นางอัจนา ไวความดี ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายนโยบายการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) แถลงผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงินในวันนี้ ซึ่งที่ประชุมได้พิจารณาภาวะเศรษฐกิจและแนวโน้มในระยะต่อไป เพื่อกำหนดแนวนโยบายการเงินที่เหมาะสม โดยมีประเด็นที่สำคัญ ดังนี้
คณะกรรมการฯ เห็นว่าในครึ่งปีหลังเศรษฐกิจไทยยังคงขยายตัวได้อย่างน่าพอใจ แม้อุปสงค์ในประเทศชะลอตัวลงกว่าในครึ่งปีแรก แต่มูลค่าการส่งออกขยายตัวดีต่อเนื่องและเสถียรภาพทางเศรษฐกิจดีขึ้น อัตราเงินเฟ้อที่ลดลงจะช่วยเพิ่มกำลังซื้อของประชาชนได้อีกทางหนึ่ง
สำหรับเศรษฐกิจในปีหน้ามีแนวโน้มขยายตัวได้ต่อเนื่องและมีเสถียรภาพ เนื่องจากราคาน้ำมันที่ปรับลดลงและงบประมาณปี 2550 สามารถเบิกจ่ายได้เร็วกว่าที่คาดไว้ในการประชุมครั้งก่อน อย่างไรก็ตาม ยังมีความไม่แน่นอนจากเศรษฐกิจโลกที่ควรระมัดระวังอยู่ รวมทั้งราคาน้ำมันที่อาจปรับสูงขึ้นได้อีก
คณะกรรมการฯ ประเมินว่าเสถียรภาพและการขยายตัวทางเศรษฐกิจดีขึ้นกว่าที่ประเมินไว้ในการประชุมครั้งก่อน และเห็นว่าอัตราดอกเบี้ยนโยบายในระดับปัจจุบันเหมาะสมกับสภาวะของเศรษฐกิจในขณะนี้ จึงเห็นควรให้คงอัตราดอกเบี้ยตลาดซื้อคืนพันธบัตรระยะ 14 วันไว้ที่ร้อยละ 5.00 ต่อปี
ข้อมูลเพิ่มเติม : คุณจิตตาภา ประจวบเหมาะ โทร 0 2356 7872 e-mail: [email protected]
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--
คณะกรรมการฯ เห็นว่าในครึ่งปีหลังเศรษฐกิจไทยยังคงขยายตัวได้อย่างน่าพอใจ แม้อุปสงค์ในประเทศชะลอตัวลงกว่าในครึ่งปีแรก แต่มูลค่าการส่งออกขยายตัวดีต่อเนื่องและเสถียรภาพทางเศรษฐกิจดีขึ้น อัตราเงินเฟ้อที่ลดลงจะช่วยเพิ่มกำลังซื้อของประชาชนได้อีกทางหนึ่ง
สำหรับเศรษฐกิจในปีหน้ามีแนวโน้มขยายตัวได้ต่อเนื่องและมีเสถียรภาพ เนื่องจากราคาน้ำมันที่ปรับลดลงและงบประมาณปี 2550 สามารถเบิกจ่ายได้เร็วกว่าที่คาดไว้ในการประชุมครั้งก่อน อย่างไรก็ตาม ยังมีความไม่แน่นอนจากเศรษฐกิจโลกที่ควรระมัดระวังอยู่ รวมทั้งราคาน้ำมันที่อาจปรับสูงขึ้นได้อีก
คณะกรรมการฯ ประเมินว่าเสถียรภาพและการขยายตัวทางเศรษฐกิจดีขึ้นกว่าที่ประเมินไว้ในการประชุมครั้งก่อน และเห็นว่าอัตราดอกเบี้ยนโยบายในระดับปัจจุบันเหมาะสมกับสภาวะของเศรษฐกิจในขณะนี้ จึงเห็นควรให้คงอัตราดอกเบี้ยตลาดซื้อคืนพันธบัตรระยะ 14 วันไว้ที่ร้อยละ 5.00 ต่อปี
ข้อมูลเพิ่มเติม : คุณจิตตาภา ประจวบเหมาะ โทร 0 2356 7872 e-mail: [email protected]
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--