ข่าวเศรษฐกิจในประเทศ
1. เงินฝากของ ธพ. ณ สิ้นเดือน ม.ค.49 เพิ่มขึ้นร้อยละ 3.83 จากเดือนก่อนหน้า รายงานข่าว
จากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)เปิดเผยถึงสินทรัพย์และหนี้สินที่สำคัญของ ธพ.ทางด้านเงินฝาก ณ สิ้นเดือน
ม.ค.49 พบว่า ธพ.มีเงินฝากทั้งสิ้น 6,442,907 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากเดือน ธ.ค.48 จำนวน 246,855 ล้านบาท
หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 3.83 จากเดือนก่อนหน้าที่มีจำนวนเงินฝาก 6,196,052 ล้านบาท โดยแยกเป็นเงินฝากประเภท
จ่ายคืนเมื่อทวงถาม 306,358 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้า 6,628 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ
2.21 เงินฝากประเภทออมทรัพย์ 2,742,918 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 2.42 เงินฝากประเภทจ่ายคืนเมื่อสิ้นระยะ
เวลาจำนวน 3,355,609 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 5.48 ส่วนเงินสดในมือและเงินฝากที่ ธปท.มีจำนวน
206,771 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้าร้อยละ 6.29 ส่วนเงินให้กู้ยืมมีจำนวน 5,534,898 ล้านบาท เพิ่มขึ้น
ร้อยละ 0.84 ขณะที่สินทรัพย์เสี่ยง ธพ.มีจำนวน 5,724,705 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 1.83 และมีเงินกองทุนจำนวน
800,334 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.36 เมื่อเทียบต่อเดือน (แนวหน้า)
2. สศช.ระบุปัญหาการเมืองฉุด 8 มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจปีนี้ชะงัก เลขาธิการสำนักงานคณะ
กรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช) กล่าวว่า การยุบสภาที่ผ่านมา และการรอรัฐบาลที่จะจัดตั้ง
ขึ้นตามผลการเลือกตั้งครั้งใหม่ ส่งผลกระทบต่อการดำเนินงานมาตรการ 8 ข้อ เพื่อผลักดันเศรษฐกิจในปี 49 ให้
ขยายตัวในระดับร้อยละ 5 ตามที่เคยประมาณการไว้ ทั้งนี้ สศช.ได้เสนอ 8 มาตรการที่รัฐบาลต้องเร่งดำเนินการ
ในปี 49 ประกอบด้วย 1) ส่งเสริมการใช้พลังงานทางเลือก และการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน 2) การ
เพิ่มประสิทธิภาพระบบโลจิสติกส์ด้วยการจัดตั้งคณะกรรมการโลจิสติกส์ระดับชาติ 3) ปรับโครงสร้างเศรษฐกิจโดย
เร่งดำเนินการปรับโครงสร้างการผลิต ตลอดจนห่วงโซ่มูลค่าเป็นรายกลุ่มสินค้า 4) มาตรการส่งเสริมการท่องเที่ยว
และค้าปลีก โดยส่งเสริมให้ธุรกิจไทยออกไปลงทุนในกิจการค้าปลีกในต่างประเทศ 5) ส่งเสริมการลงทุน และการ
ลงทุนในโครงการขนาดใหญ่ ด้วยการปรับปรุงกองทุนร่วมทุน 6) การสนับสนุนสินเชื่อผู้ประกอบการรายย่อย โดยสมาคม
ธนาคารไทยจะพัฒนาและสร้างความแข็งแกร่งของกองทุนหมุนเวียนเอสเอ็มอี 7) การปรับค่าแรงขั้นต่ำและค่าจ้าเงินเดือน
โดยสนับสนุนให้เอกชนพิจารณาปรับอัตราค่าจ้างขั้นต่ำให้เหมาะสมกับภาวะค่าครองชีพ 8) มาตรการอื่น ๆ เช่น การ
ส่งเสริมการออมและการพัฒนาตลาดทุน การส่งเสริมการส่งออก และการเร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณ (กรุงเทพธุรกิจ)
3. ก.คลังเน้นติดตามผลการเบิกจ่ายและจัดเก็บรายได้มากกว่าออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจท่ามกลาง
ปัญหาการเมืองที่ยังไม่นิ่ง รอง ผอ.สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ระบุ ก.คลังจะไม่มีการออกมาตรการใด ๆ มา
กระตุ้นเศรษฐกิจในขณะนี้ เพราะสถานการณ์การเมืองยังไม่นิ่ง หากดำเนินการไปคงไม่ได้ผลเท่าที่ควร แต่สิ่งที่ทำได้ในขณะนี้
คือการจัดเก็บรายได้ให้เป็นไปตามเป้าหมาย และกระตุ้นให้หน่วยงานภาครัฐเร่งเบิกจ่าย และใช้เงินงบประมาณให้ได้
ตรงตามวัตถุประสงค์ โดยเฉพาะด้านการลงทุน เพื่อช่วยหนุนเศรษฐกิจในช่วงที่ภาคเอกชนชะลอการลงทุน สำหรับการ
จัดเก็บรายได้ในปี งปม.49 นับตั้งแต่เดือน ต.ค.48 ถึงปัจจุบัน สามารถจัดเก็บรายได้เกินกว่าเป้าหมายแล้วกว่า 5 พันล้านบาท
ส่วนการเบิกจ่าย งปม.ในปี งปม.49 (ต.ค.48-ก.พ.49) สามารถเบิกจ่ายได้แล้วร้อยละ 38 ของเงิน งปม. หรือเบิก
จ่ายได้จริง 522,579 ล้านบาท สูงกว่าแผนการเบิกจ่าย ซึ่งอยู่ที่ 524,384 ล้านบาท (กรุงเทพธุรกิจ)
4. ธ.กสิกรไทยปรับลดอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ 49 ลงเหลือร้อยละ 4.0-4.5 กรรมการผู้จัดการ
ธ.กสิกรไทย เปิดเผยว่า ธนาคารได้ปรับลดประมาณอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจปี 49 ที่คาดว่าจะขยายตัวร้อยละ
4.5-5.0 เหลือร้อยละ 4.0-4.5 เนื่องจากช่วง 2 เดือนแรกของปีนี้การลงทุนทั้งจากภาครัฐและเอกชน รวมถึงการอุปโภค
บริโภคเริ่มชะลอตัว จากเดิมที่คาดการณ์ว่าการลงทุนในปีนี้น่าจะกระเตื้องขึ้นเมื่อเทียบกับปีที่แล้ว ทั้งนี้ ธนาคารยังคง
อัตราการเติบโตของสินเชื่อที่ร้อยละ 6.0-9.0 แต่หากเศรษฐกิจอ่อนตัวการปล่อยสินเชื่อก็อาจขยายตัวได้น้อยลง
(โพสต์ทูเดย์, มติชน)
ข่าวเศรษฐกิจต่างประเทศ
1. ธ.กลาง สรอ. คาดว่าภาวะเศรษฐกิจ สรอ. กำลังชะลอตัว และใกล้จะสิ้นสุดการปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ย
นโยบายแล้ว รายงานจากวอชิงตัน เมื่อวันที่ 19 มี.ค. 49 เจ้าหน้าที่ ธ.กลาง สรอ. เปิดเผยว่า จะมีการปรับเพิ่ม
อัตราดอกเบี้ยนโยบายอีกในปลายเดือนนี้ อย่างไรก็ตามคาดว่าภาวะเศรษฐกิจเริ่มมีเสถียรภาพแล้วโดยไม่จำเป็นต้อง
ปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยนโยบายอีก ซึ่งที่ผ่านมา ธ.กลางสรอ.ได้ปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยนโยบายทุกครั้งในการประชุมรวม
14 ครั้ง นับถึงเดือน มิ.ย. 47 ส่งผลให้อัตราดอกเบี้ยปัจจุบันอยู่ที่ร้อยละ 4.5 เพิ่มขึ้นจากร้อยละ 1.0 อย่างไรก็ตาม
คาดว่าในการประชุมวันที่ 27 — 28 มี.ค. นี้ซึ่งเป็นครั้งแรกที่ นาย Ben Bernanke จะทำหน้าที่ประธาน ในการประชุม
คณะกรรมการนโยบายการเงินของ สรอ. จะมีความชัดเจนถึงทิศทางภาวะเศรษฐกิจในอนาคต โดยผู้ดำเนินนโยบาย
ธ.กลางบางคนเห็นว่าอัตราดอกเบี้ยนโยบายใกล้จะถึงระดับที่เหมาะสมกับแนวโน้มภาวะเศรษฐกิจในอนาคตแล้ว และชี้ว่า
นโยบายการเงินเข้มงวดที่ใช้มาในระยะเวลา 20 เดือนใกล้จะสิ้นสุดลงแล้ว อย่างไรก็ตามยังต้องขึ้นอยู่กับตัวเลขเศรษฐกิจ
ที่กำลังจะเปิดเผย และนโยบายการเงินที่เหมาะสมในอนาคตด้วย (รอยเตอร์)
2. ผลผลิตอุตสาหกรรมของ สรอ.ในเดือน ก.พ.49 ขยายตัวเพิ่มขึ้น ขณะที่ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคทรงตัว
รายงานจากนิวยอร์กเมื่อ 17 มี.ค.49 ธ.กลาง สรอ. เปิดเผยว่า ผลผลิตอุตสาหกรรมของ สรอ.ในเดือน ก.พ.49
เพิ่มขึ้นตามความคาดหมายของนักเศรษฐศาสตร์ที่ร้อยละ 0.7 จากเดือน ธ.ค.48 ซึ่งลดลงร้อยละ 0.3 โดยได้รับแรง
สนับสนุนหลักจากการขยายตัวของผลผลิตอุตสาหกรรมไฟฟ้า อันเป็นผลสืบเนื่องจากอากาศที่หนาวเย็นผิดปกติในหลายส่วน
ของประเทศ ส่งผลให้มีความต้องการใช้ไฟฟ้าเพิ่มขึ้น โดยผลผลิตอุตสาหกรรมไฟฟ้าเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 7.9 อย่างไรก็ตาม
ผลผลิตอุตสาหกรรมที่ขยายตัวเพิ่มขึ้นในเดือน ก.พ.ดังกล่าว ไม่ได้ช่วยให้ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคปรับตัวดีขึ้นมากนัก
โดยจากดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภค สรอ. ซึ่งทำการสำรวจโดยมหาวิทยาลัยมิชิแกน ในช่วงกลางเดือน มี.ค.49 ยัง
คงทรงตัวอยู่ที่ระดับ 86.7 ต่ำกว่าการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ซึ่งคาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 88.0 ทั้งนี้ บรรดานักวิเคราะห์
แสดงความเห็นว่า ในระยะ 1-2 ปีหลังนี้ ความเชื่อมั่นและการใช้จ่ายของผู้บริโภคได้แสดงความสัมพันธ์ที่ไม่สอดคล้องกัน
ดังนั้น มีความเป็นไปได้ว่า แม้ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคจะไม่กระเตื้องขึ้นมากนัก แต่การใช้จ่ายของผู้บริโภคก็จะไม่ชะลอตัว
ตามภายในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ (รอยเตอร์)
3. ยอดราคาบ้านในอังกฤษสูงขึ้นร้อยละ 4.3 ต่อปีในช่วงเดือน ก.พ. - มี.ค.49 รายงานจากลอนดอน
เมื่อ 20 มี.ค.49 เว็ปไซด์เกี่ยวกับการซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ Rightmove รายงานราคาเสนอขายบ้านในอังกฤษโดย
เฉลี่ยในช่วงกลางเดือน ก.พ.49 ถึงกลางเดือน มี.ค.49 เพิ่มขึ้นร้อยละ 4.3 เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันปีก่อน เพิ่ม
ขึ้นเล็กน้อยจากร้อยละ 4.0 ต่อปีในช่วง 30 วันก่อนหน้า โดยมีราคาเฉลี่ยก่อนปรับตัวเลขตามฤดูกาลอยู่ที่ 203,399 ปอนด์
ตัวเลขดังกล่าวสะท้อนให้เห็นว่าตลาดอสังหาริมทรัพย์ในอังกฤษกำลังฟื้นตัวหลังจาก ธ.กลางอังกฤษลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย
ครั้งล่าสุดเมื่อเดือน ส.ค.48 ที่ผ่านมาลงเหลือร้อยละ 4.5 ต่อปี เช่นเดียวกับตัวเลขจาก Halifax ซึ่งเป็นผู้ให้กู้ยืมเงิน
เพื่อซื้อบ้านรายใหญ่ที่รายงานว่าราคาบ้านสูงขึ้นร้อยละ 5.5 ต่อปีในช่วง 3 เดือนสิ้นสุดเดือน ก.พ.49 (รอยเตอร์)
4. NPL ของจีนอาจสูงขึ้นเนื่องจากการลงทุนด้านอสังหาริมทรัพย์ที่เพิ่มขึ้น รายงานจากกรุงปักกิ่ง ประเทศจีน
เมื่อวันที่ 18 มี.ค.49 Wu Xiaoling รองผู้ว่าการ ธ.กลางของจีน กล่าวว่า เศรษฐกิจของจีนเผชิญกับความเสี่ยง
ของการฟื้นตัวกลับในการลงทุนด้านอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งอาจส่งผลให้เกิดหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) เพิ่มขึ้น ในขณะ
ที่อัตราเงินเฟ้อในปัจจุบันที่ชะลอตัวลงจะเป็นเวลาที่เหมาะสมสำหรับจีนในการปรึกษาหารือเกี่ยวกับวิธีการกำหนดราคา
พลังงานและการใช้ทรัพยากรธรรมชาติที่เหมาะสม ทั้งนี้ การลงทุนเป็นปัจจัยสำคัญในการขยายตัวทางเศรษฐกิจของจีน
แต่รัฐบาลยังกังวลว่าเงินจำนวนมหาศาลที่หลั่งไหลเข้าไปลงทุนในโครงการที่ไม่เป็นประโยชน์ต่อระบบเศรษฐกิจ อาจก่อให้
เกิดการผลิตที่มากเกินความต้องการและจะนำไปสู่การล้มละลายและหนี้เสียจำนวนมากของประเทศ (รอยเตอร์)
ข้อมูลเศรษฐกิจ 20 มี.ค. 49 17 มี.ค. 49 31 ม.ค. 48 แหล่
อัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยระหว่างธนาคาร (Bht/1US$) 39.046 38.557 ธปท.
อัตราซื้อถัวเฉลี่ยตั๋วเงิน/อัตราขายถัวเฉลี่ยของ ธพ. (Bht/1US$) 38.8534/39.1410 38.3598/38.6471 ธปท.
อัตราดอกเบี้ยกู้ยืมระหว่าง ธพ. ขนาดใหญ่ระยะ 7 วัน (ร้อยละ) 4.54172 2..1875 - 2.2000 รอยเตอร์
ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ (จุด)/มูลค่าซื้อ/ขาย (พันล้านบาท) 741.43/ 13.95 701.91/15.60 ตลท.
ราคาทองคำแท่ง (ซื้อ/ขายบาทละ) 10,150/10,250 10,200/10,300 7,750/7,850 สมาคมค้าทองคำ
ราคาน้ำมันดิบดูไบ (US$/บาเรล) 58.63 59.31 38.15 ปตท./รอยเตอร์
ราคาน้ำมันเบนซิน 95/ดีเซล (บาท) * ปรับเพิ่มลิตรละ 40 สตางค์ เมื่อ 18 มี.ค. 49 27.14*/25.49** 26.74*/25.49** 19.69/14.59 ปตท.
**ปรับเพิ่มลิตรละ 40 สตางค์ เมื่อ 9 มี.ค. 49
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--
1. เงินฝากของ ธพ. ณ สิ้นเดือน ม.ค.49 เพิ่มขึ้นร้อยละ 3.83 จากเดือนก่อนหน้า รายงานข่าว
จากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)เปิดเผยถึงสินทรัพย์และหนี้สินที่สำคัญของ ธพ.ทางด้านเงินฝาก ณ สิ้นเดือน
ม.ค.49 พบว่า ธพ.มีเงินฝากทั้งสิ้น 6,442,907 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากเดือน ธ.ค.48 จำนวน 246,855 ล้านบาท
หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 3.83 จากเดือนก่อนหน้าที่มีจำนวนเงินฝาก 6,196,052 ล้านบาท โดยแยกเป็นเงินฝากประเภท
จ่ายคืนเมื่อทวงถาม 306,358 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้า 6,628 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ
2.21 เงินฝากประเภทออมทรัพย์ 2,742,918 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 2.42 เงินฝากประเภทจ่ายคืนเมื่อสิ้นระยะ
เวลาจำนวน 3,355,609 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 5.48 ส่วนเงินสดในมือและเงินฝากที่ ธปท.มีจำนวน
206,771 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้าร้อยละ 6.29 ส่วนเงินให้กู้ยืมมีจำนวน 5,534,898 ล้านบาท เพิ่มขึ้น
ร้อยละ 0.84 ขณะที่สินทรัพย์เสี่ยง ธพ.มีจำนวน 5,724,705 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 1.83 และมีเงินกองทุนจำนวน
800,334 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.36 เมื่อเทียบต่อเดือน (แนวหน้า)
2. สศช.ระบุปัญหาการเมืองฉุด 8 มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจปีนี้ชะงัก เลขาธิการสำนักงานคณะ
กรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช) กล่าวว่า การยุบสภาที่ผ่านมา และการรอรัฐบาลที่จะจัดตั้ง
ขึ้นตามผลการเลือกตั้งครั้งใหม่ ส่งผลกระทบต่อการดำเนินงานมาตรการ 8 ข้อ เพื่อผลักดันเศรษฐกิจในปี 49 ให้
ขยายตัวในระดับร้อยละ 5 ตามที่เคยประมาณการไว้ ทั้งนี้ สศช.ได้เสนอ 8 มาตรการที่รัฐบาลต้องเร่งดำเนินการ
ในปี 49 ประกอบด้วย 1) ส่งเสริมการใช้พลังงานทางเลือก และการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน 2) การ
เพิ่มประสิทธิภาพระบบโลจิสติกส์ด้วยการจัดตั้งคณะกรรมการโลจิสติกส์ระดับชาติ 3) ปรับโครงสร้างเศรษฐกิจโดย
เร่งดำเนินการปรับโครงสร้างการผลิต ตลอดจนห่วงโซ่มูลค่าเป็นรายกลุ่มสินค้า 4) มาตรการส่งเสริมการท่องเที่ยว
และค้าปลีก โดยส่งเสริมให้ธุรกิจไทยออกไปลงทุนในกิจการค้าปลีกในต่างประเทศ 5) ส่งเสริมการลงทุน และการ
ลงทุนในโครงการขนาดใหญ่ ด้วยการปรับปรุงกองทุนร่วมทุน 6) การสนับสนุนสินเชื่อผู้ประกอบการรายย่อย โดยสมาคม
ธนาคารไทยจะพัฒนาและสร้างความแข็งแกร่งของกองทุนหมุนเวียนเอสเอ็มอี 7) การปรับค่าแรงขั้นต่ำและค่าจ้าเงินเดือน
โดยสนับสนุนให้เอกชนพิจารณาปรับอัตราค่าจ้างขั้นต่ำให้เหมาะสมกับภาวะค่าครองชีพ 8) มาตรการอื่น ๆ เช่น การ
ส่งเสริมการออมและการพัฒนาตลาดทุน การส่งเสริมการส่งออก และการเร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณ (กรุงเทพธุรกิจ)
3. ก.คลังเน้นติดตามผลการเบิกจ่ายและจัดเก็บรายได้มากกว่าออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจท่ามกลาง
ปัญหาการเมืองที่ยังไม่นิ่ง รอง ผอ.สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ระบุ ก.คลังจะไม่มีการออกมาตรการใด ๆ มา
กระตุ้นเศรษฐกิจในขณะนี้ เพราะสถานการณ์การเมืองยังไม่นิ่ง หากดำเนินการไปคงไม่ได้ผลเท่าที่ควร แต่สิ่งที่ทำได้ในขณะนี้
คือการจัดเก็บรายได้ให้เป็นไปตามเป้าหมาย และกระตุ้นให้หน่วยงานภาครัฐเร่งเบิกจ่าย และใช้เงินงบประมาณให้ได้
ตรงตามวัตถุประสงค์ โดยเฉพาะด้านการลงทุน เพื่อช่วยหนุนเศรษฐกิจในช่วงที่ภาคเอกชนชะลอการลงทุน สำหรับการ
จัดเก็บรายได้ในปี งปม.49 นับตั้งแต่เดือน ต.ค.48 ถึงปัจจุบัน สามารถจัดเก็บรายได้เกินกว่าเป้าหมายแล้วกว่า 5 พันล้านบาท
ส่วนการเบิกจ่าย งปม.ในปี งปม.49 (ต.ค.48-ก.พ.49) สามารถเบิกจ่ายได้แล้วร้อยละ 38 ของเงิน งปม. หรือเบิก
จ่ายได้จริง 522,579 ล้านบาท สูงกว่าแผนการเบิกจ่าย ซึ่งอยู่ที่ 524,384 ล้านบาท (กรุงเทพธุรกิจ)
4. ธ.กสิกรไทยปรับลดอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ 49 ลงเหลือร้อยละ 4.0-4.5 กรรมการผู้จัดการ
ธ.กสิกรไทย เปิดเผยว่า ธนาคารได้ปรับลดประมาณอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจปี 49 ที่คาดว่าจะขยายตัวร้อยละ
4.5-5.0 เหลือร้อยละ 4.0-4.5 เนื่องจากช่วง 2 เดือนแรกของปีนี้การลงทุนทั้งจากภาครัฐและเอกชน รวมถึงการอุปโภค
บริโภคเริ่มชะลอตัว จากเดิมที่คาดการณ์ว่าการลงทุนในปีนี้น่าจะกระเตื้องขึ้นเมื่อเทียบกับปีที่แล้ว ทั้งนี้ ธนาคารยังคง
อัตราการเติบโตของสินเชื่อที่ร้อยละ 6.0-9.0 แต่หากเศรษฐกิจอ่อนตัวการปล่อยสินเชื่อก็อาจขยายตัวได้น้อยลง
(โพสต์ทูเดย์, มติชน)
ข่าวเศรษฐกิจต่างประเทศ
1. ธ.กลาง สรอ. คาดว่าภาวะเศรษฐกิจ สรอ. กำลังชะลอตัว และใกล้จะสิ้นสุดการปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ย
นโยบายแล้ว รายงานจากวอชิงตัน เมื่อวันที่ 19 มี.ค. 49 เจ้าหน้าที่ ธ.กลาง สรอ. เปิดเผยว่า จะมีการปรับเพิ่ม
อัตราดอกเบี้ยนโยบายอีกในปลายเดือนนี้ อย่างไรก็ตามคาดว่าภาวะเศรษฐกิจเริ่มมีเสถียรภาพแล้วโดยไม่จำเป็นต้อง
ปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยนโยบายอีก ซึ่งที่ผ่านมา ธ.กลางสรอ.ได้ปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยนโยบายทุกครั้งในการประชุมรวม
14 ครั้ง นับถึงเดือน มิ.ย. 47 ส่งผลให้อัตราดอกเบี้ยปัจจุบันอยู่ที่ร้อยละ 4.5 เพิ่มขึ้นจากร้อยละ 1.0 อย่างไรก็ตาม
คาดว่าในการประชุมวันที่ 27 — 28 มี.ค. นี้ซึ่งเป็นครั้งแรกที่ นาย Ben Bernanke จะทำหน้าที่ประธาน ในการประชุม
คณะกรรมการนโยบายการเงินของ สรอ. จะมีความชัดเจนถึงทิศทางภาวะเศรษฐกิจในอนาคต โดยผู้ดำเนินนโยบาย
ธ.กลางบางคนเห็นว่าอัตราดอกเบี้ยนโยบายใกล้จะถึงระดับที่เหมาะสมกับแนวโน้มภาวะเศรษฐกิจในอนาคตแล้ว และชี้ว่า
นโยบายการเงินเข้มงวดที่ใช้มาในระยะเวลา 20 เดือนใกล้จะสิ้นสุดลงแล้ว อย่างไรก็ตามยังต้องขึ้นอยู่กับตัวเลขเศรษฐกิจ
ที่กำลังจะเปิดเผย และนโยบายการเงินที่เหมาะสมในอนาคตด้วย (รอยเตอร์)
2. ผลผลิตอุตสาหกรรมของ สรอ.ในเดือน ก.พ.49 ขยายตัวเพิ่มขึ้น ขณะที่ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคทรงตัว
รายงานจากนิวยอร์กเมื่อ 17 มี.ค.49 ธ.กลาง สรอ. เปิดเผยว่า ผลผลิตอุตสาหกรรมของ สรอ.ในเดือน ก.พ.49
เพิ่มขึ้นตามความคาดหมายของนักเศรษฐศาสตร์ที่ร้อยละ 0.7 จากเดือน ธ.ค.48 ซึ่งลดลงร้อยละ 0.3 โดยได้รับแรง
สนับสนุนหลักจากการขยายตัวของผลผลิตอุตสาหกรรมไฟฟ้า อันเป็นผลสืบเนื่องจากอากาศที่หนาวเย็นผิดปกติในหลายส่วน
ของประเทศ ส่งผลให้มีความต้องการใช้ไฟฟ้าเพิ่มขึ้น โดยผลผลิตอุตสาหกรรมไฟฟ้าเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 7.9 อย่างไรก็ตาม
ผลผลิตอุตสาหกรรมที่ขยายตัวเพิ่มขึ้นในเดือน ก.พ.ดังกล่าว ไม่ได้ช่วยให้ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคปรับตัวดีขึ้นมากนัก
โดยจากดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภค สรอ. ซึ่งทำการสำรวจโดยมหาวิทยาลัยมิชิแกน ในช่วงกลางเดือน มี.ค.49 ยัง
คงทรงตัวอยู่ที่ระดับ 86.7 ต่ำกว่าการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ซึ่งคาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 88.0 ทั้งนี้ บรรดานักวิเคราะห์
แสดงความเห็นว่า ในระยะ 1-2 ปีหลังนี้ ความเชื่อมั่นและการใช้จ่ายของผู้บริโภคได้แสดงความสัมพันธ์ที่ไม่สอดคล้องกัน
ดังนั้น มีความเป็นไปได้ว่า แม้ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคจะไม่กระเตื้องขึ้นมากนัก แต่การใช้จ่ายของผู้บริโภคก็จะไม่ชะลอตัว
ตามภายในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ (รอยเตอร์)
3. ยอดราคาบ้านในอังกฤษสูงขึ้นร้อยละ 4.3 ต่อปีในช่วงเดือน ก.พ. - มี.ค.49 รายงานจากลอนดอน
เมื่อ 20 มี.ค.49 เว็ปไซด์เกี่ยวกับการซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ Rightmove รายงานราคาเสนอขายบ้านในอังกฤษโดย
เฉลี่ยในช่วงกลางเดือน ก.พ.49 ถึงกลางเดือน มี.ค.49 เพิ่มขึ้นร้อยละ 4.3 เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันปีก่อน เพิ่ม
ขึ้นเล็กน้อยจากร้อยละ 4.0 ต่อปีในช่วง 30 วันก่อนหน้า โดยมีราคาเฉลี่ยก่อนปรับตัวเลขตามฤดูกาลอยู่ที่ 203,399 ปอนด์
ตัวเลขดังกล่าวสะท้อนให้เห็นว่าตลาดอสังหาริมทรัพย์ในอังกฤษกำลังฟื้นตัวหลังจาก ธ.กลางอังกฤษลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย
ครั้งล่าสุดเมื่อเดือน ส.ค.48 ที่ผ่านมาลงเหลือร้อยละ 4.5 ต่อปี เช่นเดียวกับตัวเลขจาก Halifax ซึ่งเป็นผู้ให้กู้ยืมเงิน
เพื่อซื้อบ้านรายใหญ่ที่รายงานว่าราคาบ้านสูงขึ้นร้อยละ 5.5 ต่อปีในช่วง 3 เดือนสิ้นสุดเดือน ก.พ.49 (รอยเตอร์)
4. NPL ของจีนอาจสูงขึ้นเนื่องจากการลงทุนด้านอสังหาริมทรัพย์ที่เพิ่มขึ้น รายงานจากกรุงปักกิ่ง ประเทศจีน
เมื่อวันที่ 18 มี.ค.49 Wu Xiaoling รองผู้ว่าการ ธ.กลางของจีน กล่าวว่า เศรษฐกิจของจีนเผชิญกับความเสี่ยง
ของการฟื้นตัวกลับในการลงทุนด้านอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งอาจส่งผลให้เกิดหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) เพิ่มขึ้น ในขณะ
ที่อัตราเงินเฟ้อในปัจจุบันที่ชะลอตัวลงจะเป็นเวลาที่เหมาะสมสำหรับจีนในการปรึกษาหารือเกี่ยวกับวิธีการกำหนดราคา
พลังงานและการใช้ทรัพยากรธรรมชาติที่เหมาะสม ทั้งนี้ การลงทุนเป็นปัจจัยสำคัญในการขยายตัวทางเศรษฐกิจของจีน
แต่รัฐบาลยังกังวลว่าเงินจำนวนมหาศาลที่หลั่งไหลเข้าไปลงทุนในโครงการที่ไม่เป็นประโยชน์ต่อระบบเศรษฐกิจ อาจก่อให้
เกิดการผลิตที่มากเกินความต้องการและจะนำไปสู่การล้มละลายและหนี้เสียจำนวนมากของประเทศ (รอยเตอร์)
ข้อมูลเศรษฐกิจ 20 มี.ค. 49 17 มี.ค. 49 31 ม.ค. 48 แหล่
อัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยระหว่างธนาคาร (Bht/1US$) 39.046 38.557 ธปท.
อัตราซื้อถัวเฉลี่ยตั๋วเงิน/อัตราขายถัวเฉลี่ยของ ธพ. (Bht/1US$) 38.8534/39.1410 38.3598/38.6471 ธปท.
อัตราดอกเบี้ยกู้ยืมระหว่าง ธพ. ขนาดใหญ่ระยะ 7 วัน (ร้อยละ) 4.54172 2..1875 - 2.2000 รอยเตอร์
ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ (จุด)/มูลค่าซื้อ/ขาย (พันล้านบาท) 741.43/ 13.95 701.91/15.60 ตลท.
ราคาทองคำแท่ง (ซื้อ/ขายบาทละ) 10,150/10,250 10,200/10,300 7,750/7,850 สมาคมค้าทองคำ
ราคาน้ำมันดิบดูไบ (US$/บาเรล) 58.63 59.31 38.15 ปตท./รอยเตอร์
ราคาน้ำมันเบนซิน 95/ดีเซล (บาท) * ปรับเพิ่มลิตรละ 40 สตางค์ เมื่อ 18 มี.ค. 49 27.14*/25.49** 26.74*/25.49** 19.69/14.59 ปตท.
**ปรับเพิ่มลิตรละ 40 สตางค์ เมื่อ 9 มี.ค. 49
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--