ข่าวเศรษฐกิจในประเทศ
1. ยอดใช้จ่ายบัตรเครดิตในต่างประเทศเดือน ต.ค. เพิ่มขึ้นร้อยละ 14.22 ธปท. รายงานยอดการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตเดือน
ต.ค.49 พบว่ามียอดการใช้จ่ายในต่างประเทศ 2,485.15 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้า 309.39 ล้านบาท หรือร้อยละ 14.22 ซึ่ง
ปริมาณการใช้จ่ายในต่างประเทศเพิ่มขึ้นทั้งการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตที่ออกโดย ธ.พาณิชย์ที่มียอดการใช้จ่าย 933.34 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากเดือ
ก่อนหน้าร้อยละ 16.66 ยอดการใช้จ่ายผ่านบัตรของสาขาธนาคารต่างประเทศ 493.64 ล้านบาท เพิ่มขึ้นเป็นสัดส่วนร้อยละ 16.06 ส่วนการ
ใช้จ่ายในต่างประเทศผ่านบัตรเครดิตที่ออกโดยนอนแบงก์ 1,058.17 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนเพิ่มขึ้นร้อยละ 11.34 ด้านการใช้จ่ายผ่าน
บัตรเครดิตในประเทศเพิ่มขึ้นเช่นกันมีมูลค่า 47,215.14 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้า 4,584.93 ล้านบาท หรือร้อยละ 10.76 ซึ่งเพิ่มขึ้น
มากในส่วนของบัตรเครดิตที่ออกโดย ธ.พาณิชย์ในประเทศและสาขาธนาคารต่างประเทศเช่นกัน โดยเพิ่มขึ้นเป็นสัดส่วนร้อยละ 11.72 และร้อยละ
11.84 ตามลำดับ ขณะที่ยอดใช้จ่ายบัตรเครดิตผ่านนอนแบงก์เพิ่มขึ้นร้อยละ 8.92 ส่วนการเบิกใช้เงินสดล่วงหน้าในเดือน ต.ค. ก็เพิ่มขึ้น โดย
มียอดรวม 15,764.42 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้า 1,288.64 ล้านบาท หรือร้อยละ 8.90 ซึ่งเพิ่มขึ้นมากในส่วนของบัตรเครดิตที่
ออกโดยสาขาธนาคารต่างประเทศที่มียอดเบิกเงินสดล่วงหน้าเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 13.82 ขณะที่บัตรที่ออกโดยธนาคารในประเทศเพิ่มขึ้นร้อยละ
8.85 และนอนแบงก์เพิ่มขึ้นร้อยละ 7.84 ทั้งนี้ หากคิดยอดการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตรวมทั้งหมดในเดือน ต.ค. มียอดการใช้จ่ายทั้งสิ้น
65,464.71 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้าที่มียอดการใช้จ่ายรวม 59,281.75 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 10.43 ส่วนยอดสินเชื่อ
บัตรเครดิตคงค้างในเดือน ต.ค. มีปริมาณทั้งสิ้น 163,159.42 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้า 2,783.54 ล้านบาท หรือร้อยละ 1.74
(กรุงเทพธุรกิจ, ผู้จัดการรายวัน, โลกวันนี้)
2. เงินบาทแข็งค่ากระทบทุกฝ่าย ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล รอง นรม. และ รมว.คลัง กล่าวถึงค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นต่อเนื่องว่า
เงินบาทยังเคลื่อนไหวในทิศทางเดียวกับประเทศเพื่อนบ้าน โดยส่วนหนึ่งเกิดจากเงินทุนไหลเข้าจากปัญหาขาดดุลบัญชีเดินสะพัดของ สรอ. จึง
พยายามทำให้เงินดอลลาร์ สรอ. อ่อนค่าลง ซึ่งจะต้องพิจารณาว่าจะทำอย่างไรให้ไทยได้รับผลกระทบน้อยที่สุด แต่หากค่าเงินบาทผันผวนมาก ธปท.
จะมีมาตรการออกมาดูแล และเชื่อว่าเอกชนได้ปรับตัวรองรับการแข็งค่าของเงินบาทในระดับหนึ่ง โดยเฉพาะเอกชนรายใหญ่ และต้องยอมรับว่าการ
ที่เงินบาทแข็งค่าทำให้ภาคเอกชนเริ่มมีต้นทุนในการป้องกันความเสี่ยงเพิ่มขึ้น และ ธปท. ก็มีต้นทุนเพิ่มขึ้นในการเข้าไปแทรกแซงค่าเงินบาท ดังนั้น
เมื่อปัญหาเกิดจากปัจจัยภายนอกทุกฝ่ายต้องร่วมมือกันหาทางป้องกันและแก้ไข (ผู้จัดการรายวัน, โพสต์ทูเดย์, กรุงเทพธุรกิจ)
3. ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือน พ.ย.49 ลดลงเป็นครั้งแรกในรอบ 3 เดือน นายธนวรรธน์ พลวิชัย ผอ.ศูนย์พยากรณ์เศรษฐt
และธุรกิจ ม.หอการค้า เปิดเผยถึงผลสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคเดือน พ.ย.49 ว่า ดัชนีทุกรายการปรับตัวลดลงเป็นครั้งแรกในรอบ
3 เดือน โดยดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับเศรษฐกิจโดยรวมอยู่ที่ 77.2 ดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับโอกาสหางานทำโดยรวมอยู่ที่ 78.1 และดัชนี
ความเชื่อมั่นเกี่ยวกับรายได้ในอนาคตอยู่ที่ 94.2 ส่งผลให้ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคเฉลี่ยอยู่ที่ 83.1 โดยสาเหตุหลักที่ทำให้ดัชนีปรับตัวลดลง
คือปัญหาน้ำท่วม ทำให้ผู้บริโภคกังวลถึงรายได้ในอนาคตส่งผลให้การซื้อขายไม่คึกคัก และเงินบาที่แข็งค่าขึ้นอย่างรวดเร็วทำให้กระทบต่อการส่งออก
และอาจต่อเนื่องไปถึงการขยายตัวทางเศรษฐกิจ รวมทั้งผู้บริโภคยังไม่เห็นนโยบายที่ชัดเจนของรัฐบาลในการที่จะฟื้นเศรษฐกิจในปี 50 หากรัฐบาล
เร่งใช้ งปม. และโครงการเมกะโปรเจกต์ในการลงทุนในช่วงต้นปี 50 คาดว่าผู้บริโภคจะเริ่มใช้จ่ายเพิ่มขึ้นปลายไตรมาส 1 ปี 50 และจะชัดเจน
ขึ้นในช่วงกลางปี 50 (โลกวันนี้, ไทยรัฐ, เดลินิวส์)
4. คาดว่าผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนตลาดหลักทรัพย์ปีนี้จะเติบโตร้อยละ 10 นายวิจิตร สุพินิจ ประธานกรรมการตลาดหลักทรัพย์
แห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ภาพรวมผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนในปีนี้น่าจะเติบโตได้ร้อยละ 10 เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา ต่ำกว่าเป้าหมาย
ที่ตั้งไว้เล็กน้อย เนื่องจากบริษัทจดทะเบียนมีต้นทุนสูงขึ้นจากราคาน้ำมันที่เพิ่มขึ้น ประกอบกับช่วงปลายไตรมาส 4 บางบริษัทได้รับผลกระทบจาก
ค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้น ส่วนปีหน้าคาดว่าผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนจะเติบโตได้ดีกว่านี้ เนื่องจากมีปัจจัยสนับสนุนจากเศรษฐกิจที่ขยายตัวได้ดี
และสถานการณ์ในประเทศที่ดีขึ้น สำหรับปัจจัยค่าเงินบาทที่มีแนวโน้มแข็งค่าขึ้นจะไม่ส่งผลกระทบกับผลการดำเนินงานมากนัก เนื่องจากไทยยังมีข้อได้
เปรียบด้านต้นทุนต่ำ ประกอบกับค่าเงินของประเทศคู่แข่งในภูมิภาคก็มีทิศทางแข็งค่าขึ้นเช่นเดียวกับค่าเงินบาท (เดลินิวส์)
ข่าวเศรษฐกิจต่างประเทศ
1. ภาคธุรกิจของ สรอ. คาดว่าเศรษฐกิจ สรอ.ในปี 50 จะไม่เข้าสู่ภาวะถดถอย รายงานจากวอชิงตัน เมื่อ 14 ธ.ค.49
หอการค้าของ สรอ.ซึ่งเป็นตัวแทนของธุรกิจมากกว่า 3 ล้านแห่งทั้งในและนอก สรอ. คาดว่าเศรษฐกิจ สรอ.ในปี 50 จะยังคงขยายตัวต่อเนื่อง
จากปี 49 โดยไม่คาดว่าตลาดบ้านที่กำลังชะลอตัวลงจะนำไปสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอยตามที่นักวิเคราะห์ในตลาดเงินคาดไว้ โดยเชื่อว่าผู้บริโภคของ
สรอ.จะยังคงใช้จ่ายต่อไปแม้ว่าราคาบ้านจะลดลงก็ตาม และคาดว่าเศรษฐกิจ สรอ. จะขยายตัวระหว่างร้อยละ 2.0 ถึง 2.25 ต่อปีในไตรมาส
สุดท้ายปี 49 ก่อนที่จะขยายตัวประมาณร้อยละ 3.0 ในช่วงครึ่งปีแรกของปี 50 ซึ่งใกล้เคียงกับแนวโน้มระยะยาวซึ่งอยู่ที่ประมาณร้อยละ 3.25 ต่อปี
ทั้งนี้ คาดว่า ธ.กลาง สรอ.จะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ร้อยละ 5.25 ต่อปีในช่วง 6 เดือนข้างหน้า ในขณะที่ค่าเงินดอลลาร์ สรอ.จะยังคง
อ่อนตัวต่อไปซึ่งจะมีส่วนช่วยให้การส่งออกดีขึ้น (รอยเตอร์)
2. การจ้างงานใน Euro zone ขยายตัวร้อยละ 1.4 ในไตรมาสที่ 3 ปี 49 เมื่อเทียบต่อปี รายงานจากบรัสเซลส์ เมื่อ
14 ธ.ค.49 สนง.สถิติกลางของยุโรปรายงานมีการจ้างงานใหม่เพิ่มขึ้นสุทธิ 517,000 ตำแหน่งในเขตเศรษฐกิจยุโรปหรือ Euro zone
ในช่วงเดือน ก.ค.ถึง ก.ย.49 หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.4 ต่อไตรมาสและเพิ่มขึ้นร้อยละ 1.4 เมื่อเทียบไตรมาสที่ 3 ปี 48 ในขณะที่ค่าจ้างเพิ่มสูงขึ้น
ร้อยละ 2.2 ต่อไตรมาส ชะลอตัวลงจากร้อยละ 2.6 ในไตรมาสที่ 2 และร้อยละ 2.8 ในไตรมาสแรก นักวิเคราะห์จึงมีความเห็นว่าการขยายตัว
ของการจ้างงานและค่าจ้างซึ่งมีส่วนช่วยให้การใช้จ่ายภาคครัวเรือนเพิ่มสูงขึ้น เมื่อประกอบกับการขึ้นอัตราภาษีที่เรียกเก็บจากผู้บริโภคในเยอรมนี
อีกร้อยละ 3.0 ในปี 50 อาจสร้างแรงกดดันต่อภาวะเงินเฟ้อซึ่ง ธ.กลางยุโรปหรือ ECB ต้องการให้อยู่ในต่ำกว่าร้อยละ 2.0 ต่อปี ทั้งนี้ ECB
คาดว่าอัตราเงินเฟ้อในปี 50 จะอยู่ที่ร้อยละ 2.0 ชะลอตัวลงเล็กน้อยจากร้อยละ 2.1 ในปี 49 นักวิเคราะห์จึงคาดว่า ECB จะยังคงขึ้นอัตรา
ดอกเบี้ยนโยบายต่อไปในต้นปี 50 หลังจากขึ้นอัตราดอกเบี้ยเป็นร้อยละ 3.5 ต่อปีเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยนับเป็นการขึ้นอัตราดอกเบี้ยเป็นครั้งที่
6 ในรอบปีที่ผ่านมา (รอยเตอร์)
3. ยอดขายปลีกของอังกฤษในเดือน พ.ย.49 เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.1 รายงานจากลอนดอนเมื่อ 14 ธ.ค.49
The statistics office เปิดเผยว่า ยอดขายปลีกของอังกฤษในเดือน พ.ย.49 เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.3 เหนือความคาดหมายของนักวิเคราะห์ซึ่ง
คาดว่ายอดขายปลีกจะเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.1 แต่ยังคงต่ำกว่าตัวเลขของเดือนก่อนหน้าซึ่งเพิ่มขึ้นร้อยละ 1 โดยยอดขายปลีกของธุรกิจค้าปลีกทุกประเภท
ขยายตัวทั้งหมดยกเว้นธุรกิจอาหาร โดยเฉพาะธุรกิจการสั่งซื้อทางไปรษณีย์และการซื้อขายทางอินเทอร์เน็ตซึ่งปรับตัวเพิ่มขึ้นมากจากเดือนก่อนหน้า
เนื่องจากเป็นธุรกิจที่สร้างสะดวกสบายในการจับจ่ายสินค้าให้กับผู้บริโภคอังกฤษ นอกจากนี้ นักวิเคราะห์จากบรรดาธุรกิจค้าปลีกต่างคาดหมายว่า
ยอดขายปลีกจะเพิ่มขึ้นประมาณร้อยละ 1 ถึง 2 ในช่วงเทศกาลคริสมาสต์ที่จะถึงนี้เมื่อเทียบกับคริสมาสต์ก่อนหน้า (รอยเตอร์)
4. ความเชื่อมั่นผู้ประกอบการผลิตของญี่ปุ่นเดือน ธ.ค.49 เพิ่มขึ้นอยู่ที่ระดับ +25 รายงานจากโตเกียว เมื่อ 15 ธ.ค.49
ธ.กลางญี่ปุ่น รายงานผลสำรวจ tankan (เป็นมุมมองภาวะเศรษฐกิจระยะสั้น) ประจำเดือน ธ.ค.49 ว่า Diffusion index (DI)
สำหรับความเชื่อมั่นของผู้ประกอบการผลิตขนาดใหญ่เพิ่มขึ้นเล็กน้อย โดยอยู่ที่ระดับ +25 จากระดับ +24 ในการสำรวจเมื่อเดือน ก.ย.49 ซึ่ง
สอดคล้องเท่ากับที่ตลาดคาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ว่าจะอยู่ที่ระดับ +25 เช่นเดียวกัน ส่วนดัชนีที่สะท้อนถึงมุมมองของผู้ประกอบการผลิตเกี่ยวกับภาวะ
เศรษฐกิจสำหรับ 3 เดือนข้างหน้าชะลอลงอยู่ที่ระดับ +22 ทั้งนี้ ตลาดได้เฝ้าติดตามตัวเลขดังกล่าวอย่างใกล้ชิด เนื่องจาก ธ.กลางใช้ประกอบการ
พิจารณาปรับอัตราดอกเบี้ยนโยบาย นอกจากนี้ tankan ยังรายงานว่า ผู้ประกอบการส่วนใหญ่คาดว่าการใช้จ่ายเงินทุนในปี งปม.49
(สิ้นสุดเดือน มี.ค.50) จะเพิ่มขึ้นอยู่ที่ร้อยละ 12.4 เทียบกับที่ตลาดคาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้นร้อยละ 12.2 (รอยเตอร์)
ข้อมูลเศรษฐกิจ 15 ธ.ค. 49 14 ธ.ค. 49 31 ม.ค. 49
อัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยระหว่างธนาคาร (Bht/1US$) 35.245 39.078 ธปท.
อัตราซื้อถัวเฉลี่ยตั๋วเงิน/อัตราขายถัวเฉลี่ยของ ธพ. (Bht/1US$) 35.0612/35.3551 38.9113/39.2013 ธปท.
อัตราดอกเบี้ยกู้ยืมระหว่าง ธพ. ขนาดใหญ่ระยะ 7 วัน (ร้อยละ) 5.12313 4.29375 รอยเตอร์
ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ (จุด)/มูลค่าซื้อ/ขาย (พันล้านบาท) 732.40/13.56 762.63/12.66 ตลท.
ราคาทองคำแท่ง (ซื้อ/ขายบาทละ) 10,400/10,500 10,450/10,550 10,350/10,450 สมาคมค้าทองคำ
ราคาน้ำมันดิบดูไบ (US$/บาเรล) 58.49 57.63 60.96 ปตท./รอยเตอร์
ราคาน้ำมันเบนซิน 95/ดีเซล (บาท) * ปรับเพิ่ม เมื่อ 2 ธ.ค. 49 ** ปรับเพิ่ม เมื่อ 7 ธ.ค. 49 26.09*/23.74** 26.09*/23.74** 27.24/24.69 ปตท.
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--
1. ยอดใช้จ่ายบัตรเครดิตในต่างประเทศเดือน ต.ค. เพิ่มขึ้นร้อยละ 14.22 ธปท. รายงานยอดการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตเดือน
ต.ค.49 พบว่ามียอดการใช้จ่ายในต่างประเทศ 2,485.15 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้า 309.39 ล้านบาท หรือร้อยละ 14.22 ซึ่ง
ปริมาณการใช้จ่ายในต่างประเทศเพิ่มขึ้นทั้งการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตที่ออกโดย ธ.พาณิชย์ที่มียอดการใช้จ่าย 933.34 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากเดือ
ก่อนหน้าร้อยละ 16.66 ยอดการใช้จ่ายผ่านบัตรของสาขาธนาคารต่างประเทศ 493.64 ล้านบาท เพิ่มขึ้นเป็นสัดส่วนร้อยละ 16.06 ส่วนการ
ใช้จ่ายในต่างประเทศผ่านบัตรเครดิตที่ออกโดยนอนแบงก์ 1,058.17 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนเพิ่มขึ้นร้อยละ 11.34 ด้านการใช้จ่ายผ่าน
บัตรเครดิตในประเทศเพิ่มขึ้นเช่นกันมีมูลค่า 47,215.14 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้า 4,584.93 ล้านบาท หรือร้อยละ 10.76 ซึ่งเพิ่มขึ้น
มากในส่วนของบัตรเครดิตที่ออกโดย ธ.พาณิชย์ในประเทศและสาขาธนาคารต่างประเทศเช่นกัน โดยเพิ่มขึ้นเป็นสัดส่วนร้อยละ 11.72 และร้อยละ
11.84 ตามลำดับ ขณะที่ยอดใช้จ่ายบัตรเครดิตผ่านนอนแบงก์เพิ่มขึ้นร้อยละ 8.92 ส่วนการเบิกใช้เงินสดล่วงหน้าในเดือน ต.ค. ก็เพิ่มขึ้น โดย
มียอดรวม 15,764.42 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้า 1,288.64 ล้านบาท หรือร้อยละ 8.90 ซึ่งเพิ่มขึ้นมากในส่วนของบัตรเครดิตที่
ออกโดยสาขาธนาคารต่างประเทศที่มียอดเบิกเงินสดล่วงหน้าเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 13.82 ขณะที่บัตรที่ออกโดยธนาคารในประเทศเพิ่มขึ้นร้อยละ
8.85 และนอนแบงก์เพิ่มขึ้นร้อยละ 7.84 ทั้งนี้ หากคิดยอดการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตรวมทั้งหมดในเดือน ต.ค. มียอดการใช้จ่ายทั้งสิ้น
65,464.71 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้าที่มียอดการใช้จ่ายรวม 59,281.75 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 10.43 ส่วนยอดสินเชื่อ
บัตรเครดิตคงค้างในเดือน ต.ค. มีปริมาณทั้งสิ้น 163,159.42 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้า 2,783.54 ล้านบาท หรือร้อยละ 1.74
(กรุงเทพธุรกิจ, ผู้จัดการรายวัน, โลกวันนี้)
2. เงินบาทแข็งค่ากระทบทุกฝ่าย ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล รอง นรม. และ รมว.คลัง กล่าวถึงค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นต่อเนื่องว่า
เงินบาทยังเคลื่อนไหวในทิศทางเดียวกับประเทศเพื่อนบ้าน โดยส่วนหนึ่งเกิดจากเงินทุนไหลเข้าจากปัญหาขาดดุลบัญชีเดินสะพัดของ สรอ. จึง
พยายามทำให้เงินดอลลาร์ สรอ. อ่อนค่าลง ซึ่งจะต้องพิจารณาว่าจะทำอย่างไรให้ไทยได้รับผลกระทบน้อยที่สุด แต่หากค่าเงินบาทผันผวนมาก ธปท.
จะมีมาตรการออกมาดูแล และเชื่อว่าเอกชนได้ปรับตัวรองรับการแข็งค่าของเงินบาทในระดับหนึ่ง โดยเฉพาะเอกชนรายใหญ่ และต้องยอมรับว่าการ
ที่เงินบาทแข็งค่าทำให้ภาคเอกชนเริ่มมีต้นทุนในการป้องกันความเสี่ยงเพิ่มขึ้น และ ธปท. ก็มีต้นทุนเพิ่มขึ้นในการเข้าไปแทรกแซงค่าเงินบาท ดังนั้น
เมื่อปัญหาเกิดจากปัจจัยภายนอกทุกฝ่ายต้องร่วมมือกันหาทางป้องกันและแก้ไข (ผู้จัดการรายวัน, โพสต์ทูเดย์, กรุงเทพธุรกิจ)
3. ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือน พ.ย.49 ลดลงเป็นครั้งแรกในรอบ 3 เดือน นายธนวรรธน์ พลวิชัย ผอ.ศูนย์พยากรณ์เศรษฐt
และธุรกิจ ม.หอการค้า เปิดเผยถึงผลสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคเดือน พ.ย.49 ว่า ดัชนีทุกรายการปรับตัวลดลงเป็นครั้งแรกในรอบ
3 เดือน โดยดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับเศรษฐกิจโดยรวมอยู่ที่ 77.2 ดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับโอกาสหางานทำโดยรวมอยู่ที่ 78.1 และดัชนี
ความเชื่อมั่นเกี่ยวกับรายได้ในอนาคตอยู่ที่ 94.2 ส่งผลให้ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคเฉลี่ยอยู่ที่ 83.1 โดยสาเหตุหลักที่ทำให้ดัชนีปรับตัวลดลง
คือปัญหาน้ำท่วม ทำให้ผู้บริโภคกังวลถึงรายได้ในอนาคตส่งผลให้การซื้อขายไม่คึกคัก และเงินบาที่แข็งค่าขึ้นอย่างรวดเร็วทำให้กระทบต่อการส่งออก
และอาจต่อเนื่องไปถึงการขยายตัวทางเศรษฐกิจ รวมทั้งผู้บริโภคยังไม่เห็นนโยบายที่ชัดเจนของรัฐบาลในการที่จะฟื้นเศรษฐกิจในปี 50 หากรัฐบาล
เร่งใช้ งปม. และโครงการเมกะโปรเจกต์ในการลงทุนในช่วงต้นปี 50 คาดว่าผู้บริโภคจะเริ่มใช้จ่ายเพิ่มขึ้นปลายไตรมาส 1 ปี 50 และจะชัดเจน
ขึ้นในช่วงกลางปี 50 (โลกวันนี้, ไทยรัฐ, เดลินิวส์)
4. คาดว่าผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนตลาดหลักทรัพย์ปีนี้จะเติบโตร้อยละ 10 นายวิจิตร สุพินิจ ประธานกรรมการตลาดหลักทรัพย์
แห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ภาพรวมผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนในปีนี้น่าจะเติบโตได้ร้อยละ 10 เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา ต่ำกว่าเป้าหมาย
ที่ตั้งไว้เล็กน้อย เนื่องจากบริษัทจดทะเบียนมีต้นทุนสูงขึ้นจากราคาน้ำมันที่เพิ่มขึ้น ประกอบกับช่วงปลายไตรมาส 4 บางบริษัทได้รับผลกระทบจาก
ค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้น ส่วนปีหน้าคาดว่าผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนจะเติบโตได้ดีกว่านี้ เนื่องจากมีปัจจัยสนับสนุนจากเศรษฐกิจที่ขยายตัวได้ดี
และสถานการณ์ในประเทศที่ดีขึ้น สำหรับปัจจัยค่าเงินบาทที่มีแนวโน้มแข็งค่าขึ้นจะไม่ส่งผลกระทบกับผลการดำเนินงานมากนัก เนื่องจากไทยยังมีข้อได้
เปรียบด้านต้นทุนต่ำ ประกอบกับค่าเงินของประเทศคู่แข่งในภูมิภาคก็มีทิศทางแข็งค่าขึ้นเช่นเดียวกับค่าเงินบาท (เดลินิวส์)
ข่าวเศรษฐกิจต่างประเทศ
1. ภาคธุรกิจของ สรอ. คาดว่าเศรษฐกิจ สรอ.ในปี 50 จะไม่เข้าสู่ภาวะถดถอย รายงานจากวอชิงตัน เมื่อ 14 ธ.ค.49
หอการค้าของ สรอ.ซึ่งเป็นตัวแทนของธุรกิจมากกว่า 3 ล้านแห่งทั้งในและนอก สรอ. คาดว่าเศรษฐกิจ สรอ.ในปี 50 จะยังคงขยายตัวต่อเนื่อง
จากปี 49 โดยไม่คาดว่าตลาดบ้านที่กำลังชะลอตัวลงจะนำไปสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอยตามที่นักวิเคราะห์ในตลาดเงินคาดไว้ โดยเชื่อว่าผู้บริโภคของ
สรอ.จะยังคงใช้จ่ายต่อไปแม้ว่าราคาบ้านจะลดลงก็ตาม และคาดว่าเศรษฐกิจ สรอ. จะขยายตัวระหว่างร้อยละ 2.0 ถึง 2.25 ต่อปีในไตรมาส
สุดท้ายปี 49 ก่อนที่จะขยายตัวประมาณร้อยละ 3.0 ในช่วงครึ่งปีแรกของปี 50 ซึ่งใกล้เคียงกับแนวโน้มระยะยาวซึ่งอยู่ที่ประมาณร้อยละ 3.25 ต่อปี
ทั้งนี้ คาดว่า ธ.กลาง สรอ.จะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ร้อยละ 5.25 ต่อปีในช่วง 6 เดือนข้างหน้า ในขณะที่ค่าเงินดอลลาร์ สรอ.จะยังคง
อ่อนตัวต่อไปซึ่งจะมีส่วนช่วยให้การส่งออกดีขึ้น (รอยเตอร์)
2. การจ้างงานใน Euro zone ขยายตัวร้อยละ 1.4 ในไตรมาสที่ 3 ปี 49 เมื่อเทียบต่อปี รายงานจากบรัสเซลส์ เมื่อ
14 ธ.ค.49 สนง.สถิติกลางของยุโรปรายงานมีการจ้างงานใหม่เพิ่มขึ้นสุทธิ 517,000 ตำแหน่งในเขตเศรษฐกิจยุโรปหรือ Euro zone
ในช่วงเดือน ก.ค.ถึง ก.ย.49 หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.4 ต่อไตรมาสและเพิ่มขึ้นร้อยละ 1.4 เมื่อเทียบไตรมาสที่ 3 ปี 48 ในขณะที่ค่าจ้างเพิ่มสูงขึ้น
ร้อยละ 2.2 ต่อไตรมาส ชะลอตัวลงจากร้อยละ 2.6 ในไตรมาสที่ 2 และร้อยละ 2.8 ในไตรมาสแรก นักวิเคราะห์จึงมีความเห็นว่าการขยายตัว
ของการจ้างงานและค่าจ้างซึ่งมีส่วนช่วยให้การใช้จ่ายภาคครัวเรือนเพิ่มสูงขึ้น เมื่อประกอบกับการขึ้นอัตราภาษีที่เรียกเก็บจากผู้บริโภคในเยอรมนี
อีกร้อยละ 3.0 ในปี 50 อาจสร้างแรงกดดันต่อภาวะเงินเฟ้อซึ่ง ธ.กลางยุโรปหรือ ECB ต้องการให้อยู่ในต่ำกว่าร้อยละ 2.0 ต่อปี ทั้งนี้ ECB
คาดว่าอัตราเงินเฟ้อในปี 50 จะอยู่ที่ร้อยละ 2.0 ชะลอตัวลงเล็กน้อยจากร้อยละ 2.1 ในปี 49 นักวิเคราะห์จึงคาดว่า ECB จะยังคงขึ้นอัตรา
ดอกเบี้ยนโยบายต่อไปในต้นปี 50 หลังจากขึ้นอัตราดอกเบี้ยเป็นร้อยละ 3.5 ต่อปีเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยนับเป็นการขึ้นอัตราดอกเบี้ยเป็นครั้งที่
6 ในรอบปีที่ผ่านมา (รอยเตอร์)
3. ยอดขายปลีกของอังกฤษในเดือน พ.ย.49 เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.1 รายงานจากลอนดอนเมื่อ 14 ธ.ค.49
The statistics office เปิดเผยว่า ยอดขายปลีกของอังกฤษในเดือน พ.ย.49 เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.3 เหนือความคาดหมายของนักวิเคราะห์ซึ่ง
คาดว่ายอดขายปลีกจะเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.1 แต่ยังคงต่ำกว่าตัวเลขของเดือนก่อนหน้าซึ่งเพิ่มขึ้นร้อยละ 1 โดยยอดขายปลีกของธุรกิจค้าปลีกทุกประเภท
ขยายตัวทั้งหมดยกเว้นธุรกิจอาหาร โดยเฉพาะธุรกิจการสั่งซื้อทางไปรษณีย์และการซื้อขายทางอินเทอร์เน็ตซึ่งปรับตัวเพิ่มขึ้นมากจากเดือนก่อนหน้า
เนื่องจากเป็นธุรกิจที่สร้างสะดวกสบายในการจับจ่ายสินค้าให้กับผู้บริโภคอังกฤษ นอกจากนี้ นักวิเคราะห์จากบรรดาธุรกิจค้าปลีกต่างคาดหมายว่า
ยอดขายปลีกจะเพิ่มขึ้นประมาณร้อยละ 1 ถึง 2 ในช่วงเทศกาลคริสมาสต์ที่จะถึงนี้เมื่อเทียบกับคริสมาสต์ก่อนหน้า (รอยเตอร์)
4. ความเชื่อมั่นผู้ประกอบการผลิตของญี่ปุ่นเดือน ธ.ค.49 เพิ่มขึ้นอยู่ที่ระดับ +25 รายงานจากโตเกียว เมื่อ 15 ธ.ค.49
ธ.กลางญี่ปุ่น รายงานผลสำรวจ tankan (เป็นมุมมองภาวะเศรษฐกิจระยะสั้น) ประจำเดือน ธ.ค.49 ว่า Diffusion index (DI)
สำหรับความเชื่อมั่นของผู้ประกอบการผลิตขนาดใหญ่เพิ่มขึ้นเล็กน้อย โดยอยู่ที่ระดับ +25 จากระดับ +24 ในการสำรวจเมื่อเดือน ก.ย.49 ซึ่ง
สอดคล้องเท่ากับที่ตลาดคาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ว่าจะอยู่ที่ระดับ +25 เช่นเดียวกัน ส่วนดัชนีที่สะท้อนถึงมุมมองของผู้ประกอบการผลิตเกี่ยวกับภาวะ
เศรษฐกิจสำหรับ 3 เดือนข้างหน้าชะลอลงอยู่ที่ระดับ +22 ทั้งนี้ ตลาดได้เฝ้าติดตามตัวเลขดังกล่าวอย่างใกล้ชิด เนื่องจาก ธ.กลางใช้ประกอบการ
พิจารณาปรับอัตราดอกเบี้ยนโยบาย นอกจากนี้ tankan ยังรายงานว่า ผู้ประกอบการส่วนใหญ่คาดว่าการใช้จ่ายเงินทุนในปี งปม.49
(สิ้นสุดเดือน มี.ค.50) จะเพิ่มขึ้นอยู่ที่ร้อยละ 12.4 เทียบกับที่ตลาดคาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้นร้อยละ 12.2 (รอยเตอร์)
ข้อมูลเศรษฐกิจ 15 ธ.ค. 49 14 ธ.ค. 49 31 ม.ค. 49
อัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยระหว่างธนาคาร (Bht/1US$) 35.245 39.078 ธปท.
อัตราซื้อถัวเฉลี่ยตั๋วเงิน/อัตราขายถัวเฉลี่ยของ ธพ. (Bht/1US$) 35.0612/35.3551 38.9113/39.2013 ธปท.
อัตราดอกเบี้ยกู้ยืมระหว่าง ธพ. ขนาดใหญ่ระยะ 7 วัน (ร้อยละ) 5.12313 4.29375 รอยเตอร์
ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ (จุด)/มูลค่าซื้อ/ขาย (พันล้านบาท) 732.40/13.56 762.63/12.66 ตลท.
ราคาทองคำแท่ง (ซื้อ/ขายบาทละ) 10,400/10,500 10,450/10,550 10,350/10,450 สมาคมค้าทองคำ
ราคาน้ำมันดิบดูไบ (US$/บาเรล) 58.49 57.63 60.96 ปตท./รอยเตอร์
ราคาน้ำมันเบนซิน 95/ดีเซล (บาท) * ปรับเพิ่ม เมื่อ 2 ธ.ค. 49 ** ปรับเพิ่ม เมื่อ 7 ธ.ค. 49 26.09*/23.74** 26.09*/23.74** 27.24/24.69 ปตท.
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--