แท็ก
เกษตรกร
สศก. ศึกษาการพัฒนาการเกษตรต่อคุณภาพชีวิตของเกษตรกรไทยในช่วงแผนพัฒนาฯ ฉบับที่ 7-9 เผยภาพรวมเกษตรกรมีคุณภาพชีวิตดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่ควรเน้นพัฒนาแหล่งน้ำ การใช้ที่ดิน เร่งแก้ปัญหาหนี้สิน และส่งเสริมการศึกษา เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตเกษตรกรให้ดียิ่งขึ้น โดยจะมีการสำรวจผลดังกล่าวทุกๆ 2 ปี
นายพินิจ กอศรีพร รองเลขาธิการและโฆษกสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร ได้ทำการศึกษาผลการพัฒนาการเกษตรต่อคุณภาพชีวิตของเกษตรกรไทยในช่วงแผนพัฒนาฯ ฉบับที่ 7-9 โดยสร้างดัชนีวัดการพัฒนา 4 ด้าน ประกอบด้วยด้านเศรษฐกิจ สุขอนามัย การศึกษา และสังคม พบว่า ในภาพรวมเกษตรกรมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากปี 2539 ค่าดัชนีวัดได้ 0.641 (ช่วงแผน 7) เพิ่มขึ้นเป็น 0.701 ในปี 2543 (ช่วงแผน 8) และเป็น 0.757 ในปี 2548 (ช่วงแผน 9) ทั้งนี้หากค่าดัชนีเข้าใกล้ 1 มากเท่าใด ก็แสดงว่าผลการพัฒนามีความสำเร็จมาก และเมื่อพิจารณาผลการพัฒนาในแต่ละด้าน พบว่า ด้านสุขอนามัยอยู่ในระดับดีขึ้นมาก ด้านสังคมอยู่ในระดับดี ส่วนด้านเศรษฐกิจและด้านการศึกษาจัดอยู่ในระดับที่ต้องเร่งปรับปรุง
ในด้านสุขอนามัย เกษตรกรได้รับการบริการด้านสุขอนามัยทั่วถึงมากขึ้น เด็กแรกเกิดถึง 5 ปี ได้รับอาหารเพียงพอและเจริญเติบโตตามเกณฑ์ ครัวเรือนได้บริโภคอาหารมีคุณภาพและได้มาตรฐาน มีน้ำสะอาดดื่มและบริโภคเพียงพอ สำหรับด้านสังคม การดำเนินงานของภาครัฐ ทำให้เกษตรกรมีการเข้าร่วมกลุ่มและทำกิจกรรมสาธารณประโยชน์ในท้องถิ่นมากขึ้น ด้านเศรษฐกิจ ผลการพัฒนาการเกษตรไม่สามารถยกระดับรายได้ของเกษตรกรให้เพิ่มสูงขึ้นมากนัก ความไม่เท่าเทียมกันในการกระจายรายได้ก็ยังคงสูงอยู่ ส่งผลให้เกษตรกรมีการกู้หนี้ยืมสิน เพื่อนำมาใช้ในชีวิตประจำวันและลงทุนทางการเกษตรเพิ่มขึ้น การพัฒนาแหล่งน้ำและประสิทธิภาพการใช้ที่ดินก็ยังดำเนินการได้น้อย ส่วนด้านการศึกษา เกษตรกรส่วนใหญ่ได้รับการศึกษาเพียงภาคบังคับ ซึ่งมีผลต่อการยอมรับเทคโนโลยี การเพิ่มทักษะความรู้ในการจัดการทรัพยากรการผลิต การแปรรูป และการตลาด จึงทำให้การยกระดับรายได้และคุณภาพชีวิตของเกษตรกรเป็นแบบค่อยเป็นค่อยไป
ดังนั้น แนวทางพัฒนาเพื่อให้เกษตรกรมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น จึงควรมีการพัฒนาแหล่งน้ำ การใช้ที่ดิน ส่งเสริมให้เกษตรกรใช้ปัจจัยการผลิตอย่างมีประสิทธิภาพ เร่งรัดการแก้ไขปัญหาหนี้สินให้เกษตรกรอย่างต่อเนื่องและเป็นธรรม สนับสนุนให้ครัวเรือนเกษตรได้รับการศึกษาสูงขึ้น รวมทั้งการฝึกวิชาชีพ ส่งเสริมกระบวนการเรียนรู้และการประยุกต์ใช้ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงให้เหมาะสมต่อการดำรงชีพ สำหรับการวัดผลการพัฒนาการเกษตรและคุณภาพชีวิตของเกษตรกรจะดำเนินการทุกๆ 2 ปี นายพินิจกล่าวทิ้งท้าย
--สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร--
-พห-
นายพินิจ กอศรีพร รองเลขาธิการและโฆษกสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร ได้ทำการศึกษาผลการพัฒนาการเกษตรต่อคุณภาพชีวิตของเกษตรกรไทยในช่วงแผนพัฒนาฯ ฉบับที่ 7-9 โดยสร้างดัชนีวัดการพัฒนา 4 ด้าน ประกอบด้วยด้านเศรษฐกิจ สุขอนามัย การศึกษา และสังคม พบว่า ในภาพรวมเกษตรกรมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากปี 2539 ค่าดัชนีวัดได้ 0.641 (ช่วงแผน 7) เพิ่มขึ้นเป็น 0.701 ในปี 2543 (ช่วงแผน 8) และเป็น 0.757 ในปี 2548 (ช่วงแผน 9) ทั้งนี้หากค่าดัชนีเข้าใกล้ 1 มากเท่าใด ก็แสดงว่าผลการพัฒนามีความสำเร็จมาก และเมื่อพิจารณาผลการพัฒนาในแต่ละด้าน พบว่า ด้านสุขอนามัยอยู่ในระดับดีขึ้นมาก ด้านสังคมอยู่ในระดับดี ส่วนด้านเศรษฐกิจและด้านการศึกษาจัดอยู่ในระดับที่ต้องเร่งปรับปรุง
ในด้านสุขอนามัย เกษตรกรได้รับการบริการด้านสุขอนามัยทั่วถึงมากขึ้น เด็กแรกเกิดถึง 5 ปี ได้รับอาหารเพียงพอและเจริญเติบโตตามเกณฑ์ ครัวเรือนได้บริโภคอาหารมีคุณภาพและได้มาตรฐาน มีน้ำสะอาดดื่มและบริโภคเพียงพอ สำหรับด้านสังคม การดำเนินงานของภาครัฐ ทำให้เกษตรกรมีการเข้าร่วมกลุ่มและทำกิจกรรมสาธารณประโยชน์ในท้องถิ่นมากขึ้น ด้านเศรษฐกิจ ผลการพัฒนาการเกษตรไม่สามารถยกระดับรายได้ของเกษตรกรให้เพิ่มสูงขึ้นมากนัก ความไม่เท่าเทียมกันในการกระจายรายได้ก็ยังคงสูงอยู่ ส่งผลให้เกษตรกรมีการกู้หนี้ยืมสิน เพื่อนำมาใช้ในชีวิตประจำวันและลงทุนทางการเกษตรเพิ่มขึ้น การพัฒนาแหล่งน้ำและประสิทธิภาพการใช้ที่ดินก็ยังดำเนินการได้น้อย ส่วนด้านการศึกษา เกษตรกรส่วนใหญ่ได้รับการศึกษาเพียงภาคบังคับ ซึ่งมีผลต่อการยอมรับเทคโนโลยี การเพิ่มทักษะความรู้ในการจัดการทรัพยากรการผลิต การแปรรูป และการตลาด จึงทำให้การยกระดับรายได้และคุณภาพชีวิตของเกษตรกรเป็นแบบค่อยเป็นค่อยไป
ดังนั้น แนวทางพัฒนาเพื่อให้เกษตรกรมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น จึงควรมีการพัฒนาแหล่งน้ำ การใช้ที่ดิน ส่งเสริมให้เกษตรกรใช้ปัจจัยการผลิตอย่างมีประสิทธิภาพ เร่งรัดการแก้ไขปัญหาหนี้สินให้เกษตรกรอย่างต่อเนื่องและเป็นธรรม สนับสนุนให้ครัวเรือนเกษตรได้รับการศึกษาสูงขึ้น รวมทั้งการฝึกวิชาชีพ ส่งเสริมกระบวนการเรียนรู้และการประยุกต์ใช้ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงให้เหมาะสมต่อการดำรงชีพ สำหรับการวัดผลการพัฒนาการเกษตรและคุณภาพชีวิตของเกษตรกรจะดำเนินการทุกๆ 2 ปี นายพินิจกล่าวทิ้งท้าย
--สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร--
-พห-