แท็ก
ครม.
สศก. คาด ปี 49 ผลผลิตอ้อยลดเหลือ 45 ล้านตัน ส่งผลให้ผลผลิตน้ำตาลลดลง บวกกับราคาน้ำตาลในตลาดโลกดีดตัวสูงขึ้น เกิดการกักตุนและลักลอบน้ำตาลไปจำหน่ายยังประเทศเพื่อนบ้าน เกิดภาวะขาดแคลนน้ำตาลในประเทศ ด้าน ครม. มีมติ กำหนดราคาอ้อยขั้นต้นตันละ 800 บาทต่อไร่ ซึ่งเป็นราคาที่สูงสุดในรอบ 20 ปี หวังกระตุ้นให้มีการผลิตเพิ่มขึ้น
นางอัญชลี อุไรกุล เลขาธิการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า จากสถานการณ์ผลผลิตอ้อยที่ลดลง ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมาและต่อเนื่องมาจนถึงปีการผลิต 2548/49 ทำให้คาดว่า ผลผลิตอ้อยจะลดลงเหลือ 45 ล้านตันจากเดิมที่เคยผลิตได้สูงสุด 74 ล้านตันในปี 2545/46 ส่งผลให้น้ำตาลที่ผลิตได้ลดลงเช่นกัน ซึ่งปริมาณที่ผลิตได้มีประมาณ 4.59 ล้านตัน โดยผลผลิตดังกล่าวใช้เพื่อการบริโภคภายในประเทศ 2 ล้านตัน เหลือส่งออก 2.59 ล้านตัน และจากสถานการณ์ราคาน้ำตาลทรายดิบและน้ำตาลทรายขาวในตลาดโลกที่ปรับตัวสูงขึ้นทำให้มีการกักตุนน้ำตาล รวมทั้งลักลอบนำน้ำตาลภายใน ที่มีราคาต่ำกว่า ไปจำหน่ายยังประเทศเพื่อนบ้าน จนส่งผลให้เกิดการขาดแคลนน้ำตาลในประเทศ ซึ่งสาเหตุที่ผลผลิตอ้อยและน้ำตาลลดลง เป็นผลจากการลดลงของพื้นที่ปลูกอ้อย และผลผลิตต่อไร่ อันเนื่องจากภาวะความแห้งแล้งที่เกิดขึ้นในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา รวมทั้งราคาอ้อยไม่จูงใจ ทำให้เกษตรกรหันไปปลูกพืชอื่นที่ให้ผลตอบแทนมากกว่า เช่น มันสำปะหลัง ยางพารา ไม้ผล เป็นต้น
อย่างไรก็ตาม คาดว่า พื้นที่ปลูกอ้อยในปีหน้าจะมีการขยายตัวมากขึ้น เนื่องจากในปีการผลิต 2548/49 คณะรัฐมนตรีได้มีมติกำหนดราคาอ้อยขั้นต้นตันละ 800 บาทต่อไร่ ซึ่งเป็นราคาที่สูงที่สุดนับตั้งแต่มีการใช้ระบบแบ่งปันผลประโยชน์ตั้งแต่ปี 2527 เป็นต้นมา ประกอบกับกระทรวงเกษตรฯ ได้กำหนดให้อ้อยเป็นพืชที่จะต้องเร่งรัดพัฒนาประสิทธิภาพการผลิตให้ได้ 12—15 ตันต่อไร่ โดยให้การสนับสนุนในด้านชลประทานอ้อยพันธุ์ดี การปรับปรุงบำรุงดินและเทคโนโลยีการผลิตที่เหมาะสมกับแต่ละแหล่งเพาะปลูกให้กับเกษตรกร ทำให้ผลผลิตอ้อยมีปริมาณเพิ่มขึ้นและผลผลิตน้ำตาลเพิ่มขึ้นตามไปด้วย ซึ่งจะช่วยคลี่คลายสถานการณ์ตึงตัวของภาวการณ์ขาดแคลนน้ำตาลให้ผ่อนคลายลงอีกด้วย นางอัญชลีกล่าวทิ้งท้าย
สถานการณ์การผลิตอ้อยโรงงาน
รายการ/ปีการผลิต 2545/46 2546/47 2547/48
เนื้อที่เพาะปลูก (ล้านไร่) 7.1 7 6.7
ผลผลิต (ล้านตัน) 74.29 64.97 49.67
ราคา ณ ไร่นา (บาท/ตัน) 450 416 520
--สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร--
-พห-
นางอัญชลี อุไรกุล เลขาธิการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า จากสถานการณ์ผลผลิตอ้อยที่ลดลง ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมาและต่อเนื่องมาจนถึงปีการผลิต 2548/49 ทำให้คาดว่า ผลผลิตอ้อยจะลดลงเหลือ 45 ล้านตันจากเดิมที่เคยผลิตได้สูงสุด 74 ล้านตันในปี 2545/46 ส่งผลให้น้ำตาลที่ผลิตได้ลดลงเช่นกัน ซึ่งปริมาณที่ผลิตได้มีประมาณ 4.59 ล้านตัน โดยผลผลิตดังกล่าวใช้เพื่อการบริโภคภายในประเทศ 2 ล้านตัน เหลือส่งออก 2.59 ล้านตัน และจากสถานการณ์ราคาน้ำตาลทรายดิบและน้ำตาลทรายขาวในตลาดโลกที่ปรับตัวสูงขึ้นทำให้มีการกักตุนน้ำตาล รวมทั้งลักลอบนำน้ำตาลภายใน ที่มีราคาต่ำกว่า ไปจำหน่ายยังประเทศเพื่อนบ้าน จนส่งผลให้เกิดการขาดแคลนน้ำตาลในประเทศ ซึ่งสาเหตุที่ผลผลิตอ้อยและน้ำตาลลดลง เป็นผลจากการลดลงของพื้นที่ปลูกอ้อย และผลผลิตต่อไร่ อันเนื่องจากภาวะความแห้งแล้งที่เกิดขึ้นในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา รวมทั้งราคาอ้อยไม่จูงใจ ทำให้เกษตรกรหันไปปลูกพืชอื่นที่ให้ผลตอบแทนมากกว่า เช่น มันสำปะหลัง ยางพารา ไม้ผล เป็นต้น
อย่างไรก็ตาม คาดว่า พื้นที่ปลูกอ้อยในปีหน้าจะมีการขยายตัวมากขึ้น เนื่องจากในปีการผลิต 2548/49 คณะรัฐมนตรีได้มีมติกำหนดราคาอ้อยขั้นต้นตันละ 800 บาทต่อไร่ ซึ่งเป็นราคาที่สูงที่สุดนับตั้งแต่มีการใช้ระบบแบ่งปันผลประโยชน์ตั้งแต่ปี 2527 เป็นต้นมา ประกอบกับกระทรวงเกษตรฯ ได้กำหนดให้อ้อยเป็นพืชที่จะต้องเร่งรัดพัฒนาประสิทธิภาพการผลิตให้ได้ 12—15 ตันต่อไร่ โดยให้การสนับสนุนในด้านชลประทานอ้อยพันธุ์ดี การปรับปรุงบำรุงดินและเทคโนโลยีการผลิตที่เหมาะสมกับแต่ละแหล่งเพาะปลูกให้กับเกษตรกร ทำให้ผลผลิตอ้อยมีปริมาณเพิ่มขึ้นและผลผลิตน้ำตาลเพิ่มขึ้นตามไปด้วย ซึ่งจะช่วยคลี่คลายสถานการณ์ตึงตัวของภาวการณ์ขาดแคลนน้ำตาลให้ผ่อนคลายลงอีกด้วย นางอัญชลีกล่าวทิ้งท้าย
สถานการณ์การผลิตอ้อยโรงงาน
รายการ/ปีการผลิต 2545/46 2546/47 2547/48
เนื้อที่เพาะปลูก (ล้านไร่) 7.1 7 6.7
ผลผลิต (ล้านตัน) 74.29 64.97 49.67
ราคา ณ ไร่นา (บาท/ตัน) 450 416 520
--สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร--
-พห-