ข่าวเศรษฐกิจในประเทศ
1. ธปท.คาดอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์จะเป็นปัจจัยสำคัญในการกระตุ้นการส่งออกในครึ่งหลังของปี
นี้ ผอส.ฝ่ายเศรษฐกิจในประเทศ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์จะ
เป็นปัจจัยสำคัญในการผลักดันให้การส่งออกในช่วงครึ่งหลังของปีนี้กระเตื้องขึ้น เนื่องจากอยู่ในช่วงขาขึ้น และเริ่ม
เห็นคำสั่งซื้อเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง สอดคล้องกับภาคการผลิตโดยรวม ซึ่งครึ่งแรกของปีนี้มีการขยายตัวเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ
20.8 โดยเฉลี่ยเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งเป็นการขยายตัวสูงที่สุดในภาคการผลิตอุตสาหกรรมของ
ไทย ทั้งนี้ จากรายงานภาวะเศรษฐกิจและการเงินของ ธปท.ล่าสุด ระบุว่า การผลิตในหมวดอิเล็กทรอนิกส์มีการ
ขยายตัวในไตรมาสแรกของปีนี้เพิ่มขึ้นร้อยละ 18.3 และเร่งตัวขึ้นอีกในไตรมาส 2 เป็นร้อยละ 23.4 ทั้งนี้ จาก
คำสั่งแผงวงจรไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้นจากความต้องการที่สูงขึ้นในตลาดต่างประเทศ ทำให้มองเห็นแนวโน้มการผลิตและส่ง
ออกในเดือน มิ.ย.ปรับตัวดีขึ้น โดยเฉพาะเมื่อมีการย้ายฐานการผลิตอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ Hard Disk Drive มา
ยังประเทศไทย (ไทยรัฐ, แนวหน้า)
2. ธปท.ประกาศให้ ธพ.แจงแจกข้อมูลในเรื่องดอกเบี้ย ส่วนลด และค่าบริการเพื่อความชัดเจนและ
โปร่งใส รายงานจากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า ธปท.ได้ส่งหนังสือเวียนไปยัง ธพ.ทุก
ธนาคารในการกำหนดให้ ธพ.ปฏิบัติในเรื่องดอกเบี้ย ส่วนลด และค่าบริการ เพื่อให้มีความชัดเจนและโปร่งใสใน
การเรียกเก็บดอกเบี้ย ส่วนลด และค่าบริการหรือค่าธรรมเนียม หรือค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวเนื่องกับการให้สินเชื่อของ
ธพ. การส่งเสริมให้มีการแข่งขันอย่างเป็นธรรมในการประกอบธุรกิจ และเพื่อประโยชน์ของผู้บริโภคในการเปรียบ
เทียบข้อมูลสำหรับเลือกใช้บริการจาก ธพ. โดยประการแรกในเรื่องของดอกเบี้ยเงินให้สินเชื่อ ให้ ธพ.ประกาศ
เพดานอัตราดอกเบี้ยเงินให้สินเชื่อเป็นอัตราร้อยละต่อปี โดยจำแนกตามกลุ่มเป็นเงินให้สินเชื่อเพื่อการประกอบ
ธุรกิจ และเงินให้สินเชื่อเพื่อการอุปโภคบริโภค (บ้านเมือง, เดลินิวส์, สยามรัฐ, ผู้จัดการรายวัน)
3. ธปท.ชี้ความเสี่ยงการลงทุนในหลักทรัพย์ปรับตัวเพิ่มขึ้นสะท้อนความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นของระบบ
เศรษฐกิจ รายงานแนวโน้มเงินเฟ้อฉบับเดือน ก.ค.ของ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ระบุว่า ดัชนีตลาด
หลักทรัพย์ของไทยในช่วงที่ผ่านมา มีความผันผวนไม่มากนัก โดยเคลื่อนไหวในกรอบแคบ เพราะแม้ผลประกอบการ
ของบริษัทจะดี แต่ปัจจัยลบก็ยังคงมีอยู่อย่างต่อเนื่อง ทั้งปัจจัยความไม่แน่นอนของราคาน้ำมันที่อาจจะปรับราคาสูง
ขึ้น ส่งผลกระทบทั้งทางตรงและทางอ้อมต่อต้นทุนของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ และปัจจัยลบเรื่องความไม่
สงบของสถานการณ์ภาคใต้ที่กระทบความเชื่อมั่นของนักลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ อย่างไรก็ตาม การที่ผลประกอบการ
ของ บจ.อยู่ในระดับที่ดี แต่เมื่อเทียบกับดัชนีตลาดหลักทรัพย์ที่ปรับตัวลงอย่างต่อเนื่อง แสดงให้เห็นว่ามีการเปลี่ยน
แปลงการประมาณการค่าความเสี่ยงของการลงทุนในหลักทรัพย์ (Risk Premium) ซึ่งเป็นสิ่งที่สะท้อนความเสี่ยง
ในระบบเศรษฐกิจที่สูงกว่าเดิม และการคาดการณ์ของนักลงทุนต่อการขยายตัวในระยะยาวของภาวะเศรษฐกิจไทย
ได้ปรับตัวต่ำลง (กรุงเทพธุรกิจ)
4. ก.คลังเตรียมออกพันธบัตรออมทรัพย์ในปีงบประมาณ 48-49 วงเงินรวม 30,000 ล้านบาท ผอ.
สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ (สบน.) เปิดเผยว่า ก.คลังจะดำเนินการออกพันธบัตรออมทรัพย์ในปีงบประมาณปี
48-49 อายุ 5 ปี และ 7 ปี วงเงินรวม 30,000 ล้านบาท โดยจะทยอยจำหน่ายสลับกันเดือนละ 1 รุ่น จำนวน
12 เดือน และจะเริ่มจำหน่ายรุ่นอายุ 7 ปีก่อน สำหรับผู้มีสิทธิ์ซื้อประกอบด้วย บุคคลธรรมดาที่ถือสัญชาติไทยหรือที่มี
ถิ่นที่อยู่ในประเทศไทย มูลนิธิ สภากาชาดไทย และสมาคมสภาสังคมสงเคราะห์แห่งประเทศไทย วงเงินซื้ออยู่ที่
10,000 บาท แต่ไม่เกิน 500,000 บาท ผู้ที่สนใจสามารถซื้อได้ที่ ธ.กสิกรไทย สำนักงานใหญ่และสาขาทั่ว
ประเทศ (ข่าวสด, ผู้จัดการรายวัน)
5. สมาคมธนาคารไทยคาดแนวโน้มสินเชื่อของ ธพ.ในช่วงครึ่งหลังของปีนี้จะชะลอตัว เลขาธิการ
สมาคมธนาคารไทย เปิดเผยถึงแนวโน้มสินเชื่อของ ธพ.ว่า ช่วงครึ่งปีแรกของปีนี้ สินเชื่อของระบบ ธพ.ส่วนใหญ่
ยังสามารถปล่อยได้ตามเป้าหมายที่กำหนดไว้ แต่ครึ่งปีหลังคาดว่าจะชะลอตัว เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวลง
ขณะที่ราคาน้ำมันเพิ่มสูงขึ้น ทำให้นักลงทุนชะลอการตัดสินใจลงทุนไประยะหนึ่ง ส่งผลถึงผลประกอบการธนาคารช่วง
ปีหลัง โดยกำไรสุทธิอาจปรับลดลงเล็กน้อย (กรุงเทพธุรกิจ, ผู้จัดการรายวัน)
ข่าวเศรษฐกิจต่างประเทศ
1. ยอดการขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกของ สรอ. ลดลงในช่วงสิ้นเดือน ก.ค.48 รายงาน
จากวอชิงตันเมื่อ 4 ส.ค.48 ก.แรงงาน เปิดเผยว่า ยอดการขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกของ สรอ. ณ
สัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 30 ก.ค.48 ลดลงเหลือจำนวน 312,000 คน ต่ำกว่าการคาดการณ์ของนักเศรษฐศาสตร์ซึ่งคาด
ว่าจะเพิ่มขึ้นเป็นจำนวน 315,000 คน เนื่องจากการขอรับสวัสดิการว่างงานลดลงอันเป็นผลจากการลดการเลิก
จ้างในอุตสาหกรรมผลิตรถยนต์ อุตสาหกรรมที่เกี่ยวเนื่องกับการผลิตรถยนต์ และอุตสาหกรรมอื่นๆ สำหรับยอดการ
ขอรับสวัสดิการว่างงานเฉลี่ย 4 สัปดาห์ซึ่งสะท้อนภาพแนวโน้มของตลาดแรงงานได้ดีกว่า ปรับตัวลดลงเหลือ
จำนวน 316,750 คนจากจำนวน 319,000 คนในสัปดาห์ก่อนหน้า เป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือน ก.พ.48 เป็นต้น
มา นอกจากนี้ ยังมีสัญญาณที่ดีเกี่ยวกับตลาดแรงงานของ สรอ. คือ จำนวนแรงงานที่กลับมาขอรับสวัสดิการว่างงาน
หลังจากการขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกก็ลดลง 18,000 คน เหลือจำนวน 2.58 ล้านคนในสัปดาห์ล่าสุดซึ่งสิ้น
สุดวันที่ 23 ก.ค.48 ทั้งนี้ บรรดานักวิเคราะห์ได้คาดการณ์ตัวเลขการจ้างงานใหม่ในเดือน ก.ค.48 ว่าอาจจะ
เพิ่มขึ้นถึง 183,000 อัตรา หลังจากการเพิ่มขึ้น 146,000 อัตราในเดือนก่อนหน้า และมีการคาดการณ์อัตราการ
ว่างงานในเดือน ก.ค.48 ว่าจะอยู่ที่ระดับร้อยละ 5 ไม่เปลี่ยนแปลงจากเดือนก่อน (รอยเตอร์)
2. อัตราดอกเบี้ยเงินกู้จำนองของสรอ.ระยะ 30 ปี และระยะ 15 ปีอยู่ในระดับสูงสุดนับตั้งแต่กลาง
เดือนเม.ย. รายงานจากวอชิงตัน เมื่อวันที่ 4 ส.ค. 48 บริษัทสินเชื่อจำนอง Freddie Mac เปิดเผยว่าอัตรา
ดอกเบี้ยเงินกู้จำนองระยะ 30 ปีและระยะ 15 ปีในสัปดาห์นี้ปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ถึงระดับสูงที่สุดนับตั้งแต่
กลางเดือนเม.ย. 48 โดยอัตราดอกเบี้ยจำนองระยะ 30 ปีในสัปดาห์นี้อยู่ที่เฉลี่ยร้อยละ 5.82 เพิ่มขึ้นจากร้อย
ละ 5.77 เมื่อสัปดาห์ก่อนทำระดับสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 14 เม.ย.ที่เคยสูงสุดที่ระดับ 5.91 ส่วนอัตราดอกเบี้ยเงินกู้
จำนองระยะ 15 ปีในสัปดาห์นี้อยู่ที่เฉลี่ยร้อยละ 5.38 เพิ่มขึ้นจากร้อยละ 5.34 เมื่อสัปดาห์ก่อนและเป็นระดับสูง
สุดนับตั้งแต่กลางเดือนเม.ย.ที่เคยทำสถิติสูงสุดร้อยละ 5.46 สำหรับอัตราดอกเบี้ยเงินกู้จำนองระยะเวลา 1 ปีที่
ปรับได้ (Adjustable rate morgates — ARMs)ปรับเพิ่มขึ้นที่ระดับเฉลี่ยร้อยละ 4.47 จากร้อยละ 4.46
เมื่อสัปดาห์ก่อน ทั้งนี้เมื่อปีที่แล้วอัตราดอกเบี้ยเงินกู้จำนองของสรอ.ระยะ 30 ปี ระยะ 15 ปีและ ARMs อยู่ที่ร้อย
ละ 5.99 5.40 และ 4.08 ตามลำดับ รองประธานบริษัท Freddie Mac กล่าวว่า อัตราดอกเบี้ยเงินกู้จำนอง
ระยะยาวจะปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องในเดือนหน้า (รอยเตอร์)
3. ธ.กลางอังกฤษปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงร้อยละ 0.25 รายงานจากกรุงลอนดอน ประเทศ
อังกฤษ เมื่อวันที่ 4 ส.ค.48 ธ.กลางอังกฤษปรับลดอัตราดอกเบี้ยมาตรฐานลงร้อยละ 0.25 จากร้อยละ 4.75
เหลือร้อยละ 4.50 เพื่อกระตุ้นการใช้จ่ายของประชาชนและภาคธุรกิจที่อยู่ในภาวะซบเซา ซึ่งการปรับลดดอกเบี้ย
ครั้งนี้นับเป็นครั้งแรกในรอบ 2 ปี และเป็นไปตามที่ตลาดการเงินคาดการณ์ไว้แล้ว ทั้งนี้ ธ.กลางอังกฤษให้เหตุผล
ในการปรับลดดอกเบี้ยครั้งนี้ว่า แม้ว่าจะเริ่มมีสัญญาณการฟื้นตัวของการใช้จ่ายเพื่อการบริโภค แต่ปัจจัยลบยังคงมีอยู่
และอาจทำให้เกิดภาวะซบเซาอีกได้ในอนาคต ส่วนการที่ตลาดหลักทรัพย์มีการซื้อขายเพิ่มขึ้นสูงสุดในรอบกว่า 3 ปี
ครึ่ง และการลดลงอย่างมากของค่าเงินปอนด์น่าจะส่งผลดีต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจในวันข้างหน้า ในขณะที่
ราคาน้ำมันที่ยังคงปรับเพิ่มขึ้นอยู่ในระดับสูงจะทำให้อัตราเงินเฟ้อเพิ่มขึ้นในระยะเวลาอันใกล้นี้ ด้านสำนักข่าว
รอยเตอร์เปิดเผยผลสำรวจความคิดเห็นนักเศรษฐศาสตร์ 42 คน หลังจาก ธ.กลางอังกฤษประกาศปรับขึ้นอัตรา
ดอกเบี้ยแล้ว พบว่า 32 คน คาดว่าอัตราดอกเบี้ยจะลดลงอีกครั้งภายในสิ้นปีหน้า โดยส่วนใหญ่คาดว่า ธ.กลาง
อังกฤษจะมีมุมมองต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจในอนาคตไม่ค่อยดีนัก (รอยเตอร์)
4. ผลผลิตภาคบริการเกาหลีใต้ในเดือน มิ.ย.48 เติบโตต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 4 รายงานจากโซ
ลเมื่อ 4 ส.ค.48 ทางการเกาหลีใต้เปิดเผยว่า ผลผลิตภาคบริการของเกาหลีใต้ในเดือน มิ.ย.48 เพิ่มขึ้นร้อย
ละ 2.6 เทียบต่อปี นับเป็นการขยายตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 4 หลังจากที่เพิ่มขึ้นสู่ระดับสูงสุดในรอบ 14 เดือนใน
เดือนก่อนหน้า เป็นปัจจัยสำคัญที่บ่งชี้การฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องของความต้องการภายในประเทศ แม้ว่าอัตราการขยาย
ตัวจะไม่มากนักก็ตาม ทั้งนี้ มีการคาดการณ์ว่าความต้องการภายในประเทศของเกาหลีใต้จะปรับตัวดีขึ้น ตามการฟื้น
ตัวของผลผลิตอุตสาหกรรมที่ได้รับการคาดหมายว่าจะดีขึ้นในช่วงครึ่งหลังของปี 48 หลังจากที่ในปี 45 ความต้อง
การภายในประเทศของเกาหลีใต้เคยชะลอตัวอย่างมากเนื่องจากภาวะฟองสบู่ด้านสินเชื่อ นอกจากนี้ ตัวเลข
เศรษฐกิจอื่นๆ ก็ปรับตัวดีขึ้นสะท้อนภาพการขยายตัวของความต้องการภายในประเทศได้เป็นอย่างดี อาทิเช่น ยอด
ขายของห้างสรรพสินค้าซึ่งเพิ่มขึ้นร้อยละ 4 ในเดือน ก.ค.48 หลังจากที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 1.6 ในเดือนก่อนหน้า
ยอดขายของภาคค้าส่งและค้าปลีก (รายงานจาก The National Statistical Office) ในเดือน มิ.ย.48
ซึ่งขยายต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 4 ในอัตราร้อยละ 2.3 อย่างไรก็ตาม บรรดานักวิเคราะห์เห็นว่าราคาน้ำมันยังคง
เป็นปัจจัยเสี่ยงหลักที่อาจส่งผลกระทบในเชิงลบต่อภาวะเศรษฐกิจของเกาหลีใต้ รวมถึงภาวะเศรษฐกิจโลกด้วย
(รอยเตอร์)
ข้อมูลเศรษฐกิจ 5 ส.ค. 48 4 ส.ค. 48 30 ม.ค. 47 แหล่งข้อมูล
อัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยระหว่างธนาคาร (Bht/1US$) 41.163 39.263 ธปท.
อัตราซื้อถัวเฉลี่ยตั๋วเงิน/อัตราขายถัวเฉลี่ยของ ธพ. (Bht/1US$) 40.9544/41.2469 39.0915/39.3765 ธปท.
อัตราดอกเบี้ยกู้ยืมระหว่าง ธพ. ขนาดใหญ่ระยะ 7 วัน (ร้อยละ) 2.80778 1.1875 - 1.2800 รอยเตอร์
ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ (จุด)/มูลค่าซื้อ/ขาย (พันล้านบาท) 684.57/ 20.79 698.90/29.26 ตลท.
ราคาทองคำแท่ง (ซื้อ/ขายบาทละ) 8,450/8,550 8,450/8,550 7,400/7,500 สมาคมค้าทองคำ
ราคาน้ำมันดิบดูไบ (US$/บาเรล) 54.41 54.11 28.18 ปตท./รอยเตอร์
ราคาน้ำมันเบนซิน 95/ดีเซล (บาท) 25.74*/22.59** 25.74*/22.99** 16.99/14.59 ปตท.
* ปรับเพิ่ม 40 สตางค์ เมื่อ 12 ก.ค. 48
**ปรับเลด 40 สตางค์เมื่อ 30 ก.ค. 48
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--
1. ธปท.คาดอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์จะเป็นปัจจัยสำคัญในการกระตุ้นการส่งออกในครึ่งหลังของปี
นี้ ผอส.ฝ่ายเศรษฐกิจในประเทศ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์จะ
เป็นปัจจัยสำคัญในการผลักดันให้การส่งออกในช่วงครึ่งหลังของปีนี้กระเตื้องขึ้น เนื่องจากอยู่ในช่วงขาขึ้น และเริ่ม
เห็นคำสั่งซื้อเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง สอดคล้องกับภาคการผลิตโดยรวม ซึ่งครึ่งแรกของปีนี้มีการขยายตัวเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ
20.8 โดยเฉลี่ยเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งเป็นการขยายตัวสูงที่สุดในภาคการผลิตอุตสาหกรรมของ
ไทย ทั้งนี้ จากรายงานภาวะเศรษฐกิจและการเงินของ ธปท.ล่าสุด ระบุว่า การผลิตในหมวดอิเล็กทรอนิกส์มีการ
ขยายตัวในไตรมาสแรกของปีนี้เพิ่มขึ้นร้อยละ 18.3 และเร่งตัวขึ้นอีกในไตรมาส 2 เป็นร้อยละ 23.4 ทั้งนี้ จาก
คำสั่งแผงวงจรไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้นจากความต้องการที่สูงขึ้นในตลาดต่างประเทศ ทำให้มองเห็นแนวโน้มการผลิตและส่ง
ออกในเดือน มิ.ย.ปรับตัวดีขึ้น โดยเฉพาะเมื่อมีการย้ายฐานการผลิตอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ Hard Disk Drive มา
ยังประเทศไทย (ไทยรัฐ, แนวหน้า)
2. ธปท.ประกาศให้ ธพ.แจงแจกข้อมูลในเรื่องดอกเบี้ย ส่วนลด และค่าบริการเพื่อความชัดเจนและ
โปร่งใส รายงานจากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า ธปท.ได้ส่งหนังสือเวียนไปยัง ธพ.ทุก
ธนาคารในการกำหนดให้ ธพ.ปฏิบัติในเรื่องดอกเบี้ย ส่วนลด และค่าบริการ เพื่อให้มีความชัดเจนและโปร่งใสใน
การเรียกเก็บดอกเบี้ย ส่วนลด และค่าบริการหรือค่าธรรมเนียม หรือค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวเนื่องกับการให้สินเชื่อของ
ธพ. การส่งเสริมให้มีการแข่งขันอย่างเป็นธรรมในการประกอบธุรกิจ และเพื่อประโยชน์ของผู้บริโภคในการเปรียบ
เทียบข้อมูลสำหรับเลือกใช้บริการจาก ธพ. โดยประการแรกในเรื่องของดอกเบี้ยเงินให้สินเชื่อ ให้ ธพ.ประกาศ
เพดานอัตราดอกเบี้ยเงินให้สินเชื่อเป็นอัตราร้อยละต่อปี โดยจำแนกตามกลุ่มเป็นเงินให้สินเชื่อเพื่อการประกอบ
ธุรกิจ และเงินให้สินเชื่อเพื่อการอุปโภคบริโภค (บ้านเมือง, เดลินิวส์, สยามรัฐ, ผู้จัดการรายวัน)
3. ธปท.ชี้ความเสี่ยงการลงทุนในหลักทรัพย์ปรับตัวเพิ่มขึ้นสะท้อนความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นของระบบ
เศรษฐกิจ รายงานแนวโน้มเงินเฟ้อฉบับเดือน ก.ค.ของ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ระบุว่า ดัชนีตลาด
หลักทรัพย์ของไทยในช่วงที่ผ่านมา มีความผันผวนไม่มากนัก โดยเคลื่อนไหวในกรอบแคบ เพราะแม้ผลประกอบการ
ของบริษัทจะดี แต่ปัจจัยลบก็ยังคงมีอยู่อย่างต่อเนื่อง ทั้งปัจจัยความไม่แน่นอนของราคาน้ำมันที่อาจจะปรับราคาสูง
ขึ้น ส่งผลกระทบทั้งทางตรงและทางอ้อมต่อต้นทุนของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ และปัจจัยลบเรื่องความไม่
สงบของสถานการณ์ภาคใต้ที่กระทบความเชื่อมั่นของนักลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ อย่างไรก็ตาม การที่ผลประกอบการ
ของ บจ.อยู่ในระดับที่ดี แต่เมื่อเทียบกับดัชนีตลาดหลักทรัพย์ที่ปรับตัวลงอย่างต่อเนื่อง แสดงให้เห็นว่ามีการเปลี่ยน
แปลงการประมาณการค่าความเสี่ยงของการลงทุนในหลักทรัพย์ (Risk Premium) ซึ่งเป็นสิ่งที่สะท้อนความเสี่ยง
ในระบบเศรษฐกิจที่สูงกว่าเดิม และการคาดการณ์ของนักลงทุนต่อการขยายตัวในระยะยาวของภาวะเศรษฐกิจไทย
ได้ปรับตัวต่ำลง (กรุงเทพธุรกิจ)
4. ก.คลังเตรียมออกพันธบัตรออมทรัพย์ในปีงบประมาณ 48-49 วงเงินรวม 30,000 ล้านบาท ผอ.
สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ (สบน.) เปิดเผยว่า ก.คลังจะดำเนินการออกพันธบัตรออมทรัพย์ในปีงบประมาณปี
48-49 อายุ 5 ปี และ 7 ปี วงเงินรวม 30,000 ล้านบาท โดยจะทยอยจำหน่ายสลับกันเดือนละ 1 รุ่น จำนวน
12 เดือน และจะเริ่มจำหน่ายรุ่นอายุ 7 ปีก่อน สำหรับผู้มีสิทธิ์ซื้อประกอบด้วย บุคคลธรรมดาที่ถือสัญชาติไทยหรือที่มี
ถิ่นที่อยู่ในประเทศไทย มูลนิธิ สภากาชาดไทย และสมาคมสภาสังคมสงเคราะห์แห่งประเทศไทย วงเงินซื้ออยู่ที่
10,000 บาท แต่ไม่เกิน 500,000 บาท ผู้ที่สนใจสามารถซื้อได้ที่ ธ.กสิกรไทย สำนักงานใหญ่และสาขาทั่ว
ประเทศ (ข่าวสด, ผู้จัดการรายวัน)
5. สมาคมธนาคารไทยคาดแนวโน้มสินเชื่อของ ธพ.ในช่วงครึ่งหลังของปีนี้จะชะลอตัว เลขาธิการ
สมาคมธนาคารไทย เปิดเผยถึงแนวโน้มสินเชื่อของ ธพ.ว่า ช่วงครึ่งปีแรกของปีนี้ สินเชื่อของระบบ ธพ.ส่วนใหญ่
ยังสามารถปล่อยได้ตามเป้าหมายที่กำหนดไว้ แต่ครึ่งปีหลังคาดว่าจะชะลอตัว เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวลง
ขณะที่ราคาน้ำมันเพิ่มสูงขึ้น ทำให้นักลงทุนชะลอการตัดสินใจลงทุนไประยะหนึ่ง ส่งผลถึงผลประกอบการธนาคารช่วง
ปีหลัง โดยกำไรสุทธิอาจปรับลดลงเล็กน้อย (กรุงเทพธุรกิจ, ผู้จัดการรายวัน)
ข่าวเศรษฐกิจต่างประเทศ
1. ยอดการขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกของ สรอ. ลดลงในช่วงสิ้นเดือน ก.ค.48 รายงาน
จากวอชิงตันเมื่อ 4 ส.ค.48 ก.แรงงาน เปิดเผยว่า ยอดการขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกของ สรอ. ณ
สัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 30 ก.ค.48 ลดลงเหลือจำนวน 312,000 คน ต่ำกว่าการคาดการณ์ของนักเศรษฐศาสตร์ซึ่งคาด
ว่าจะเพิ่มขึ้นเป็นจำนวน 315,000 คน เนื่องจากการขอรับสวัสดิการว่างงานลดลงอันเป็นผลจากการลดการเลิก
จ้างในอุตสาหกรรมผลิตรถยนต์ อุตสาหกรรมที่เกี่ยวเนื่องกับการผลิตรถยนต์ และอุตสาหกรรมอื่นๆ สำหรับยอดการ
ขอรับสวัสดิการว่างงานเฉลี่ย 4 สัปดาห์ซึ่งสะท้อนภาพแนวโน้มของตลาดแรงงานได้ดีกว่า ปรับตัวลดลงเหลือ
จำนวน 316,750 คนจากจำนวน 319,000 คนในสัปดาห์ก่อนหน้า เป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือน ก.พ.48 เป็นต้น
มา นอกจากนี้ ยังมีสัญญาณที่ดีเกี่ยวกับตลาดแรงงานของ สรอ. คือ จำนวนแรงงานที่กลับมาขอรับสวัสดิการว่างงาน
หลังจากการขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกก็ลดลง 18,000 คน เหลือจำนวน 2.58 ล้านคนในสัปดาห์ล่าสุดซึ่งสิ้น
สุดวันที่ 23 ก.ค.48 ทั้งนี้ บรรดานักวิเคราะห์ได้คาดการณ์ตัวเลขการจ้างงานใหม่ในเดือน ก.ค.48 ว่าอาจจะ
เพิ่มขึ้นถึง 183,000 อัตรา หลังจากการเพิ่มขึ้น 146,000 อัตราในเดือนก่อนหน้า และมีการคาดการณ์อัตราการ
ว่างงานในเดือน ก.ค.48 ว่าจะอยู่ที่ระดับร้อยละ 5 ไม่เปลี่ยนแปลงจากเดือนก่อน (รอยเตอร์)
2. อัตราดอกเบี้ยเงินกู้จำนองของสรอ.ระยะ 30 ปี และระยะ 15 ปีอยู่ในระดับสูงสุดนับตั้งแต่กลาง
เดือนเม.ย. รายงานจากวอชิงตัน เมื่อวันที่ 4 ส.ค. 48 บริษัทสินเชื่อจำนอง Freddie Mac เปิดเผยว่าอัตรา
ดอกเบี้ยเงินกู้จำนองระยะ 30 ปีและระยะ 15 ปีในสัปดาห์นี้ปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ถึงระดับสูงที่สุดนับตั้งแต่
กลางเดือนเม.ย. 48 โดยอัตราดอกเบี้ยจำนองระยะ 30 ปีในสัปดาห์นี้อยู่ที่เฉลี่ยร้อยละ 5.82 เพิ่มขึ้นจากร้อย
ละ 5.77 เมื่อสัปดาห์ก่อนทำระดับสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 14 เม.ย.ที่เคยสูงสุดที่ระดับ 5.91 ส่วนอัตราดอกเบี้ยเงินกู้
จำนองระยะ 15 ปีในสัปดาห์นี้อยู่ที่เฉลี่ยร้อยละ 5.38 เพิ่มขึ้นจากร้อยละ 5.34 เมื่อสัปดาห์ก่อนและเป็นระดับสูง
สุดนับตั้งแต่กลางเดือนเม.ย.ที่เคยทำสถิติสูงสุดร้อยละ 5.46 สำหรับอัตราดอกเบี้ยเงินกู้จำนองระยะเวลา 1 ปีที่
ปรับได้ (Adjustable rate morgates — ARMs)ปรับเพิ่มขึ้นที่ระดับเฉลี่ยร้อยละ 4.47 จากร้อยละ 4.46
เมื่อสัปดาห์ก่อน ทั้งนี้เมื่อปีที่แล้วอัตราดอกเบี้ยเงินกู้จำนองของสรอ.ระยะ 30 ปี ระยะ 15 ปีและ ARMs อยู่ที่ร้อย
ละ 5.99 5.40 และ 4.08 ตามลำดับ รองประธานบริษัท Freddie Mac กล่าวว่า อัตราดอกเบี้ยเงินกู้จำนอง
ระยะยาวจะปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องในเดือนหน้า (รอยเตอร์)
3. ธ.กลางอังกฤษปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงร้อยละ 0.25 รายงานจากกรุงลอนดอน ประเทศ
อังกฤษ เมื่อวันที่ 4 ส.ค.48 ธ.กลางอังกฤษปรับลดอัตราดอกเบี้ยมาตรฐานลงร้อยละ 0.25 จากร้อยละ 4.75
เหลือร้อยละ 4.50 เพื่อกระตุ้นการใช้จ่ายของประชาชนและภาคธุรกิจที่อยู่ในภาวะซบเซา ซึ่งการปรับลดดอกเบี้ย
ครั้งนี้นับเป็นครั้งแรกในรอบ 2 ปี และเป็นไปตามที่ตลาดการเงินคาดการณ์ไว้แล้ว ทั้งนี้ ธ.กลางอังกฤษให้เหตุผล
ในการปรับลดดอกเบี้ยครั้งนี้ว่า แม้ว่าจะเริ่มมีสัญญาณการฟื้นตัวของการใช้จ่ายเพื่อการบริโภค แต่ปัจจัยลบยังคงมีอยู่
และอาจทำให้เกิดภาวะซบเซาอีกได้ในอนาคต ส่วนการที่ตลาดหลักทรัพย์มีการซื้อขายเพิ่มขึ้นสูงสุดในรอบกว่า 3 ปี
ครึ่ง และการลดลงอย่างมากของค่าเงินปอนด์น่าจะส่งผลดีต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจในวันข้างหน้า ในขณะที่
ราคาน้ำมันที่ยังคงปรับเพิ่มขึ้นอยู่ในระดับสูงจะทำให้อัตราเงินเฟ้อเพิ่มขึ้นในระยะเวลาอันใกล้นี้ ด้านสำนักข่าว
รอยเตอร์เปิดเผยผลสำรวจความคิดเห็นนักเศรษฐศาสตร์ 42 คน หลังจาก ธ.กลางอังกฤษประกาศปรับขึ้นอัตรา
ดอกเบี้ยแล้ว พบว่า 32 คน คาดว่าอัตราดอกเบี้ยจะลดลงอีกครั้งภายในสิ้นปีหน้า โดยส่วนใหญ่คาดว่า ธ.กลาง
อังกฤษจะมีมุมมองต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจในอนาคตไม่ค่อยดีนัก (รอยเตอร์)
4. ผลผลิตภาคบริการเกาหลีใต้ในเดือน มิ.ย.48 เติบโตต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 4 รายงานจากโซ
ลเมื่อ 4 ส.ค.48 ทางการเกาหลีใต้เปิดเผยว่า ผลผลิตภาคบริการของเกาหลีใต้ในเดือน มิ.ย.48 เพิ่มขึ้นร้อย
ละ 2.6 เทียบต่อปี นับเป็นการขยายตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 4 หลังจากที่เพิ่มขึ้นสู่ระดับสูงสุดในรอบ 14 เดือนใน
เดือนก่อนหน้า เป็นปัจจัยสำคัญที่บ่งชี้การฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องของความต้องการภายในประเทศ แม้ว่าอัตราการขยาย
ตัวจะไม่มากนักก็ตาม ทั้งนี้ มีการคาดการณ์ว่าความต้องการภายในประเทศของเกาหลีใต้จะปรับตัวดีขึ้น ตามการฟื้น
ตัวของผลผลิตอุตสาหกรรมที่ได้รับการคาดหมายว่าจะดีขึ้นในช่วงครึ่งหลังของปี 48 หลังจากที่ในปี 45 ความต้อง
การภายในประเทศของเกาหลีใต้เคยชะลอตัวอย่างมากเนื่องจากภาวะฟองสบู่ด้านสินเชื่อ นอกจากนี้ ตัวเลข
เศรษฐกิจอื่นๆ ก็ปรับตัวดีขึ้นสะท้อนภาพการขยายตัวของความต้องการภายในประเทศได้เป็นอย่างดี อาทิเช่น ยอด
ขายของห้างสรรพสินค้าซึ่งเพิ่มขึ้นร้อยละ 4 ในเดือน ก.ค.48 หลังจากที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 1.6 ในเดือนก่อนหน้า
ยอดขายของภาคค้าส่งและค้าปลีก (รายงานจาก The National Statistical Office) ในเดือน มิ.ย.48
ซึ่งขยายต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 4 ในอัตราร้อยละ 2.3 อย่างไรก็ตาม บรรดานักวิเคราะห์เห็นว่าราคาน้ำมันยังคง
เป็นปัจจัยเสี่ยงหลักที่อาจส่งผลกระทบในเชิงลบต่อภาวะเศรษฐกิจของเกาหลีใต้ รวมถึงภาวะเศรษฐกิจโลกด้วย
(รอยเตอร์)
ข้อมูลเศรษฐกิจ 5 ส.ค. 48 4 ส.ค. 48 30 ม.ค. 47 แหล่งข้อมูล
อัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยระหว่างธนาคาร (Bht/1US$) 41.163 39.263 ธปท.
อัตราซื้อถัวเฉลี่ยตั๋วเงิน/อัตราขายถัวเฉลี่ยของ ธพ. (Bht/1US$) 40.9544/41.2469 39.0915/39.3765 ธปท.
อัตราดอกเบี้ยกู้ยืมระหว่าง ธพ. ขนาดใหญ่ระยะ 7 วัน (ร้อยละ) 2.80778 1.1875 - 1.2800 รอยเตอร์
ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ (จุด)/มูลค่าซื้อ/ขาย (พันล้านบาท) 684.57/ 20.79 698.90/29.26 ตลท.
ราคาทองคำแท่ง (ซื้อ/ขายบาทละ) 8,450/8,550 8,450/8,550 7,400/7,500 สมาคมค้าทองคำ
ราคาน้ำมันดิบดูไบ (US$/บาเรล) 54.41 54.11 28.18 ปตท./รอยเตอร์
ราคาน้ำมันเบนซิน 95/ดีเซล (บาท) 25.74*/22.59** 25.74*/22.99** 16.99/14.59 ปตท.
* ปรับเพิ่ม 40 สตางค์ เมื่อ 12 ก.ค. 48
**ปรับเลด 40 สตางค์เมื่อ 30 ก.ค. 48
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--