แท็ก
ดอลลาร์สหรัฐ
คำถาม : การนำพ่อครัว/แม่ครัวไทยเข้าไปทำงานในกวางตุ้ง ต้องดำเนินการอย่างไร
คำตอบ : กวางตุ้งเป็นมณฑลที่ประชากรนิยมรับประทานอาหารนอกบ้าน ทั้งเพื่อการพบปะสังสรรค์หรือการเจรจาตกลงทางธุรกิจ ประกอบกับอาหารไทยเป็นที่รู้จักและได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ อีกทั้งชาวกวางตุ้งยังมีกำลังซื้อค่อนข้างสูง (รายได้เฉลี่ยต่อคนต่อปีสูงกว่า 2,000 ดอลลาร์สหรัฐ เมื่อเทียบกับรายได้เฉลี่ยของประชากรทั้งประเทศที่อยู่ในระดับราว 1,230 ดอลลาร์สหรัฐ) โดยเฉพาะในเขตเมืองกว่างโจว เมืองหลวงของมณฑลกวางตุ้ง เมืองเซินเจิ้น และเมืองจูไห่ ดังนั้น กวางตุ้ง จึงเป็นมณฑลที่มีศักยภาพในการเข้าไปเปิดร้านอาหารไทย ผู้ประกอบการที่ต้องการเข้าไปเปิดร้านอาหารไทยในกวางตุ้งสามารถนำพ่อครัว/แม่ครัวไทยเข้าไป ทำงานได้ แต่จะต้องดำเนินการตามขั้นตอนต่าง ๆ ที่รัฐบาลท้องถิ่นของกวางตุ้งกำหนดไว้ ดังนี้
1. การขออนุญาตเดินทางเข้ากวางตุ้ง ในการขออนุญาตพาพ่อครัว/แม่ครัวไทยเข้าไปทำงานในกวางตุ้ง ในขั้นแรกผู้ประกอบการร้านอาหารไทย ต้องยื่นเอกสารสำคัญต่าง ๆ (ได้แก่ ใบอนุญาตจัดตั้งร้านอาหาร หนังสือเชิญพ่อครัว/แม่ครัวมาทำงานในจีน หนังสือแจ้งเหตุผลความจำเป็นในการว่าจ้างพ่อครัว/แม่ครัวจากประเทศไทย ประวัติพ่อครัว/แม่ครัว รวมทั้งข้อมูลอื่น ๆ ที่สำคัญ แบบฟอร์มใบสมัครทำงานในตำแหน่งคนครัว และหนังสือรับรองการตรวจโรคของพ่อครัว/แม่ครัว) ต่อ Public Security
Department of Guangdong Province ซึ่งเป็นหน่วยงานที่ทำหน้าที่ควบคุมดูแลการเดินทางของทั้งชาวต่างชาติและชาวจีนที่ต้องการเดินทางเข้าออกกวางตุ้ง
2. การขอใบอนุญาตทำงาน ผู้ประกอบการร้านอาหารไทยต้องยื่นเอกสารสำคัญต่าง ๆ เหมือนในข้อ 1 ต่อกรมแรงงานจีนประจำมณฑลกวางตุ้ง (Guangdong Labor Bureau) เพื่อขอใบอนุญาตทำงาน (Work Permit) ให้กับพ่อครัว/แม่ครัวไทย
3. การขึ้นทะเบียนและรับบัตรทำงาน เมื่อพ่อครัว/แม่ครัวไทยเดินทางถึงจีนแล้ว ผู้ประกอบการต้องพาพ่อครัว/แม่ครัวไปตรวจสุขภาพที่ Department of Human Quarantine ประจำมณฑลกวางตุ้ง เพื่อขอรับผลการตรวจสุขภาพ โดยยื่นสำเนาหนังสือเดินทาง พร้อมรูปถ่าย 3 ใบ หลังจากนั้นต้องพาพ่อครัว/แม่ครัวไปรายงานตัวที่กรมแรงงานฯ (ภายใน 15 วัน นับตั้งแต่วันที่เดินทางถึงประเทศจีน) เพื่อขึ้นทะเบียนและรับบัตรทำงาน โดยต้องยื่นเอกสารสำคัญ ได้แก่ ใบอนุญาตจัดตั้งร้านอาหารแบบฟอร์มใบสมัครทำงานในตำแหน่งคนครัวที่ได้รับการประทับตราจาก Public Security Bureau of Guangdong Province รูปถ่ายขนาด 1 นิ้ว หนังสือเดินทาง ประวัติพ่อครัว/แม่ครัวไทย สัญญาการจ้างงานหนังสือรับรองต่าง ๆ และหนังสือมอบอำนาจ (ถ้ามี) พร้อมใบรายงานผลการตรวจสุขภาพของทางการจีน
4. การขอถิ่นที่อยู่ให้แก่พ่อครัว/แม่ครัวไทย เมื่อพ่อครัว/แม่ครัวไทยได้รับบัตรทำงานแล้ว ผู้ประกอบการต้องนำพ่อครัว/แม่ครัว ไปรายงานตัวต่อ Public Security Department of Guangdong Province ภายในระยะเวลา 30 วัน นับแต่วันที่เดินทางเข้าประเทศจีน เพื่อขออนุญาตเป็นผู้มีถิ่นที่อยู่ในกวางตุ้ง โดยทั่วไปพ่อครัว/แม่ครัวจะได้รับอนุญาตให้มีถิ่นที่อยู่ในกวางตุ้งได้ไม่เกิน 1 ปี หากครบกำหนดสามารถขอต่ออายุได้ปีต่อปี
--ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย กรกฎาคม 2548--
-พห-
คำตอบ : กวางตุ้งเป็นมณฑลที่ประชากรนิยมรับประทานอาหารนอกบ้าน ทั้งเพื่อการพบปะสังสรรค์หรือการเจรจาตกลงทางธุรกิจ ประกอบกับอาหารไทยเป็นที่รู้จักและได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ อีกทั้งชาวกวางตุ้งยังมีกำลังซื้อค่อนข้างสูง (รายได้เฉลี่ยต่อคนต่อปีสูงกว่า 2,000 ดอลลาร์สหรัฐ เมื่อเทียบกับรายได้เฉลี่ยของประชากรทั้งประเทศที่อยู่ในระดับราว 1,230 ดอลลาร์สหรัฐ) โดยเฉพาะในเขตเมืองกว่างโจว เมืองหลวงของมณฑลกวางตุ้ง เมืองเซินเจิ้น และเมืองจูไห่ ดังนั้น กวางตุ้ง จึงเป็นมณฑลที่มีศักยภาพในการเข้าไปเปิดร้านอาหารไทย ผู้ประกอบการที่ต้องการเข้าไปเปิดร้านอาหารไทยในกวางตุ้งสามารถนำพ่อครัว/แม่ครัวไทยเข้าไป ทำงานได้ แต่จะต้องดำเนินการตามขั้นตอนต่าง ๆ ที่รัฐบาลท้องถิ่นของกวางตุ้งกำหนดไว้ ดังนี้
1. การขออนุญาตเดินทางเข้ากวางตุ้ง ในการขออนุญาตพาพ่อครัว/แม่ครัวไทยเข้าไปทำงานในกวางตุ้ง ในขั้นแรกผู้ประกอบการร้านอาหารไทย ต้องยื่นเอกสารสำคัญต่าง ๆ (ได้แก่ ใบอนุญาตจัดตั้งร้านอาหาร หนังสือเชิญพ่อครัว/แม่ครัวมาทำงานในจีน หนังสือแจ้งเหตุผลความจำเป็นในการว่าจ้างพ่อครัว/แม่ครัวจากประเทศไทย ประวัติพ่อครัว/แม่ครัว รวมทั้งข้อมูลอื่น ๆ ที่สำคัญ แบบฟอร์มใบสมัครทำงานในตำแหน่งคนครัว และหนังสือรับรองการตรวจโรคของพ่อครัว/แม่ครัว) ต่อ Public Security
Department of Guangdong Province ซึ่งเป็นหน่วยงานที่ทำหน้าที่ควบคุมดูแลการเดินทางของทั้งชาวต่างชาติและชาวจีนที่ต้องการเดินทางเข้าออกกวางตุ้ง
2. การขอใบอนุญาตทำงาน ผู้ประกอบการร้านอาหารไทยต้องยื่นเอกสารสำคัญต่าง ๆ เหมือนในข้อ 1 ต่อกรมแรงงานจีนประจำมณฑลกวางตุ้ง (Guangdong Labor Bureau) เพื่อขอใบอนุญาตทำงาน (Work Permit) ให้กับพ่อครัว/แม่ครัวไทย
3. การขึ้นทะเบียนและรับบัตรทำงาน เมื่อพ่อครัว/แม่ครัวไทยเดินทางถึงจีนแล้ว ผู้ประกอบการต้องพาพ่อครัว/แม่ครัวไปตรวจสุขภาพที่ Department of Human Quarantine ประจำมณฑลกวางตุ้ง เพื่อขอรับผลการตรวจสุขภาพ โดยยื่นสำเนาหนังสือเดินทาง พร้อมรูปถ่าย 3 ใบ หลังจากนั้นต้องพาพ่อครัว/แม่ครัวไปรายงานตัวที่กรมแรงงานฯ (ภายใน 15 วัน นับตั้งแต่วันที่เดินทางถึงประเทศจีน) เพื่อขึ้นทะเบียนและรับบัตรทำงาน โดยต้องยื่นเอกสารสำคัญ ได้แก่ ใบอนุญาตจัดตั้งร้านอาหารแบบฟอร์มใบสมัครทำงานในตำแหน่งคนครัวที่ได้รับการประทับตราจาก Public Security Bureau of Guangdong Province รูปถ่ายขนาด 1 นิ้ว หนังสือเดินทาง ประวัติพ่อครัว/แม่ครัวไทย สัญญาการจ้างงานหนังสือรับรองต่าง ๆ และหนังสือมอบอำนาจ (ถ้ามี) พร้อมใบรายงานผลการตรวจสุขภาพของทางการจีน
4. การขอถิ่นที่อยู่ให้แก่พ่อครัว/แม่ครัวไทย เมื่อพ่อครัว/แม่ครัวไทยได้รับบัตรทำงานแล้ว ผู้ประกอบการต้องนำพ่อครัว/แม่ครัว ไปรายงานตัวต่อ Public Security Department of Guangdong Province ภายในระยะเวลา 30 วัน นับแต่วันที่เดินทางเข้าประเทศจีน เพื่อขออนุญาตเป็นผู้มีถิ่นที่อยู่ในกวางตุ้ง โดยทั่วไปพ่อครัว/แม่ครัวจะได้รับอนุญาตให้มีถิ่นที่อยู่ในกวางตุ้งได้ไม่เกิน 1 ปี หากครบกำหนดสามารถขอต่ออายุได้ปีต่อปี
--ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย กรกฎาคม 2548--
-พห-