กรุงเทพ--27 พ.ค.--กระทรวงการต่างประเทศ
กระทรวงการต่างประเทศได้รับรายงานจากสถานเอกอัครราชทูต ณ สิงคโปร์ ว่า ในระหว่างวันที่ 26-29 พฤษภาคม 2548 ภาคเอกชนผู้ประกอบการของไทยได้เข้าร่วมงาน Aquarama 2005 ที่ศูนย์แสดงสินค้า Singapore Expo ซึ่งเป็นงานแสดงปลาสวยงามและสินค้าอื่นๆ เกี่ยวกับการเลี้ยงปลา รวมถึงการจัดนิทรรศการเกี่ยวกับอุตสาหกรรมในด้านนี้ โดยนายเฉลิมพล ทันจิตต์ เอกอัครราชทูต และนายปวิน ชัชวาลพงศ์พันธ์ เลขานุการโท สถานเอกอัครราชทูตฯ ได้เข้าร่วมในพิธีดังกล่าวด้วยเมื่อวันที่ 26 พฤษภาคม 2548 โดยมีรายละเอียดดังนี้
1. สาระสำคัญและจุดมุ่งหมายของการจัดงาน การจัดงาน Aquarama 2005 ณ สิงคโปร์ครั้งนี้ถือเป็นครั้งที่ 9 ของการจัดงาน (2 ปีครั้ง) เป็นงานแสดงปลาสวยงาม และนิทรรศการที่ใหญ่ที่สุดของโลก โดยมีซุ้มแสดงปลาและอุปกรณ์เกี่ยวกับการเลี้ยงปลามากถึง 230 บริษัท จาก 25 ประเทศทั่วโลก (รวมไทยด้วย) ถือเป็นศูนย์กลางของธุรกิจค้าปลาที่ใหญ่ที่สุด เป็นจุดนัดพบระหว่างผู้ประกอบการในการแลกเปลี่ยนข้อมูล ประสบการณ์ รวมถึงแสดงสินค้าล่าสุดเพื่อป้อนความต้องการของลูกค้าจากสิงคโปร์และนานับประเทศธุรกิจการเลี้ยงปลาสวยงามของโลกมีมูลค่ารวมสูงถึง 190 ล้านเหรียญสหรัฐ และกำลังได้รับความนิยมอย่างยิ่ง สิงคโปร์ได้ยกฐานะตนเองขึ้นเป็นศูนย์กลางของการค้าปลาสวยงามและเป็นผู้ส่งออกรายใหญ่ที่สุดของโลก โดยมีมูลค่าการส่งออกเมื่อปี 2004 อยู่ที่ 86 ล้านเหรียญสิงคโปร์ เพิ่มขึ้นร้อยละ 16 จากการส่งออกในปี 2003 ทั้งนี้ ลูกค้าต่างมีความมั่นใจในสินค้าของ
สิงคโปร์ และความแปลกใหม่ อาทิ ความนิยมในปลามังกรของสิงคโปร์เริ่มมีมากขึ้น
ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ผู้ประกอบการท้องถิ่นประสบความสำเร็จในการบุกตลาดยุโรปตะวันออก จีนและอินเดีย ที่มีความสนใจในปลาสวยงามหลายประเภท ซึ่งรัฐบาลสิงคโปร์ได้ให้ความสนใจในการลงทุนเพื่องานวิจัย (R&D) ทั้งในแง่ของการสร้างปลาพันธุ์ใหม่ การกำจัดโรคระบาดในหมู่ปลา การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ในภาคนี้ การปรับปรุงระบบอินเตอร์เน็ตเพื่อเป็นแหล่งข้อมูลแก่ผู้ค้า (ธุรกิจซื้อ-ขายปลาสวยงามต้องมีความรวดเร็ว และขึ้นอยู่กับวงจรชีวิตของปลาด้วย)
2. การจัดการสัมมนาเกี่ยวกับปลาสวยงาม ผู้จัดได้จัดให้มีการสัมมนาเกี่ยวกับ การเลี้ยงปลาสวยงาม โดยเชิญผู้เชี่ยวชาญในสาขานี้จากนานับประเทศมาร่วมเป็นวิทยากร ซึ่งมี หัวข้อเรื่อง การแก้ไขปัญหาโรคระบาดในปลาสวยงาม ปัญหาที่อุตสาหกรรมเลี้ยงปลาสวยงาม เผชิญอยู่ การพัฒนาอุตสาหกรรมเลี้ยงปลาให้ตั้งอยู่บนพื้นฐานของความรู้ การตรวจสอบสุขภาพปลาในสิงคโปร์ เป็นต้น
3. การเข้าร่วมชมงานนิทรรศการและการหารือระหว่างเอกอัครราชทูตไทยกับ ผู้ประกอบการไทย ในปีนี้มีผู้ประกอบการไทยจำนวน 4 รายได้เข้าร่วมงานดังกล่าว ได้แก่
- Ocean Nutrition จำหน่ายปลาแม่น้ำ อาหารปลา ฯลฯ ส่งออกไปยังยุโรป และอเมริกา
- Atison Betta Farm จำหน่ายอาหารปลา อุปกรณ์เลี้ยงปลา
- White Crane Aquatic Plant จำหน่ายอาหารปลา อุปกรณ์เลี้ยงปลา เครื่องฟอกอากาศ เครื่องกรองจุลินทรีย์
- Thai Spring Day จำหน่ายอาหารปลา อาหารนกนายเฉลิมพล ทันจิตต์ เอกอัครราชทูต ได้หารือกับผู้ประกอบการของไทยและได้รับทราบปัญหาของผู้ส่งออกไทยคือ 1) ผู้ประกอบการหลายรายจะประสบความสำเร็จในการส่งออกปลาหรืออาหารปลา โดยเฉพาะในการส่งออกมายังสิงคโปร์ เพื่อที่สิงคโปร์จะได้ส่งออกต่อไปยังประเทศที่ 3 แต่ผู้ประกอบการไทยมีความเห็นว่า ไทยน่าจะบริหารธุรกิจปลาได้ด้วยตนเอง โดยไม่ต้องพึ่งตลาดสิงคโปร์ 2) ธุรกิจปลาสวยงามยังไม่ได้รับความสำคัญและการสนับสนุนจากภาครัฐเท่าที่ควร นอกจากนี้ ผู้ประกอบการไทยยังย้ำด้วยว่า ไทยสามารถเป็น “hub” ด้านปลาสวยงามตั้งแต่เมื่อ 10 ปีที่แล้ว แต่ยังคงมีปัญหาในด้านกฎระเบียบ การออกใบรับรองสินค้า การเก็บภาษีนำเข้า-ส่งออก ซึ่งหากภาครัฐให้การสนับสนุนก็จะทำให้อุตสาหกรรมนี้เติบโตได้มากกว่านี้และไทยสามารถเป็น “ศูนย์กลาง” ด้านปลาสวยงามได้ ซึ่งจะได้สร้างผลกำไรให้กับประเทศไทยต่อไป
กองการสื่อมวลชน กรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ โทร. 643-5105 โทรสาร. 643-5106-7 E-mail : div0704@mfa.go.th--จบ--
-พห-
กระทรวงการต่างประเทศได้รับรายงานจากสถานเอกอัครราชทูต ณ สิงคโปร์ ว่า ในระหว่างวันที่ 26-29 พฤษภาคม 2548 ภาคเอกชนผู้ประกอบการของไทยได้เข้าร่วมงาน Aquarama 2005 ที่ศูนย์แสดงสินค้า Singapore Expo ซึ่งเป็นงานแสดงปลาสวยงามและสินค้าอื่นๆ เกี่ยวกับการเลี้ยงปลา รวมถึงการจัดนิทรรศการเกี่ยวกับอุตสาหกรรมในด้านนี้ โดยนายเฉลิมพล ทันจิตต์ เอกอัครราชทูต และนายปวิน ชัชวาลพงศ์พันธ์ เลขานุการโท สถานเอกอัครราชทูตฯ ได้เข้าร่วมในพิธีดังกล่าวด้วยเมื่อวันที่ 26 พฤษภาคม 2548 โดยมีรายละเอียดดังนี้
1. สาระสำคัญและจุดมุ่งหมายของการจัดงาน การจัดงาน Aquarama 2005 ณ สิงคโปร์ครั้งนี้ถือเป็นครั้งที่ 9 ของการจัดงาน (2 ปีครั้ง) เป็นงานแสดงปลาสวยงาม และนิทรรศการที่ใหญ่ที่สุดของโลก โดยมีซุ้มแสดงปลาและอุปกรณ์เกี่ยวกับการเลี้ยงปลามากถึง 230 บริษัท จาก 25 ประเทศทั่วโลก (รวมไทยด้วย) ถือเป็นศูนย์กลางของธุรกิจค้าปลาที่ใหญ่ที่สุด เป็นจุดนัดพบระหว่างผู้ประกอบการในการแลกเปลี่ยนข้อมูล ประสบการณ์ รวมถึงแสดงสินค้าล่าสุดเพื่อป้อนความต้องการของลูกค้าจากสิงคโปร์และนานับประเทศธุรกิจการเลี้ยงปลาสวยงามของโลกมีมูลค่ารวมสูงถึง 190 ล้านเหรียญสหรัฐ และกำลังได้รับความนิยมอย่างยิ่ง สิงคโปร์ได้ยกฐานะตนเองขึ้นเป็นศูนย์กลางของการค้าปลาสวยงามและเป็นผู้ส่งออกรายใหญ่ที่สุดของโลก โดยมีมูลค่าการส่งออกเมื่อปี 2004 อยู่ที่ 86 ล้านเหรียญสิงคโปร์ เพิ่มขึ้นร้อยละ 16 จากการส่งออกในปี 2003 ทั้งนี้ ลูกค้าต่างมีความมั่นใจในสินค้าของ
สิงคโปร์ และความแปลกใหม่ อาทิ ความนิยมในปลามังกรของสิงคโปร์เริ่มมีมากขึ้น
ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ผู้ประกอบการท้องถิ่นประสบความสำเร็จในการบุกตลาดยุโรปตะวันออก จีนและอินเดีย ที่มีความสนใจในปลาสวยงามหลายประเภท ซึ่งรัฐบาลสิงคโปร์ได้ให้ความสนใจในการลงทุนเพื่องานวิจัย (R&D) ทั้งในแง่ของการสร้างปลาพันธุ์ใหม่ การกำจัดโรคระบาดในหมู่ปลา การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ในภาคนี้ การปรับปรุงระบบอินเตอร์เน็ตเพื่อเป็นแหล่งข้อมูลแก่ผู้ค้า (ธุรกิจซื้อ-ขายปลาสวยงามต้องมีความรวดเร็ว และขึ้นอยู่กับวงจรชีวิตของปลาด้วย)
2. การจัดการสัมมนาเกี่ยวกับปลาสวยงาม ผู้จัดได้จัดให้มีการสัมมนาเกี่ยวกับ การเลี้ยงปลาสวยงาม โดยเชิญผู้เชี่ยวชาญในสาขานี้จากนานับประเทศมาร่วมเป็นวิทยากร ซึ่งมี หัวข้อเรื่อง การแก้ไขปัญหาโรคระบาดในปลาสวยงาม ปัญหาที่อุตสาหกรรมเลี้ยงปลาสวยงาม เผชิญอยู่ การพัฒนาอุตสาหกรรมเลี้ยงปลาให้ตั้งอยู่บนพื้นฐานของความรู้ การตรวจสอบสุขภาพปลาในสิงคโปร์ เป็นต้น
3. การเข้าร่วมชมงานนิทรรศการและการหารือระหว่างเอกอัครราชทูตไทยกับ ผู้ประกอบการไทย ในปีนี้มีผู้ประกอบการไทยจำนวน 4 รายได้เข้าร่วมงานดังกล่าว ได้แก่
- Ocean Nutrition จำหน่ายปลาแม่น้ำ อาหารปลา ฯลฯ ส่งออกไปยังยุโรป และอเมริกา
- Atison Betta Farm จำหน่ายอาหารปลา อุปกรณ์เลี้ยงปลา
- White Crane Aquatic Plant จำหน่ายอาหารปลา อุปกรณ์เลี้ยงปลา เครื่องฟอกอากาศ เครื่องกรองจุลินทรีย์
- Thai Spring Day จำหน่ายอาหารปลา อาหารนกนายเฉลิมพล ทันจิตต์ เอกอัครราชทูต ได้หารือกับผู้ประกอบการของไทยและได้รับทราบปัญหาของผู้ส่งออกไทยคือ 1) ผู้ประกอบการหลายรายจะประสบความสำเร็จในการส่งออกปลาหรืออาหารปลา โดยเฉพาะในการส่งออกมายังสิงคโปร์ เพื่อที่สิงคโปร์จะได้ส่งออกต่อไปยังประเทศที่ 3 แต่ผู้ประกอบการไทยมีความเห็นว่า ไทยน่าจะบริหารธุรกิจปลาได้ด้วยตนเอง โดยไม่ต้องพึ่งตลาดสิงคโปร์ 2) ธุรกิจปลาสวยงามยังไม่ได้รับความสำคัญและการสนับสนุนจากภาครัฐเท่าที่ควร นอกจากนี้ ผู้ประกอบการไทยยังย้ำด้วยว่า ไทยสามารถเป็น “hub” ด้านปลาสวยงามตั้งแต่เมื่อ 10 ปีที่แล้ว แต่ยังคงมีปัญหาในด้านกฎระเบียบ การออกใบรับรองสินค้า การเก็บภาษีนำเข้า-ส่งออก ซึ่งหากภาครัฐให้การสนับสนุนก็จะทำให้อุตสาหกรรมนี้เติบโตได้มากกว่านี้และไทยสามารถเป็น “ศูนย์กลาง” ด้านปลาสวยงามได้ ซึ่งจะได้สร้างผลกำไรให้กับประเทศไทยต่อไป
กองการสื่อมวลชน กรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ โทร. 643-5105 โทรสาร. 643-5106-7 E-mail : div0704@mfa.go.th--จบ--
-พห-