เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของการดำเนินนโยบายการเงินและนำไปสู่กรอบการดำเนินนโยบายที่โปร่งใส รวมทั้งเพื่อส่งเสริมพัฒนาการของตลาดเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ด้วยความเห็นชอบของคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) จะดำเนินการปรับกฎเกณฑ์และหลักปฏิบัติในการดำเนินนโยบายการเงินใน 3 เรื่อง โดยให้มีผลบังคับใช้ในวันที่ 17 มกราคม 2550 ดังต่อไปนี้
1) เปลี่ยนเครื่องมือในการส่งสัญญาณนโยบายการเงิน (อัตราดอกเบี้ยนโยบาย) จากการใช้อัตราดอกเบี้ยตลาดซื้อคืนพันธบัตรระยะ 14 วันเป็นระยะ 1 วัน การเปลี่ยนเครื่องมือดังกล่าวเพื่อให้อัตราดอกเบี้ยนโยบายสะท้อนการบริหารสภาพคล่องระยะสั้นของสถาบันการเงินในตลาดเงินได้ดีขึ้น และเปิดโอกาสให้อัตราดอกเบี้ยระยะสั้นเคลื่อนไหวตามการคาดการณ์ทิศทางอัตราดอกเบี้ย
2) จัดให้มีหน้าต่างปรับสภาพคล่องสิ้นวันระหว่าง ธปท. กับสถาบันการเงินทั้งด้านปล่อยและดูดซับสภาพคล่อง โดยให้อัตราดอกเบี้ยเท่ากับอัตราดอกเบี้ยนโยบาย +/- ร้อยละ 0.5 การมีหน้าต่างปรับสภาพคล่องทั้งสองด้านและในขอบเขตที่แคบลงจะช่วยจำกัดความผันผวนของอัตราดอกเบี้ยตลาดเงินได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
3) ปรับช่วงเวลาในการดำรงสินทรัพย์สภาพคล่องเพื่อไม่ให้คร่อมการประชุม กนง. สำหรับสถาบันการเงินทุกประเภทที่ต้องดำรงสินทรัพย์สภาพคล่อง โดยให้ปักษ์เริ่มต้นในวันพุธและสิ้นสุดในวันอังคารของสองสัปดาห์ถัดมา การปรับช่วงเวลาในการดำรงสินทรัพย์สภาพคล่องนี้เพื่อลดความผันผวนในระดับสภาพคล่องของระบบและอัตราดอกเบี้ยตลาดเงินระยะสั้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงที่มีการคาดการณ์ทิศทางอัตราดอกเบี้ยอย่างชัดเจน
ธปท. คาดว่าการปฏิรูปครั้งนี้จะนำไปสู่กรอบการดำเนินนโยบายการเงินที่มีประสิทธิภาพและมีความโปร่งใสมากขึ้น อีกทั้งยังเอื้อให้ตลาดการเงินของไทยสามารถพัฒนาต่อไปได้ตามลำดับ อันจะเป็นพื้นฐานที่ดีในการช่วยเสริมเสถียรภาพให้แก่ระบบการเงินให้สามารถรองรับการเปลี่ยนแปลงในตลาดการเงินที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นในอนาคต
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--
1) เปลี่ยนเครื่องมือในการส่งสัญญาณนโยบายการเงิน (อัตราดอกเบี้ยนโยบาย) จากการใช้อัตราดอกเบี้ยตลาดซื้อคืนพันธบัตรระยะ 14 วันเป็นระยะ 1 วัน การเปลี่ยนเครื่องมือดังกล่าวเพื่อให้อัตราดอกเบี้ยนโยบายสะท้อนการบริหารสภาพคล่องระยะสั้นของสถาบันการเงินในตลาดเงินได้ดีขึ้น และเปิดโอกาสให้อัตราดอกเบี้ยระยะสั้นเคลื่อนไหวตามการคาดการณ์ทิศทางอัตราดอกเบี้ย
2) จัดให้มีหน้าต่างปรับสภาพคล่องสิ้นวันระหว่าง ธปท. กับสถาบันการเงินทั้งด้านปล่อยและดูดซับสภาพคล่อง โดยให้อัตราดอกเบี้ยเท่ากับอัตราดอกเบี้ยนโยบาย +/- ร้อยละ 0.5 การมีหน้าต่างปรับสภาพคล่องทั้งสองด้านและในขอบเขตที่แคบลงจะช่วยจำกัดความผันผวนของอัตราดอกเบี้ยตลาดเงินได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
3) ปรับช่วงเวลาในการดำรงสินทรัพย์สภาพคล่องเพื่อไม่ให้คร่อมการประชุม กนง. สำหรับสถาบันการเงินทุกประเภทที่ต้องดำรงสินทรัพย์สภาพคล่อง โดยให้ปักษ์เริ่มต้นในวันพุธและสิ้นสุดในวันอังคารของสองสัปดาห์ถัดมา การปรับช่วงเวลาในการดำรงสินทรัพย์สภาพคล่องนี้เพื่อลดความผันผวนในระดับสภาพคล่องของระบบและอัตราดอกเบี้ยตลาดเงินระยะสั้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงที่มีการคาดการณ์ทิศทางอัตราดอกเบี้ยอย่างชัดเจน
ธปท. คาดว่าการปฏิรูปครั้งนี้จะนำไปสู่กรอบการดำเนินนโยบายการเงินที่มีประสิทธิภาพและมีความโปร่งใสมากขึ้น อีกทั้งยังเอื้อให้ตลาดการเงินของไทยสามารถพัฒนาต่อไปได้ตามลำดับ อันจะเป็นพื้นฐานที่ดีในการช่วยเสริมเสถียรภาพให้แก่ระบบการเงินให้สามารถรองรับการเปลี่ยนแปลงในตลาดการเงินที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นในอนาคต
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--