นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวภายหลังการหารือกับคณะทำงานด้านเศรษฐกิจพรรคว่าปัญหา และเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น สืบเนื่องมาจากมาตรการของธนาคารแห่งประเทศไทย ได้ส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อ ตลาดเงิน ตลาดหุ้น และส่งผลกระทบรุนแรงต่อความเชื่อมั่นเศรษฐกิจไทย และการบริหารเศรษฐกิจไทย
สิ่งที่อยากเรียนเบื้องต้นคือว่า แม้ช่วงที่พรรคประชาธิปัตย์ไม่สามารถดำเนินการใดๆได้ ซึ่งทางพรรคได้ติดตามสภาวะเศรษฐกิจ และนโยบายการบริหารเศรษฐกิจอย่างใกล้ชิด และต่อเนื่อง และเคยได้แสดงความคิดเห็นและความห่วงใยหลายครั้งต่อปัญหาหลักๆโดยเฉพาะอย่างยิ่ง ปัญหาค่าเงินบาท ซึ่งมีแนวโน้มแข็งขึ้นมา แล้วกระทบต่อผู้ส่งออก รวมทั้งส่งผลกระทบต่ออัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจในปีต่อไป
แต่พรรคได้เสนอแนะรัฐบาลมาตลอดว่าการจะแก้ปัญหานี้จะต้องใช้มาตรการที่มีความเหมาะสม เราเคยตั้งข้อสังเกตว่าหากการเข้าไปแทรกแซงกลไก ของตลาดเงิน ตลาดทุน มาตรการต่างๆที่ทำในลักษณะนั้น 1. มักจะไม่ผล 2.มักจะสร้างผลกระทบข้างเคียงที่มักจะเกิดความเสียหาย 3. มีความเสี่ยงสูงต่อการส่งสัญญาณที่ผิด ก่อนหน้านี้ เราเคยเตือนว่าความพยายามที่จะไปแทรกแซงตลาดอัตราแลกเปลี่ยนโดยตรงคงจะไม่สัมฤทธิ์ผล และในที่สุดทางการก็ยอมรับว่าการเข้าไปแทรกแซงค่าเงินบาทแล้วก็ไม่ได้ผล
ซึ่งเราก็ได้เสนอว่าการจะแก้ปัญหาต้องดูที่พื้นฐานของปัญหา ค่าเงินบาทที่แข็งขึ้นส่วนหนึ่งมาจากการเก็งกำไร แต่อีกส่วนหนึ่งที่ไม่ควรมองข้ามคือว่า คือการสะท้อนปัจจัยพื้นฐานทางเศรษฐกิจไทยอย่างหนึ่ง การที่นักลงทุนมองว่าการนำเงินเข้ามาในประเทศไทย จะมีผลตอบแทนที่สูงกว่า ที่อื่น ฉะนั้นตราบเท่าที่ความสมดูลย์ตรงนี้ยังมีอยู่ ปัญหาเงินไหลเข้านำไปสู่ปัญหาค่าเงินบาทที่สูงตัวขึ้น รวมทั้งการประสมโรงของการเก็งกำไร ซึ่งปัญหาก็ไม่มีทางยุติ
เราแนะนำมาโดยตลอดว่ารัฐบาลต้องใช้วิธีการในการส่งสัญญาณในเรื่องนโยบายการเมือง ในเรื่องของดอกเบี้ย เพื่อจะแก้ปัญหาที่เป็นพื้นฐานตรงนี้ และยืนยันมาตลอดด้วยว่าการทำเช่นนั้น ความเสี่ยงในเรื่องเงินเฟ้อจากการที่เศรษฐกิจร้อนแรง และยังจะช่วยประคับประคองการขยายตัวของเศรษฐกิจด้วย
วันนี้ความสียหายเกิดขึ้นชัดเจนแล้ว และแม้ว่าจะมีการประกาศแก้ไขชัดเจนในบ้างส่วนแล้วก็ตาม ส่วนตัวได้หารือกับคณะทำงานก็ยังยืนยันว่าจะต้องทบทวนมาตรการทั้งหมด ไม่ใช่เฉพาะที่ได้ทบทวนและแก้ไขไปเท่านั้น
เพราะมาตรการที่ดำรงอยู่บางส่วน ก็จะทำให้เกิดความซับซ้อน และปัญหามากขึ้นทุกที ด้านหนึ่งการเก็งกำไรก็จะยังเกิดขึ้น เพราะจะอาศัยช่องว่างจากการที่ตัดสินว่าจะไม่ใช้มาตรการนี้เป็นการชั่วคราว คาดหมายได้ว่านักเก็งกำไรหรือผู้มุ่งมั่นที่จะเก็งกำไรและได้ผลตอบแทนที่ดีก็จะมีวิธีการในการหลีกเลี่ยงกฎเกณฑ์ทั้งหลายที่เกิดขึ้นจะเกี่ยวข้องโดยตรงกับการผ่านตลาดหลักทรัพย์หรือไม่ก็ต้องติดตามต่อไป อีกด้านหนึ่งก็ต้องบอกว่ามาตรการที่คงอยู่ก็จะส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อตลาดตราสารเพราะเสมือนกับว่าการตัดสินใจครั้งนี้ทางการกำลังบอกว่าตลาดหลักทรัพย์ยังต้องการที่จะให้เงินทุนต่างประเทศเข้ามาแต่ตลาดตราสารจะไม่ให้เข้าซึ่งผมคิดว่าจะส่งผลกระทบต่อตลาดตราสารต่อไปในอนาคตและจะไม่เป็นผลดีต่อเศรษฐกิจโดยรวมเพราะสมัยนี้เงินทุนระยะสั้นในตลาดต่าง ๆ มีบทบาทสำคัญในการล่อเลี้ยงเศรษฐกิจให้เดินได้ตามปกติดังนั้นการทบทวนมาตรการต่าง ๆ จึงยังมีความจำเป็นอยู่และขอยืนยันว่าการดำเนินนโยบายทั้งหลายในเรื่องเหล่านี้พรรคฯขอเรียกร้องให้ดำเนินการด้วยความรอบคอบมีความมั่นคงมีความชัดเจนในการส่งสัญญาณและไม่ฝืนธรรมชาติของกลไกเศรษฐกิจ
ส่วนที่2ที่เป็นปัญหาที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ความเชื่อมั่นในกระบวนการทางเศรษฐกิจ เพราะมีการประกาศมาตรการออกมาและมีการแก้ไขอย่างรวดเร็วและขณะเดียวกันก็ไม่มีความชัดเจนว่าทิศทางข้างหน้าจะเป็นอย่างไร ยังมีเครื่องหมายคำถามอีกมากมายว่าถ้าค่าเงินไม่อ่อนลงอย่างที่ทางการต้องการ ถ้าเกิดผลกระทบต่อตลาดตราสารหรือตลาดหลักทรัพย์อะไรจะเกิดขึ้น ตรงนี้ทางที่จะแก้ปัญหาได้คือการพิสูจน์ในเรื่องของธรรมาภิบาลในการกำหนดนโยบายทางด้านเศรษฐกิจเพื่อเรียกความเชื่อมั่นกลับคืนมา
ธรรมาภิบาลก็ต้องหมายถึง หลักของความโปร่งใส หลักของการยอมรับข้อเท็จจริงอย่างตรงไปตรงมาถึงผลกระทบต่าง ๆ ทั้งที่เกิดขึ้นมาแล้วและกำลังจะเกิดขึ้นข้างหน้า เราไม่สบายใจตรงที่บุคคลที่เกี่ยวข้องออกมาให้ความเห็นประหนึ่งว่ามาตรการที่ออกมาอาจมีการผิดพลาดไปบ้างและได้แก้ไขไปแล้วโดยเหมารวมว่าปัญหาที่เกิดขึ้นก็จบแล้ว แต่ในความรู้สึกของนักลงทุนทั้งหลายและผู้เกี่ยวข้องไม่ได้เป็นเช่นนั้น ซึ่งผมคิดว่ายังมีความจำเป็นที่จะต้องพิสูจน์หลักความเป็นธรรมาภิบาลในการที่จะเรียกความเชื่อมั่นกลับคืนมา
ประเด็นสุดท้ายที่อยากจะตั้งข้อสังเกต เพราะเกี่ยวข้องกับธรรมาภิบาลด้วยคือผลพวงที่เกิดจากมาตรการที่ประกาศไปแล้วคือความสับสนว่าผู้กำหนดนโยบายในเรื่องนี้คือธนาคารแห่งประเทศไทยหรือกระทรวงการคลังเพราะ 2 วันที่ผ่านมาเป็นการประกาศมาตรการของธนาคารแห่งประเทศไทยโดยธนาคารแห่งประเทศไทยอย่าชัดเจน ซึ่งจะผ่านกระบวนการปรึกษาหารือกับกระทรวงการคลังนั้นไม่ใช่เรื่องแปลกและไม่ผิดแต่เมื่อวานนี้ในตอนแก้ไขนั้นผู้ที่ประกาศกลับเป็นกระทรวงการคลังจึงเกิดคำถามตามมาว่าจากนี้ไปความเป็นอิสระของธนาคารแห่งประเทศไทยยังเป็นหลักการที่ทางการยืนยันอยู่หรือไม่ ตรงนี้ยังเกิดความสับสน
เพราะฉะนั้นวันนี้ผมคิดว่า นอกจากความจำเป็นที่จะต้องติดตามประเมินผลและทบทวนมาตรการทั้งหมดอย่างต่อเนื่องแล้ว การเร่งเรียกความเชื่อมั่นกลับคืนมาในเรื่องธรรมาภิบาลเป็นเรื่องสำคัญที่สุดที่จะทำให้เราผ่านพ้นวิกฤตที่เกิดขึ้นไปได้
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 20 ธ.ค. 2549--จบ--
สิ่งที่อยากเรียนเบื้องต้นคือว่า แม้ช่วงที่พรรคประชาธิปัตย์ไม่สามารถดำเนินการใดๆได้ ซึ่งทางพรรคได้ติดตามสภาวะเศรษฐกิจ และนโยบายการบริหารเศรษฐกิจอย่างใกล้ชิด และต่อเนื่อง และเคยได้แสดงความคิดเห็นและความห่วงใยหลายครั้งต่อปัญหาหลักๆโดยเฉพาะอย่างยิ่ง ปัญหาค่าเงินบาท ซึ่งมีแนวโน้มแข็งขึ้นมา แล้วกระทบต่อผู้ส่งออก รวมทั้งส่งผลกระทบต่ออัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจในปีต่อไป
แต่พรรคได้เสนอแนะรัฐบาลมาตลอดว่าการจะแก้ปัญหานี้จะต้องใช้มาตรการที่มีความเหมาะสม เราเคยตั้งข้อสังเกตว่าหากการเข้าไปแทรกแซงกลไก ของตลาดเงิน ตลาดทุน มาตรการต่างๆที่ทำในลักษณะนั้น 1. มักจะไม่ผล 2.มักจะสร้างผลกระทบข้างเคียงที่มักจะเกิดความเสียหาย 3. มีความเสี่ยงสูงต่อการส่งสัญญาณที่ผิด ก่อนหน้านี้ เราเคยเตือนว่าความพยายามที่จะไปแทรกแซงตลาดอัตราแลกเปลี่ยนโดยตรงคงจะไม่สัมฤทธิ์ผล และในที่สุดทางการก็ยอมรับว่าการเข้าไปแทรกแซงค่าเงินบาทแล้วก็ไม่ได้ผล
ซึ่งเราก็ได้เสนอว่าการจะแก้ปัญหาต้องดูที่พื้นฐานของปัญหา ค่าเงินบาทที่แข็งขึ้นส่วนหนึ่งมาจากการเก็งกำไร แต่อีกส่วนหนึ่งที่ไม่ควรมองข้ามคือว่า คือการสะท้อนปัจจัยพื้นฐานทางเศรษฐกิจไทยอย่างหนึ่ง การที่นักลงทุนมองว่าการนำเงินเข้ามาในประเทศไทย จะมีผลตอบแทนที่สูงกว่า ที่อื่น ฉะนั้นตราบเท่าที่ความสมดูลย์ตรงนี้ยังมีอยู่ ปัญหาเงินไหลเข้านำไปสู่ปัญหาค่าเงินบาทที่สูงตัวขึ้น รวมทั้งการประสมโรงของการเก็งกำไร ซึ่งปัญหาก็ไม่มีทางยุติ
เราแนะนำมาโดยตลอดว่ารัฐบาลต้องใช้วิธีการในการส่งสัญญาณในเรื่องนโยบายการเมือง ในเรื่องของดอกเบี้ย เพื่อจะแก้ปัญหาที่เป็นพื้นฐานตรงนี้ และยืนยันมาตลอดด้วยว่าการทำเช่นนั้น ความเสี่ยงในเรื่องเงินเฟ้อจากการที่เศรษฐกิจร้อนแรง และยังจะช่วยประคับประคองการขยายตัวของเศรษฐกิจด้วย
วันนี้ความสียหายเกิดขึ้นชัดเจนแล้ว และแม้ว่าจะมีการประกาศแก้ไขชัดเจนในบ้างส่วนแล้วก็ตาม ส่วนตัวได้หารือกับคณะทำงานก็ยังยืนยันว่าจะต้องทบทวนมาตรการทั้งหมด ไม่ใช่เฉพาะที่ได้ทบทวนและแก้ไขไปเท่านั้น
เพราะมาตรการที่ดำรงอยู่บางส่วน ก็จะทำให้เกิดความซับซ้อน และปัญหามากขึ้นทุกที ด้านหนึ่งการเก็งกำไรก็จะยังเกิดขึ้น เพราะจะอาศัยช่องว่างจากการที่ตัดสินว่าจะไม่ใช้มาตรการนี้เป็นการชั่วคราว คาดหมายได้ว่านักเก็งกำไรหรือผู้มุ่งมั่นที่จะเก็งกำไรและได้ผลตอบแทนที่ดีก็จะมีวิธีการในการหลีกเลี่ยงกฎเกณฑ์ทั้งหลายที่เกิดขึ้นจะเกี่ยวข้องโดยตรงกับการผ่านตลาดหลักทรัพย์หรือไม่ก็ต้องติดตามต่อไป อีกด้านหนึ่งก็ต้องบอกว่ามาตรการที่คงอยู่ก็จะส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อตลาดตราสารเพราะเสมือนกับว่าการตัดสินใจครั้งนี้ทางการกำลังบอกว่าตลาดหลักทรัพย์ยังต้องการที่จะให้เงินทุนต่างประเทศเข้ามาแต่ตลาดตราสารจะไม่ให้เข้าซึ่งผมคิดว่าจะส่งผลกระทบต่อตลาดตราสารต่อไปในอนาคตและจะไม่เป็นผลดีต่อเศรษฐกิจโดยรวมเพราะสมัยนี้เงินทุนระยะสั้นในตลาดต่าง ๆ มีบทบาทสำคัญในการล่อเลี้ยงเศรษฐกิจให้เดินได้ตามปกติดังนั้นการทบทวนมาตรการต่าง ๆ จึงยังมีความจำเป็นอยู่และขอยืนยันว่าการดำเนินนโยบายทั้งหลายในเรื่องเหล่านี้พรรคฯขอเรียกร้องให้ดำเนินการด้วยความรอบคอบมีความมั่นคงมีความชัดเจนในการส่งสัญญาณและไม่ฝืนธรรมชาติของกลไกเศรษฐกิจ
ส่วนที่2ที่เป็นปัญหาที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ความเชื่อมั่นในกระบวนการทางเศรษฐกิจ เพราะมีการประกาศมาตรการออกมาและมีการแก้ไขอย่างรวดเร็วและขณะเดียวกันก็ไม่มีความชัดเจนว่าทิศทางข้างหน้าจะเป็นอย่างไร ยังมีเครื่องหมายคำถามอีกมากมายว่าถ้าค่าเงินไม่อ่อนลงอย่างที่ทางการต้องการ ถ้าเกิดผลกระทบต่อตลาดตราสารหรือตลาดหลักทรัพย์อะไรจะเกิดขึ้น ตรงนี้ทางที่จะแก้ปัญหาได้คือการพิสูจน์ในเรื่องของธรรมาภิบาลในการกำหนดนโยบายทางด้านเศรษฐกิจเพื่อเรียกความเชื่อมั่นกลับคืนมา
ธรรมาภิบาลก็ต้องหมายถึง หลักของความโปร่งใส หลักของการยอมรับข้อเท็จจริงอย่างตรงไปตรงมาถึงผลกระทบต่าง ๆ ทั้งที่เกิดขึ้นมาแล้วและกำลังจะเกิดขึ้นข้างหน้า เราไม่สบายใจตรงที่บุคคลที่เกี่ยวข้องออกมาให้ความเห็นประหนึ่งว่ามาตรการที่ออกมาอาจมีการผิดพลาดไปบ้างและได้แก้ไขไปแล้วโดยเหมารวมว่าปัญหาที่เกิดขึ้นก็จบแล้ว แต่ในความรู้สึกของนักลงทุนทั้งหลายและผู้เกี่ยวข้องไม่ได้เป็นเช่นนั้น ซึ่งผมคิดว่ายังมีความจำเป็นที่จะต้องพิสูจน์หลักความเป็นธรรมาภิบาลในการที่จะเรียกความเชื่อมั่นกลับคืนมา
ประเด็นสุดท้ายที่อยากจะตั้งข้อสังเกต เพราะเกี่ยวข้องกับธรรมาภิบาลด้วยคือผลพวงที่เกิดจากมาตรการที่ประกาศไปแล้วคือความสับสนว่าผู้กำหนดนโยบายในเรื่องนี้คือธนาคารแห่งประเทศไทยหรือกระทรวงการคลังเพราะ 2 วันที่ผ่านมาเป็นการประกาศมาตรการของธนาคารแห่งประเทศไทยโดยธนาคารแห่งประเทศไทยอย่าชัดเจน ซึ่งจะผ่านกระบวนการปรึกษาหารือกับกระทรวงการคลังนั้นไม่ใช่เรื่องแปลกและไม่ผิดแต่เมื่อวานนี้ในตอนแก้ไขนั้นผู้ที่ประกาศกลับเป็นกระทรวงการคลังจึงเกิดคำถามตามมาว่าจากนี้ไปความเป็นอิสระของธนาคารแห่งประเทศไทยยังเป็นหลักการที่ทางการยืนยันอยู่หรือไม่ ตรงนี้ยังเกิดความสับสน
เพราะฉะนั้นวันนี้ผมคิดว่า นอกจากความจำเป็นที่จะต้องติดตามประเมินผลและทบทวนมาตรการทั้งหมดอย่างต่อเนื่องแล้ว การเร่งเรียกความเชื่อมั่นกลับคืนมาในเรื่องธรรมาภิบาลเป็นเรื่องสำคัญที่สุดที่จะทำให้เราผ่านพ้นวิกฤตที่เกิดขึ้นไปได้
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 20 ธ.ค. 2549--จบ--