ตามที่ปรากฏข่าวทางหน้าหนังสือพิมพ์ ถึงผลการสอบสวนของคณะกรรมการตรวจสอบสัญญาตามโครงการพัฒนาระบบบริหารและเพิ่มประสิทธิภาพการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยของกรุงเทพมหานคร ชุด ศ.ดร.บุญเสริม วีสกุล เป็นประธานฯ สรุปว่ามีการซื้อสินค้าที่แพงเกินจริงถึง 2,687 ล้านบาท และมีความผิดปกติของสัญญาหลายประเด็นนั้น
วันนี้ (29 พ.ค.) นายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ แถลงข่าวที่พรรคประชาธิปัตย์ว่า ตนเป็นผู้ดำเนินการตรวจสอบเรื่อง การจัดซื้อรถดับเพลิงจากประเทศออสเตรีย ของกรุงเทพมหานคร มาตั้งแต่ เดือน มิ.ย. 2547 ในสมัยที่นายสมัคร สุนทรเวช เป็นผู้ว่าฯ กทม. และเป็นผู้ใช้ความพยายามหลายครั้งเพื่อระงับการจัดซื้อรถดับเพลิงมูลค่า 6,687 ล้านบาท มาโดยตลอด เพราะได้ดำเนินการเปรียบเทียบราคาแล้วพบว่าสินค้ามีราคาแพงเกินจริง 2,000 ล้านบาท และสิ่งที่ตนได้เคยตั้งข้อสังเกตไว้ในประเด็นสินค้าราคาแพงเกินจริงตั้งแต่ ปี 2547 จนถึงวันนี้สิ่งที่ตนเคยชี้ไว้เป็นความจริงขึ้นมา
นายยุทธพงศ์ กล่าวต่อไปว่า หากผลการสอบสวนเรื่องรถดับเพลิงชุดที่มี ศ.ดร.บุญเสริม วีสกุล เป็นประธานฯ เป็นไปตามข้อเท็จจริงที่ปรากฏในหน้าหนังสือพิมพ์ ตนถือว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่มาก เพราะผู้ที่สอบสวนเรื่องนี้ เป็นคณะกรรมการสอบสวนที่ผู้ว่าฯ อภิรักษ์ ตั้งขึ้นมา และมีความน่าเชื่อถือ โดยใช้บุคคลภายนอกเป็นประธานสอบสวน เพื่อให้เกิดความเป็นธรรม
ดังนั้นถ้ามีการซื้อของแพงเกินจริง 2,687 ล้านบาท ต้องมีคนผิด เพราะมีการทุจริตในการจัดซื้อครั้งนี้ และต้องมีการดำเนินการเอาตัวผู้กระทำผิดมาลงโทษ นายยุทธพงศ์กล่าวว่าผู้ว่าฯ อภิรักษ์ มีความตั้งใจที่จะจัดการกับปัญหาการจัดซื้อรถดับเพลิง ดังนั้นเรื่องการสอบสวนหาผู้กระทำผิดคงต้องเป็นเรื่องของท่านผู้ว่าฯ อภิรักษ์ ที่ต้องรีบดำเนินการโดยด่วน ในฐานะที่ท่านเป็นผู้บริหารสูงสุดของกรุงเทพมหานคร
นอกจากนี้นายยุทธพงศ์ได้ตั้งข้อสังเกตถึงผลการสอบสวนการจัดซื้อรถดับเพลิงชุดของ ศ.ดร.บุญเสริม ที่ชี้ออกมาว่ามีความผิดในเรื่องราคาไว้ดังต่อไปนี้
1.สินค้าราคาแพงเกินจริง
1.1ซื้อด้วยวิธีการการค้าต่างตอบแทน (Counter Trade) เหมือนกับวิธีที่ซื้อจากบริษัท Steyr ถ้า กทม. จัดซื้อเองด้วยความโปร่งใส จะสามารถซื้อได้ถูกกว่าของ Steyr จำนวน 2,687 ล้านบาท
1.2ถ้าใช้วิธีการจัดซื้อตามมติ ครม. ที่ระบุว่า “วัสดุ อุปกรณ์ใด ให้นำเข้าเฉพาะส่วนที่จำเป็นและไม่สามารถผลิตได้เองในประเทศเท่านั้น” ถ้าใช้วิธีการจัดซื้อวิธีนี้ สินค้าที่ซื้อจาก Steyr จะมีราคาแพงกว่าถึง 4,536 ล้านบาท
1.3ราคาที่ซื้อยังไม่ได้รวมภาษีอีก 1,300 ล้านบาท แสดงว่า สินค้าที่ซื้อจาก Steyr ต้องบวกราคาสินค้า เข้าไปอีก 1,300 ล้านบาท เพราะ กทม. ต้องเป็นผู้จ่ายภาษีเองอีก 1,300 ล้านบาท
“ผมขอเรียนว่า ถ้าคนฉลาดใช้เงินตัวเองซื้อ ต้องไม่ซื้อของแพง ยกเว้นคนฉลาดแต่แกล้งโง่ ถึง
ได้ซื้อของแพง เพราะใช้เงินหลวงซื้อจะได้มีส่วนต่างเข้ากระเป๋า งานนี้ต้องมีคนผิดอย่างแน่นอน เพราะซื้อของแพงไปตั้งสองพันกว่าล้านบาท นอกจากนี้ผลสอบชุด อ.บุญเสริม ยังพบความผิดปกติ ของการจัดซื้อแทบจะทุกขั้นตอนฯ อีกด้วย” นายยุทธพงศ์กล่าว
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 29 พ.ค. 2549--จบ--
วันนี้ (29 พ.ค.) นายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ แถลงข่าวที่พรรคประชาธิปัตย์ว่า ตนเป็นผู้ดำเนินการตรวจสอบเรื่อง การจัดซื้อรถดับเพลิงจากประเทศออสเตรีย ของกรุงเทพมหานคร มาตั้งแต่ เดือน มิ.ย. 2547 ในสมัยที่นายสมัคร สุนทรเวช เป็นผู้ว่าฯ กทม. และเป็นผู้ใช้ความพยายามหลายครั้งเพื่อระงับการจัดซื้อรถดับเพลิงมูลค่า 6,687 ล้านบาท มาโดยตลอด เพราะได้ดำเนินการเปรียบเทียบราคาแล้วพบว่าสินค้ามีราคาแพงเกินจริง 2,000 ล้านบาท และสิ่งที่ตนได้เคยตั้งข้อสังเกตไว้ในประเด็นสินค้าราคาแพงเกินจริงตั้งแต่ ปี 2547 จนถึงวันนี้สิ่งที่ตนเคยชี้ไว้เป็นความจริงขึ้นมา
นายยุทธพงศ์ กล่าวต่อไปว่า หากผลการสอบสวนเรื่องรถดับเพลิงชุดที่มี ศ.ดร.บุญเสริม วีสกุล เป็นประธานฯ เป็นไปตามข้อเท็จจริงที่ปรากฏในหน้าหนังสือพิมพ์ ตนถือว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่มาก เพราะผู้ที่สอบสวนเรื่องนี้ เป็นคณะกรรมการสอบสวนที่ผู้ว่าฯ อภิรักษ์ ตั้งขึ้นมา และมีความน่าเชื่อถือ โดยใช้บุคคลภายนอกเป็นประธานสอบสวน เพื่อให้เกิดความเป็นธรรม
ดังนั้นถ้ามีการซื้อของแพงเกินจริง 2,687 ล้านบาท ต้องมีคนผิด เพราะมีการทุจริตในการจัดซื้อครั้งนี้ และต้องมีการดำเนินการเอาตัวผู้กระทำผิดมาลงโทษ นายยุทธพงศ์กล่าวว่าผู้ว่าฯ อภิรักษ์ มีความตั้งใจที่จะจัดการกับปัญหาการจัดซื้อรถดับเพลิง ดังนั้นเรื่องการสอบสวนหาผู้กระทำผิดคงต้องเป็นเรื่องของท่านผู้ว่าฯ อภิรักษ์ ที่ต้องรีบดำเนินการโดยด่วน ในฐานะที่ท่านเป็นผู้บริหารสูงสุดของกรุงเทพมหานคร
นอกจากนี้นายยุทธพงศ์ได้ตั้งข้อสังเกตถึงผลการสอบสวนการจัดซื้อรถดับเพลิงชุดของ ศ.ดร.บุญเสริม ที่ชี้ออกมาว่ามีความผิดในเรื่องราคาไว้ดังต่อไปนี้
1.สินค้าราคาแพงเกินจริง
1.1ซื้อด้วยวิธีการการค้าต่างตอบแทน (Counter Trade) เหมือนกับวิธีที่ซื้อจากบริษัท Steyr ถ้า กทม. จัดซื้อเองด้วยความโปร่งใส จะสามารถซื้อได้ถูกกว่าของ Steyr จำนวน 2,687 ล้านบาท
1.2ถ้าใช้วิธีการจัดซื้อตามมติ ครม. ที่ระบุว่า “วัสดุ อุปกรณ์ใด ให้นำเข้าเฉพาะส่วนที่จำเป็นและไม่สามารถผลิตได้เองในประเทศเท่านั้น” ถ้าใช้วิธีการจัดซื้อวิธีนี้ สินค้าที่ซื้อจาก Steyr จะมีราคาแพงกว่าถึง 4,536 ล้านบาท
1.3ราคาที่ซื้อยังไม่ได้รวมภาษีอีก 1,300 ล้านบาท แสดงว่า สินค้าที่ซื้อจาก Steyr ต้องบวกราคาสินค้า เข้าไปอีก 1,300 ล้านบาท เพราะ กทม. ต้องเป็นผู้จ่ายภาษีเองอีก 1,300 ล้านบาท
“ผมขอเรียนว่า ถ้าคนฉลาดใช้เงินตัวเองซื้อ ต้องไม่ซื้อของแพง ยกเว้นคนฉลาดแต่แกล้งโง่ ถึง
ได้ซื้อของแพง เพราะใช้เงินหลวงซื้อจะได้มีส่วนต่างเข้ากระเป๋า งานนี้ต้องมีคนผิดอย่างแน่นอน เพราะซื้อของแพงไปตั้งสองพันกว่าล้านบาท นอกจากนี้ผลสอบชุด อ.บุญเสริม ยังพบความผิดปกติ ของการจัดซื้อแทบจะทุกขั้นตอนฯ อีกด้วย” นายยุทธพงศ์กล่าว
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 29 พ.ค. 2549--จบ--