แม้ปัจจุบันจีนจะมีตัวเลขทุนสำรองเงินตราต่างประเทศที่แข็งแกร่งมาก เปรียบเสมือนปราการอันแข็งแกร่งต่อเศรษฐกิจ แต่ในขณะเดียวกันจีนก็ได้รับภาวะความกดดันในรูปแบบต่างๆ เช่น แรงกดดันต่ออัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจต่อภาวะเงินเฟ้อ และต่ออัตราแลกเปลี่ยน โดยการเพิ่มขึ้นในทุนสำรองของจีน 80% ของทุนสำรองที่เพิ่มขึ้นทั้งหมดในเอเซีย จึงเป็นตัวแปรสำคัญที่ทำให้เศรษฐกิจของจีนเติบโตอย่างร้อนแรงจนเกินระดับ 10% มา 2 ไตรมาสติดต่อกันในปี 2549 ซึ่งเป็นสัญญาณบ่งชี้ว่าภาวะเศรษฐกิจเงินเฟ้อจะรุนแรงมากขึ้น และหากทั้งการค้าระหว่างประเทศและทุนสำรองของจีนยังคงเป็นเช่นนี้แรงกดดันจากต่างประเทศที่จะให้จีนปรับค่าเงินหยวนย่อมจะมีมากยิ่งขึ้นจีนได้ประกาศยกเลิกระบบผูกขาดค่าเงินหยวนไว้กับดอลลาร์สหรัฐ เมื่อวันที่ 2 กรกฎาคม 2548 และล่าสุดจีนได้เลือกเขตพัฒนาธุรกิจเทียนสิน ปินไห่ เป็นพื้นที่ใหม่ห่างจากกรุงปักกิ่งไปทางใต้ประมาณ 120 กิโลเมตร ทั้งนี้ทางการจีนมีจุดประสงค์จะใช้เป็นพื้นดังกล่าวเป็นเขตนำร่องในการปฏิรูปเศรษฐกิจให้มีกลไกเสรีอย่างเต็มรูปแบบตามแผนพัฒนาระหว่างปี 2549-2553 ซึ่งจะมีการซื้อขายแลกเปลี่ยนเงินหยวนอย่างเสรีและธนาคารสามารถให้บริการการเงินครบวงจร โดยจะช่วยอำนวยความสะดวกทางการเงินให้กับผู้กู้ ผู้ปล่อยกู้ และนักลงทุนต่างประเทศ ซึ่งเป็นการปฏิรูปที่จะไม่มีข้อจำกัดจำนวนเงินตราต่างประเทศที่จะโอนเงินระหว่างธนาคารกับสาขา รวมทั้งจะช่วยลดอุปสรรคให้กับนักลงทุนทั่วไปที่ถือหุ้นในบริษัทจดทะเบียนต่างประเทศ เพื่อเป็นอีกหนึ่งหนทางที่จะช่วยลดแรงกดดันต่อทุนสำรองเงินตราต่างประเทศ ทั้งนี้แผนการนำร่องข้างต้นได้ผ่านการเห็นชอบจากสำนักงานบริหารอัตราแลกเปลี่ยนเรียบร้อยแล้ว
ประเด็นวิเคราะห์:
จีนเลือกแนวทางในการปฏิรูปค่าเงินหยวนในรูปแบบค่อยเป็นค่อยไปในรูปแบบของตนเอง และในล่าสุดจีนได้เลือกเขตพัฒนาเทียนสิน ปินไห่ เป็นพื้นที่นำร่องในการเปิดเสรีระบบอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ ซึ่งนับเป็นโครงการสำคัญของรัฐบาลจีนที่ต้องการให้พื้นที่ดังกล่าวเป็นกลไกขับเคลื่อนการเติบโตทางเศรษฐกิจแห่งที่ 3 ตามหลังเขตเศรษฐกิจพิเศษเสิ้นเจิ้นและผู่ตงในเซี่ยงไฮ้ ซึ่งเป็นหัวใจสร้างความเจริญทางเศรษฐกิจให้กับพื้นที่ชายฝั่งตะวันออกและทางตอนใต้ของประเทศต่อไป
ที่มา: http://www.depthai.go.th