สรุปภาวะการค้าไทย-สหรัฐระหว่างเดือน ม.ค.- มิ.ย.2548

ข่าวเศรษฐกิจ Thursday August 18, 2005 15:02 —กรมส่งเสริมการส่งออก

1. สหรัฐอเมริกาเป็นตลาดนำเข้าสำคัญอันดับ 1 ของโลก (ม.ค.-มิ.ย.48) มีมูลค่าการนำเข้ารวม 793,466,111,318 เหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นร้อยละ 13.83 2. แหล่งผลิตสำคัญที่สหรัฐอเมริกานำเข้าในปี 2548 (ม.ค.-มิ.ย.) ได้แก่ - แคนาดา ร้อยละ 17.40 มูลค่า 138,042.658 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นร้อยละ 8.90 - จีน ร้อยละ 13.76 มูลค่า 109,184.845 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นร้อยละ 27.17 - เม็กซิโก ร้อยละ 10.38 มูลค่า 82,386.745 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นร้อยละ 8.43 - ญี่ปุ่น ร้อยละ 8.63 มูลค่า 68,446.134 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นร้อยละ 8.11 ส่วนการนำเข้าจากไทยอยู่อันดับที่ 17 สัดส่วนร้อยละ 1.18 มูลค่า 9,347.078 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นร้อยละ 15.65 3. ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) สาขาฟิลาเดลเฟีย เปิดเผยผลการสำรวจภาวะเศรษฐกิจว่านักเศรษฐศาสตร์สหรัฐฯ ได้ปรับเพิ่มตัวเลขประมาณการเติบโตทางเศรษฐกิจของปี 2548 สูงกว่าตัวเลขที่คาดการณ์เมื่อ 3 เดือนก่อน และเชื่อว่าตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) ที่แท้จริงอาจเติบโตขึ้นราว 3.7%และคาดว่าจีดีพีปี 2549 จะอยู่ที่ 3.4% โดยนักเศรษฐศาสตร์ฯ ให้ความเห็นว่าตัวเลขดุลการค้าตัวเลขการลงทุนจากภาคธุรกิจ และตัวเลขสต็อกสินค้าคงคลังจะปรับตัวในทางที่ดีขึ้นและจะส่งผลให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจโดยรวมเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วกว่าเดิมและจะส่งผลให้ตัวเลขขาดดุลบัญชีเดินสะพัดของสหรัฐฯ ลดลง 4. สหรัฐอเมริกาเป็นตลาดส่งออกสำคัญอันดับหนึ่งของไทย โดยมีสัดส่วนการส่งออกไปตลาดนี้ (ม.ค.-มิ.ย. 2548) ร้อยละ 15.19 มูลค่า 7,875.30 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นร้อยละ 8.67 หรือคิดเป็นร้อยละ 46.14 ของเป้าหมายการส่งออก 5. การค้าระหว่างประเทศไทย-สหรัฐฯ มูลค่า : ล้านเหรียญสหรัฐฯ 2545 2546 2547 2547 2548 อัตราการขยายตัว (ร้อยละ) 2545 2546 2547 2548 (ม.ค.-มิ.ย.) (ม.ค.-มิ.ย) (ม.ค.-มิ.ย) มูลค่าการค้า 19,656.45 20,688.79 22,732.18 10,753.11 12,193.96 -3.45 5.25 9.88 13.40 สินค้าออก 13,509.42 13,596.19 15,516.81 7,247.16 7,875.30 2.35 0.64 14.13 8.67 สินค้าเข้า 6,147.03 7,092.60 7,215.37 3,505.95 4,318.66 -14.14 15.38 1.73 23.18 ดุลการค้า 7,362.39 6,503.59 8,301.44 3,741.22 3,556.64 21.89 -11.66 27.64 -4.93 6. สินค้าไทยส่งออกไปสหรัฐอเมริกา (ม.ค.-มิ.ย. 2548) 25 อันดับแรกมีสัดส่วนรวมกันร้อยละ 77.64 ของมูลค่าการส่งออกโดยรวมไปตลาดนี้ สินค้าสำคัญที่มูลค่าการส่งออกเพิ่มขึ้นเกินกว่าร้อยละ 50 มี 4 รายการ สินค้าสำคัญที่มีมูลค่าเพิ่มขึ้นเกินกว่าร้อยละ 25 มี 3 รายการ และสินค้าที่มีมูลค่าลดลงเกินกว่าร้อยละ 20 มี 2 รายการสถิติการส่งออกสินค้าไทยไปสหรัฐที่มีมูลค่าการเปลี่ยนแปลงสูงมูลค่า : ล้านเหรียญสหรัฐ มูลค่า : ล้านเหรียญสหรัฐ มูลค่าการ %เปลี่ยนแปลง สัดส่วน ร้อยละ2548 ตลาด อันดับที่ ม.ค.-มิ.ย47 ม.ค.-มิ.ย48 เปลี่ยนแปลง ม.ค.-มิ.ย 2547 ม.ค.-มิ.ย. 1. สินค้าที่มีมูลค่าการส่งออกไปสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นสูงมากกว่าร้อยละ 50 มี 4 รายการ (1) เครื่องใช้ไฟฟ้าและส่วนประกอบอื่นๆ 8 158.03 261.61 103.58 65.54 2.33 3.32 (2) วงจรพิมพ์ 9 169.69 257.73 88.04 51.88 2.20 3.27 (3) เหล็ก เหล็กกล้า และผลิตภัณฑ์ 14 97.57 151.40 53.83 55.18 2.12 1.92 (4) ผลิตภัณฑ์พลาสติก 15 91.25 147.43 56.18 61.56 1.29 1.87 2. สินค้าที่มีมูลค่าการส่งออกไปสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นสูงมากกว่าร้อยละ 25 มี 3 รายการ (1) อัญมณีและเครื่องประดับ 4 330.38 428.51 98.13 29.70 4.63 5.44 (2) ผลิตภัณฑ์ยาง 7 219.52 281.89 62.37 28.41 3.10 3.58 (3) เครื่องใช้บนโต๊ะอาหารในครัวและบ้านเรือน 20 90.54 114.05 23.51 25.97 1.33 1.45 3. สินค้าที่มีมูลค่าการส่งออกไปสหรัฐฯ ลดลงมากกว่าร้อยละ 20 มี 2 รายการ (1) ส่วนประกอบอากาศยานและอุปกรณ์การบิน 19 207.81 115.82 -91.99 -44.27 2.25 1.47 (2) แผงสวิสซ์และแผงควบคุม-กระแสไฟฟ้า 21 144.45 109.62 -34.83 -24.11 1.59 1.39 รวบรวมโดย : ศูนย์สารสนเทศการค้าระหว่างประเทศจากสถิติการส่งออกดังกล่าวมีข้อสังเกต ดังนี้เครื่องใช้ไฟฟ้าและส่วนประกอบ (HS. 85) Electrical Machinery สหรัฐฯ นำเข้าจากไทยเป็นอันดับที่ 8 มูลค่า 2,734.952 ล้านเหรียญสหรัฐ มีสัดส่วนร้อยละ 2.87 เพิ่มขึ้นร้อยละ 37.71 ด้านการนำเข้าจากตลาดโลกของสหรัฐฯ มูลค่า 95,289.598 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 9.94 นำเข้าจาก จีน เม็กซิโก ญี่ปุ่น เป็นหลัก (ม.ค.-มิ.ย. 2548)วงจรพิมพ์ (HS. 8534) Printed Circuits สหรัฐฯ นำเข้าจากไทยเป็นอันดับที่ 9 มูลค่า 26.324 ล้านเหรียญสหรัฐ มีสัดส่วนร้อยละ 2.46 ลดลงร้อยละ 8.35 ด้านการนำเข้าจากตลาดโลกของสหรัฐฯ มูลค่า 1,070.670 ล้านเหรียญสหรัฐ ลดลงร้อยละ0.34 นำเข้าจาก แคนาดา จีน ไต้หวัน เป็นหลัก (ม.ค-มิ.ย 2548) เหล็ก เหล็กกล้า และผลิตภัณฑ์ (HS. 72) Iron And Steel สหรัฐฯ นำเข้าจากไทยเป็นอันดับที่ 30 มูลค่า 63.757 ล้านเหรียญสหรัฐ มีสัดส่วนร้อยละ 0.54เพิ่มขึ้นร้อยละ 794.11 ด้านการนำเข้าจากตลาดโลกของสหรัฐฯ มูลค่า 12,367.655 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 45.94 นำเข้าจาก แคนาดา บราซิล เม็กซิโก เป็นหลัก (ม.ค-มิ.ย 2548) ผลิตภัณฑ์พลาสติก (HS. 3924) Tableware, Kitchenware, Other Household Articles and ToiletArticles of Plastic สหรัฐฯ นำเข้าจากไทยอันดับที่ 8 มูลค่า 15.226 ล้านเหรียญสหรัฐ มีสัดส่วนร้อยละ 1.21 เพิ่มขึ้นร้อยละ 7.69 ด้านการนำเข้าจากตลาดโลกของสหรัฐฯ มูลค่า 1,259.979 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 20.32 นำเข้าจาก จีน เม็กซิโก ไต้หวัน เป็นหลัก (ม.ค.-มิ.ย. 2548)อัณมณีและเครื่องประดับ -(HS.7102) DIAMONS สหรัฐฯ นำเข้าจากไทยเป็นอันดับที่ 14 มูลค่า 21.353 ล้านเหรียญสหรัฐ มีสัดส่วนร้อยละ 0.72 เพิ่มขึ้นร้อยละ 33.44 ด้านการนำเข้าจากตลาดโลกของสหรัฐฯ มูลค่า 7,803.647 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 9.63 นำเข้าจาก อิสราเอล เบลเยี่ยม อินเดีย เป็นหลัก (ม.ค.-มิ.ย. 2548) -(HS 7103) Precious And Semiprecious stone สหรัฐฯ นำเข้าจากไทยเป็นอันดับที่ 1 มูลค่า 95.797 ล้านเหรียญสหรัฐ มีสัดส่วนร้อยละ 23.46 เพิ่มขึ้นร้อยละ 1.38 ด้านการนำเข้าจากตลาดโลกของสหรัฐฯ มูลค่า 408.323 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ15.68 นำเข้าจาก ไทย อินเดีย สวิสเซอร์แลนด์ เป็นหลัก (ม.ค.-มิ.ย. 2548) -(HS 7113) Jewelry With Prec Met สหรัฐฯ นำเข้าจากไทยเป็นอันดับที่ 3 มูลค่า 397.871 ล้านเหรียญสหรัฐ มีสัดส่วนร้อยละ 11.36 เพิ่มขึ้นร้อยละ 3.81 ด้านการนำเข้าจากตลาดโลกของสหรัฐฯ มูลค่า 3,502.471 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 11.13 นำเข้าจาก อินเดีย อิตาลี ไทย เป็นหลัก (ม.ค.-มิ.ย. 2548)ผลิตภัณฑ์ยาง -(HS.4015) APPARL AND ACCESS, SFT, VUL (ถุงมือและถุงมือที่ใช้ทางศัลยกรรม เครื่องแต่งกายและของประดับ) สหรัฐฯ นำเข้าจากไทยเป็นอันดับที่ 2 มูลค่า 189.426 ล้านเหรียญสหรัฐ มีสัดส่วนร้อยละ 33.99 เพิ่มขึ้นร้อยละ 5.80 ด้านการนำเข้าจากตลาดโลกของสหรัฐฯ มูลค่า 557.283 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ11.79 นำเข้าจาก มาเลเซีย ไทย จีน เป็นหลัก (ม.ค.-มิ.ย. 2548) -(HS 4016) OT ART OF UNHARD, VULC (เสื่อ ของอื่นๆ ทำด้วย Vulcanized ยางรัด ยางลบ กระเบื้องปูพื้น) สหรัฐฯ นำเข้าจากไทยเป็นอันดับที่ 11 มูลค่า 21.461 ล้านเหรียญสหรัฐ มีสัดส่วนร้อยละ 1.76เพิ่มขึ้นร้อยละ 33.54 ด้านการนำเข้าจากตลาดโลกของสหรัฐฯ มูลค่า 1,220.114 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 7.23 นำเข้าจาก แคนาดา ญี่ปุ่น เม็กซิโก เป็นหลัก (ม.ค.-มิ.ย. 2548) -(HS 4014) HYG/ PHARM ART, SFT, VUL ของใช้ทางเภสัชกรรม สหรัฐฯ นำเข้าจากไทยเป็นอันดับที่ 3 มูลค่า 3,855.00 ล้านเหรียญสหรัฐ มีสัดส่วนร้อยละ 13.41ลดลงร้อยละ 34.47 ด้านการนำเข้าจากตลาดโลกของสหรัฐฯ มูลค่า 28.741 ล้านเหรียญสหรัฐ ลดลงร้อยละ 1.57 นำเข้าจาก อินเดีย ญี่ปุ่น ไทย เป็นหลัก (ม.ค.-มิ.ย. 2548)เครื่องใช้บนโต๊ะอาหารในครัวและบ้านเรือน (HS. 82) TOOL, CUTLRY, OF BASE MTLS สหรัฐฯ นำเข้าจากไทยเป็นอันดับที่ 24 มูลค่า 9.765 ล้านเหรียญสหรัฐ มีสัดส่วนร้อยละ 0.34เพิ่มขึ้นร้อยละ 18.40 ด้านการนำเข้าจากตลาดโลกของสหรัฐฯ มูลค่า 2,872.472 ล้านเหรียญสหรัฐเพิ่มขึ้นร้อยละ 2.50 นำเข้าจาก จีน ไต้หวัน ญี่ปุ่น เป็นหลัก (ม.ค.-มิ.ย. 2548) 8. ข้อมูลเพิ่มเติมและข้อคิดเห็นเกี่ยวกับการค้าระหว่างไทย-สหรัฐฯ ปัจจุบันเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ยังคงเป็นเศรษฐกิจที่ใหญ่ที่สุดอันดับหนึ่งของโลก ในขณะที่จีนมีอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง และมีบทบาทสำคัญบนเวทีการค้าโลกทั้งด้านเศรษฐกิจและการเมือง ส่งผลให้จีนสามารถก้าวขึ้นสู่ความเป็นยักษ์ใหญ่ในเศรษฐกิจโลกได้ในอนาคต อันใกล้และก้าวขึ้นสู่การเป็นคู่แข่งสำคัญของชาติมหาอำนาจ เช่น สหรัฐฯ อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ นักวิชาการอาวุโสของ Hoover Institution, Mr.Paul Craig Roberts ได้ให้ความเห็นว่าในช่วง 5 ปีที่ผ่านมาการจ้างงานในภาคการผลิตของสหรัฐฯ ได้ลดหายไปมากและในปัจจุบันสหรัฐฯ ขาดดุลการค้ากับจีนเพิ่มขึ้นถึงปีละ 20% และหากสถานการณ์ยังคงไม่เปลี่ยนแปลงตัวเลขการขาดดุลการค้าอาจสูงถึงหลักล้านล้านเหรียญสหรัฐในปีค.ศ. 2015 ทั้งนี้การที่จีนก้าวขึ้นสู่การเป็นผู้นำทางเศรษฐกิจจะส่งทั้งผลดีและผลเสียต่อสหรัฐฯ กล่าวคือ ผลดี : - ผู้บริโภคอเมริกันจะได้รับประโยชน์จากการมีสินค้าและบริการราคาถูกให้เลือกใช้มากมาย - ผู้ที่ถือหุ้นข้ามชาติที่มีสถานะดีก็จะได้กำไรสูงขึ้น - ผู้ที่เป็นลูกจ้างในภาคธุรกิจส่งออกก็จะมีโอกาสและได้รับประโยชน์ที่ดีขึ้น เนื่องจากจีนจะรวยขึ้น และบริโภคสินค้าและบริการสไตล์ตะวันตกมากขึ้นเรื่อยๆ ผลเสีย : - แรงงานระดับล่าง และผู้ที่มีความสามารถน้อยในการปรับตัวตามโลกไม่ทันจะได้รับผลกระทบ เนื่องจากจีนมุ่งเป้าหมายธุรกิจที่สหรัฐฯ เป็นผู้นำอยู่ โดยจะเสนอสินค้าและบริการที่ราคาถูกเข้า มาแข่งขัน อย่างไรก็ตามจีนก็ยังคงต้องการสินค้าไฮเทคที่สหรัฐฯ ครองตลาดอยู่มาก เนื่องจากจีนกำลังพัฒนาประเทศให้ทันสมัย โดยในปี 2547 สหรัฐฯ ส่งออกสินค้าดังกล่าวไปจีนมีสัดส่วนถึงร้อยละ 22 ของมูลค่าที่สหรัฐฯ ส่งออกไปจีน นอกจากนี้สินค้าเกษตร ภาพยนตร์และเพลงของสหรัฐฯ ก็ได้รับความนิยมอย่างสูงในจีนอีกด้วย เนื่องจากประเทศในภูมิภาคเอเซียมีระดับการส่งออกไปยังสหรัฐฯ เป็นจำนวนมาก ผลกระทบ จากระดับอุปสงค์ที่ลดลงจึงมีความรุนแรงต่อผู้ส่งออกในระดับสูง เนื่องจากประเทศต่างๆ ในเอเซียไม่สามารถระบายสินค้าสู่ตลาดอื่นๆ ได้น้อยก็จะทำให้เศรษฐกิจภูมิภาคชะลอตัวลง ประกอบกับการพึ่งพาอุปสงค์ในภูมิภาคเป็นเรื่องที่ยาก ประเทศในเอเซียจึงต้องเตรียมพร้อมเพื่อรับมือกับความผันผวนดังกล่าว ในส่วนของประเทศไทย ภาครัฐบาลจึงพยายามสร้างกลยุทธ์การขยายตลาดส่งออกไปยังตลาด-ใหม่ รวมทั้งสร้างอุปสงค์ในประเทศให้เกิด มากขึ้นเช่นการส่งเสริมให้เกิดการลงทุนขนาดใหญ่และรักษาระดับการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจให้ได้ นอกจากนี้ยังต้องรณรงค์ให้ประชาชนตระหนักถึงความสำคัญของการออมในประเทศซึ่งจะมีส่วนช่วย ในการรักษาเสถียรภาพและลดแรงกดดันต่อดุลบัญชีเดินสะพัดอีกด้วย ทั้งนี้การพัฒนาระบบบริหาร ความเสี่ยงจากการผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยนของภาคเอกชน การเตรียมความพร้อมของธนาคารพาณิชย์ต่อการเปลี่ยนแปลงของสภาพแวดล้อมทางเศรษฐกิจและการเงินจะเป็นอีกปัจจัยสำคัญในการเตรียมรับผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากความไม่สมดุลของเศรษฐกิจโลก การเตรียมความพร้อมรับมือกับสถานการณ์ข้างต้นนี้เป็นสัญญาณกระตุ้นให้ผู้ส่งออกไทยหันไป ส่งออกในภูมิภาคอื่นและตลาดยุโรปให้มากขึ้น ไม่มุ่งที่ตลาดสหรัฐฯ เพียงอย่างเดียว ที่มา: http://www.depthai.go.th

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ