปรับโครงสร้างตลาดทุนเป็นภาระเร่งด่วนปีหน้า เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) แถลงแผนของ ก.ล.ต.ปีหน้า จะต้องเร่งฟื้นความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่างประเทศต่อตลาดทุนไทยอย่างเร่งด่วน ภายหลังจากการใช้มาตรการของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ในการสกัดค่าเงินบาทได้ส่งผลกระทบต่อตลาดทุน ซึ่ง ก.ล.ต.ได้พยายามเรียกความเชื่อมั่นโดยการให้ข้อมูลอย่างดีที่สุด ซึ่งก็เชื่อว่านักลงทุนต่างประเทศจะเข้าใจ แต่อาจจะต้องใช้เวลาบ้าง เพราะพื้นฐานของเศรษฐกิจและกฎระเบียบไม่ได้เปลี่ยนแปลง โดยการลงทุนในตลาดหุ้นหลังจากนี้จะไม่ได้รับผลกระทบจากมาตรการสกัดการเก็งกำไรค่าเงินบาท เนื่องจาก ธปท.ได้ผ่อนปรนกฎเกณฑ์โดยยกเว้นการกันสำรองร้อยละ 30 แต่ตลาดตราสารหนี้อาจจะเป็นอุปสรรคบ้างในการพัฒนา เพราะการลงทุนในตลาดตราสารหนี้ยังไม่ได้รับการผ่อนปรน นอกจากนี้ ในส่วนของธุรกิจหลักทรัพย์ ก.ล.ต.จะเสนอร่างกฎกระทรวงรองรับการปรับโครงสร้างธุรกิจหลักทรัพย์ทั้งในปัจจุบัน และหลังเปิดเสรี โดยเพิ่มช่องทางการทำธุรกิจหลากหลายมากขึ้น เพื่อเพิ่มช่องทางการลงทุนในหลักทรัพย์ต่างประเทศ รวมทั้งสนับสนุนให้บริษัทหลักทรัพย์ออกไปลงทุนในหลักทรัพย์ต่างประเทศ และสนับสนุนการควบรวมกิจการเพื่อให้บริษัทหลักทรัพย์มีขนาดใหญ่สามารถขยายไปทำธุรกิจอื่นได้ (กรุงเทพธุรกิจ)
ข่าวเศรษฐกิจต่างประเทศ
1. สรอ.ปรับลดอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจในไตรมาสที่ 3 ปี 49 จากร้อยละ 2.2 เป็นร้อยละ 2.0 ต่อปี รายงานจากวอชิงตัน เมื่อ 21 ธ.ค.49 ก.พาณิชย์ สรอ.ปรับลดอัตราการขยายตัวของ GDP หรือผลผลิตรวมในประเทศในไตรมาสที่ 3 ปี 49 เหลือร้อยละ 2.0 ต่อปี จากร้อยละ 2.2 ต่อปีที่ประมาณไว้เมื่อเดือนก่อน และชะลอตัวลงจากร้อยละ 2.6 ต่อปีในไตรมาสที่ 2 ปี 49 โดยเป็นผลจากการใช้จ่ายในภาคบริการของผู้บริโภคอ่อนตัวลงกว่าที่คาดไว้ เป็นสัญญาณว่าเศรษฐกิจกำลังชะลอตัวลง สอดคล้องกับจำนวนคนขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกที่เพิ่มขึ้น 9,000 คนมีจำนวน 315,000 คนและการใช้จ่ายเพื่อสร้างบ้านใหม่ที่ลดลงร้อยละ 18.7 ลดลงในอัตราสูงสุดในรอบกว่า 15 ปีนับตั้งแต่ลดลงร้อยละ 21.7 ในไตรมาสแรกปี 34 ในขณะที่ดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐานที่ไม่รวมราคาอาหารและพลังงานชะลอตัวลงมาอยู่ที่ร้อยละ 2.2 ในไตรมาสที่ 3 ปี 49 จากร้อยละ 2.7 ในไตรมาสที่ 2 โดยหากเทียบต่อปี ดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐานในไตรมาสที่ 3 ปี 49 สูงขึ้นร้อยละ 2.4 สูงสุดนับตั้งแต่เพิ่มขึ้นในอัตราเดียวกันเมื่อไตรมาสที่ 2 ปี 38 หลังจากเพิ่มขึ้นร้อยละ 2.2 ต่อปีในไตรมาสที่ 2 ปี 49 นักเศรษฐศาสตร์บางคนเห็นว่ายิ่งดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐานอยู่ในระดับสูงกว่าร้อยละ 2.0 นานเท่าไร ยิ่งมีความเสี่ยงมากขึ้นที่อัตราเงินเฟ้อจะสูงขึ้นอีก จึงเห็นว่า ธ.กลาง สรอ.ควรขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อชะลอภาวะเงินเฟ้อ ในขณะที่ ธ.กลาง สรอ.ได้คงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ร้อยละ 5.25 ต่อปีมาตั้งแต่กลางปี 49 ที่ผ่านมา (รอยเตอร์)
2. สถาบันวิจัยทางเศรษฐกิจของเยอรมนีปรับเพิ่มประมาณการ GDP ของเยอรมนีทั้งในปีนี้และปีหน้า รายงานจากเบอร์ลิน เมื่อวันที่ 21 ธ.ค.49 IWH ซึ่งเป็น 1 ใน 6 ของสถาบันวิจัยทางเศรษฐกิจชั้นนำของเยอรมนีคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจเยอรมนีจะขยายตัวร้อยละ 1.4 ในปีหน้า ปรับเพิ่มขึ้นจากประมาณการเดิมร้อยละ 0.8 ที่คาดไว้เมื่อเดือน ก.ย. สำหรับปีนี้คาดว่าเศรษฐกิจจะเติบโตร้อยละ 2.5 ปรับเพิ่มขึ้นจากที่คาดไว้ว่าจะขยายตัวร้อยละ 2.0 เนื่องจากเศรษฐกิจเยอรมนีฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่งมากกว่าที่คาดการณ์ไว้ในตอนแรก ส่วนหนึ่งจากการดำเนินนโยบายผ่อนปรนของรัฐบาลในภาคอุตสาหกรรมและการส่งออกส่งผลให้อุตสาหกรรมการก่อสร้างขยายตัวอย่างแข็งแกร่งที่สุดในรอบ 7 ปีเนื่องจากปริมาณความต้องการสูงขึ้น อย่างไรก็ตามในปีนี้เศรษฐกิจมีแนวโน้มขยายตัวมากแต่ไม่ต่อเนื่องไปจนถึงปีหน้าเนื่องจากการส่งออกจะชะลอตัวลง ขณะที่การใช้จ่ายบริโภคไม่แน่นอนเนื่องจากการปรับเพิ่มภาษีการขายอาจส่งผลกระทบต่อผลผลิต รวมทั้งกำไรของบริษัท (รอยเตอร์)
3. อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจของอังกฤษในช่วงไตรมาส 3 ปี 49 เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.7 รายงานจากลอนดอนเมื่อ 21 ธ.ค.49 The Office for National Statistics (ONS) เปิดเผยว่า อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจของอังกฤษในช่วงไตรมาส 3 ปี 49 (เดือน ก.ค.-ก.ย.) เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.7 ไม่เปลี่ยนแปลงจากไตรมาสก่อนหน้า ทั้งนี้ ONS ได้ปรับเพิ่มอัตราการขยายตัวต่อปีขึ้นที่ระดับร้อยละ 2.9 จากการประมาณการก่อนหน้าที่ระดับร้อยละ 2.7 นับเป็นระดับสูงสุดในรอบ 2 ปีตั้งแต่ไตรมาส 3 ปี 47 และสูงกว่าการคาดการณ์ของ รมว.คลังที่เคยคาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ว่าอัตราการขยายตัวต่อปีจะเพิ่มขึ้นที่ระดับร้อยละ 2.75 โดยการปรับเพิ่มประมาณการในครั้งนี้ทำให้บรรดานักวิเคราะห์ต่างคาดการณ์ว่า ธ.กลางอังกฤษอาจปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยนโยบายอีกในช่วงต้นปีหน้านี้ นอกจากนี้ ONS ได้เปิดเผยตัวเลขดุลบัญชีเดินสะพัดว่า ขาดดุลเป็นจำนวน 9.429 พัน ล.ปอนด์ ในช่วงไตรมาส 3 ปี 49 หรือเท่ากับร้อยละ 2.9 ของจีดีพี สูงกว่าไตรมาสก่อนหน้าที่ขาดดุลเป็นจำนวน 8.264 พัน ล.ปอนด์ (รอยเตอร์)
4. ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคเกาหลีใต้เพิ่มขึ้นเล็กน้อยในไตรมาส 4 ปี 49 รายงานจากโซลเมื่อวันที่ 22 ธ.ค.49 ธ.กลางเกาหลีใต้เปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคเกาหลีใต้ในช่วงไตรมาส 4 ปี 49 เพิ่มขึ้นเล็กน้อยที่ระดับ 98 จากระดับ 96 ในช่วงไตรมาสก่อนหน้า แต่ต่ำกว่าระดับ 101 ในช่วงไตรมาสที่ 2 ของปี โดยดัชนียังคงต่ำกว่าระดับ 100 ซึ่งสะท้อนว่าผู้บริโภคที่มีความเชื่อมั่นต่อภาวะเศรษฐกิจในแง่บวกมีสัดส่วนน้อยกว่าผู้บริโภคที่มีความเชื่อมั่นในแง่ลบ สำหรับดัชนีความคาดหวังต่อภาวะเศรษฐกิจในอนาคตเพิ่มขึ้นเช่นกันที่ระดับ 72 จากระดับ 70 ขณะที่ดัชนีความเชื่อมั่นต่อภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบันอยู่ที่ระดับ 60 ไม่เปลี่ยนแปลงจากไตรมาสก่อนหน้า ทั้งนี้ ทางการเกาหลีใต้ได้คาดการณ์อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจในปี 50 ว่าจะชะลอลงจากปี 49 ที่คาดการณ์ไว้ร้อยละ 5 โดยการส่งออกที่แข็งแกร่งเป็นปัจจัยสนับสนุนเศรษฐกิจ ขณะที่การแข็งค่าของเงินวอนและการชะลอตัวของการใช้จ่ายภายในประเทศยังคงเป็นปัจจัยเสี่ยงต่อภาวะเศรษฐกิจ (รอยเตอร์)
ข้อมูลเศรษฐกิจ 22 ธ.ค. 49 21 ธ.ค. 49 31 ม.ค. 49 แหล่งข้อมูล
อัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยระหว่าง
ธนาคาร (Bht/1US$) 36.425 39.078 ธปท.
อัตราซื้อถัวเฉลี่ยตั๋วเงิน/อัตราขายถัวเฉลี่ยของ
ธพ. (Bht/1US$) 36.1363/36.5172 38.9113/39.2013 ธปท.
อัตราดอกเบี้ยกู้ยืมระหว่าง ธพ. ขนาดใหญ่ระยะ
7 วัน (ร้อยละ) 5.12438 4.29375 รอยเตอร์
ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ
(จุด)/มูลค่าซื้อ/ขาย (พันล้านบาท) 676.10/20.21 762.63/12.66 ตลท.
ราคาทองคำแท่ง (ซื้อ/ขายบาทละ) 10,650/10,750 10,650/10,750 10,350/10,450 สมาคมค้าทองคำ
ราคาน้ำมันดิบดูไบ (US$/บาเรล) 58.63 58.78 60.96 ปตท./รอยเตอร์
ราคาน้ำมันเบนซิน 95/ดีเซล (บาท)
* ปรับเมื่อ 2 ธ.ค. 49 ** ปรับเมื่อ
16 ธ.ค. 49 26.09*/23.34** 26.09*/23.34** 27.24/24.69 ปตท.
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--