สรุปภาวะการค้าไทย-อินเดียปี 2548

ข่าวเศรษฐกิจ Tuesday March 14, 2006 15:54 —กรมส่งเสริมการส่งออก

1. อินเดียเป็นตลาดนำเข้าสำคัญอันดับ 22 ของโลก โดยมีมูลค่าการนำเข้า 97,312.729  ล้านเหรียญสหรัฐ
เพิ่มขึ้นร้อยละ 36.71 ( 2547) ในขณะที่เป็นตลาดส่งออกอันดับที่ 18 ของโลกมีมูลค่าการนำเข้า 62,939,164,212
ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 39.64 (ม.ค-มิ.ย 48)
2. แหล่งผลิตสำคัญที่อินเดียนำเข้าในปี 2548 (ม.ค.-ก.ย.) ได้แก่
- จีน ร้อยละ 6.41 มูลค่า 6,193.379 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 48.62
- สวิตเซอร์แลนด์ ร้อยละ 6.01 มูลค่า 5,800.112 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 89.49
- สหรัฐฯ ร้อยละ 5.27 มูลค่า 5,090.145 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 28.19
- สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ร้อยละ 4.20 มูลค่า 4,053.714 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 68.64
ไทยอยู่อันดับที่ 23 ร้อยละ 0.81 มูลค่า 779.525 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 48.22
3. อินเดียเป็นตลาดส่งออกอันดับที่ 19 ของไทย โดยมีสัดส่วนร้อยละ 1.38 ของมูลค่าการส่งออก 1,531.72
ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 67.66 (2548) หรือคิดเป็นร้อยละ 93.17 ของเป้าหมายการส่งออก
5. การค้าระหว่างประเทศไทย-อินเดีย
มูลค่า : ล้านเหรียญสหรัฐ
2545 2546 2547 2548 อัตราการขยายตัว (ร้อยละ)
2545 2546 2547 2548
มูลค่าการค้า 1,184.82 1,508.48 2,049.16 2,807.61 2.66 27.32 35.84 37.01
สินค้าออก 413.71 638.58 913.58 1,531.72 -14.36 54.36 43.06 67.66
สินค้าเข้า 771.12 869.90 1,135.58 1,275.88 14.92 12.81 30.54 12.36
ดุลการค้า -357.41 -231.31 -222.00 255.84 90.20 -35.28 -4.03 -
6. สินค้าไทยส่งออกไปอินเดีย (2548) 25 อันดับแรกมีสัดส่วนรวมกันร้อยละ 79.92 ของมูลค่าการส่งออก
โดยรวมไปตลาดนี้ สินค้าสำคัญที่มูลค่าการส่งออกเพิ่มขึ้นเกินกว่าร้อยละ 100 มี 6 รายการ และสินค้าที่มี
มูลค่าลดลงเกินกว่าร้อยละ 20 มี 3 รายการ
สถิติการส่งออกสินค้าไทยไปอินเดียที่มีมูลค่าการเปลี่ยนแปลงสูง 2548
ตลาด อันดับที่ มูลค่า : ล้านเหรียญสหรัฐ มูลค่าการ %เปลี่ยนแปลง สัดส่วน ร้อยละ
2547 2548 เปลี่ยนแปลง 2548 2547 2548
1. สินค้าที่มีมูลค่าการส่งออกไปอินเดียเพิ่มขึ้น
สูงมากกว่าร้อยละ 100 มี 6 รายการ
(1) เม็ดพลาสติก 2 69.97 202.07 132.10 188.78 7.66 13.19
(2) เครื่องจักรกลและส่วนประกอบ 5 33.07 79.20 46.13 139.52 3.62 5.17
(3) เครื่องยนต์สันดาปภายในแบบลูกสูบและส่วนประกอบ 6 27.21 89.01 61.80 227.08 2.98 5.81
(4) เครื่องปรับอากาศและส่วนประกอบ 9 12.86 26.04 13.24 102.45 1.41 1.70
(5) ผลิตภัณฑ์อลูมิเนียม 10 10.07 28.20 18.13 179.91 1.10 1.84
(6) หลอดภาพโทรทัศน์สี 20 4.78 21.60 16.82 352.09 0.52 1.41
2. สินค้าที่มีมูลค่าการส่งออกไปอินเดียลดลง
มากกว่าร้อยละ 20 มี 3 รายการ
(1) ทองแดงและของทำด้วยทองแดง 7 14.88 11.83 -3.05 -20.47 1.63 0.77
(2) เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ 16 75.31 44.64 -30.67 -40.73 8.24 2.91
(3) เส้นใยประดิษฐ์ 25 27.24 21.29 -5.95 -21.84 2.98 1.39
รวบรวมโดย : ศูนย์สารสนเทศการค้าระหว่างประเทศ
จากสถิติการส่งออกดังกล่าวมีข้อสังเกต ดังนี้
เม็ดพลาสติก (HS. 3904) POLYMERS OF VINYL CHLORIDE, IN PRIMARY FORMS
อินเดีย นำเข้าจากไทยเป็นอันดับที่ 8 มูลค่า 7.770 ล้านเหรียญสหรัฐ มีสัดส่วนร้อยละ 4.17
เพิ่มขึ้นร้อยละ 132.56 ด้านการนำเข้าจากตลาดโลกของอินเดีย มูลค่า 186.488 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น
ร้อยละ 123.43 นำเข้าจาก เกาหลีใต้ สหรัฐฯ ญี่ปุ่น เป็นหลัก (ม.ค.-ก.ย. 2548)
เครื่องจักรกลและส่วนประกอบ (HS. 84) MACHINERY
อินเดีย นำเข้าจากไทยเป็นอันดับที่ 13 มูลค่า 182.043 ล้านเหรียญสหรัฐ มีสัดส่วนร้อยละ 2.20
เพิ่มขึ้นร้อยละ 65.22 ด้านการนำเข้าจากตลาดโลกของอินเดีย มูลค่า 8,264.093 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น
ร้อยละ 37.50 นำเข้าจาก เยอรมนี จีน สหรัฐฯ เป็นหลัก (ม.ค.-ก.ย. 2548)
เครื่องยนต์สันดาปภายในแบบลูกสูบและส่วนประกอบ (HS. 8408) COMPRESSION-IGNITION
อินเดีย นำเข้าจากไทยเป็นอันดับที่ 1 มูลค่า 48.221 ล้านเหรียญสหรัฐ มีสัดส่วนร้อยละ 36.78
เพิ่มขึ้นร้อยละ 793.85 ด้านการนำเข้าจากตลาดโลกของอินเดีย มูลค่า 131.117 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น
ร้อยละ 77.34 นำเข้าจาก ไทย เกาหลีใต้ สหรัฐฯ เป็นหลัก (ม.ค.-ก.ย. 2548)
เครื่องปรับอากาศและส่วนประกอบ (HS. 8415) Air Conditioning
อินเดีย นำเข้าจากไทยอันดับที่ 3 มูลค่า 20.950 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 15.63 ด้าน
การนำเข้าจากตลาดโลกของอินเดีย มูลค่า 134.070 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 35.38 นำเข้าจาก จีน
เกาหลีใต้ ไทย เป็นหลัก (ม.ค.-ก.ย. 2548)
ผลิตภัณฑ์อลูมิเนียม (HS. 76) Aluminum
อินเดีย นำเข้าจากไทยอันดับที่ 9 มูลค่า 16.853 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 119.18 ด้าน
การนำเข้าจากตลาดโลกของอินเดีย มูลค่า 476.376 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 46.26 นำเข้าจาก อิหร่าน
สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ จีน เป็นหลัก (ม.ค.-ก.ย. 2548)
หลอดภาพโทรทัศน์สี (HS. 854011) COL CAT-RAY TV TUBE
อินเดีย นำเข้าจากไทยเป็นอันดับที่ 3 มูลค่า 10.068 ล้านเหรียญสหรัฐ มีสัดส่วนร้อยละ 16.24
เพิ่มขึ้นร้อยละ 896.15 ด้านการนำเข้าจากตลาดโลกของอินเดีย มูลค่า 61.987 ล้านเหรียญสหรัฐ ลดลงร้อยละ
28.16 นำเข้าจาก มาเลเซีย เกาหลีใต้ ไทย เป็นหลัก (ม.ค.-ก.ย. 2548)
7. ข้อมูลเพิ่มเติมและข้อคิดเห็นเรื่องการค้าระหว่างไทย-อินเดีย
7.1 อินเดียกำลังเป็นหนึ่งในชาติมหาอำนาจหน้าใหม่หรือ BRIC ประกอบด้วยประเทศ บราซิล รัสเซีย
อินเดีย และจีน ซึ่งในอีกไม่นานเศรษฐกิจของประเทศเหล่านี้จะพุ่งสู่การเป็นมหาอำนาจในอนาคต โดยมีจุดเด่นใน
ด้านจำนวนประชากรและโครงสร้างการผลิตที่ต้นทุนต่ำ ทำให้รายได้มีศักยภาพในการเติบโตสูง โดยเฉพาะอินเดีย
ซึ่งมีประชากรวัยรุ่นจำนวนมาก จะส่งผลให้เศรษฐกิจขยายตัวในอัตราสูง นอกจากนี้อินเดียยังมุ่งหน้าผูกสัมพันธ์กับ
อาเซียนและกลายเป็นมิตรประเทศที่เข้ามาใกล้ชิดอาเซียนอย่างรวดเร็ว ประกอบกับอาเซียนก็หวังที่จะใช้อินเดีย
เป็นตัวถ่วงดุลกับจีนและญี่ปุ่น ด้วยเหตุนี้จึงเป็นที่ชัดเจนว่าอินเดียเป็นตลาดใหม่ที่น่าสนใจ และมีการเปิดกว้างสำหรับ
นักลงทุนมากขึ้น รวมทั้งเป็นประเทศที่มีภาวะเศรษฐกิจกำลังก้าวขึ้นไปอยู่ระดับแถวหน้าของโลก มีผลให้ประเทศต่างๆ
ให้ความสำคัญกับอินเดียเพิ่มมากขึ้น
7.2 ประเทศไทยและอินเดียตั้งเป้าหมายที่จะขยายปริมาณการค้าระหว่างกัน ภายหลังการตกลงล่าสุด
ของคณะกรรมการการเจรจาการค้าร่วมไทย-อินเดีย (JNG) ซึ่งได้จัดประชุมไปแล้วร่วม 5 ครั้งและทั้งสองประเทศ
ได้ตั้งเป้าหมายว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 2,000 ล้านเหรียญสหรัฐ จากปัจจุบันอยู่ที่ประมาณ 1,000 ล้านเหรียญสหรัฐ โดย
จะมีการผลักดันการปรับลดภาษีสินค้าร่วมกัน 10 สาขา 123 รายการ อาทิ อาหารทะเลกระป๋อง ไม้อัด อัญมณีและ
เครื่องประดับ รถยนต์ เครื่องปรับอากาศ เป็นต้น ทั้งนี้ทั้งสองฝ่ายจะเร่งหาข้อยุติในเรื่องของกรอบระยะเวลาและ
การปรับลดภาษีภายในเดือนตุลาคม 2549
7.3 จีนก็เป็นอีกประเทศหนึ่งที่ต้องการผูกมิตรกับอินเดีย จนกระทั้งทั้งสองฝ่ายได้ประกาศให้ปี 2549
เป็นปีแห่งมิตรภาพระหว่างอินเดีย-จีน ด้วยเหตุนี้นักเศรษฐศาสตร์ทั่วโลกจึงให้ความสำคัญกับเรื่องความสัมพันธ์ที่เกี่ยว
เนื้องกันระหว่างจีน — อินเดียและสหรัฐฯ ว่าจะเป็นอย่างไรต่อไป
7.4 เวียดนามเริ่มหันมาสนใจการทำธุรกิจร่วมกับอินเดีย โดยจะเห็นได้จากบริษัทเหล็กของเวียดนาม
(Viet Nam Steel Corporation) กำลังร่วมหารือกับกลุ่มเอสสาร์ (Essar) ซึ่งเป็นกลุ่มอุตสาห-กรรมขนาด
ใหญ่ของอินเดีย เพื่อลงทุนในโครงการก่อสร้างโรงงานผลิตเหล็กรีดร้อน ณ จ.บ่าเหรียะ - หวุงเต่า ทางภาคใต้
ของเวียดนามซึ่งขณะนี้การก่อสร้างกำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว และต้องนำเหล็กเข้าเป็นจำนวนมาก ทั้งนี้เอสสาร์สตีล
แสดงความสนใจที่จะขยายการลงทุนโครงการดังกล่าวซึ่งจะใช้เวลาก่อสร้างประมาณ 2 ปี โดยฝ่ายอินเดียจะถือหุ้น
ใหญ่กว่า 80%
7.5 สหรัฐฯ — อินเดีย หันมาผูกสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจ
สหรัฐฯ กล่าวหาว่าจีนทุ่มสินค้าราคาถูกเข้าตลาดสหรัฐฯ จนส่งผลกระทบต่อบริษัทผู้ผลิตของสหรัฐฯ ใน
หลายภาคอุตสาหกรรม โดยเฉพาะสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่ม จนเกือบจะก่อให้เกิดสงครามการค้าระหว่างกันอยู่หลายครั้ง
ด้วยเหตุนี้สหรัฐฯ จึงพร้อมสนับสนุนอินเดีย เพื่อคานอำนาจทางเศรษฐกิจของจีน โดยเมื่อต้นเดือนมีนาคม 2549
ประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิลยู บุช ได้เดินไปเยือนอินเดียเป็นครั้งแรกตั้งแต่เข้ารับตำแหน่ง ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อ
สานสัมพันธ์ความร่วมมือระหว่างทั้ง 2 ประเทศทั้งด้านเศรษฐกิจและการเมืองพร้อมกับการเจรจายุติความขัดแย้งด้าน
นิวเคลียร์ที่ค้างมานานถึง 30 ปี ทั้งนี้ผู้นำทั้งสองฝ่ายได้ลงนามข้อตกลงความร่วมมือสืบเนื่องจากแถลงการณ์ความร่วมมือ
ที่มีมาตั้งแต่วันที่ 18 กรกฎาคม 2548 ครอบคลุมประเด็นการค้า เกษตร พลังงาน การพัฒนาเศรษฐกิจ และการ
ส่งเสริมประชาธิปไตย
ที่มา: http://www.depthai.go.th

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ