นายราเชนทร์ พจนสุนทร อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ ได้เปิดเผยว่า สำนักงานพาณิชย์ในต่างประเทศ ณ กรุงบรัสเซลส์ได้รายงานว่า สหภาพยุโรปมีแนวโน้มที่จะกำหนดให้สินค้าอุตสาหกรรมที่นำเข้าต้องติดป้าย “made in” โดยเฉพาะอย่างยิ่งสินค้าสิ่งทอ เสื้อผ้า เครื่องหนัง เฟอร์นิเจอร์ รองเท้า และเซรามิค เนื่องจากปัจจุบันสหภาพยุโรปไม่มีกฎหมายที่กำหนดให้ระบุแหล่งกำเนิดสินค้า (origin marking) สำหรับสินค้าอุตสาหกรรม ยิ่งกว่านั้นประเทศสมาชิกบางประเทศได้มีการบังคับใช้มาตรการการดังกล่าว แต่ไม่เป็นมาตรฐานเดียวกัน เช่น ขาดคำจำกัดความประเทศแหล่งกำเนิดที่ตรงกันของประเทศสมาชิก ขาดแคลนกฎเกณฑ์ควบคุมเพื่อหลีกเลี่ยงความเข้าใจผิดหรือระบุแหล่งกำเนิดผิด เป็นต้น ซึ่งอาจทำให้ผู้บริโภคเข้าใจผิด และอาจมีผลกระทบต่ออุตสาหกรรมภายในด้วยหากมีการปลอมแปลงแหล่งกำเนิดสินค้าจากประเทศที่สาม
ในการดำเนินการมาตรการดังกล่าวจะต้องมีการกำหนดคำนิยามของประเทศแหล่งกำเนิดสินค้า โดยคาดว่าจะอ้างอิงจากกฎแหล่งกำเนิดสินค้าที่ไม่ได้อยู่ภายใต้ระบบสิทธิพิเศษของสหภาพ ยุโรป ซึ่งสอดคล้องกับความตกลงเรื่องแหล่งกำเนิดสินค้าและความตกลงด้านอุปสรรคทางเทคนิคต่อการค้าภายใต้ WTO นอกจากนี้ ต้องมีการจัดทำข้อกำหนดในการอ้างสิทธิแหล่งกำเนิดสินค้าที่นำเข้าจากประเทศที่สาม รวมทั้งกำหนดกฎระเบียบ การควบคุมและการตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลที่ป้ายระบุแหล่งกำเนิดสินค้าด้วย
อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศเปิดเผยเพิ่มเติมว่า ภาษาที่ใช้คาดว่าจะใช้คำ “made in” หรือภาษาทางการของประเทศสมาชิกที่ผู้บริโภคจะเข้าใจง่าย ทั้งนี้อาจมีข้อกำหนดพิเศษซึ่งจะขึ้นอยู่กับสินค้าแต่ละประเภท โดยอียูจะมีการจัดตั้งคณะกรรมการขึ้นมาควบคุมดูแล รวมทั้งพิจารณาเพิ่มรายการสินค้าใหม่ๆ เข้ามาอยู่ภายใต้การบังคับใช้ระเบียบนี้ต่อไป
ทั้งนี้ผู้ประกอบการสามารถหาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ เว็ปไซต์ของสหภาพยุโรปที่ http:// trade-info.cec.eu.int/doclib/html/126710.htm และเว็ปไซต์กรมการค้าต่างประเทศ ที่ www.dft.moc.go.th หรือสามารถติดต่อสอบถามได้ที่สำนักมาตรการทางการค้า กรมการค้าต่างประเทศ โทร 0 2547 4734 e-mail : [email protected]
อนึ่ง ในปี 2547 ไทยส่งออกสิ่งทอ เสื้อผ้า เครื่องหนัง เฟอร์นิเจอร์ รองเท้า และเซรามิคไป สหภาพยุโรปคิดเป็นมูลค่า 65,064 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2546 ร้อยละ 12.3 และ ในปี 2548 (ม.ค. — พ.ย.) 2548 ไทยส่งออกมูลค่า 59,790 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 2.4
--กรมการค้าต่างประเทศ--
-สส-
ในการดำเนินการมาตรการดังกล่าวจะต้องมีการกำหนดคำนิยามของประเทศแหล่งกำเนิดสินค้า โดยคาดว่าจะอ้างอิงจากกฎแหล่งกำเนิดสินค้าที่ไม่ได้อยู่ภายใต้ระบบสิทธิพิเศษของสหภาพ ยุโรป ซึ่งสอดคล้องกับความตกลงเรื่องแหล่งกำเนิดสินค้าและความตกลงด้านอุปสรรคทางเทคนิคต่อการค้าภายใต้ WTO นอกจากนี้ ต้องมีการจัดทำข้อกำหนดในการอ้างสิทธิแหล่งกำเนิดสินค้าที่นำเข้าจากประเทศที่สาม รวมทั้งกำหนดกฎระเบียบ การควบคุมและการตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลที่ป้ายระบุแหล่งกำเนิดสินค้าด้วย
อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศเปิดเผยเพิ่มเติมว่า ภาษาที่ใช้คาดว่าจะใช้คำ “made in” หรือภาษาทางการของประเทศสมาชิกที่ผู้บริโภคจะเข้าใจง่าย ทั้งนี้อาจมีข้อกำหนดพิเศษซึ่งจะขึ้นอยู่กับสินค้าแต่ละประเภท โดยอียูจะมีการจัดตั้งคณะกรรมการขึ้นมาควบคุมดูแล รวมทั้งพิจารณาเพิ่มรายการสินค้าใหม่ๆ เข้ามาอยู่ภายใต้การบังคับใช้ระเบียบนี้ต่อไป
ทั้งนี้ผู้ประกอบการสามารถหาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ เว็ปไซต์ของสหภาพยุโรปที่ http:// trade-info.cec.eu.int/doclib/html/126710.htm และเว็ปไซต์กรมการค้าต่างประเทศ ที่ www.dft.moc.go.th หรือสามารถติดต่อสอบถามได้ที่สำนักมาตรการทางการค้า กรมการค้าต่างประเทศ โทร 0 2547 4734 e-mail : [email protected]
อนึ่ง ในปี 2547 ไทยส่งออกสิ่งทอ เสื้อผ้า เครื่องหนัง เฟอร์นิเจอร์ รองเท้า และเซรามิคไป สหภาพยุโรปคิดเป็นมูลค่า 65,064 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2546 ร้อยละ 12.3 และ ในปี 2548 (ม.ค. — พ.ย.) 2548 ไทยส่งออกมูลค่า 59,790 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 2.4
--กรมการค้าต่างประเทศ--
-สส-