อุปนายกสมาคมอุตสาหกรรมเครื่องนุ่งห่มไทยและกรรมการบริหาร บริษัทไทยการ์เมนท์ เอ็กซปอร์ต จำกัด (หนึ่งในบริษัทส่งออกเครื่องนุ่งห่มแถวหน้าของเมืองไทย) นายสมบูรณ์ เจือเสถียรรัตน์ ได้ระบุถึง 2 สาเหตุสำคัญที่ส่งผลให้สินค้าสิ่งทอของไทยเสียเปรียบในการแข่งขัน ได้แก่
1. ค่าจ้างแรงงานของไทยสูงกว่าคู่แข่งขัน โดยเฉพาะ เวียดนาม กัมพูชา ปากีสถาน 2-3 เท่าตัว
2. การขาดแคลนแรงงานฝีมือ โดยเฉพาะช่างเย็บ ซึ่งนับเป็นหัวใจหลักของการผลิตส่งผลกระทบต่อผู้ประกอบการไทยในภาพรวมว่า ไม่สามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าในเรื่องระยะเวลาการส่งมอบในช่วงเวลาที่จำกัด
ทั้งนี้นอกจาก 2 ประเด็นดังกล่าวแล้ว วิกฤติการทางการเมืองของไทยที่มีส่วนทำให้การเจรจาเพื่อจัดทำ เขตการค้าเสรี (เอฟทีเอ) ระหว่างไทย-สหรัฐฯ ไทย-ญี่ปุ่น ต้องชะลอการลงนามลง ส่งผลกระทบต่อคำสั่งซื้อจากทั้งสหรัฐฯ และญี่ปุ่นอย่างรุนแรง โดยในช่วง 7 เดือนแรกของปี 2549 การส่งออกไปสหรัฐฯ ขยายตัวเพียง 3% ในขณะที่การส่งออกไปญี่ปุ่นติดลบ 2% ซึ่งสวนทางกับคู่แข่งขันของไทยที่มีอัตราการขยายตัวอย่างก้าวกระโดด อย่างไรก็ตามแม้การส่งออกสิ่งทอไทยยังขยายตัวได้ไม่มากนักหลังเปิดเอฟทีเอ แต่ในช่วงเกือบ 2 ปี ของระบบฟรีโควตา อุตสาหกรรมสิ่งทอของไทยมีจุดเปลี่ยนแปลงที่น่าสนใจคือ ผู้ประกอบการรายใหญ่หลายรายได้หันมาร่วมมือกันเป็นพันธมิตรทางธุรกิจกันมากขึ้น ในขณะที่โรงงานขนาดเล็กที่ไม่สามารถแข่งขันได้ ก็ได้ปรับตัวเองเป็นซับคอนแทร็กรับช่วงการผลิตป้อนให้กับบริษัทขนาดใหญ่ เพื่อเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันของไทย
ประเด็นวิเคราะห์
การเปิดตลาดเสรีสิ่งทอ (ปี 2548) ในภาพรวมเกือบ 2 ปี สิ่งทอไทยได้เสียเปรียบให้กับคู่แข่งขันเป็นจำนวนไม่น้อย แต่ในขณะเดียวกันก็เกิดการปรับตัวครั้งใหญ่ของอุตสาหกรรมข้างต้นด้วยเหตุนี้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องจึงต้องร่วมมือกันอย่างจริงจังเพื่อยกระดับความสามารถในการแข่งขันเป้าหมายต่างๆ ที่ทุกฝ่ายตั้งไว้ก็คงไม่ไกลเกินเอื้อม
ที่มา: http://www.depthai.go.th