แท็ก
อัตราดอกเบี้ย
ข่าวเศรษฐกิจในประเทศ
1. ธ.กลาง สรอ. ปรับขึ้นดอกเบี้ยระยะสั้นอีกร้อยละ 0.25 เป็นร้อยละ 4.75ธ.กลาง สรอ.
ประกาศปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นเป็นครั้งที่ 15 อีกร้อยละ 0.25 อยู่ที่ระดับร้อยละ 4.75 ซึ่งเป็นระดับสูงสุด
นับตั้งแต่เดือน เม.ย.44 และกล่าวว่าอาจจำเป็นต้องขึ้นดอกเบี้ยต่อไป ซึ่งเป็นไปตามความคาดหมายของตลาดเงิน
ที่ว่า ดอกเบี้ยของ สรอ. จะปรับขึ้นสู่ระดับร้อยละ 5 ในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้านี้ ทั้งนี้ เฟดระบุว่าจำเป็นต้องใช้
นโยบายที่แน่วแน่ในการควบคุมความเสี่ยงเอาไว้เพื่อให้เป้าหมายการผลักดันเศรษฐกิจให้ขยายตัวแบบยั่งยืนและ
การรักษาเสถียรภาพราคาให้เป็นไปอย่างสมดุล และระบุว่าราคาน้ำมันและราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่ปรับตัวขึ้นได้ส่งผล
กระทบต่อดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐานในระดับปานกลาง (กรุงเทพธุรกิจ, ผู้จัดการรายวัน, โพสต์ทูเดย์)
2. เกณฑ์การตรวจสอบสินเชื่อของ ธปท. ไม่กระทบผลประกอบของ ธ.พาณิชย์ น.ส.อังคณา สวัสดิ์พูน
ผู้ช่วย กก.ผจก.ใหญ่ ธ.นครหลวงไทย มองว่าสาเหตุที่ ธปท. ออกหนังสือเวียนถึงสถาบันการเงินให้ปรับปรุง
หลักเกณฑ์การตรวจสอบสินเชื่อและประเมินหลักทรัพย์แม้จะอยู่ในกลุ่มที่ถูกจัดชั้นเป็นสินเชื่อปกติ เนื่องจาก ธปท.
อาจมีความกังวลต่อแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ที่อยู่ในช่วงขาขึ้น ซึ่งปกติ ธ.พาณิชย์ทุกแห่งก็มีความเข้มงวดและ
ตั้งสำรองเผื่อหนี้สงสัยจะสูญเป็นสัดส่วนที่สูงเกินเกณฑ์ที่ ธปท. กำหนดอยู่ที่ร้อยละ 60 ดังนั้น มาตรการของ ธปท.
ครั้งนี้จึงไม่ได้ส่งผลทำให้ผลประกอบการของ ธ.พาณิชย์ลดน้อยลง ขณะที่แหล่งข่าวจาก ธ.กรุงไทย กล่าวว่า
ธปท. ต้องการคุมเข้มและระบุให้ชัดเจน โดยเฉพาะลูกหนี้รายใหญ่ก็ต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ ซึ่งธนาคารมีความ
เข้มงวดมากยิ่งขึ้นหลังจากเกิดกรณีอดีต กก.ผจก. ถูกกล่าวหาเรื่องปล่อยสินเชื่อไม่โปร่งใส ทั้งนี้ ธนาคารยังมี
สภาพคล่องส่วนเกินจำนวนมาก มาตรการของ ธปท. คงไม่มีผลต่อผลประกอบการของธนาคารในปีนี้ ด้าน
ธ.กรุงเทพมีเงินสดสำรองเผื่อหนี้สงสัยจะสูญ 7 หมื่นล้านบาท ส่วน ธ.นครหลวงไทยมีสัดส่วนสำรองต่อเอ็นพีแอล
เพิ่มเป็นร้อยละ 123 จากร้อยละ 91 โดยมีปริมาณสำรองส่วนเกินอยู่ 3.5 พันล้านบาท (โพสต์ทูเดย์)
3. ก.คลังเสนอจัดตั้งกองทุนบำเหน็จบำนาญแห่งชาติ นายนริศ ชัยสูตร ผอ.สนง.เศรษฐกิจการคลัง
(สศค.) เปิดเผยว่า สศค. เตรียมที่จะเสนอรัฐบาลใหม่เพื่อสร้างระบบการออมภาคบังคับสำหรับแรงงานที่อยู่ใน
ระบบ 13 ล้านคน จากจำนวนแรงงานทั้งหมด 35 ล้านคน เพื่อรองรับแรงงานในระบบที่เข้าสู่วัยชรา ด้วยการ
จัดตั้งกองทุนบำเหน็จบำนาญแห่งชาติ (กบช.) ซึ่งเป็นการต่อยอดจากกองทุนประกันสังคม โดยคาดว่า กบช. จะ
เพิ่มการออมให้กับประเทศได้ถึงปีละ 8 หมื่นล้านบาท และยังช่วยให้แรงงานในระบบมีรายได้ภายหลังเกษียณถึง
ร้อยละ 50 ของเงินเดือนเดือนสุดท้าย ซึ่งจากการศึกษาพบว่า กองทุนประกันสังคมกรณีชราภาพจะมีภาระต้นทุนสูง
ขึ้นถึง 2 เท่าของเงินสมทบ เนื่องจากอนาคตโครงสร้างประชากรผู้สูงอายุจะมีมากขึ้นขณะที่อัตราการเกิดจะลดลง
ประกอบกับการกำหนดอายุเกษียณไว้ที่ 55 ปีนั้น ถือว่าต่ำที่สุดในโลก เพราะประเทศอื่น ๆ กำหนดไว้ที่ 62-65 ปี
ทำให้ กบช. ต้องปรับอายุเกษียณเพิ่มขึ้นเป็น 60 ปี เพื่อให้ประชาชนมีเวลาในการออมนานขึ้น โดยในระยะแรก
ตั้งแต่ปี 2551 เป็นต้นไป จะเริ่มใช้การออมภาคบังคับกับสถานประกอบการที่มีลูกจ้างตั้งแต่ 100 คนขึ้นไป คาดว่า
จะมีแรงงานในระบบเป็นสมาชิก กบช. 4.6 ล้านคน และอีก 10 ปีข้างหน้า หรือตั้งแต่ปี 2561 จะขยายถึงสถาน
ประกอบการที่มีลูกจ้างตั้งแต่ 1 คนขึ้นไป โดยนายจ้างจะจ่ายเงินสมทบ และลูกจ้างจ่ายเงินสะสมในอัตราเท่ากัน
คือร้อยละ 3 ของเงินเดือน ซึ่งด้านนายจ้างสามารถนำเงินสมทบมาหักเป็นค่าใช้จ่ายของบริษัทได้ ขณะที่ลูกจ้าง
สามารถขอขยายการจ่ายเงินสะสมได้สูงสุดไม่เกินร้อยละ 6 ของเงินเดือน และเมื่อเกษียณแล้วจะทำให้ลูกจ้าง
ยังมีรายได้ทุกเดือนในอัตราร้อยละ 50 ของเงินเดือนเดือนสุดท้าย ส่วนที่เกินจากนั้นสามารถเลือกรับเป็นเงิน
รายงวดหรือรับเป็นก้อนได้ ทั้งนี้ ในเดือน พ.ค.นี้ ทีมงานจาก ธ.เพื่อพัฒนาเอเชียจะเริ่มศึกษาลงลึกถึงระบบ
การออมของไทยเพื่อเสนอแนวทางการจัดตั้ง กบช. ให้ สศค. พิจารณาอีกครั้ง (ไทยรัฐ, มติชน, เดลินิวส์)
ข่าวเศรษฐกิจต่างประเทศ
1. การกู้ยืมเพื่อซื้อบ้านในเขตยูโรโซนช่วงต้นปี 49 เพิ่มขึ้นในอัตราสูงที่สุดในรอบ 6 ปี รายงานจาก
Frankfurt เมื่อวันที่ 28 มี.ค. 49 การกู้ยืมเพื่อซื้อบ้านของเขตยูโรโซนในช่วงต้นปี 49 เพิ่มขึ้นในอัตราที่
รวดเร็วที่สุดในรอบกว่า 6 ปี ทำให้ ธ. กลางยุโรปวิตกเกี่ยวกับราคาบ้านที่เพิ่มสูงขึ้น ทั้งนี้นาย
Jean-Claude Trichet ประธาน ธ. กลางยุโรป กล่าวว่า ธ. กลางจะต้องเฝ้าติดตามดูแลอย่างใกล้ชิด
เนื่องจากตัวเลขการกู้ยืมเพื่อซื้อบ้านในเขตยูโรโซนในเดือน ก.พ. เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อนถึงร้อยละ
11.8 ซึ่งเท่ากับตัวเลขที่ปรับแล้วของเดือน ม.ค. และเป็นการขยายตัวอย่างรวดเร็วที่สุดนับตั้งแต่ไตรมาสที่
4 ปี 42 ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ ธ. กลางกล่าวเตือนว่าการขยายตัวของสินเชื่อบ้านที่มีราคาต่ำ อาจนำไปสู่ความไม่
เสถียรภาพของราคาบ้านในบางตลาด ซึ่งจากรายงานการศึกษาบ่งชี้ว่าราคาสินทรัพย์มีค่าสูงกว่ามูลค่าที่แท้จริง
และอาจจะมีราคาตกลงได้ เนื่องจากอัตราดอกเบี้ยเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง (รอยเตอร์)
2. ยอดค้าปลีกของอังกฤษในเดือน มี.ค.49 เพิ่มขึ้นน้อยกว่าที่คาดไว้ รายงานจากลอนดอน
เมื่อ 29 มี.ค.49 สภาอุตสาหกรรมของอังกฤษหรือ CBI รายงานผลสำรวจยอดค้าปลีกประจำเดือน มี.ค.49
ในระหว่างวันที่ 28 ก.พ.ถึง 15 มี.ค.49 ว่าดีขึ้นมาอยู่ที่ระดับ —16 จากระดับ —18 ในเดือน ก.พ.49
อย่างไรก็ดีตัวเลขดังกล่าวยังอยู่ในระดับต่ำกว่าที่ตลาดคาดไว้ว่าจะเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ระดับ —13 และต่ำกว่าที่ผู้ค้าปลีก
เองคาดไว้ว่าจะเพิ่มขึ้นอยู่ที่ระดับ —5 ทั้งนี้คาดว่าเป็นผลมาจากสภาพอากาศที่หนาวเย็นในเดือน มี.ค.49 ทำให้
ผู้บริโภคไม่ออกจากบ้านมาใช้จ่ายซื้อสินค้า ตัวเลขค้าปลีกดังกล่าวไม่ได้ช่วยลดความกังวลของ ธ.กลางอังกฤษ
เกี่ยวกับแนวโน้มการใช้จ่ายของผู้บริโภคซึ่งชะลอตัวมาตั้งแต่ต้นปีนี้ อย่างไรก็ดีตลาดยังคาดว่า ธ.กลางอังกฤษ
จะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ร้อยละ 4.5 ต่อปีต่อไปอีกหลายเดือนข้างหน้า (รอยเตอร์)
3. ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคในเยอรมนีเพิ่มขึ้นอยู่ในระดับสูงสุดในรอบกว่า 4 ปี รายงานจาก
เบอร์ลิน เมื่อ 29 มี.ค.49 ดัชนีชี้วัดความเชื่อมั่นของผู้บริโภคในเยอรมนีล่วงหน้าสำหรับเดือน เม.ย.49 จาก
ผลสำรวจความเห็นของชาวเยอรมนีประมาณ 2,000 คนโดย GfK ซึ่งเป็นสถาบันวิจัยตลาดชั้นนำของเยอรมนี
เพิ่มขึ้นมาอยู่ในระดับ 5.1 สูงสุดนับตั้งแต่เดือน ธ.ค.44 จากระดับ 5.0 ในเดือน มี.ค.49 และสูงกว่าที่
รอยเตอร์คาดไว้ว่าจะเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 4.9 ทั้งนี้คาดว่าเป็นผลมาจากการเรียกเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มจากผู้
บริโภคอีกร้อยละ 3.0 ซึ่งจะเริ่มมีผลบังคับใช้ในต้นปีหน้าทำให้ผู้บริโภควางแผนที่จะใช้จ่ายเพิ่มในอนาคตอันใกล้นี้
อย่างไรก็ดีดัชนีในส่วนที่ชี้วัดความคาดหวังเกี่ยวกับรายได้และการหางานทำในอนาคตกลับลดลงมาอยู่ที่ระดับ 1.0
และ 14.0 ในเดือน มี.ค.49 จากระดับ 3.2 และ 22.3 ในเดือน ก.พ.49 ตามลำดับ ซึ่งแสดงให้เห็นว่า
ผู้บริโภคยังมีความกังวลเกี่ยวกับรายได้ในอนาคตซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อการใช้จ่ายจริงของผู้บริโภคได้ โดยผล
สำรวจรอยเตอร์คาดว่าตัวเลขจำนวนคนว่างงานในเยอรมนีในเดือน มี.ค.49 ซึ่งมีกำหนดจะประกาศอย่างเป็น
ทางการในวันที่ 29 มี.ค.49 นี้ เวลา 8.00 น.ตามเวลากรีนนิช จะลดลงเหลือ 4.950 ล้านคนจาก
5.048 ล้านคนในเดือนก่อน (รอยเตอร์)
4 ผลผลิตอุตสาหกรรมของญี่ปุ่นในเดือน ก.พ.49 ลดลงเป็นครั้งแรกในรอบ 7 เดือน รายงานจาก
โตเกียวเมื่อ 30 มี.ค.49 ก.เศรษฐกิจ การค้า และอุตสาหกรรม (The Ministry of Economy, Trade
and Industry) เปิดเผยว่า ผลผลิตอุตสาหกรรมของญี่ปุ่นในเดือน ก.พ.49 ลดลงเป็นครั้งแรกในรอบ 7 เดือน
ที่ร้อยละ 1.7 เทียบต่อเดือน ต่ำกว่าการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ซึ่งคาดว่าจะลดลงเพียงร้อยละ 0.1 เป็นผล
จากการลดลงของผลผลิตเคมีภัณฑ์และเซมิคอนดักเตอร์ ในขณะที่ผลผลิตรถยนต์ โทรศัพท์มือถือ และกล้องดิจิตอล
ปรับตัวเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม ก.เศรษฐกิจฯ ยังคงประเมินว่าผลผลิตอุตสาหกรรมของญี่ปุ่นมีแนวโน้มที่ดี โดยได้
คาดการณ์ผลผลิตโรงงานซึ่งเป็นส่วนประกอบหลักของผลผลิตอุตสาหกรรมว่า จะปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.3 และ
3.1 ในเดือน มี.ค.และ เม.ย.49 ตามลำดับ ทั้งนี้ เศรษฐกิจญี่ปุ่นกำลังฟื้นตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่ง โดยอัตราการ
ขยายตัวทางเศรษฐกิจอยู่ที่ร้อยละ 5.4 ในช่วงไตรมาสที่ 4 ปี 48 สาเหตุหลักจากการฟื้นตัวของการส่งออก โดย
การส่งออกไปยังประเทศจีนซึ่งเป็นตลาดหลักของญี่ปุ่นในเดือน ก.พ.49 ขยายตัวถึงร้อยละ 40.8 ขณะที่การส่งออก
ไปยังตลาด สรอ.เพิ่มขึ้นร้อยละ 16.1 ประกอบกับการฟื้นตัวของความต้องการในประเทศ เห็นได้จากยอดขายปลีก
ในเดือน ก.พ.49 ซึ่งเพิ่มขึ้นร้อยละ 1.0 รวมถึงการใช้จ่ายเพื่อการลงทุนที่ขยายตัว เช่นเดียวกับการใช้จ่ายส่วน
บุคคลที่เพิ่มขึ้นตามรายได้ที่เพิ่มขึ้นและสถานการณ์แรงงานที่ฟื้นตัวขึ้น (รอยเตอร์)
ข้อมูลเศรษฐกิจ 30 มี.ค. 49
อัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยระหว่างธนาคาร (Bht/1US$) 38.993 38.557 ธปท.
อัตราซื้อถัวเฉลี่ยตั๋วเงิน/อัตราขายถัวเฉลี่ยของ ธพ. (Bht/1US$) 38.8143/39.1038 38.3598/38.6471 ธปท.
อัตราดอกเบี้ยกู้ยืมระหว่าง ธพ. ขนาดใหญ่ระยะ 7 วัน (ร้อยละ) 4.62125 2..1875 - 2.2000 รอยเตอร์
ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ (จุด)/มูลค่าซื้อ/ขาย (พันล้านบาท) 724.87/ 16.09 701.91/15.60 ตลท.
ราคาทองคำแท่ง (ซื้อ/ขายบาทละ) 10,400/10,500 10,300/10,400 7,750/7,850 สมาคมค้าทองคำ
ราคาน้ำมันดิบดูไบ (US$/บาเรล) 59.62 59.64 38.15 ปตท./รอยเตอร์
ราคาน้ำมันเบนซิน 95/ดีเซล (บาท) * ปรับเพิ่มลิตรละ 40 สตางค์
เมื่อ 18 มี.ค. 49**ปรับเพิ่มลิตรละ 40 สตางค์ เมื่อ 9 มี.ค. 49 27.14*/25.49** 27.14*/25.49** 19.69/14.59 ปตท.
-ธนาคารแห่งประเทศไทย--
1. ธ.กลาง สรอ. ปรับขึ้นดอกเบี้ยระยะสั้นอีกร้อยละ 0.25 เป็นร้อยละ 4.75ธ.กลาง สรอ.
ประกาศปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นเป็นครั้งที่ 15 อีกร้อยละ 0.25 อยู่ที่ระดับร้อยละ 4.75 ซึ่งเป็นระดับสูงสุด
นับตั้งแต่เดือน เม.ย.44 และกล่าวว่าอาจจำเป็นต้องขึ้นดอกเบี้ยต่อไป ซึ่งเป็นไปตามความคาดหมายของตลาดเงิน
ที่ว่า ดอกเบี้ยของ สรอ. จะปรับขึ้นสู่ระดับร้อยละ 5 ในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้านี้ ทั้งนี้ เฟดระบุว่าจำเป็นต้องใช้
นโยบายที่แน่วแน่ในการควบคุมความเสี่ยงเอาไว้เพื่อให้เป้าหมายการผลักดันเศรษฐกิจให้ขยายตัวแบบยั่งยืนและ
การรักษาเสถียรภาพราคาให้เป็นไปอย่างสมดุล และระบุว่าราคาน้ำมันและราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่ปรับตัวขึ้นได้ส่งผล
กระทบต่อดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐานในระดับปานกลาง (กรุงเทพธุรกิจ, ผู้จัดการรายวัน, โพสต์ทูเดย์)
2. เกณฑ์การตรวจสอบสินเชื่อของ ธปท. ไม่กระทบผลประกอบของ ธ.พาณิชย์ น.ส.อังคณา สวัสดิ์พูน
ผู้ช่วย กก.ผจก.ใหญ่ ธ.นครหลวงไทย มองว่าสาเหตุที่ ธปท. ออกหนังสือเวียนถึงสถาบันการเงินให้ปรับปรุง
หลักเกณฑ์การตรวจสอบสินเชื่อและประเมินหลักทรัพย์แม้จะอยู่ในกลุ่มที่ถูกจัดชั้นเป็นสินเชื่อปกติ เนื่องจาก ธปท.
อาจมีความกังวลต่อแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ที่อยู่ในช่วงขาขึ้น ซึ่งปกติ ธ.พาณิชย์ทุกแห่งก็มีความเข้มงวดและ
ตั้งสำรองเผื่อหนี้สงสัยจะสูญเป็นสัดส่วนที่สูงเกินเกณฑ์ที่ ธปท. กำหนดอยู่ที่ร้อยละ 60 ดังนั้น มาตรการของ ธปท.
ครั้งนี้จึงไม่ได้ส่งผลทำให้ผลประกอบการของ ธ.พาณิชย์ลดน้อยลง ขณะที่แหล่งข่าวจาก ธ.กรุงไทย กล่าวว่า
ธปท. ต้องการคุมเข้มและระบุให้ชัดเจน โดยเฉพาะลูกหนี้รายใหญ่ก็ต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ ซึ่งธนาคารมีความ
เข้มงวดมากยิ่งขึ้นหลังจากเกิดกรณีอดีต กก.ผจก. ถูกกล่าวหาเรื่องปล่อยสินเชื่อไม่โปร่งใส ทั้งนี้ ธนาคารยังมี
สภาพคล่องส่วนเกินจำนวนมาก มาตรการของ ธปท. คงไม่มีผลต่อผลประกอบการของธนาคารในปีนี้ ด้าน
ธ.กรุงเทพมีเงินสดสำรองเผื่อหนี้สงสัยจะสูญ 7 หมื่นล้านบาท ส่วน ธ.นครหลวงไทยมีสัดส่วนสำรองต่อเอ็นพีแอล
เพิ่มเป็นร้อยละ 123 จากร้อยละ 91 โดยมีปริมาณสำรองส่วนเกินอยู่ 3.5 พันล้านบาท (โพสต์ทูเดย์)
3. ก.คลังเสนอจัดตั้งกองทุนบำเหน็จบำนาญแห่งชาติ นายนริศ ชัยสูตร ผอ.สนง.เศรษฐกิจการคลัง
(สศค.) เปิดเผยว่า สศค. เตรียมที่จะเสนอรัฐบาลใหม่เพื่อสร้างระบบการออมภาคบังคับสำหรับแรงงานที่อยู่ใน
ระบบ 13 ล้านคน จากจำนวนแรงงานทั้งหมด 35 ล้านคน เพื่อรองรับแรงงานในระบบที่เข้าสู่วัยชรา ด้วยการ
จัดตั้งกองทุนบำเหน็จบำนาญแห่งชาติ (กบช.) ซึ่งเป็นการต่อยอดจากกองทุนประกันสังคม โดยคาดว่า กบช. จะ
เพิ่มการออมให้กับประเทศได้ถึงปีละ 8 หมื่นล้านบาท และยังช่วยให้แรงงานในระบบมีรายได้ภายหลังเกษียณถึง
ร้อยละ 50 ของเงินเดือนเดือนสุดท้าย ซึ่งจากการศึกษาพบว่า กองทุนประกันสังคมกรณีชราภาพจะมีภาระต้นทุนสูง
ขึ้นถึง 2 เท่าของเงินสมทบ เนื่องจากอนาคตโครงสร้างประชากรผู้สูงอายุจะมีมากขึ้นขณะที่อัตราการเกิดจะลดลง
ประกอบกับการกำหนดอายุเกษียณไว้ที่ 55 ปีนั้น ถือว่าต่ำที่สุดในโลก เพราะประเทศอื่น ๆ กำหนดไว้ที่ 62-65 ปี
ทำให้ กบช. ต้องปรับอายุเกษียณเพิ่มขึ้นเป็น 60 ปี เพื่อให้ประชาชนมีเวลาในการออมนานขึ้น โดยในระยะแรก
ตั้งแต่ปี 2551 เป็นต้นไป จะเริ่มใช้การออมภาคบังคับกับสถานประกอบการที่มีลูกจ้างตั้งแต่ 100 คนขึ้นไป คาดว่า
จะมีแรงงานในระบบเป็นสมาชิก กบช. 4.6 ล้านคน และอีก 10 ปีข้างหน้า หรือตั้งแต่ปี 2561 จะขยายถึงสถาน
ประกอบการที่มีลูกจ้างตั้งแต่ 1 คนขึ้นไป โดยนายจ้างจะจ่ายเงินสมทบ และลูกจ้างจ่ายเงินสะสมในอัตราเท่ากัน
คือร้อยละ 3 ของเงินเดือน ซึ่งด้านนายจ้างสามารถนำเงินสมทบมาหักเป็นค่าใช้จ่ายของบริษัทได้ ขณะที่ลูกจ้าง
สามารถขอขยายการจ่ายเงินสะสมได้สูงสุดไม่เกินร้อยละ 6 ของเงินเดือน และเมื่อเกษียณแล้วจะทำให้ลูกจ้าง
ยังมีรายได้ทุกเดือนในอัตราร้อยละ 50 ของเงินเดือนเดือนสุดท้าย ส่วนที่เกินจากนั้นสามารถเลือกรับเป็นเงิน
รายงวดหรือรับเป็นก้อนได้ ทั้งนี้ ในเดือน พ.ค.นี้ ทีมงานจาก ธ.เพื่อพัฒนาเอเชียจะเริ่มศึกษาลงลึกถึงระบบ
การออมของไทยเพื่อเสนอแนวทางการจัดตั้ง กบช. ให้ สศค. พิจารณาอีกครั้ง (ไทยรัฐ, มติชน, เดลินิวส์)
ข่าวเศรษฐกิจต่างประเทศ
1. การกู้ยืมเพื่อซื้อบ้านในเขตยูโรโซนช่วงต้นปี 49 เพิ่มขึ้นในอัตราสูงที่สุดในรอบ 6 ปี รายงานจาก
Frankfurt เมื่อวันที่ 28 มี.ค. 49 การกู้ยืมเพื่อซื้อบ้านของเขตยูโรโซนในช่วงต้นปี 49 เพิ่มขึ้นในอัตราที่
รวดเร็วที่สุดในรอบกว่า 6 ปี ทำให้ ธ. กลางยุโรปวิตกเกี่ยวกับราคาบ้านที่เพิ่มสูงขึ้น ทั้งนี้นาย
Jean-Claude Trichet ประธาน ธ. กลางยุโรป กล่าวว่า ธ. กลางจะต้องเฝ้าติดตามดูแลอย่างใกล้ชิด
เนื่องจากตัวเลขการกู้ยืมเพื่อซื้อบ้านในเขตยูโรโซนในเดือน ก.พ. เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อนถึงร้อยละ
11.8 ซึ่งเท่ากับตัวเลขที่ปรับแล้วของเดือน ม.ค. และเป็นการขยายตัวอย่างรวดเร็วที่สุดนับตั้งแต่ไตรมาสที่
4 ปี 42 ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ ธ. กลางกล่าวเตือนว่าการขยายตัวของสินเชื่อบ้านที่มีราคาต่ำ อาจนำไปสู่ความไม่
เสถียรภาพของราคาบ้านในบางตลาด ซึ่งจากรายงานการศึกษาบ่งชี้ว่าราคาสินทรัพย์มีค่าสูงกว่ามูลค่าที่แท้จริง
และอาจจะมีราคาตกลงได้ เนื่องจากอัตราดอกเบี้ยเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง (รอยเตอร์)
2. ยอดค้าปลีกของอังกฤษในเดือน มี.ค.49 เพิ่มขึ้นน้อยกว่าที่คาดไว้ รายงานจากลอนดอน
เมื่อ 29 มี.ค.49 สภาอุตสาหกรรมของอังกฤษหรือ CBI รายงานผลสำรวจยอดค้าปลีกประจำเดือน มี.ค.49
ในระหว่างวันที่ 28 ก.พ.ถึง 15 มี.ค.49 ว่าดีขึ้นมาอยู่ที่ระดับ —16 จากระดับ —18 ในเดือน ก.พ.49
อย่างไรก็ดีตัวเลขดังกล่าวยังอยู่ในระดับต่ำกว่าที่ตลาดคาดไว้ว่าจะเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ระดับ —13 และต่ำกว่าที่ผู้ค้าปลีก
เองคาดไว้ว่าจะเพิ่มขึ้นอยู่ที่ระดับ —5 ทั้งนี้คาดว่าเป็นผลมาจากสภาพอากาศที่หนาวเย็นในเดือน มี.ค.49 ทำให้
ผู้บริโภคไม่ออกจากบ้านมาใช้จ่ายซื้อสินค้า ตัวเลขค้าปลีกดังกล่าวไม่ได้ช่วยลดความกังวลของ ธ.กลางอังกฤษ
เกี่ยวกับแนวโน้มการใช้จ่ายของผู้บริโภคซึ่งชะลอตัวมาตั้งแต่ต้นปีนี้ อย่างไรก็ดีตลาดยังคาดว่า ธ.กลางอังกฤษ
จะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ร้อยละ 4.5 ต่อปีต่อไปอีกหลายเดือนข้างหน้า (รอยเตอร์)
3. ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคในเยอรมนีเพิ่มขึ้นอยู่ในระดับสูงสุดในรอบกว่า 4 ปี รายงานจาก
เบอร์ลิน เมื่อ 29 มี.ค.49 ดัชนีชี้วัดความเชื่อมั่นของผู้บริโภคในเยอรมนีล่วงหน้าสำหรับเดือน เม.ย.49 จาก
ผลสำรวจความเห็นของชาวเยอรมนีประมาณ 2,000 คนโดย GfK ซึ่งเป็นสถาบันวิจัยตลาดชั้นนำของเยอรมนี
เพิ่มขึ้นมาอยู่ในระดับ 5.1 สูงสุดนับตั้งแต่เดือน ธ.ค.44 จากระดับ 5.0 ในเดือน มี.ค.49 และสูงกว่าที่
รอยเตอร์คาดไว้ว่าจะเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 4.9 ทั้งนี้คาดว่าเป็นผลมาจากการเรียกเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มจากผู้
บริโภคอีกร้อยละ 3.0 ซึ่งจะเริ่มมีผลบังคับใช้ในต้นปีหน้าทำให้ผู้บริโภควางแผนที่จะใช้จ่ายเพิ่มในอนาคตอันใกล้นี้
อย่างไรก็ดีดัชนีในส่วนที่ชี้วัดความคาดหวังเกี่ยวกับรายได้และการหางานทำในอนาคตกลับลดลงมาอยู่ที่ระดับ 1.0
และ 14.0 ในเดือน มี.ค.49 จากระดับ 3.2 และ 22.3 ในเดือน ก.พ.49 ตามลำดับ ซึ่งแสดงให้เห็นว่า
ผู้บริโภคยังมีความกังวลเกี่ยวกับรายได้ในอนาคตซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อการใช้จ่ายจริงของผู้บริโภคได้ โดยผล
สำรวจรอยเตอร์คาดว่าตัวเลขจำนวนคนว่างงานในเยอรมนีในเดือน มี.ค.49 ซึ่งมีกำหนดจะประกาศอย่างเป็น
ทางการในวันที่ 29 มี.ค.49 นี้ เวลา 8.00 น.ตามเวลากรีนนิช จะลดลงเหลือ 4.950 ล้านคนจาก
5.048 ล้านคนในเดือนก่อน (รอยเตอร์)
4 ผลผลิตอุตสาหกรรมของญี่ปุ่นในเดือน ก.พ.49 ลดลงเป็นครั้งแรกในรอบ 7 เดือน รายงานจาก
โตเกียวเมื่อ 30 มี.ค.49 ก.เศรษฐกิจ การค้า และอุตสาหกรรม (The Ministry of Economy, Trade
and Industry) เปิดเผยว่า ผลผลิตอุตสาหกรรมของญี่ปุ่นในเดือน ก.พ.49 ลดลงเป็นครั้งแรกในรอบ 7 เดือน
ที่ร้อยละ 1.7 เทียบต่อเดือน ต่ำกว่าการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ซึ่งคาดว่าจะลดลงเพียงร้อยละ 0.1 เป็นผล
จากการลดลงของผลผลิตเคมีภัณฑ์และเซมิคอนดักเตอร์ ในขณะที่ผลผลิตรถยนต์ โทรศัพท์มือถือ และกล้องดิจิตอล
ปรับตัวเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม ก.เศรษฐกิจฯ ยังคงประเมินว่าผลผลิตอุตสาหกรรมของญี่ปุ่นมีแนวโน้มที่ดี โดยได้
คาดการณ์ผลผลิตโรงงานซึ่งเป็นส่วนประกอบหลักของผลผลิตอุตสาหกรรมว่า จะปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.3 และ
3.1 ในเดือน มี.ค.และ เม.ย.49 ตามลำดับ ทั้งนี้ เศรษฐกิจญี่ปุ่นกำลังฟื้นตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่ง โดยอัตราการ
ขยายตัวทางเศรษฐกิจอยู่ที่ร้อยละ 5.4 ในช่วงไตรมาสที่ 4 ปี 48 สาเหตุหลักจากการฟื้นตัวของการส่งออก โดย
การส่งออกไปยังประเทศจีนซึ่งเป็นตลาดหลักของญี่ปุ่นในเดือน ก.พ.49 ขยายตัวถึงร้อยละ 40.8 ขณะที่การส่งออก
ไปยังตลาด สรอ.เพิ่มขึ้นร้อยละ 16.1 ประกอบกับการฟื้นตัวของความต้องการในประเทศ เห็นได้จากยอดขายปลีก
ในเดือน ก.พ.49 ซึ่งเพิ่มขึ้นร้อยละ 1.0 รวมถึงการใช้จ่ายเพื่อการลงทุนที่ขยายตัว เช่นเดียวกับการใช้จ่ายส่วน
บุคคลที่เพิ่มขึ้นตามรายได้ที่เพิ่มขึ้นและสถานการณ์แรงงานที่ฟื้นตัวขึ้น (รอยเตอร์)
ข้อมูลเศรษฐกิจ 30 มี.ค. 49
อัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยระหว่างธนาคาร (Bht/1US$) 38.993 38.557 ธปท.
อัตราซื้อถัวเฉลี่ยตั๋วเงิน/อัตราขายถัวเฉลี่ยของ ธพ. (Bht/1US$) 38.8143/39.1038 38.3598/38.6471 ธปท.
อัตราดอกเบี้ยกู้ยืมระหว่าง ธพ. ขนาดใหญ่ระยะ 7 วัน (ร้อยละ) 4.62125 2..1875 - 2.2000 รอยเตอร์
ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ (จุด)/มูลค่าซื้อ/ขาย (พันล้านบาท) 724.87/ 16.09 701.91/15.60 ตลท.
ราคาทองคำแท่ง (ซื้อ/ขายบาทละ) 10,400/10,500 10,300/10,400 7,750/7,850 สมาคมค้าทองคำ
ราคาน้ำมันดิบดูไบ (US$/บาเรล) 59.62 59.64 38.15 ปตท./รอยเตอร์
ราคาน้ำมันเบนซิน 95/ดีเซล (บาท) * ปรับเพิ่มลิตรละ 40 สตางค์
เมื่อ 18 มี.ค. 49**ปรับเพิ่มลิตรละ 40 สตางค์ เมื่อ 9 มี.ค. 49 27.14*/25.49** 27.14*/25.49** 19.69/14.59 ปตท.
-ธนาคารแห่งประเทศไทย--