รายงานสถานการณ์เศรษฐกิจอุตสาหกรรมประจำเดือนธันวาคม 2548

ข่าวเศรษฐกิจ Friday February 3, 2006 14:15 —สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม

สรุปประเด็นสำคัญ ดัชนีอุตสาหกรรมของเดือนพฤศจิกายน 2548 - ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม = 154.40 เพิ่มขึ้นจากเดือนตุลาคม 2548 (153.98) และเพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันของปีก่อน (147.18) - ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมที่เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับเดือนตุลาคม 2548 ได้แก่ การผลิตยานยนต์ การผลิตเครื่องจักรสำนักงาน เครื่องทำบัญชีและเครื่องคำนวณ การผลิตเครื่องแต่งกาย ยกเว้นเครื่องแต่งกายที่ทำจากขนสัตว์ การผลิตรถจักรยานยนต์ การผลิตเครื่องดื่มที่ไม่มีแอลกอฮอล์ รวมทั้งน้ำดื่มบรรจุขวด - อัตราการใช้กำลังการผลิตเฉลี่ย = 71.28 เพิ่มขึ้นจากเดือนตุลาคม 2548 (70.92) และเพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันของปีก่อน (68.88) ภาวะเศรษฐกิจอุตสาหกรรมในเดือนธันวาคม 2548 - อุตสาหกรรมอาหาร การผลิตและการส่งออกจะยังขยายตัวได้อย่างต่อเนื่อง เป็นผลจากลูกค้าต่างประเทศมีคำสั่งซื้อสินค้าเข้ามาอย่างต่อเนื่องโดยเฉพาะในสินค้ากลุ่มอาหารทะเลแปรรูปและผลิตภัณฑ์อาหารกึ่งสำเร็จรูปอื่นๆ เพื่อสำรองไว้จำหน่ายในช่วงปลายปี สำหรับสินค้าในประเทศคาดว่าจะมีการจำหน่ายเพิ่มขึ้นเนื่องจากเป็นช่วงเทศกาลปีใหม่ - ภาวะการผลิตและการจำหน่ายของอุตสาหกรรมสิ่งทอและเสื้อผ้าสำเร็จรูปในเดือนธันวาคม 2548 คาดว่าจะขยายตัวเพิ่มขึ้นและต่อเนื่องไปถึงต้นปี 2549 ซึ่งมีปัจจัยหนุนที่เอื้อต่อการส่งออกคือภาคการบริโภคที่ยังคงเติบโต และประเทศคู่แข่งอย่างจีนและเวียดนามที่ยังคงถูกมาตรการกีดกันทางการค้าจากประเทศผู้นำเข้า สำหรับปัญหาที่จะกระทบต่อการส่งออกคือปัญหาขาดแคลนแรงงาน การปลอมแปลงแหล่งกำเนิดสินค้า - สถานการณ์เหล็กในเดือน ธ.ค. 2548 คาดว่าจะทรงตัวเมื่อเทียบกับเดือนก่อน เนื่องจากภาคการก่อสร้างยังคงชะลอตัวอยู่ จึงมีผลทำให้ความต้องการใช้เหล็กทรงยาวลดลง ขณะเดียวกันในส่วนของเหล็กทรงแบนคาดการณ์ว่าการผลิตยังคงทรงตัว เนื่องจากผู้ผลิตยังมีปริมาณสต๊อกสินค้าที่สูงอยู่ ประกอบกับความต้องการใช้เหล็กประเภทนี้ในประเทศที่ทรงตัว - อุตสาหกรรมรถยนต์ จากจำนวนยอดจองรถยนต์ในงานมหกรรมยานยนต์มอเตอร์เอกซโป ครั้งที่ 22 ระหว่างวันที่ 1 — 12 ธันวาคม 2548 ประมาณ 17,000 คัน จะส่งผลให้อุตสาหกรรมรถยนต์ในเดือนธันวาคม 2548 มีปริมาณการจำหน่ายที่ขยายตัว และคาดว่าปริมาณการจำหน่ายรถยนต์นั่งจะมีสัดส่วนที่สูงขึ้นกว่าเดือนที่ผ่านมา อันเนื่องจากในงานนี้มีการเปิดตัวรถยนต์นั่งรุ่นใหม่ของผู้ผลิตรถยนต์นั่งชั้นนำ ในขณะที่รถยนต์ปิกอัพ 1 ตัน ยังคงได้รับความนิยมอยู่อย่างต่อเนื่อง ทำให้คาดได้ว่าปี 2548 ตลาดรถยนต์จะขยายตัวเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมาประมาณร้อยละ 10 - อุตสาหกรรมปูนซีเมนต์เดือนธันวาคม 2548 และเดือนมกราคม 2549 คาดว่าการผลิตและการจำหน่ายในประเทศมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นไม่มากนัก เนื่องจากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เริ่มซบเซาลง สำหรับการส่งออกขึ้นอยู่กับอุปสงค์ของประเทศคู่ค้าที่สำคัญ - ภาวะการผลิตสินค้าเครื่องใช้ไฟฟ้าในเดือนธันวาคม 2548 คาดว่าจะทรงตัวจากเดือนพฤศจิกายน เนื่องจากบริษัทต่างๆได้เร่งทำการผลิตตามคำสั่งซื้อสำหรับขายในช่วงสิ้นปีแล้ว ส่วนสินค้าอิเล็กทรอนิกส์โดยรวมคาดว่าจะทรงตัวเช่นกัน อย่างไรก็ตามเมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนคาดว่าการผลิตจะยังปรับตัวเพิ่มขึ้นได้อย่างต่อเนื่องจนถึงปลายปี เนื่องจากความต้องการสินค้า Consumer Electronic ของโลกที่ขยายตัวสูงมาก แม้ว่าราคาน้ำมันจะอยู่ในระดับสูงก็ตาม สถานการณ์เศรษฐกิจอุตสาหกรรม - ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม ต.ค. 48 = 153.98 พ.ย. 48 = 154.40 ^ โดยอุตสาหกรรมหลักที่ส่งผลให้ดัชนี เพิ่มขึ้น ได้แก่ - การผลิตยานยนต์ - การผลิตเครื่องจักรสำนักงาน เครื่องทำบัญชีและเครื่องคำนวณ - การผลิตเครื่องแต่งกาย ยกเว้นเครื่องแต่งกายที่ทำจากขนสัตว์ - อัตราการใช้กำลังการผลิต ต.ค. 48 = 70.92 พ.ย. 48 = 71.28 ^ โดยอุตสาหกรรมหลักที่ส่งผลให้อัตราการใช้กำลังการผลิตเพิ่มขึ้น ได้แก่ - การผลิตยานยนต์ - การผลิตเครื่องจักรสำนักงาน เครื่องทำบัญชีและเครื่องคำนวณ - การผลิตเครื่องแต่งกาย ยกเว้นเครื่องแต่งกายที่ทำจากขนสัตว์1.อุตสาหกรรมอาหาร “ภาวะการผลิตของอุตสาหกรรมอาหารปรับตัว เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับปีก่อน โดยแนวโน้มการส่งออกจะยังขยายตัวต่อไปจากคำสั่งซื้อที่เพิ่มขึ้น นอกจากนี้การจำหน่ายน้ำตาลในประเทศเพิ่มขึ้นจากความกังวลต่อข่าวการขึ้นราคาน้ำตาลทราย" 1. การผลิต ภาวะการผลิตโดยรวมปรับตัวเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับปีก่อนร้อยละ 0.4 เป็นผลจากปริมาณคำสั่งซื้อเพิ่มขึ้น ทำให้การผลิตขยายตัวโดยเฉพาะ สินค้าที่ผลิตเพื่อส่งออกเพิ่มขึ้นในสินค้ากุ้งแช่เย็นแช่แข็ง ร้อยละ 36.9 สับปะรดกระป๋องร้อยละ 9.0 และปลาทูนากระป๋อง ร้อยละ 20.2 สำหรับการผลิตเพื่อตอบสนองความต้องการในประเทศ กลุ่มสินค้าน้ำมันพืช (ถั่วเหลืองและปาล์มน้ำมัน) มีการผลิตเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.4 และ 13.2 ตามลำดับ ส่วนน้ำตาลทรายยังไม่เปิดหีบฤดูกาลผลิต 48/49 เนื่องจากได้รับผลกระทบจากภัยแล้ง อ้อยมีผลผลิตลดลงและยังไม่ได้อายุตัด 2. การตลาด 1) ตลาดในประเทศ สินค้าอาหารและเกษตร มีปริมาณลดลงเมื่อเทียบกับเดือนก่อน ร้อยละ 6.7 และเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนลดลงร้อยละ 2.4 ขณะที่น้ำตาลทรายกลับมีการจำหน่ายเพิ่มขึ้นเป็นอย่างมาก จากความกังวลต่อข่าวการขึ้นราคาน้ำตาลทรายในประเทศจากแรงกดดันที่ราคาตลาดโลกขยับตัวเพิ่มขึ้นและอาจเกิดการขาดแคลนในช่วงเวลาสั้นๆ ก่อนเปิดหีบฤดูกาลใหม่ 2) ตลาดต่างประเทศ ภาวะการส่งออกโดยรวม มีปริมาณส่งออกลดลงร้อยละ 5.5 แต่มูลค่าเพิ่มขึ้นร้อยละ 8.6 เมื่อเทียบกับปีก่อน โดยสินค้าที่ส่งออกหลัก ได้แก่ กุ้ง ส่งออกเพิ่มขึ้นในรูปปริมาณร้อยละ 8.7 แต่มูลค่าลดลงร้อยละ 2.4 ทูน่ากระป๋อง ปริมาณและมูลค่าเพิ่มขึ้นร้อยละ 20.5 และ 15.2 ไก่แปรรูป ร้อยละ 10.8 และ 10.1 บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปและอาหารสำเร็จรูป ร้อยละ 5.5 และ 4.3 สำหรับการส่งออกน้ำตาลทรายยังคงลดลงทั้งปริมาณและมูลค่าร้อยละ 49.6 และ 28.1 ตามลำดับ เป็นผลจากระดับราคาในตลาดโลกมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น 3. แนวโน้ม คาดว่าการผลิตและการส่งออกจะยังขยายตัวได้อย่างต่อเนื่อง เป็นผลจากลูกค้าต่างประเทศมีคำสั่งซื้อสินค้าเข้ามาอย่างต่อเนื่องโดยเฉพาะในสินค้ากลุ่มอาหารทะเลแปรรูปและผลิตภัณฑ์อาหารกึ่งสำเร็จรูปอื่นๆ เพื่อสำรองไว้จำหน่ายในช่วงปลายปี สำหรับสินค้าในประเทศคาดว่าจะมีการจำหน่ายเพิ่มขึ้นเนื่องจากเป็นช่วงเทศกาลปีใหม่2. อุตสาหกรรมสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่ม “...ปัจจัยหนุนที่เอื้อต่อการส่งออกคือภาคการบริโภคที่ยังคงเติบโตและประเทศคู่แข่งอย่างจีนและเวียดนามที่ยังคงถูกมาตรการกีดกันทางการค้าจากประเทศผู้นำเข้า…” 1. การผลิตและการจำหน่าย ภาวะการผลิต และ การจำหน่ายเส้นใยสิ่งทอฯ ในเดือนพฤศจิกายน 2548 ลดลงร้อยละ 3.8 และ 2.0 เมื่อเทียบกับเดือนก่อน เนื่องจากมีการนำเข้าเพิ่มขึ้น ประกอบกับมีการผลิตล่วงหน้าไปก่อนหน้านี้แล้ว ขณะที่การผลิตและการจำหน่ายเสื้อผ้าสำเร็จรูปยังเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยการผลิตเพิ่มขึ้นร้อยละ 9.5 การจำหน่ายเพิ่มขึ้นร้อยละ 12.2 เมื่อเทียบกับเดือนก่อน จากการเพิ่มขึ้นทั้งตลาดในประเทศและตลาดต่างประเทศ ซึ่งการส่งออกไปสหรัฐอเมริกาในเดือนนี้เพิ่มขึ้นร้อยละ 10.0 เมื่อเทียบกับเดือนตุลาคม 2. การส่งออกและตลาดส่งออก การส่งออกสิ่งทอโดยรวม ในเดือนพฤศจิกายน 2548 เพิ่มขึ้นร้อยละ 3.7 เมื่อเทียบกับเดือนก่อนและร้อยละ 7.0 เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันกับปีก่อน โดยเพิ่มขึ้นในตลาดสหรัฐอเมริกา (+6.4 %) ญี่ปุ่น (+0.6 %) และกลุ่มสหภาพยุโรป (+6.3 %) การส่งออกเสื้อผ้าสำเร็จรูป ในเดือนพฤศจิกายน 2548 เพิ่มขึ้นร้อยละ 7.2 เมื่อเทียบกับเดือนก่อน และร้อยละ 9.5 เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันกับปีก่อน โดยส่งออกเพิ่มขึ้นในตลาดสหรัฐอเมริกา(+10.0 %) สหราชอาณาจักร(+1.3 %) และเนเธอร์แลนด์ (+52.6 %) 3. การนำเข้า การนำเข้าสิ่งทอในช่วงเดือนม.ค.—พ.ย. 2548 โดยรวมเพิ่มขึ้น ร้อยละ 8.0 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันกับปีก่อน เป็นการนำเข้าเส้นใยใช้ในการทอ เพิ่มขึ้นร้อยละ 9.8 ตลาดนำเข้าหลัก คือ สหรัฐอเมริกา ออสเตรเลีย ซิมบับเว และญี่ปุ่น ผ้าผืน นำเข้าเพิ่มขึ้นร้อยละ 9.4 ตลาดนำเข้าหลักคือจีน ไต้หวัน ญี่ปุ่น และฮ่องกง ขณะที่การนำเข้าด้ายทอผ้าฯ ลดลงร้อยละ 0.2 ตลาดนำเข้าหลักคือจีน ญี่ปุ่น และไต้หวัน เสื้อผ้าสำเร็จรูป นำเข้าลดลงร้อยละ 2.1 ตลาดนำเข้าคือจีน ฮ่องกง และอิตาลี สัดส่วนร้อยละ 48.6, 13.9 และ 6.2 ตามลำดับ เครื่องจักรสิ่งทอ นำเข้า 395.1 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ลดลงเล็กน้อยร้อยละ 1.1 ส่วนใหญ่นำเข้าจากประเทศญี่ปุ่น เยอรมนีและไต้หวัน สัดส่วนร้อยละ 31.1, 16.9 และ 11.4 ตามลำดับ 4. แนวโน้ม ภาวะการผลิตและการจำหน่ายของอุตสาหกรรมสิ่งทอและเสื้อผ้าสำเร็จรูปในเดือนธันวาคม 2548 คาดว่าจะขยายตัวเพิ่มขึ้นและต่อเนื่องไปถึงต้นปี 2549 ซึ่งมีปัจจัยหนุนที่เอื้อต่อการส่งออกคือภาคการบริโภคที่ยังคงเติบโต และประเทศคู่แข่งอย่างจีนและเวียดนามที่ยังคงถูกมาตรการกีดกันทางการค้าจากประเทศผู้นำเข้า สำหรับปัญหาที่จะกระทบต่อการส่งออกคือปัญหาขาดแคลนแรงงาน การปลอมแปลงแหล่งกำเนิดสินค้า เป็นต้น3. อุตสาหกรรมเหล็กและเหล็กกล้า “ภาวะการผลิตเหล็กในช่วงเดือน พ.ย. 48 ชะลอตัวลงเมื่อเทียบกับเดือนก่อน เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจในประเทศที่ชะลอตัว โดยเฉพาะในภาคธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ งานก่อสร้างต่างๆ ที่ลดน้อยลง ทำให้ผู้ผลิตและพ่อค้าคนกลางยังคงมีปริมาณสินค้าคงคลังที่สูงอยู่ จึงทำให้การผลิตในส่วนของเหล็กทรงยาวลดน้อยลง ขณะเดียวกันเมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อนการผลิตก็มีการชะลอตัว เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจในประเทศที่ชะลอตัวลง ทำให้ตลาดในประเทศชะลอตัวตามไปด้วย จึงมีผลให้ผู้ผลิตยังคงมีปริมาณสินค้าคงคลังอยู่ ” 1.การผลิต ภาวะการผลิตเหล็กในช่วงเดือน พ.ย. 48 ชะลอตัวลงเมื่อเทียบกับเดือนก่อน โดยดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมในเดือนนี้มีค่า 125.39 ลดลงร้อยละ 12.77 เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจในประเทศที่ชะลอตัว โดยเฉพาะในภาคธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ งานก่อสร้างต่างๆ ที่ลดน้อยลง ทำให้ผู้ผลิตและพ่อค้าคนกลางยังคงมีปริมาณสินค้าคงคลังที่สูงอยู่ จึงทำให้การผลิตในส่วนของเหล็กทรงยาวลดน้อยลง ซึ่งผลิตภัณฑ์ที่ลดลงมาที่สุดในช่วงนี้คือ เหล็กทรงกลม ลดลง ร้อยละ 54.06 เหล็กเส้นข้ออ้อย ลดลง ร้อยละ 40.03 ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากผู้ผลิตโรงงานหนึ่งได้หยุดการผลิตเพื่อซ่อมเครื่องจักรในเดือนนี้ สำหรับในส่วนของเหล็กทรงแบน การผลิตในช่วงนี้ลดลงทั้งในส่วนของเหล็กแผ่นรีดเย็นและเหล็กแผ่นรีดร้อนชนิดม้วน โดยลดลงร้อยละ 12.37 และ 6.46 ตามลำดับ เนื่องจากยังคงมีสินค้าคงคลังอยู่ ประกอบกับมีการนำเข้าเหล็กราคาถูกจากต่างประเทศเข้ามามากด้วย ขณะเดียวกันเมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อนการผลิตมีการชะลอตัว ร้อยละ 15.95 ซึ่งผลิตภัณฑ์ที่ลดลง คือ เหล็กแผ่นรีดเย็น ลดลง ร้อยละ 45.33 เหล็กแผ่นเคลือบสังกะสี ลดลง ร้อยละ 38.07 และเหล็กเส้นกลม ลดลงร้อยละ 37.34 เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจในประเทศที่ชะลอตัวลง ทำให้ตลาดในประเทศชะลอตัวตามไปด้วย จึงมีผลให้ผู้ผลิตยังคงมีปริมาณสินค้าคงคลังอยู่ 2.ราคาเหล็ก สำหรับการเปลี่ยนแปลงของราคาเหล็ก (FOB) โดยเฉลี่ยที่สำคัญในตลาด CIS ในช่วงเดือนธันวาคม 2548 เทียบกับเดือนก่อน ผลิตภัณฑ์เหล็กที่สำคัญส่วนใหญ่มีการปรับตัวของราคาที่ลดลงได้แก่ เหล็กแผ่นรีดเย็น ลดลง จาก 510 เป็น 458 เหรียญสหรัฐต่อตัน ลดลง ร้อยละ 10.29 เหล็กแผ่นรีดร้อน ลดลงจาก 405 เป็น 370 เหรียญสหรัฐต่อตัน ลดลง ร้อยละ 8.77 เศษเหล็ก ลดลงจาก 218 เป็น 206 เหรียญสหรัฐต่อตัน ลดลง ร้อยละ 5.17 สำหรับผลิตภัณฑ์ที่มีราคาเหล็กทรงตัว ได้แก่ เหล็กแท่งเล็ก ราคาอยู่ที่ 328 เหรียญสหรัฐต่อตัน เหล็กเส้น ราคา 363 เหรียญสหรัฐต่อตัน และ เหล็กแท่งแบน ราคา 298 เหรียญสหรัฐต่อตัน 3. แนวโน้ม สถานการณ์เหล็กในเดือน ธ.ค. 2548 คาดว่าจะทรงตัวเมื่อเทียบกับเดือนก่อน เนื่องจากภาคการก่อสร้างยังคงชะลอตัวอยู่ จึงมีผลทำให้ความต้องการใช้เหล็กทรงยาวลดลง ขณะเดียวกันในส่วนของเหล็กทรงแบนคาดการณ์ว่าการผลิตยังคงทรงตัว เนื่องจากผู้ผลิตยังมีปริมาณสต๊อกสินค้าที่สูงอยู่ ประกอบกับความต้องการใช้เหล็กประเภทนี้ในประเทศที่ทรงตัว ในขณะเดียวกัน เดือน ธ.ค. เป็นเดือนที่มีวันหยุดมาก จึงมีผลทำให้การผลิตโดยรวมในเดือนนี้ทรงตัวเมื่อเทียบกับเดือนก่อน นอกจากนี้ผู้ผลิตเหล็กรายใหญ่ของประเทศอินเดีย เข้าซื้อหุ้น บ.ผู้ผลิตเหล็กเส้นรายใหญ่ของไทย ซึ่งมีผลในทางบวกคือ บ.จะได้รับการถ่ายทอดเทคโนโลยีที่ทันสมัย ทั้งนี้ ผู้ประกอบการเหล็กของไทยรายอื่นๆ จะต้องมีการปรับตัวโดยปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิตเพื่อให้สามารถแข่งขันได้4. อุตสาหกรรมยานยนต์ รถยนต์ อุตสาหกรรมรถยนต์ในเดือนพฤศจิกายน 2548 ขยายตัวเมื่อเปรียบเทียบกับเดือนตุลาคมที่ผ่านมา เนื่องจากเริ่มเข้าสู่ช่วงฤดูการจำหน่าย ซึ่งแต่ละโรงงานต้องเตรียมการผลิตให้มากขึ้นเพื่อรองรับปริมาณความต้องการที่จะเพิ่มขึ้นในช่วงนี้ ในขณะที่การส่งออกมีการขยายตัว โดยมีข้อมูลสภาวะอุตสาหกรรมรถยนต์ในเดือนพฤศจิกายน ดังนี้ - การผลิตรถยนต์ จำนวน 104,629 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนตุลาคม 2547 ร้อยละ 16.41 และเพิ่มขึ้นจากเดือนกันยายน 2548 ซึ่งมีการผลิต 102,602 คัน ร้อยละ 1.98 - การจำหน่ายรถยนต์ จำนวน 63,422 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนพฤศจิกายน 2547 ร้อยละ 8.27 และเพิ่มขึ้นจากเดือนตุลาคม 2548 ซึ่งมีการจำหน่าย 57,399 คัน ร้อยละ 10.49 - การส่งออกรถยนต์ มีจำนวน 40,958 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนพฤศจิกายน 2547 ร้อยละ 63.08 แต่ลดลงจากเดือนตุลาคม 2548 ซึ่งมีการส่งออก 49,725 คัน ร้อยละ 17.63 - แนวโน้ม จากจำนวนยอดจองรถยนต์ในงานมหกรรมยานยนต์มอเตอร์เอกซโป ครั้งที่ 22 ระหว่างวันที่ 1 — 12 ธันวาคม 2548 ประมาณ 17,000 คัน จะส่งผลให้อุตสาหกรรมรถยนต์ในเดือนธันวาคม 2548 มีปริมาณการจำหน่ายที่ขยายตัว และคาดว่าปริมาณการจำหน่ายรถยนต์นั่งจะมีสัดส่วนที่สูงขึ้นกว่าเดือนที่ผ่านมา อันเนื่องจากในงานนี้มีการเปิดตัวรถยนต์นั่งรุ่นใหม่ของผู้ผลิตรถยนต์นั่งชั้นนำ ในขณะที่รถยนต์ปิกอัพ 1 ตัน ยังคงได้รับความนิยมอยู่อย่างต่อเนื่อง ทำให้คาดได้ว่าปี 2548 ตลาดรถยนต์จะขยายตัวเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมาประมาณร้อยละ 10 รถจักรยานยนต์ อุตสาหกรรมรถจักรยานยนต์ในเดือนพฤศจิกายน 2548 ขยายตัวเมื่อเปรียบเทียบกับเดือนตุลาคมที่ผ่านมา ทั้งในด้านปริมาณการผลิต จำหน่าย และส่งออก เนื่องจากเข้าสู่ช่วงฤดูการจำหน่ายปลายปี ประกอบกับ ในช่วงนี้มีปริมาณความต้องการจากต่างประเทศเพิ่มขึ้น โดยมีข้อมูลสภาวะอุตสาหกรรมรถจักรยานยนต์ในเดือนพฤศจิกายน ดังนี้ - การผลิตรถจักรยานยนต์ จำนวน 225,594 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนตุลาคม 2548 ซึ่งมีการผลิต 203,856 คัน ร้อยละ 10.66 - การจำหน่าย จำนวน 195,716 คัน ลดลงจากเดือนพฤศจิกายน 2547 ร้อยละ 2.26 แต่เพิ่มขึ้นจากเดือนตุลาคม 2548 ซึ่งมีการจำหน่าย 188,599 คัน ร้อยละ 3.77 - การส่งออกรถจักรยานยนต์ มีจำนวน 15,479 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนตุลาคม 2548 ซึ่งมีการส่งออก 12,307 คัน ร้อยละ 25.77 - แนวโน้ม ประมาณการภาวะอุตสาหกรรมรถจักรยานยนต์ในเดือนธันวาคม 2548 จะขยายตัวจากเดือนพฤศจิกายน เพราะเป็นช่วงฤดูการจำหน่าย แต่ละค่ายรถจักรยานยนต์มีการแข่งขันกันจัดรายการส่งเสริมการตลาดจูงใจให้ผู้บริโภคตัดสินใจเลือกซื้อ 5.อุตสาหกรรมปูนซีเมนต์ “การผลิต การจำหน่ายในประเทศลดลง เนื่องจากความต้องการใช้ปูนซีเมนต์ในประเทศที่ชะลอตัวลง ตามธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่เริ่มซบเซา” 1.การผลิตและการจำหน่ายในประเทศ การผลิตปูนซีเมนต์ในเดือนพฤศจิกายน 2548 เมื่อเทียบกับเดือนก่อนลดลงร้อยละ 5.53 เนื่องจากความต้องการใช้ปูนซีเมนต์ภายในประเทศที่ชะลอตัวลง ตามธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่เริ่มซบเซา จากปัจจัยกดดันทั้งกำลังซื้อในประเทศที่ลดลง และอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้น แต่เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อนเพิ่มขึ้นร้อยละ 9.34 เนื่องจากในปีก่อนมีการหยุดการผลิตตามแผนการซ่อมบำรุงของผู้ประกอบการ 2.การส่งออก มูลค่าการส่งออกปูนซีเมนต์ เดือนพฤศจิกายน 2548 เมื่อเทียบกับเดือนก่อนลดลงร้อยละ 13.22 แต่เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อนเพิ่มขึ้น ร้อยละ 70.89 เนื่องจากความต้องการใช้ปูนซีเมนต์ในประเทศคู่ค้าขยายตัว สำหรับตลาดส่งออกปูนซีเมนต์ที่สำคัญ ได้แก่ สหรัฐอเมริกา เวียดนาม บังคลาเทศ และกัมพูชา 3.แนวโน้ม เดือนธันวาคม 2548 และเดือนมกราคม 2549 คาดว่าการผลิตและการจำหน่ายในประเทศมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นไม่มากนัก เนื่องจากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เริ่มซบเซาลง สำหรับการส่งออกขึ้นอยู่กับอุปสงค์ของประเทศคู่ค้าที่สำคัญ 6. อุตสาหกรรมไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ “ภาวะการผลิตสินค้าไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ไทยโดยรวมชะลอตัวลงเล็กน้อยจากเดือนก่อนเนื่องจากบริษัทต่างๆได้เร่งผลิตตาม Order เพื่อขายในช่วงเทศกาลสิ้นปีไปแล้วและ MP 3 เป็นสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ที่น่าจับตามอง ในปี 2549 “ ตารางที่1 สินค้าเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ที่มีมูลค่าการส่งออกมากเป็นอันดับต้นๆ ในเดือน พ.ย. 2548 หน่วย : ล้านบาท เครื่องใช้ไฟฟ้า/อิเล็กทรอนิกส์ มูลค่า CPM CPY อุปกรณ์คอมพิวเตอร์ 45,317.97 5.49 26.43 IC 21,571.98 4.38 28.10 เครื่องรับโทรทัศน์สี 4,822.68 -11.48 -27.41 เครื่องปรับอากาศ 4,447.79 2.67 -25.46 รวมเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ 125,539.62 1.66 6.18 ที่มา : สถาบันไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ 1.การผลิต ภาวะการผลิตอุตสาหกรรมไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ของเดือนพฤศจิกายน 2548 ค่อนข้างทรงตัวเมื่อเทียบกับเดือนก่อน โดยดัชนีผลผลิต เพิ่มขึ้นร้อยละ 3.39 เนื่องจากบริษัทต่างๆได้มีการเร่งผลิตสินค้าและป้อนตลาดในเทศกาลคริสตมาสและปีใหม่ไปเรียบร้อยแล้ว และเมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อนปรับตัวดีขึ้น โดยดัชนีผลผลิตเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 16.92 ซึ่งมาจากอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ที่มีการขยายตัวค่อนข้างมากตามภาวะอิเล็กทรอนิกส์ของโลกที่เพิ่มขึ้น 2. การส่งออก การส่งออกสินค้าเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ในเดือนพฤศจิกายนมีมูลค่า 125,539.62 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 1.66 เมื่อเทียบกับเดือนก่อน และเมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อนเพิ่มขึ้นร้อยละ 6.18โดยสินค้ากลุ่มอิเล็กทรอนิกส์มีการส่งออกเพิ่มขึ้นมาก ขณะที่สินค้าเครื่องใช้ไฟฟ้าหลายรายการมีการส่งออกลดลง ในกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์มีมูลค่าการส่งออก 82,832.33 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 3.35 เมื่อเทียบกับเดือนก่อน และปรับตัวเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 19.6 เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน โดยเฉพาะอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ที่ขยายตัวร้อยละ 5.49 เมื่อเทียบกับเดือนก่อน และเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 26.43 เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน รองลงมา คือ IC ที่มีการปรับตัวเพิ่มขึ้นเช่นเดียวกันร้อยละ 4.38 เมื่อเทียบกับเดือนก่อน ซึ่งไม่สอดคล้องกับปริมาณการผลิตที่ลดลง ส่วนหนึ่งเป็นเพราะการผลิตได้เปลี่ยนมาผลิต IC ที่มีเทคโนโลยีดีขึ้นทำให้มีมูลค่าการจำหน่ายสูงขึ้นด้วย และเพิ่มขึ้นร้อยละ 28.1 เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากความต้องการสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ในตลาดใหม่ๆ เช่น จีน และอินเดียที่มีเพิ่มขึ้นมาก นอกเหนือจากตลาดหลักเดิมๆ คือ สหรัฐอเมริกา และญี่ปุ่น 3. แนวโน้ม ภาวะการผลิตสินค้าเครื่องใช้ไฟฟ้าในเดือนธันวาคม 2548 คาดว่าจะทรงตัวจากเดือนพฤศจิกายน เนื่องจากบริษัทต่างๆได้เร่งทำการผลิตตามคำสั่งซื้อสำหรับขายในช่วงสิ้นปีแล้ว สำหรับในส่วนของการส่งออก คาดว่าสินค้าไฟฟ้าในช่วง 2-3 เดือนหลังของปี จะมีการส่งออกลดลงบ้างเล็กน้อยเนื่องจากเป็นช่วงเทศกาลมีวันหยุด ติดต่อกันหลายวัน แต่อย่างไรก็ตามเมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนมูลค่าการส่งออกยังขยายตัวเพิ่มขึ้นได้เล็กน้อย ส่วนสินค้าอิเล็กทรอนิกส์โดยรวมคาดว่าจะทรงตัวเช่นกัน อย่างไรก็ตามเมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนคาดว่าการผลิตจะยังปรับตัวเพิ่มขึ้นได้อย่างต่อเนื่องจนถึงปลายปี เนื่องจากความต้องการสินค้า Consumer Electronic ของโลกที่ขยายตัวสูงมาก แม้ว่าราคาน้ำมันจะอยู่ในระดับสูงก็ตาม - ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมในเดือนพฤศจิกายน 2548 มีค่า 154.40 เพิ่มขึ้นจากเดือนตุลาคม 2548 (153.98) ร้อยละ 0.3 และเพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันของปีก่อน (146.77) ร้อยละ 4.9 - อุตสาหกรรมหลักที่ส่งผลให้ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้นจากเดือนตุลาคม 2548 ได้แก่ อุตสาหกรรมการผลิตยานยนต์ อุตสาหกรรมการผลิตเครื่องจักรสำนักงาน เครื่องทำบัญชีและเครื่องคำนวณ อุตสาหกรรมการผลิตเครื่องแต่งกาย ยกเว้นเครื่องแต่งกายที่ทำจากขนสัตว์ อุตสาหกรรมการผลิตรถจักรยานยนต์ อุตสาหกรรมการผลิตเครื่องดื่มที่ไม่มีแอลกอฮอล์ รวมทั้งน้ำดื่มบรรจุขวด เป็นต้น - อุตสาหกรรมหลักที่ส่งผลให้ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันของปีก่อน ได้แก่ อุตสาหกรรมการผลิตยานยนต์ อุตสาหกรรมการผลิตเครื่องจักรสำนักงาน เครื่องทำบัญชีและเครื่องคำนวณ อุตสาหกรรมการแปรรูปและการถนอมสัตว์น้ำและผลิตภัณฑ์จากสัตว์น้ำ อุตสาหกรรมการผลิตหลอดอิเล็กทรอนิกส์และส่วนประกอบอิเล็กทรอนิกส์ อุตสาหกรรมการผลิตมอลต์ลิกเคอและมอลต์ เป็นต้น - อัตราการใช้กำลังการผลิตในเดือนพฤศจิกายน 2548 มีค่า 71.28 เพิ่มขึ้นจากเดือนตุลาคม 2548 (70.92) และเพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันของปีก่อน (68.88) - อุตสาหกรรมหลักที่ส่งผลให้อัตราการใช้กำลังการผลิตเพิ่มขึ้นจากเดือนตุลาคม 2548 ได้แก่ อุตสาหกรรมการผลิตยานยนต์ อุตสาหกรรมการผลิตเครื่องจักรสำนักงาน เครื่องทำบัญชีและเครื่องคำนวณ อุตสาหกรรมการผลิตเครื่องแต่งกาย ยกเว้นเครื่องแต่งกายที่ทำจากขนสัตว์ อุตสาหกรรมการผลิตเครื่องดื่มที่ไม่มีแอลกอฮอล์ รวมทั้งน้ำดื่มบรรจุขวด อุตสาหกรรมการผลิตรถจักรยานยนต์ เป็นต้น - อุตสาหกรรมหลักที่ส่งผลให้อัตราการใช้กำลังการผลิตเพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันของปีก่อน ได้แก่ อุตสาหกรรมการผลิตยานยนต์ อุตสาหกรรมการผลิตเครื่องจักรสำนักงาน เครื่องทำบัญชีและเครื่องคำนวณ อุตสาหกรรมการแปรรูปและการถนอม สัตว์น้ำและผลิตภัณฑ์จากสัตว์น้ำ อุตสาหกรรมการผลิตหลอดอิเล็กทรอนิกส์และส่วนประกอบอิเล็กทรอนิกส์ อุตสาหกรรมการผลิตมอลต์ลิกเคอและมอลต์ เป็นต้น - อัตราการใช้กำลังการผลิตในเดือนพฤศจิกายน 2548 ของโรงงานขนาดเล็กมีค่า 36.6 โรงงานขนาดกลางมีค่า 52.4 และโรงงานขนาดใหญ่มีค่า 74.5 สถานภาพการประกอบกิจการอุตสาหกรรมเดือนพฤศจิกายน 2548 - ภาวะการประกอบกิจการของโรงงานจากกรมโรงงานอุตสาหกรรมในเดือนพฤศจิกายน 2548 เมื่อเปรียบเทียบกับเดือนตุลาคม 2548 มีโรงงานที่เริ่มประกอบกิจการจำนวน 413 ราย เพิ่มขึ้นในจำนวนที่น้อยกว่าเดือนตุลาคม 2548 ซึ่งมีโรงงานเริ่มประกอบกิจการจำนวน 483 รายหรือคิดเป็นจำนวนน้อยกว่าร้อยละ -14.5 ในส่วนของจำนวนเงินลงทุน มียอดเงินลงทุนรวมทั้งสิ้น 8,494.96 ล้านบาท และก่อให้เกิดการจ้างงานรวม 10,484คน ลดลงจากเดือนตุลาคม 2548 ซึ่งมีการลงทุนเพิ่ม 21,542.93 ล้านบาทและจำนวนการจ้างงาน 16,154 คน ร้อยละ -60.6 และ -35.1 ตามลำดับ - ภาวะการประกอบกิจการของโรงงานจากกรมโรงงานอุตสาหกรรมในเดือนพฤศจิกายน 2548 เมื่อเปรียบเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน มีโรงงานที่เริ่มประกอบกิจการเพิ่มขึ้นในจำนวนที่น้อยกว่าเดือนพฤศจิกายน 2547 ซึ่งมีโรงงานเริ่มประกอบกิจการจำนวน 475 รายหรือคิดเป็นจำนวนน้อยกว่าร้อยละ -13.1 และมีการจ้างงานลดลงจากเดือนพฤศจิกายน 2547 ซึ่งมีจำนวนการจ้างงาน 12,366 คน ร้อยละ -15.2 แต่ในส่วนของจำนวนเงินลงทุนเพิ่มขึ้นจากเดือนพฤศจิกายน 2547 ซึ่งมีการลงทุนเพิ่ม 7,869.03 ล้านบาทร้อยละ 8.0 - อุตสาหกรรมที่มีจำนวนโรงงานเริ่มประกอบกิจการมากที่สุดในเดือนพฤศจิกายน 2548 คือ อุตสาหกรรมขุดหรือลอก กรวด ทรายหรือดิน จำนวน 34 ราย รองลงมาคือ อุตสาหกรรมการทำวงกบ ขอบประตู ขอบหน้าต่าง บานประตู บานหน้าต่าง จำนวน 27 ราย - อุตสาหกรรมที่เริ่มประกอบกิจการโดยมีการลงทุนสูงสุดในเดือนพฤศจิกายน 2548 คือ อุตสาหกรรมทำชิ้นส่วนพิเศษสำหรับรถยนต์หรือรถพ่วง 1,606 ล้านบาท รองลงมาคือ อุตสาหกรรมการปรับคุณภาพของเสียรวม มีเงินทุน 826 ล้านบาท - อุตสาหกรรมที่เริ่มประกอบกิจการและมีการจ้างงานสูงสุดในเดือนพฤศจิกายน 2548 คือ อุตสาหกรรมผลิต ซ่อมเครื่องรับวิทยุ เครื่องรับโทรทัศน์ เครื่องเรดาร์ คาปาซิเตอร์คนงาน 1,840 คน รองลงมาคือ อุตสาหกรรมตัดเย็บเครื่องนุ่งห่ม ผ้าเช็ดหน้า เนกไท ถุงมือ ถุงเท้าจากผ้า หนังสัตว์ คนงาน 1,040 คน - ภาวะการเลิกกิจการของโรงงานจากกรมโรงงานอุตสาหกรรมในเดือนพฤศจิกายน 2548 เมื่อเปรียบเทียบกับเดือนตุลาคม 2548 มีโรงงานที่ปิดดำเนินกิจการจำนวน 173 ราย มากกว่าเดือนตุลาคม 2548 ซึ่งมีโรงงานที่ปิดดำเนินกิจการจำนวน 168 ราย คิดเป็นร้อยละ 3.0 แต่ในส่วนของเงินทุนมีจำนวน 2,282.27 ล้านบาทและมีการเลิกจ้างงานจำนวน 5,017 คน น้อยกว่าเดือนตุลาคม 2548 ที่การเลิกกิจการคิดเป็นเงินทุน 2,656.05 ล้านบาทและเลิกจ้างงานจำนวน 13,597 คน (ยังมีต่อ)

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ