นายนริศ ชัยสูตร ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง เปิดเผยผลสรุปของการสัมมนา ผู้บริหารระดับสูงของประเทศสมาชิกภายใต้กรอบความร่วมมือเอเชีย (Asia Cooperation Dialogue: ACD) ในเรื่อง “การส่งเสริมความร่วมมือทางการเงินผ่านการพัฒนาตลาดพันธบัตรเอเชีย” (Enhancing Financial Cooperation through Asian Bond Market Development) ซึ่งเป็นการจัดสัมมนาร่วมกันระหว่างกระทรวงการคลัง กระทรวงต่างประเทศ ธนาคารพัฒนาเอเชีย (Asian Development Bank: ADB) และศูนย์การศึกษาความร่วมมือเอเชีย (ACD Study Center) ในระหว่างวันที่ 24-25 มีนาคม 2549 ณ โรงแรม Four Seasons กรุงเทพฯ โดยมีผู้บริหารระดับสูงจากกระทรวงการคลัง ธนาคารกลาง และหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งผู้แทนจากภาคเอกชน และสถาบันการศึกษาจากประเทศสมาชิกภายใต้กรอบ ACD มากกว่า 150 ท่าน เข้าร่วมแลกเปลี่ยนความคิดเห็นทั้งในด้านนโยบายและด้านเทคนิค สำหรับการพัฒนาตลาดพันธบัตรเอเชีย ซึ่งสามารถสรุปสาระสำคัญของการสัมมนาใน 5 ประเด็นหลัก ดังนี้
1. ภาพรวมของการพัฒนาตลาดพันธบัตรเอเชียในภูมิภาค
นายคณิศ แสงสุพรรณ ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยนโยบายเศรษฐกิจการคลังและนาย Masahiro Kawai Head of Office of Regional Integration ของธนาคารพัฒนาเอเชีย ได้กล่าวนำเสนอความคืบหน้าการดำเนินมาตรการริเริ่มตลาดพันธบัตรเอเชีย (Asian Bond Market Initiative: ABMI) ในกรอบเวทีความร่วมมือระหว่างประเทศต่างๆ เช่น ASEAN+3 APEC Executives’ Meeting of East Asia and Pacific Central Banks and Monetary Authorities (EMEAP) และ ACD ทำให้ผู้เข้าร่วมสัมมนาฯ ได้รับทราบว่า ในช่วงที่ผ่านมา ตลาดพันธบัตรเอเชียมีการพัฒนาไปอย่างรวดเร็วมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การเพิ่มขึ้นในขนาดของตลาดพันธบัตรเงินสกุลท้องถิ่นในภูมิภาคเอเชียตะวันออกไม่รวมญี่ปุ่น (Emerging East Asia, excluding Japan) ที่ได้ขยายตัวเพิ่มขึ้นจากร้อยละ 16.5 ของผลิตภัณฑ์มวลรวมในภูมิภาคในปี 2540 มาเป็นร้อยละ 48 ของผลิตภัณฑ์มวลรวมในภูมิภาคในปี 2548
2. การสนับสนุนด้านอุปทานของพันธบัตรเอเชีย
ในหัวข้อนี้ ผู้เข้าร่วมสัมมนาจากสำนักงานคณะกรรมการหลักทรัพย์ของประเทศมาเลเซีย (Securities Commission, Malaysia) ธนาคารเพื่อความร่วมมือระหว่างประเทศแห่งญี่ปุ่น (JBIC) และธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (ธสน.) เห็นพ้องร่วมกันว่า ปัจจัยสำคัญต่อความสำเร็จในการพัฒนาตลาดพันธบัตรในภูมิภาคนั้นจำเป็นต้องมีการออกพันธบัตร/หุ้นกู้ที่เป็นสกุลเงินท้องถิ่น (Local Currency Denominated Bonds) ของทั้งภาครัฐและเอกชนมากขึ้น โดยรัฐบาลจะต้องเป็นผู้นำในการพัฒนาตลาดพันธบัตรด้านอุปทาน ในการนี้ ผู้เข้าร่วมสัมมนาได้ให้ความเห็นและแลกเปลี่ยนประสบการณ์ในการออกพันธบัตร/หุ้นกู้สกุลเงินท้องถิ่นในประเทศต่าง ๆ เช่น การออกพันธบัตรอิสลาม (Islamic Bonds) โดยรัฐบาลมาเลเซีย การออกพันธบัตรประเภท Collateralized Bond Obligations (CBO) ภายใต้ชื่อ “Pan-Asian Bond” ของสาธารณรัฐเกาหลีร่วมกับประเทศญี่ปุ่นโดยมีสินทรัพย์ของธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อมของสาธารณรัฐเกาหลีหนุนหลัง (Underlying Assets) และการออกพันธบัตรสกุลเงินบาทโดย JBIC และ ADB นอกจากนี้ นายณรงค์ชัย อัครเศรณี ประธานคณะกรรมการบริหารของ ธสน. ได้นำเสนอกรณีศึกษาแนวทางการออกหุ้นกู้สกุลเงินบาทโดยหน่วยงานรัฐบาลสาธารณรัฐประชาชนลาว (สปป. ลาว) ในประเทศไทย เพื่อเป็นการระดมทุนสำหรับการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานใน สปป.ลาว ซึ่งการดำเนินการดังกล่าวจะเป็นความร่วมมือระหว่างรัฐบาลไทยผ่าน ธสน.ร่วมกับหน่วยงานรัฐบาล สปป. ลาว
3. การพัฒนาด้านอุปสงค์เพื่อส่งเสริมพันธบัตรเอเชีย
การส่งเสริมให้เกิดอุปสงค์พันธบัตรเอเชียมากขึ้นจะต้องอาศัยความร่วมมือจากทั้งภาครัฐ และทางภาคเอกชน โดยผู้แทนจากธนาคารแห่งประเทศไทย ธนาคารกลางประเทศมาเลเซีย ธนาคารกลางสิงคโปร์ และผู้แทนภาคเอกชนจากธนาคาร HSBC และบริษัท State Street Global Advisors Singapore ได้นำเสนอแนวทางการพัฒนาด้านอุปสงค์ของพันธบัตรเอเชียโดยเฉพาะอย่างยิ่งจากมุมมองของนักลงทุนต่างประเทศ ทั้งนี้ ได้มีการนำเสนอประสบการณ์จากการจัดตั้งกองทุนพันธบัตรเอเชีย 1 และ 2 ภายใต้กรอบ EMEAP และได้มีการนำเสนอในความคืบหน้าของการดำเนินการของกองทุนพันธบัตรเอเชีย 2 ที่ประกอบด้วยกองทุนย่อย 9 กองทุน คือ กองทุน Pan Asian Bond Index Fund (PAIF) และกองทุนย่อยระดับประเทศอีก 8 ประเทศ โดยในระยะแรก8 กองทุนย่อยจะจำกัดการลงทุนให้เฉพาะธนาคารกลางของประเทศสมาชิกกลุ่ม EMEAP เท่านั้น อย่างไรก็ตามในระยะที่ 2 จะเปิดโอกาสให้กับนักลงทุนเอกชนอื่นๆ ต่อไป นอกจากนี้ ผู้แทนจากกระทรวงการคลังของประเทศอินเดีย ธนาคารกลางประเทศปากีสถาน และสำนักงานตรวจสอบบัญชีของประเทศการ์ตาได้ร่วมกันแสดงความเห็นที่จะเพิ่มบทบาทในการส่งเสริมอุปสงค์พันธบัตรเอเชียด้วยการขยายความร่วมมือในระดับภูมิภาคให้มากขึ้นด้วย
4. การสร้างสภาพแวดล้อมที่เกื้อหนุนต่อการพัฒนาตลาดพันธบัตรเอเชีย
ในหัวข้อนี้ได้มีการหารือในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับการสร้างสภาพแวดล้อมที่เกื้อหนุนต่อการพัฒนาตลาดพันธบัตรเอเชีย โดยวิทยากรจากกระทรวงการคลังสาธารณรัฐประชาชนจีน ศูนย์รับฝากหลักทรัพย์สาธารณรัฐเกาหลี (Korea Securities Depository) ตลาดตราสารหนี้ (Bond Electronic Exchange of Thailand: BEX) และ ADB มีความเห็นสอดคล้องกันว่า ตลาดพันธบัตรในเอเชียจำเป็นต้องได้รับการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานให้เข้มแข็งมากขึ้น ซึ่งได้มีการนำเสนอการจัดตั้งกลไกการค้ำประกันสินเชื่อ (Credit Guarantee Mechanism) การออกผลิตภัณฑ์พันธบัตรเอเชียให้มีความหลากหลายมากขึ้น และการยกระดับระบบการส่งมอบและชำระเงิน (Clearing and Settlement System) ที่มีประสิทธิภาพ โดยผู้เข้าร่วมสัมมนาจากศูนย์รับฝากหลักทรัพย์เกาหลี ได้เสนอให้มีการจัดตั้งศูนย์รับฝากหลักทรัพย์ระหว่างประเทศ (International Central Securities Depository: ICSD) เพื่อรองรับการดำเนินธุรกรรมสำหรับพันธบัตรเอเชียในอนาคต นอกจากนั้น ผู้ร่วมสัมมนาจากธนาคารพัฒนาเอเชียได้นำเสนอแนวทางการจัดตั้งสถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือในภูมิภาคเอเชีย (Regional Credit Rating Agencies) และหน่วยงานกำหนดราคาพันธบัตร/หุ้นกู้ (Bond Pricing Agencies) รวมทั้ง การกำหนดเกณฑ์มาตรฐานสำหรับพันธบัตรเอเชียด้วย (Asian Bond Standard)
5. มุมมองจากภาคเอกชนในการพัฒนาตลาดพันธบัตรเอเชีย
ผู้ร่วมสัมมนาจากภาคเอกชน ซึ่งประกอบด้วยผู้แทนจากธนาคาร HSBC บริษัทหลักทรัพย์ Mizuho และบริษัทหลักทรัพย์กองทุนกสิกรไทยได้ร่วมแลกเปลี่ยนและนำเสนอความคิดเห็นในประเด็นปัญหาต่างๆ เพื่อพัฒนาตลาดพันธบัตรเอเชียให้เข้มแข็งมากขึ้น ทั้งนี้ ผู้แทนภาคเอกชนได้เสนอให้ภาครัฐของประเทศต่าง ๆ ในเอเชียเพิ่มมูลค่าของตลาดพันธบัตรให้มากขึ้น โดยการออกพันธบัตรอย่างต่อเนื่องในระดับที่เหมาะสม ลดมาตรการควบคุมด้านบัญชีทุนเคลื่อนย้ายระหว่างประเทศ สร้างความโปร่งใส และพัฒนาโครงสร้างทางกฎหมายสำหรับการบังคับคดี รวมทั้งส่งเสริมธุรกิจจัดการสินทรัพย์ ในขณะเดียวกัน ภาคเอกชนก็ควรพิจารณาการกระจายความเสี่ยงในการลงทุนของสกุลเงินต่างๆ (currency diversification) ด้วยการเพิ่มสัดส่วนการลงทุนในสกุลเงินของเอเชียให้มากขึ้น และพิจารณาการเพิ่มความหลากหลายของพันธบัตร/หุ้นกู้ประเภทใหม่ๆ เช่น พันธบัตรแบบหลายสกุลเงิน (multi-currency bonds) หรือพันธบัตรแบบตะกร้าเงิน (basket-currency bonds) และพัฒนาแนวทางการบริหารจัดการความเสี่ยงที่เหมาะสมในการดำเนินธุรกรรมทางการเงิน
สุดท้ายนี้ ผลการสัมมนาในครั้งนี้จะใช้เป็นพื้นฐานที่สำคัญที่จะใช้ในการหารือสำหรับการประชุมรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังของภายใต้กรอบความร่วมมือเอเชีย (The informal ACD Finance Ministers’ Meeting) ที่จะจัดขึ้นในช่วงต้นเดือนมิถุนายน 2548 ณ จังหวัดภูเก็ต ประเทศไทย
--ข่าวกระทรวงการคลัง กลุ่มการประชาสัมพันธ์ สนง.ปลัดกระทรวงการคลัง ฉบับที่ 27/2549 28 มีนาคม 49--
1. ภาพรวมของการพัฒนาตลาดพันธบัตรเอเชียในภูมิภาค
นายคณิศ แสงสุพรรณ ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยนโยบายเศรษฐกิจการคลังและนาย Masahiro Kawai Head of Office of Regional Integration ของธนาคารพัฒนาเอเชีย ได้กล่าวนำเสนอความคืบหน้าการดำเนินมาตรการริเริ่มตลาดพันธบัตรเอเชีย (Asian Bond Market Initiative: ABMI) ในกรอบเวทีความร่วมมือระหว่างประเทศต่างๆ เช่น ASEAN+3 APEC Executives’ Meeting of East Asia and Pacific Central Banks and Monetary Authorities (EMEAP) และ ACD ทำให้ผู้เข้าร่วมสัมมนาฯ ได้รับทราบว่า ในช่วงที่ผ่านมา ตลาดพันธบัตรเอเชียมีการพัฒนาไปอย่างรวดเร็วมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การเพิ่มขึ้นในขนาดของตลาดพันธบัตรเงินสกุลท้องถิ่นในภูมิภาคเอเชียตะวันออกไม่รวมญี่ปุ่น (Emerging East Asia, excluding Japan) ที่ได้ขยายตัวเพิ่มขึ้นจากร้อยละ 16.5 ของผลิตภัณฑ์มวลรวมในภูมิภาคในปี 2540 มาเป็นร้อยละ 48 ของผลิตภัณฑ์มวลรวมในภูมิภาคในปี 2548
2. การสนับสนุนด้านอุปทานของพันธบัตรเอเชีย
ในหัวข้อนี้ ผู้เข้าร่วมสัมมนาจากสำนักงานคณะกรรมการหลักทรัพย์ของประเทศมาเลเซีย (Securities Commission, Malaysia) ธนาคารเพื่อความร่วมมือระหว่างประเทศแห่งญี่ปุ่น (JBIC) และธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (ธสน.) เห็นพ้องร่วมกันว่า ปัจจัยสำคัญต่อความสำเร็จในการพัฒนาตลาดพันธบัตรในภูมิภาคนั้นจำเป็นต้องมีการออกพันธบัตร/หุ้นกู้ที่เป็นสกุลเงินท้องถิ่น (Local Currency Denominated Bonds) ของทั้งภาครัฐและเอกชนมากขึ้น โดยรัฐบาลจะต้องเป็นผู้นำในการพัฒนาตลาดพันธบัตรด้านอุปทาน ในการนี้ ผู้เข้าร่วมสัมมนาได้ให้ความเห็นและแลกเปลี่ยนประสบการณ์ในการออกพันธบัตร/หุ้นกู้สกุลเงินท้องถิ่นในประเทศต่าง ๆ เช่น การออกพันธบัตรอิสลาม (Islamic Bonds) โดยรัฐบาลมาเลเซีย การออกพันธบัตรประเภท Collateralized Bond Obligations (CBO) ภายใต้ชื่อ “Pan-Asian Bond” ของสาธารณรัฐเกาหลีร่วมกับประเทศญี่ปุ่นโดยมีสินทรัพย์ของธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อมของสาธารณรัฐเกาหลีหนุนหลัง (Underlying Assets) และการออกพันธบัตรสกุลเงินบาทโดย JBIC และ ADB นอกจากนี้ นายณรงค์ชัย อัครเศรณี ประธานคณะกรรมการบริหารของ ธสน. ได้นำเสนอกรณีศึกษาแนวทางการออกหุ้นกู้สกุลเงินบาทโดยหน่วยงานรัฐบาลสาธารณรัฐประชาชนลาว (สปป. ลาว) ในประเทศไทย เพื่อเป็นการระดมทุนสำหรับการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานใน สปป.ลาว ซึ่งการดำเนินการดังกล่าวจะเป็นความร่วมมือระหว่างรัฐบาลไทยผ่าน ธสน.ร่วมกับหน่วยงานรัฐบาล สปป. ลาว
3. การพัฒนาด้านอุปสงค์เพื่อส่งเสริมพันธบัตรเอเชีย
การส่งเสริมให้เกิดอุปสงค์พันธบัตรเอเชียมากขึ้นจะต้องอาศัยความร่วมมือจากทั้งภาครัฐ และทางภาคเอกชน โดยผู้แทนจากธนาคารแห่งประเทศไทย ธนาคารกลางประเทศมาเลเซีย ธนาคารกลางสิงคโปร์ และผู้แทนภาคเอกชนจากธนาคาร HSBC และบริษัท State Street Global Advisors Singapore ได้นำเสนอแนวทางการพัฒนาด้านอุปสงค์ของพันธบัตรเอเชียโดยเฉพาะอย่างยิ่งจากมุมมองของนักลงทุนต่างประเทศ ทั้งนี้ ได้มีการนำเสนอประสบการณ์จากการจัดตั้งกองทุนพันธบัตรเอเชีย 1 และ 2 ภายใต้กรอบ EMEAP และได้มีการนำเสนอในความคืบหน้าของการดำเนินการของกองทุนพันธบัตรเอเชีย 2 ที่ประกอบด้วยกองทุนย่อย 9 กองทุน คือ กองทุน Pan Asian Bond Index Fund (PAIF) และกองทุนย่อยระดับประเทศอีก 8 ประเทศ โดยในระยะแรก8 กองทุนย่อยจะจำกัดการลงทุนให้เฉพาะธนาคารกลางของประเทศสมาชิกกลุ่ม EMEAP เท่านั้น อย่างไรก็ตามในระยะที่ 2 จะเปิดโอกาสให้กับนักลงทุนเอกชนอื่นๆ ต่อไป นอกจากนี้ ผู้แทนจากกระทรวงการคลังของประเทศอินเดีย ธนาคารกลางประเทศปากีสถาน และสำนักงานตรวจสอบบัญชีของประเทศการ์ตาได้ร่วมกันแสดงความเห็นที่จะเพิ่มบทบาทในการส่งเสริมอุปสงค์พันธบัตรเอเชียด้วยการขยายความร่วมมือในระดับภูมิภาคให้มากขึ้นด้วย
4. การสร้างสภาพแวดล้อมที่เกื้อหนุนต่อการพัฒนาตลาดพันธบัตรเอเชีย
ในหัวข้อนี้ได้มีการหารือในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับการสร้างสภาพแวดล้อมที่เกื้อหนุนต่อการพัฒนาตลาดพันธบัตรเอเชีย โดยวิทยากรจากกระทรวงการคลังสาธารณรัฐประชาชนจีน ศูนย์รับฝากหลักทรัพย์สาธารณรัฐเกาหลี (Korea Securities Depository) ตลาดตราสารหนี้ (Bond Electronic Exchange of Thailand: BEX) และ ADB มีความเห็นสอดคล้องกันว่า ตลาดพันธบัตรในเอเชียจำเป็นต้องได้รับการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานให้เข้มแข็งมากขึ้น ซึ่งได้มีการนำเสนอการจัดตั้งกลไกการค้ำประกันสินเชื่อ (Credit Guarantee Mechanism) การออกผลิตภัณฑ์พันธบัตรเอเชียให้มีความหลากหลายมากขึ้น และการยกระดับระบบการส่งมอบและชำระเงิน (Clearing and Settlement System) ที่มีประสิทธิภาพ โดยผู้เข้าร่วมสัมมนาจากศูนย์รับฝากหลักทรัพย์เกาหลี ได้เสนอให้มีการจัดตั้งศูนย์รับฝากหลักทรัพย์ระหว่างประเทศ (International Central Securities Depository: ICSD) เพื่อรองรับการดำเนินธุรกรรมสำหรับพันธบัตรเอเชียในอนาคต นอกจากนั้น ผู้ร่วมสัมมนาจากธนาคารพัฒนาเอเชียได้นำเสนอแนวทางการจัดตั้งสถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือในภูมิภาคเอเชีย (Regional Credit Rating Agencies) และหน่วยงานกำหนดราคาพันธบัตร/หุ้นกู้ (Bond Pricing Agencies) รวมทั้ง การกำหนดเกณฑ์มาตรฐานสำหรับพันธบัตรเอเชียด้วย (Asian Bond Standard)
5. มุมมองจากภาคเอกชนในการพัฒนาตลาดพันธบัตรเอเชีย
ผู้ร่วมสัมมนาจากภาคเอกชน ซึ่งประกอบด้วยผู้แทนจากธนาคาร HSBC บริษัทหลักทรัพย์ Mizuho และบริษัทหลักทรัพย์กองทุนกสิกรไทยได้ร่วมแลกเปลี่ยนและนำเสนอความคิดเห็นในประเด็นปัญหาต่างๆ เพื่อพัฒนาตลาดพันธบัตรเอเชียให้เข้มแข็งมากขึ้น ทั้งนี้ ผู้แทนภาคเอกชนได้เสนอให้ภาครัฐของประเทศต่าง ๆ ในเอเชียเพิ่มมูลค่าของตลาดพันธบัตรให้มากขึ้น โดยการออกพันธบัตรอย่างต่อเนื่องในระดับที่เหมาะสม ลดมาตรการควบคุมด้านบัญชีทุนเคลื่อนย้ายระหว่างประเทศ สร้างความโปร่งใส และพัฒนาโครงสร้างทางกฎหมายสำหรับการบังคับคดี รวมทั้งส่งเสริมธุรกิจจัดการสินทรัพย์ ในขณะเดียวกัน ภาคเอกชนก็ควรพิจารณาการกระจายความเสี่ยงในการลงทุนของสกุลเงินต่างๆ (currency diversification) ด้วยการเพิ่มสัดส่วนการลงทุนในสกุลเงินของเอเชียให้มากขึ้น และพิจารณาการเพิ่มความหลากหลายของพันธบัตร/หุ้นกู้ประเภทใหม่ๆ เช่น พันธบัตรแบบหลายสกุลเงิน (multi-currency bonds) หรือพันธบัตรแบบตะกร้าเงิน (basket-currency bonds) และพัฒนาแนวทางการบริหารจัดการความเสี่ยงที่เหมาะสมในการดำเนินธุรกรรมทางการเงิน
สุดท้ายนี้ ผลการสัมมนาในครั้งนี้จะใช้เป็นพื้นฐานที่สำคัญที่จะใช้ในการหารือสำหรับการประชุมรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังของภายใต้กรอบความร่วมมือเอเชีย (The informal ACD Finance Ministers’ Meeting) ที่จะจัดขึ้นในช่วงต้นเดือนมิถุนายน 2548 ณ จังหวัดภูเก็ต ประเทศไทย
--ข่าวกระทรวงการคลัง กลุ่มการประชาสัมพันธ์ สนง.ปลัดกระทรวงการคลัง ฉบับที่ 27/2549 28 มีนาคม 49--