สรุปประเด็นสำคัญ
ดัชนีอุตสาหกรรมของเดือนเมษายน 2548
- ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม = 132.58 ลดลงจากเดือนมีนาคม 2548 (152.93) แต่เพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกัน ของปีก่อน (125.43)
- ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมที่ลดลงเมื่อเทียบกับเดือนมีนาคม 2548 ได้แก่ การผลิตยานยนต์ การจัดเตรียมและการปั่นเส้นใยสิ่งทอรวมถึงการทอสิ่งทอ การผลิตน้ำตาล ผลิตภัณฑ์จากคอนกรีตซีเมนต์และปูนปลาสเตอร์ การแปรรูปและการถนอมสัตว์น้ำและผลิตภัณฑ์จากสัตว์น้ำ
- อัตราการใช้กำลังการผลิตเฉลี่ย = 62.44 ลดลงจากเดือนมีนาคม 2548 (71.20) แต่เพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกัน ของปีก่อน (58.31)
ภาวะเศรษฐกิจอุตสาหกรรมในเดือนพฤษภาคม 2548
- ภาวะการผลิตอุตสาหกรรมอาหารลดลงจากเดือนก่อน เนื่องจากมีวันหยุดงานช่วงสงกรานต์มาก สำหรับแนวโน้มการส่งออกและการบริโภคอาหารจะยังชะลอตัว เป็นผลต่อเนื่องจากระดับราคาน้ำมันแพง และการจับจ่ายใช้สอยของครัวเรือนในด้านอื่นเพิ่มขึ้น จากการที่ใกล้เปิดเทอมใหม่
- การผลิตสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่มในเดือนพฤษภาคม 2548 จะเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับเดือนเมษายน ซึ่งเป็นไปตามกลไกการตลาดเนื่องจากเข้าสู่ภาวะเปิดภาคเรียนใหม่ ส่งผลให้การบริโภคเพิ่มขึ้น และคาดการณ์เดือนมิถุนายนการผลิตและจำหน่ายเสื้อผ้าสำเร็จรูป จะชะลอตัว เช่นเดียวกับผลิตภัณฑ์สิ่งทอ
- ภาวการณ์การผลิตเหล็กและเหล็กกล้าในเดือน พ.ค. 2548 คาดว่าจะทรงตัวเมื่อเทียบกับเดือนก่อน โดยในกลุ่มเหล็กทรงยาว เช่น เหล็กเส้น เหล็กลวด ที่ใช้ในโครงการก่อสร้างของภาครัฐยังคงขยายตัวแต่ในส่วนของโครงการภาคเอกชนยังคงซบเซาอยู่ ขณะที่เหล็กทรงแบนยังคงขยายตัวตามภาวะของอุตสาหกรรมต่อเนื่อง
- อุตสาหกรรมรถยนต์ในเดือนพฤษภาคม 2548 มีการผลิต จำหน่าย และส่งออก ขยายตัวเมื่อเปรียบเทียบกับเดือนที่ผ่านมา เนื่องจาก ผู้ผลิตแต่ละรายเริ่มทำการผลิตเพิ่มขึ้น ภายหลังจากในช่วงเดือนเมษายนที่มีการชะลอการผลิต การส่งมอบรถยนต์ และการส่งออก เพราะมีวันหยุดนักขัตฤกษ์หลายวัน ทั้งนี้ รถยนต์ปิกอัพและอนุพันธ์ของรถยนต์ปิกอัพ ยังคงเป็นที่นิยมของผู้บริโภค โดยเฉพาะรุ่นยอดนิยมยังไม่สามารถผลิตได้ทันตามความต้องการของตลาดในประเทศ
- อุตสาหกรรมปูนซีเมนต์ ในเดือนพฤษภาคมคาดว่าการผลิตและการจำหน่ายในประเทศมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นตามการขยายตัวของธุรกิจในประเทศ ส่วนเดือนมิถุนายนการผลิตและการจำหน่ายในประเทศอาจจะลดลงเล็กน้อย เนื่องจากเริ่มเข้าสู่ฤดูฝนทำให้การก่อสร้างเริ่มชะลอตัว
- การผลิตในเดือนพฤษภาคมและเดือนมิถุนายน 2548 คาดว่าจะมีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้นกว่าเดือนเมษายนซึ่งเป็นเดือนที่อยู่ในช่วง Low season ของทุกปี แต่การขยายตัวอาจไม่ขยายตัวในอัตราสูงเท่ากับช่วงเดียวกันของปี 2547 โดยเฉพาะสินค้าในกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ที่มีแนวโน้มการปรับตัวลดลงค่อนข้างมากเมื่อเทียบกับปีก่อน
สถานการณ์เศรษฐกิจอุตสาหกรรม
- ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม
มี.ค. 48 = 152.93
เม.ย.48 = 132.58
โดยอุตสาหกรรมหลักที่ส่งผลให้ดัชนี ลดลง ได้แก่
- การผลิตยานยนต์
- การจัดเตรียมและการปั่นเส้นใยสิ่งทอรวมถึงการทอสิ่งทอ
- การผลิตน้ำตาล
- อัตราการใช้กำลังการผลิต
มี.ค. 48 = 71.20
เม.ย.48 = 62.44
โดยอุตสาหกรรมหลักที่ส่งผลให้อัตราการใช้กำลังการผลิตลดลง ได้แก่
- การผลิตยานยนต์
- การจัดเตรียมและการปั่นเส้นใยสิ่งทอรวมถึงการทอสิ่งทอ
- การผลิตผลิตภัณฑ์จากคอนกรีต ซีเมนต์ และปูนปลาสเตอร์
1.อุตสาหกรรมอาหาร
“ ภาวะการผลิตอุตสาหกรรมอาหารลดลงจากเดือนก่อน เนื่องจากมีวันหยุดงานช่วงสงกรานต์มาก สำหรับแนวโน้มการส่งออกและการบริโภคอาหารจะยังชะลอตัว เป็นผลต่อเนื่องจากระดับราคาน้ำมันแพง และการจับจ่ายใช้สอยของครัวเรือนในด้านอื่นเพิ่มขึ้น จากการที่ใกล้เปิดเทอมใหม่ "
1. การผลิต
ภาวะการผลิตโดยรวม ส่วนใหญ่ขยายตัวลดลงจากเดือนก่อน ร้อยละ 14.4 และเมื่อเทียบกับปีก่อนลดลงร้อยละ 2 โดยสินค้าอาหารที่ผลิตเพื่อส่งออกลดลง เช่น ไก่สดแช่เย็นแช่แข็งร้อยละ 17.7 กุ้งแช่เย็นแช่แข็ง ร้อยละ 1 ส่วนหนึ่งมาจากวันทำงานลดลงในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ขณะที่ผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง ผลิตลดลงจากปีก่อนร้อยละ 18.6 และน้ำตาลทราย ร้อยละ 24 เนื่องจากวัตถุดิบขาดแคลนจากปัญหาภัยแล้ง และเป็นช่วงปิดหีบและปริมาณอ้อยเข้าโรงงานน้อยกว่า ปีก่อน สำหรับสินค้าที่ผลิตเพื่อใช้ภายในประเทศ เช่น อาหารสัตว์ผลิตลดลง ร้อยละ 2.7 และสินค้าน้ำมันพืชลดลง ร้อยละ 15 เนื่องจากเป็นช่วงที่ปริมาณวัตถุดิบออกสู่ตลาดลดลง
2. การตลาด
1) ตลาดในประเทศ สินค้าอาหารและเกษตรภาพรวมมีการจำหน่ายลดลงในสัดส่วนเดียวกับการผลิต คือ ร้อยละ 14.1 เมื่อเทียบกับเดือนก่อน แต่เพิ่มขึ้นร้อยละ 8.6 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่วนหนึ่งเป็นผลเป็นช่วงวันหยุดเทศกาลสงกรานต์ ทำให้ความต้องการใช้จ่ายด้านอุปโภคและบริโภคเพิ่มขึ้น
2) ตลาดต่างประเทศ
ภาวะการส่งออกโดยรวม มีมูลค่าเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน ร้อยละ 16.7 สินค้าที่ส่งออกเพิ่มขึ้น คือ บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ร้อยละ 108 สินค้าไก่แปรรูป ร้อยละ 52.9 ปลาทูน่ากระป๋องร้อยละ 40 ข้าวโพด ฝักอ่อนฯ ร้อยละ 8 สับปะรดกระป๋อง ร้อยละ 5.3 และน้ำตาลทรายและผลิตภัณฑ์ ร้อยละ 4 และกุ้งแช่เย็นแช่แข็ง ร้อยละ 1 สำหรับสินค้าที่ส่งออกลดลง ได้แก่ เครื่องเทศและสมุนไพร ร้อยละ 47 ผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง ร้อยละ 2 เป็นผลจากการขาดแคลนวัตถุดิบ และปริมาณข้าวโพดที่เป็นสินค้าทดแทนในการเลี้ยงสัตว์ออกสู่ตลาดโลกเพิ่มขึ้น
3. แนวโน้ม
คาดว่าการผลิตและการส่งออกโดยรวมจะชะลอตัวเมื่อเทียบกับเดือนก่อน ทั้งอาหารประเภทกระป๋อง แปรรูป และอาหารกึ่งสำเร็จรูป เนื่องจากมีปัจจัยลบจากราคาน้ำมันที่ยังมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และการบริโภคในประเทศอาจลดลง เนื่องจากความต้องการจับจ่ายใช้สอยของครัวเรือนด้านอื่นที่เพิ่มขึ้นในช่วงเปิดเทอมใหม่
2. อุตสาหกรรมสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่ม
“ ภาวะการณ์ผลิตและจำหน่ายเสื้อผ้าสำเร็จรูป ยังขยายตัวตามความต้องการของผู้บริโภค....”
1. การผลิตและการจำหน่าย
การผลิตเส้นใยสิ่งทอฯ เดือนเมษายน 2548 ลดลงร้อยละ 13.1 เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน แต่เสื้อผ้าสำเร็จรูปมีการผลิตเพิ่มขึ้นร้อยละ 5.4 ซึ่งเป็นการขยายตัวตามความต้องการบริโภคทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยเฉพาะเสื้อผ้าสำเร็จรูปที่ผลิตจากผ้าทอ
ปริมาณการจำหน่ายเส้นใยสิ่งทอฯ เดือนเมษายน 2548 ลดลงร้อยละ 9.8 ขณะที่เสื้อผ้าสำเร็จรูปเพิ่มขึ้นร้อยละ 8.0 เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน
2. การส่งออกและตลาดส่งออก
มูลค่าการส่งออกสิ่งทอ เดือนเมษายน 2548 ลดลงร้อยละ 11.9 เมื่อเทียบกับเดือนก่อน แต่เพิ่มขึ้นร้อยละ 6.5 เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน โดยเพิ่มขึ้นในตลาดสหรัฐอเมริกา (+8.9%) อาเซียน (+29.2%) แต่ลดลงในตลาดสหภาพยุโรป (-6.8%) และญี่ปุ่น (-4.8%)
มูลค่าการส่งออกเสื้อผ้าสำเร็จรูป เดือนเมษายน 2548 ลดลงร้อยละ 11.9 เมื่อเทียบกับเดือนก่อน แต่เพิ่มขึ้นร้อยละ 10.0 เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน ส่งออกเพิ่มขึ้นในตลาดสหรัฐอเมริกา (+18.3%) ญี่ปุ่น (+20.3%) ฝรั่งเศส (+2.1%) และเยอรมนี(+19.7%) เป็นต้น ลดลงในตลาดสหราชอาณาจักร (-13.1%)
3. การนำเข้า
มูลค่าการนำเข้าเส้นใยฯ เดือนมกราคม-เมษายน 2548 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนเพิ่มขึ้นร้อยละ 14.7 เส้นด้ายทอผ้าฯ นำเข้าเพิ่มขึ้นร้อยละ 7.8 ตลาดนำเข้าหลักคือจากสหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น และจีน
ผ้าผืน นำเข้าเพิ่มขึ้นร้อยละ 8.2 ตลาดนำเข้าหลักคือ จีน ไต้หวัน และญี่ปุ่น
เสื้อผ้าสำเร็จรูป นำเข้าทรงตัว ตลาดนำเข้าหลักคือ จีน อิตาลี ฮ่องกงและญี่ปุ่น
4. แนวโน้ม
การผลิตสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่มในเดือนพฤษภาคม 2548 จะเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับเดือนเมษายน ซึ่งเป็นไปตามกลไกการตลาดเนื่องจากเข้าสู่ภาวะเปิดภาคเรียนใหม่ ส่งผลให้การบริโภคเพิ่มขึ้น และคาดการณ์เดือนมิถุนายนการผลิตและจำหน่ายเสื้อผ้าสำเร็จรูป จะชะลอตัว เช่นเดียวกับผลิตภัณฑ์สิ่งทอ
3. อุตสาหกรรมเหล็กและเหล็กกล้า
“ ภาวการณ์การผลิตในเดือน พ.ค. 2548 คาดว่าจะทรงตัวเมื่อเทียบกับเดือนก่อน โดยในกลุ่มเหล็กทรงยาว เช่น เหล็กเส้น เหล็กลวด ที่ใช้ในโครงการก่อสร้างของภาครัฐยังคงขยายตัวแต่ในส่วนของโครงการภาคเอกชนยังคงซบเซาอยู่ ขณะที่เหล็กทรงแบนยังคงขยายตัวตามภาวะของอุตสาหกรรมต่อเนื่อง ”
1.การผลิต
ภาวะการผลิตเหล็กในช่วงเดือน เม.ย. 48 ชะลอตัวลงโดยดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมในเดือนนี้ลดลงร้อยละ 7.07 เมื่อเทียบกับเดือนก่อน โดยมีค่า 157.45 ส่วนหนึ่งเป็นเพราะในช่วงเทศกาลสงกรานต์ซึ่งมีจำนวนวันทำงานน้อยกว่าปกติ ผลิตภัณฑ์ที่ลดลงมากที่สุดได้แก่ เหล็กแผ่นเคลือบดีบุก ร้อยละ 31.34 รองลงมาคือ เหล็กเส้นกลม ลดลง ร้อยละ 24.61 เนื่องจากภาวะธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในโครงการภาคเอกชนช่วงนี้ซบเซาลง ผู้รับเหมาได้รับผลกระทบจากวัสดุก่อสร้างอื่นๆ ที่มีการปรับราคาเพิ่มขึ้น ทำให้ภาวะการค้าในช่วงนี้ชะลอตัวลง สำหรับเหล็กลวดลดลง ร้อยละ 24.31 เหล็กแผ่นรีดร้อนชนิดม้วนและเหล็กแผ่นรีดเย็น ทรงตัวคือ ลดลง ร้อยละ 1.98 และเพิ่มขึ้น 0.05 ตามลำดับ ขณะเดียวกันเมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน ภาวะการผลิตเพิ่มขึ้น ร้อยละ 22.06 โดยเหล็กแผ่นรีดร้อนชนิดม้วน เพิ่มขึ้นมากที่สุด ร้อยละ 55.18 รองลงมา คือ เหล็กเส้นกลม เพิ่มขึ้นร้อยละ 40.37
2. ราคาเหล็ก
สำหรับการเปลี่ยนแปลงของราคาเหล็ก (FOB) โดยเฉลี่ยที่สำคัญในตลาด CIS ในช่วงเดือนพฤษภาคม 2548 เทียบกับช่วงเดือนก่อน ผลิตภัณฑ์เหล็กที่สำคัญทุกตัวมีราคาลดลง โดยเหล็กแท่งแบน ลดลงมากที่สุด จาก 470 เป็น 430 เหรียญสหรัฐต่อตัน ลดลง ร้อยละ 8.51 รองลงมาคือ เศษเหล็กลดลงจาก 230 เป็น 215 เหรียญสหรัฐต่อตัน ลดลงร้อยละ 6.52 เหล็กแท่งเล็ก ลดลงจาก 383 เป็น 358 เหรียญสหรัฐต่อตัน ลดลง ร้อยละ 6.32 เหล็กแผ่นรีดเย็น ลดลงจาก 630 เป็น 610 เหรียญสหรัฐต่อตัน ลดลงร้อยละ 3.17 เหล็กแผ่นรีดร้อน ลดลงจาก 521 เป็น 505 เหรียญสหรัฐต่อตัน ลดลงร้อยละ 3.12 เหล็กเส้น ลดลงจาก 415 เป็น 408 เหรียญสหรัฐต่อตัน ลดลง ร้อยละ 1.61
3. แนวโน้ม
ภาวการณ์การผลิตในเดือน พ.ค. 2548 คาดว่าจะทรงตัวเมื่อเทียบกับเดือนก่อน โดยในกลุ่มเหล็กทรงยาว เช่น เหล็กเส้น เหล็กลวด ที่ใช้ในโครงการก่อสร้างของภาครัฐยังคงขยายตัวแต่ในส่วนของโครงการภาคเอกชนยังคงซบเซาอยู่ ขณะที่เหล็กทรงแบนยังคงขยายตัวตามภาวะของอุตสาหกรรมต่อเนื่อง
4. อุตสาหกรรมยานยนต์
รถยนต์ (พ.ค. 48)
อุตสาหกรรมรถยนต์ในเดือนพฤษภาคม 2548 มีการผลิต จำหน่าย และส่งออก ขยายตัวเมื่อเปรียบเทียบกับเดือนที่ผ่านมา เนื่องจาก ผู้ผลิตแต่ละรายเริ่มทำการผลิตเพิ่มขึ้น ภายหลังจากในช่วงเดือนเมษายนที่มีการชะลอการผลิต การส่งมอบรถยนต์ และการส่งออก เพราะมีวันหยุดนักขัตฤกษ์หลายวัน ทั้งนี้ รถยนต์ปิกอัพและอนุพันธ์ของรถยนต์ปิกอัพ ยังคงเป็นที่นิยมของผู้บริโภค โดยเฉพาะรุ่นยอดนิยมยังไม่สามารถผลิตได้ทันตามความต้องการของตลาดในประเทศโดยประมาณการในเดือนพฤษภาคม ดังนี้
- การผลิตรถยนต์ จำนวน 88,000 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนพฤษภาคม 2547 ร้อยละ 13.27 และเพิ่มขึ้นจากเดือนเมษายน 2548 ซึ่งมีการผลิต 76,287 คัน ร้อยละ 15.35
- การจำหน่ายรถยนต์ จำนวน 56,000 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนพฤษภาคม 2547 ร้อยละ 13.65 และเพิ่มขึ้นจากเดือนเมษายน 2548 ซึ่งมีการจำหน่าย 55,920 คัน ร้อยละ 0.14
- การส่งออกรถยนต์ มีจำนวน 32,000 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนพฤษภาคม 2547 ร้อยละ 15.85 และเพิ่มขึ้นจากเดือนเมษายน 2548 ซึ่งมีการส่งออก 30,308 คัน ร้อยละ 5.58
- ภาวะในเดือนมิถุนายน 2548 อุตสาหกรรมรถยนต์คาดว่ายังคงขยายตัวเพิ่มขึ้นได้เล็กน้อย
รถจักรยานยนต์ (พ.ค. 48)
อุตสาหกรรมรถจักรยานยนต์ขยายตัวเมื่อเปรียบเทียบกับเดือนเมษายนที่ผ่านมา เนื่องจากโรงงานเริ่มทำการผลิตเพิ่มขึ้นภายหลังจากในช่วงเดือนเมษายนที่ชะลอการผลิต เพราะมีวันหยุดมาก โดยประมาณการในเดือนพฤษภาคม ดังนี้
- การผลิตรถจักรยานยนต์ จำนวน 269,000 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนพฤษภาคม 2547 ร้อยละ 3.18 และเพิ่มขึ้นจากเดือนเมษายน 2548 ซึ่งมีการผลิต 243,547 คัน ร้อยละ 10.45
- การจำหน่าย จำนวน 180,000 คัน ลดลงจากเดือนพฤษภาคม 2547 ร้อยละ 1.12 แต่เพิ่มขึ้นจากเดือนเมษายน 2548 ซึ่งมีการจำหน่าย 130,774 คัน ร้อยละ 37.64
- การส่งออกรถจักรยานยนต์ มีจำนวน 89,000 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนพฤษภาคม 2547 ร้อยละ 8.73 และเพิ่มขึ้นจากเดือนเมษายน 2548 ซึ่งมีการส่งออก 79,884 คัน ร้อยละ 11.41
- แนวโน้ม ภาวะอุตสาหกรรมรถจักรยานยนต์ในเดือนมิถุนายน 2548 จะชะลอตัวเล็กน้อยจากเดือนพฤษภาคม 2548 เนื่องจากเริ่มเข้าสู่ฤดูฝน ซึ่งมิใช่ฤดูกาลขายของรถจักรยานยนต์
5.อุตสาหกรรมปูนซีเมนต์
“การผลิตและการจำหน่ายในประเทศลดลง เนื่องจากเป็นช่วงวันหยุดยาวในเทศกาลสงกรานต์ ”
1.การผลิตและการจำหน่ายในประเทศ
การผลิตปูนซีเมนต์ในเดือนเมษายน 2548 เมื่อเทียบกับเดือนก่อนลดลงร้อยละ 19.91 เนื่องจากเป็นช่วงวันหยุดยาวเทศกาลสงกรานต์ทำให้จำนวนวันทำงานลดลง แต่เมื่อเทียบเดือนเดียวกันของปีก่อน เพิ่มขึ้นร้อยละ 7.39 เนื่องจากการจำหน่ายในประเทศยังคงเพิ่มขึ้นตามความต้องการใช้ปูนซีเมนต์ซึ่งเพิ่มขึ้นตามภาวะธุรกิจก่อสร้างและธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่ยังขยายตัวอย่างต่อเนื่อง จากการขยายการลงทุนในภาคเอกชนและการลงทุนในโครงการพัฒนาสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐานของภาครัฐ
2.การส่งออก
มูลค่าการส่งออกปูนซีเมนต์ เดือนเมษายน เมื่อเทียบกับเดือนก่อนลดลงร้อยละ 9.11 เนื่องจากความต้องการใช้ปูนซีเมนต์ในประเทศคู่ค้าลดลง แต่เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อนเพิ่มขึ้นร้อยละ 60.91 สำหรับตลาดส่งออกปูนซีเมนต์ที่สำคัญ ได้แก่ เวียดนาม สหรัฐอเมริกา บังคลาเทศ และกัมพูชา
3.แนวโน้ม
เดือนพฤษภาคมคาดว่าการผลิตและการจำหน่ายในประเทศมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นตามการขยายตัวของธุรกิจในประเทศ ส่วนเดือนมิถุนายนการผลิตและการจำหน่ายในประเทศอาจจะลดลงเล็กน้อย เนื่องจากเริ่มเข้าสู่ฤดูฝนทำให้การก่อสร้างเริ่มชะลอตัว สำหรับการส่งออกขึ้นอยู่กับอุปสงค์ของประเทศคู่ค้าที่สำคัญ
6. อุตสาหกรรมไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์
“การผลิตในเดือนพฤษภาคมและเดือนมิถุนายน 2548 คาดว่าจะมีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้นกว่าเดือนเมษายนซึ่งเป็นเดือนที่อยู่ในช่วง Low season ของทุกปี แต่การขยายตัวอาจไม่ขยายตัวในอัตราสูงเท่ากับช่วงเดียวกันของปี 2547 โดยเฉพาะสินค้าในกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ที่มีแนวโน้มการปรับตัวลดลงค่อนข้างมากเมื่อเทียบกับปีก่อน”
ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์
1.การผลิต
ภาพรวมการผลิตอุตสาหกรรมไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ในภาพรวมของเดือนเมษายน 2548 เมื่อเทียบกับเดือนก่อนปรับตัวลดลงร้อยละ 12.41 เป็นการลดลงของสินค้าทั้ง 2 กลุ่มโดยลดลงจากสินค้าในกลุ่มไฟฟ้าร้อยละ 14.58 และลดลงจากสินค้าในกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ร้อยละ 9.01
และเมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน มีการปรับตัวลดลงร้อยละ 9.79 เป็นการลดลงจากสินค้ากลุ่มไฟฟ้าร้อยละ 5.15 และจากสินค้ากลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ร้อยละ 15.87
2. การส่งออก
การส่งออกสินค้าไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ในเดือนเมษายน 2548 มีมูลค่าส่งออกรวม 107,258.5 ล้านบาท มีการปรับตัวลดลงถึงร้อยละ 15.4 เมื่อเทียบกับเดือนก่อนและเป็นการลดลงของสินค้าทั้ง 2 กลุ่ม โดยเป็นการลดลงจากสินค้ากลุ่มไฟฟ้าร้อยละ 16.8 และกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ ร้อยละ 14.5 และเป็นที่น่าสังเกตุว่าการส่งออกในเดือนนี้เมื่อเทียบกับเดือนก่อนมีการปรับตัวลดลงเกือบทุกสินค้า ยกเว้นลำโพงขยายเสียงและส่วนประกอบในสินค้ากลุ่มไฟฟ้า และมอเตอร์และเครื่องกำเนิดไฟฟ้า เครื่องส่งวิทยุ โทรเลข โทรศัพท์ในสินค้ากลุ่มอิเล็กทรอนิกส์
3. แนวโน้ม
การผลิตในเดือนพฤษภาคมและเดือนมิถุนายน 2548 คาดว่าจะมีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้นกว่าเดือนเมษายนซึ่งเป็นเดือนที่อยู่ในช่วง Low season ของทุกปี แต่การขยายตัวอาจไม่ขยายตัวในอัตราสูงเท่ากับช่วงเดียวกันของปี 2547 โดยเฉพาะสินค้าในกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ที่มีแนวโน้มการปรับตัวลดลงค่อนข้างมากเมื่อเทียบกับปีก่อนและจะยังมีภาวะที่น่าเป็นห่วงต่อไปหากภาวะความต้องการของอิเล็กทรอนิกส์โลกยังไม่ปรับตัวดีขึ้น
- ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมในเดือนเมษายน 2548 มีค่า 132.58 ลดลงจากเดือนมีนาคม 2548 (152.93) ร้อยละ 13.3 แต่เพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันของปีก่อน (125.43) ร้อยละ 5.7
- อุตสาหกรรมหลักที่ส่งผลให้ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมลดลงจากเดือนมีนาคม 2548 ได้แก่ อุตสาหกรรมการผลิตยานยนต์ อุตสาหกรรมการจัดเตรียมและการปั่นเส้นใยสิ่งทอรวมถึงการทอสิ่งทอ อุตสาหกรรมการผลิตน้ำตาล อุตสาหกรรมการผลิตผลิตภัณฑ์จากคอนกรีต ซีเมนต์ และปูนปลาสเตอร์ อุตสาหกรรมการแปรรูปและการถนอมสัตว์น้ำและผลิตภัณฑ์จากสัตว์น้ำ เป็นต้น
- อุตสาหกรรมหลักที่ส่งผลให้ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันของปีก่อน ได้แก่ อุตสาหกรรมการผลิตยานยนต์ อุตสาหกรรมการผลิตเหล็กและผลิตภัณฑ์เหล็กกล้าขั้นมูลฐาน อุตสาหกรรมการผลิตมอลต์ลิกเคอและมอลต์ อุตสาหกรรมการผลิตเครื่องจักรที่ใช้งานทั่วไปอื่นๆ อุตสาหกรรมการผลิตผลิตภัณฑ์จากคอนกรีต ซีเมนต์ และปูนปลาสเตอร์ เป็นต้น
- อัตราการใช้กำลังการผลิตในเดือนเมษายน 2548 มีค่า 62.44 ลดลงจากเดือนมีนาคม 2548 (71.20) แต่เพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันของปีก่อน (58.31)
- อุตสาหกรรมหลักที่ส่งผลให้อัตราการใช้กำลังการผลิตลดลงจากเดือนมีนาคม 2548 ได้แก่ อุตสาหกรรมการผลิตยานยนต์ อุตสาหกรรมการจัดเตรียมและการปั่นเส้นใยสิ่งทอรวมถึงการทอสิ่งทอ อุตสาหกรรมการผลิตผลิตภัณฑ์จากคอนกรีต ซีเมนต์ และปูนปลาสเตอร์ อุตสาหกรรมการผลิตผลิตภัณฑ์พลาสติก อุตสาหกรรมการผลิตเครื่องแต่งกายยกเว้นเครื่องแต่งกายที่ทำจากขนสัตว์ เป็นต้น
- อุตสาหกรรมหลักที่ส่งผลให้อัตราการใช้กำลังการผลิตเพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันของปีก่อน ได้แก่ อุตสาหกรรมการผลิตยานยนต์ อุตสาหกรรมการผลิตเหล็กและผลิตภัณฑ์เหล็กกล้าขั้นมูลฐาน อุตสาหกรรมการผลิตผลิตภัณฑ์ที่ได้จากการกลั่นน้ำมันปิโตรเลียม อุตสาหกรรมการผลิตมอลต์ลิกเคอและมอลต์ อุตสาหกรรมการผลิตอาหารสัตว์สำเร็จรูป เป็นต้น
- อัตราการใช้กำลังการผลิตในเดือนเมษายน 2548 ของโรงงานขนาดเล็กมีค่า 40.1 โรงงานขนาดกลางมีค่า 50.6 และโรงงานขนาดใหญ่มีค่า 66.6
สถานภาพการประกอบกิจการอุตสาหกรรมเดือนเมษายน 2548
- ภาวะการประกอบกิจการของโรงงานจากกรมโรงงานอุตสาหกรรมในเดือนเมษายน 2548 มีโรงงานที่เริ่มประกอบกิจการจำนวน 460 ราย เพิ่มขึ้นในจำนวนที่น้อยกว่าเดือนมีนาคม 2548 ซึ่งมีโรงงานเริ่มประกอบกิจการจำนวน 648 รายหรือคิดเป็นจำนวนน้อยกว่าร้อยละ 29.0 ในส่วนของจำนวนเงินลงทุน มียอดเงินลงทุนรวมทั้งสิ้น 5,660 ล้านบาท และก่อให้เกิดการจ้างงานรวม 8,410 คน ลดลงจากเดือนมีนาคม 2548 ซึ่งมีการลงทุนเพิ่ม 42,713 ล้านบาทและจำนวนการจ้างงาน 15,544 คน
- อุตสาหกรรมที่มีจำนวนโรงงานเริ่มประกอบกิจการมากที่สุด คืออุตสาหกรรมการทำเหมืองหิน ทรายและดินเหนียว จำนวน 159 ราย รองลงมาคือ อุตสาหกรรมการผลิตเครื่องไม้ที่ใช้ในการก่อสร้างและเครื่องประกอบอาคาร จำนวน 51 ราย
- อุตสาหกรรมที่เริ่มประกอบกิจการโดยมีการลงทุนสูงสุด คืออุตสาหกรรมการทำเหมืองหิน ทรายและดินเหนียว เงินทุน 1,107 ล้านบาท รองลงมาคือ อุตสาหกรรมการกลั่น การกลั่นลำดับส่วน และการผสมสุรา รวมทั้งการผลิตเอทิลแอลกอฮอล์ที่ได้จากการหมัก เงินทุน 800 ล้านบาท
- อุตสาหกรรมที่เริ่มประกอบกิจการและมีการจ้างงานสูงสุด คือ อุตสาหกรรมการผลิตเครื่องรับโทรทัศน์และวิทยุ เครื่องบันทึกเสียงหรือภาพ หรือเครื่องซาวนด์รีโพรดิวซิ่งหรือวิดิโอรีโพรดิวซิ่ง และสินค้าที่เกี่ยวข้อง คนงาน 2,137 คน รองลงมาคือ อุตสาหกรรมการทำเหมืองหิน ทรายและดินเหนียว คนงาน 779 คน
- ภาวะการเลิกกิจการของโรงงานจากกรมโรงงานอุตสาหกรรมในเดือนเมษายน 2548 มีโรงงานที่ปิดดำเนินกิจการจำนวน 151 ราย ซึ่งเป็นจำนวนที่น้อยกว่าเดือนมีนาคม 2548 ร้อยละ 29.4 ซึ่งเป็นการลงทุนจำนวน 801 ล้านบาทและเลิกจ้างงานจำนวน 4,158 คน
- ภาวะการลงทุนของการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) ในเดือนเมษายน 2548 มีโรงงานที่เปิดดำเนินกิจการในนิคมอุตสาหกรรมต่างๆ จำนวน 13 ราย คิดเป็นเงินลงทุน 4,432 ล้านบาทและมีการจ้างงานรวม 2,685 คน
- อุตสาหกรรมที่เปิดดำเนินกิจการในนิคมอุตสาหกรรมที่มีการลงทุนสูงสุด คือ อุตสาหกรรมการผลิตยางนอกและยางใน การหล่อดอกยางและการซ่อมสร้างยางเงินทุน 1,754 ล้านบาท รองลงมาคือ อุตสาหกรรมการผลิตผลิตภัณฑ์พลาสติก เงินทุน 971 ล้านบาท
- อุตสาหกรรมหลักที่เปิดดำเนินกิจการในนิคมอุตสาหกรรมที่มีการจ้างงานสูงสุด คือ อุตสาหกรรมการผลิตผลิตภัณฑ์พลาสติก คนงาน 1,061 คน รองลงมาคือ อุตสาหกรรมการผลิตเครื่องเพชรพลอยและรูปพรรณ และของที่เกี่ยวข้อง คนงาน 485คน
- ภาวะการลงทุนของสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (สกท.) ในช่วงเดือน ม.ค.-เม.ย.2548
- จำนวนโครงการที่ได้รับการอนุมัติการส่งเสริมการลงทุนจาก สกท. ทั้งสิ้น 360 โครงการ คิดเป็นเงินลงทุน 79,300 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันของปี 2547 ที่มีจำนวน 366 โครงการ เงินลงทุน 128,600 ล้านบาท
การร่วมทุน จำนวน(โครงการ) มูลค่าเงินลงทุน(ล้านบาท)
1.โครงการคนไทย 100% 126 20,100
2.โครงการต่างชาติ 100% 118 39,300
3.โครงการร่วมทุนไทยและต่างชาติ 116 19,900
- ประเภทกิจการที่ได้รับการอนุมัติการส่งเสริมการลงทุนมากที่สุด คือ หมวดผลิตภัณฑ์โลหะ เครื่องจักรและอุปกรณ์ขนส่ง มีมูลค่าเงินลงทุนรวม 15,800 ล้านบาท รองลงมา คือ หมวดอิเล็กทรอนิกส์ และเครื่องไฟฟ้ามีมูลค่าเงินลงทุนรวม 24,200 ล้านบาท
--สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม--
-พห-
ดัชนีอุตสาหกรรมของเดือนเมษายน 2548
- ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม = 132.58 ลดลงจากเดือนมีนาคม 2548 (152.93) แต่เพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกัน ของปีก่อน (125.43)
- ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมที่ลดลงเมื่อเทียบกับเดือนมีนาคม 2548 ได้แก่ การผลิตยานยนต์ การจัดเตรียมและการปั่นเส้นใยสิ่งทอรวมถึงการทอสิ่งทอ การผลิตน้ำตาล ผลิตภัณฑ์จากคอนกรีตซีเมนต์และปูนปลาสเตอร์ การแปรรูปและการถนอมสัตว์น้ำและผลิตภัณฑ์จากสัตว์น้ำ
- อัตราการใช้กำลังการผลิตเฉลี่ย = 62.44 ลดลงจากเดือนมีนาคม 2548 (71.20) แต่เพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกัน ของปีก่อน (58.31)
ภาวะเศรษฐกิจอุตสาหกรรมในเดือนพฤษภาคม 2548
- ภาวะการผลิตอุตสาหกรรมอาหารลดลงจากเดือนก่อน เนื่องจากมีวันหยุดงานช่วงสงกรานต์มาก สำหรับแนวโน้มการส่งออกและการบริโภคอาหารจะยังชะลอตัว เป็นผลต่อเนื่องจากระดับราคาน้ำมันแพง และการจับจ่ายใช้สอยของครัวเรือนในด้านอื่นเพิ่มขึ้น จากการที่ใกล้เปิดเทอมใหม่
- การผลิตสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่มในเดือนพฤษภาคม 2548 จะเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับเดือนเมษายน ซึ่งเป็นไปตามกลไกการตลาดเนื่องจากเข้าสู่ภาวะเปิดภาคเรียนใหม่ ส่งผลให้การบริโภคเพิ่มขึ้น และคาดการณ์เดือนมิถุนายนการผลิตและจำหน่ายเสื้อผ้าสำเร็จรูป จะชะลอตัว เช่นเดียวกับผลิตภัณฑ์สิ่งทอ
- ภาวการณ์การผลิตเหล็กและเหล็กกล้าในเดือน พ.ค. 2548 คาดว่าจะทรงตัวเมื่อเทียบกับเดือนก่อน โดยในกลุ่มเหล็กทรงยาว เช่น เหล็กเส้น เหล็กลวด ที่ใช้ในโครงการก่อสร้างของภาครัฐยังคงขยายตัวแต่ในส่วนของโครงการภาคเอกชนยังคงซบเซาอยู่ ขณะที่เหล็กทรงแบนยังคงขยายตัวตามภาวะของอุตสาหกรรมต่อเนื่อง
- อุตสาหกรรมรถยนต์ในเดือนพฤษภาคม 2548 มีการผลิต จำหน่าย และส่งออก ขยายตัวเมื่อเปรียบเทียบกับเดือนที่ผ่านมา เนื่องจาก ผู้ผลิตแต่ละรายเริ่มทำการผลิตเพิ่มขึ้น ภายหลังจากในช่วงเดือนเมษายนที่มีการชะลอการผลิต การส่งมอบรถยนต์ และการส่งออก เพราะมีวันหยุดนักขัตฤกษ์หลายวัน ทั้งนี้ รถยนต์ปิกอัพและอนุพันธ์ของรถยนต์ปิกอัพ ยังคงเป็นที่นิยมของผู้บริโภค โดยเฉพาะรุ่นยอดนิยมยังไม่สามารถผลิตได้ทันตามความต้องการของตลาดในประเทศ
- อุตสาหกรรมปูนซีเมนต์ ในเดือนพฤษภาคมคาดว่าการผลิตและการจำหน่ายในประเทศมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นตามการขยายตัวของธุรกิจในประเทศ ส่วนเดือนมิถุนายนการผลิตและการจำหน่ายในประเทศอาจจะลดลงเล็กน้อย เนื่องจากเริ่มเข้าสู่ฤดูฝนทำให้การก่อสร้างเริ่มชะลอตัว
- การผลิตในเดือนพฤษภาคมและเดือนมิถุนายน 2548 คาดว่าจะมีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้นกว่าเดือนเมษายนซึ่งเป็นเดือนที่อยู่ในช่วง Low season ของทุกปี แต่การขยายตัวอาจไม่ขยายตัวในอัตราสูงเท่ากับช่วงเดียวกันของปี 2547 โดยเฉพาะสินค้าในกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ที่มีแนวโน้มการปรับตัวลดลงค่อนข้างมากเมื่อเทียบกับปีก่อน
สถานการณ์เศรษฐกิจอุตสาหกรรม
- ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม
มี.ค. 48 = 152.93
เม.ย.48 = 132.58
โดยอุตสาหกรรมหลักที่ส่งผลให้ดัชนี ลดลง ได้แก่
- การผลิตยานยนต์
- การจัดเตรียมและการปั่นเส้นใยสิ่งทอรวมถึงการทอสิ่งทอ
- การผลิตน้ำตาล
- อัตราการใช้กำลังการผลิต
มี.ค. 48 = 71.20
เม.ย.48 = 62.44
โดยอุตสาหกรรมหลักที่ส่งผลให้อัตราการใช้กำลังการผลิตลดลง ได้แก่
- การผลิตยานยนต์
- การจัดเตรียมและการปั่นเส้นใยสิ่งทอรวมถึงการทอสิ่งทอ
- การผลิตผลิตภัณฑ์จากคอนกรีต ซีเมนต์ และปูนปลาสเตอร์
1.อุตสาหกรรมอาหาร
“ ภาวะการผลิตอุตสาหกรรมอาหารลดลงจากเดือนก่อน เนื่องจากมีวันหยุดงานช่วงสงกรานต์มาก สำหรับแนวโน้มการส่งออกและการบริโภคอาหารจะยังชะลอตัว เป็นผลต่อเนื่องจากระดับราคาน้ำมันแพง และการจับจ่ายใช้สอยของครัวเรือนในด้านอื่นเพิ่มขึ้น จากการที่ใกล้เปิดเทอมใหม่ "
1. การผลิต
ภาวะการผลิตโดยรวม ส่วนใหญ่ขยายตัวลดลงจากเดือนก่อน ร้อยละ 14.4 และเมื่อเทียบกับปีก่อนลดลงร้อยละ 2 โดยสินค้าอาหารที่ผลิตเพื่อส่งออกลดลง เช่น ไก่สดแช่เย็นแช่แข็งร้อยละ 17.7 กุ้งแช่เย็นแช่แข็ง ร้อยละ 1 ส่วนหนึ่งมาจากวันทำงานลดลงในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ขณะที่ผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง ผลิตลดลงจากปีก่อนร้อยละ 18.6 และน้ำตาลทราย ร้อยละ 24 เนื่องจากวัตถุดิบขาดแคลนจากปัญหาภัยแล้ง และเป็นช่วงปิดหีบและปริมาณอ้อยเข้าโรงงานน้อยกว่า ปีก่อน สำหรับสินค้าที่ผลิตเพื่อใช้ภายในประเทศ เช่น อาหารสัตว์ผลิตลดลง ร้อยละ 2.7 และสินค้าน้ำมันพืชลดลง ร้อยละ 15 เนื่องจากเป็นช่วงที่ปริมาณวัตถุดิบออกสู่ตลาดลดลง
2. การตลาด
1) ตลาดในประเทศ สินค้าอาหารและเกษตรภาพรวมมีการจำหน่ายลดลงในสัดส่วนเดียวกับการผลิต คือ ร้อยละ 14.1 เมื่อเทียบกับเดือนก่อน แต่เพิ่มขึ้นร้อยละ 8.6 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่วนหนึ่งเป็นผลเป็นช่วงวันหยุดเทศกาลสงกรานต์ ทำให้ความต้องการใช้จ่ายด้านอุปโภคและบริโภคเพิ่มขึ้น
2) ตลาดต่างประเทศ
ภาวะการส่งออกโดยรวม มีมูลค่าเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน ร้อยละ 16.7 สินค้าที่ส่งออกเพิ่มขึ้น คือ บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ร้อยละ 108 สินค้าไก่แปรรูป ร้อยละ 52.9 ปลาทูน่ากระป๋องร้อยละ 40 ข้าวโพด ฝักอ่อนฯ ร้อยละ 8 สับปะรดกระป๋อง ร้อยละ 5.3 และน้ำตาลทรายและผลิตภัณฑ์ ร้อยละ 4 และกุ้งแช่เย็นแช่แข็ง ร้อยละ 1 สำหรับสินค้าที่ส่งออกลดลง ได้แก่ เครื่องเทศและสมุนไพร ร้อยละ 47 ผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง ร้อยละ 2 เป็นผลจากการขาดแคลนวัตถุดิบ และปริมาณข้าวโพดที่เป็นสินค้าทดแทนในการเลี้ยงสัตว์ออกสู่ตลาดโลกเพิ่มขึ้น
3. แนวโน้ม
คาดว่าการผลิตและการส่งออกโดยรวมจะชะลอตัวเมื่อเทียบกับเดือนก่อน ทั้งอาหารประเภทกระป๋อง แปรรูป และอาหารกึ่งสำเร็จรูป เนื่องจากมีปัจจัยลบจากราคาน้ำมันที่ยังมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และการบริโภคในประเทศอาจลดลง เนื่องจากความต้องการจับจ่ายใช้สอยของครัวเรือนด้านอื่นที่เพิ่มขึ้นในช่วงเปิดเทอมใหม่
2. อุตสาหกรรมสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่ม
“ ภาวะการณ์ผลิตและจำหน่ายเสื้อผ้าสำเร็จรูป ยังขยายตัวตามความต้องการของผู้บริโภค....”
1. การผลิตและการจำหน่าย
การผลิตเส้นใยสิ่งทอฯ เดือนเมษายน 2548 ลดลงร้อยละ 13.1 เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน แต่เสื้อผ้าสำเร็จรูปมีการผลิตเพิ่มขึ้นร้อยละ 5.4 ซึ่งเป็นการขยายตัวตามความต้องการบริโภคทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยเฉพาะเสื้อผ้าสำเร็จรูปที่ผลิตจากผ้าทอ
ปริมาณการจำหน่ายเส้นใยสิ่งทอฯ เดือนเมษายน 2548 ลดลงร้อยละ 9.8 ขณะที่เสื้อผ้าสำเร็จรูปเพิ่มขึ้นร้อยละ 8.0 เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน
2. การส่งออกและตลาดส่งออก
มูลค่าการส่งออกสิ่งทอ เดือนเมษายน 2548 ลดลงร้อยละ 11.9 เมื่อเทียบกับเดือนก่อน แต่เพิ่มขึ้นร้อยละ 6.5 เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน โดยเพิ่มขึ้นในตลาดสหรัฐอเมริกา (+8.9%) อาเซียน (+29.2%) แต่ลดลงในตลาดสหภาพยุโรป (-6.8%) และญี่ปุ่น (-4.8%)
มูลค่าการส่งออกเสื้อผ้าสำเร็จรูป เดือนเมษายน 2548 ลดลงร้อยละ 11.9 เมื่อเทียบกับเดือนก่อน แต่เพิ่มขึ้นร้อยละ 10.0 เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน ส่งออกเพิ่มขึ้นในตลาดสหรัฐอเมริกา (+18.3%) ญี่ปุ่น (+20.3%) ฝรั่งเศส (+2.1%) และเยอรมนี(+19.7%) เป็นต้น ลดลงในตลาดสหราชอาณาจักร (-13.1%)
3. การนำเข้า
มูลค่าการนำเข้าเส้นใยฯ เดือนมกราคม-เมษายน 2548 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนเพิ่มขึ้นร้อยละ 14.7 เส้นด้ายทอผ้าฯ นำเข้าเพิ่มขึ้นร้อยละ 7.8 ตลาดนำเข้าหลักคือจากสหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น และจีน
ผ้าผืน นำเข้าเพิ่มขึ้นร้อยละ 8.2 ตลาดนำเข้าหลักคือ จีน ไต้หวัน และญี่ปุ่น
เสื้อผ้าสำเร็จรูป นำเข้าทรงตัว ตลาดนำเข้าหลักคือ จีน อิตาลี ฮ่องกงและญี่ปุ่น
4. แนวโน้ม
การผลิตสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่มในเดือนพฤษภาคม 2548 จะเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับเดือนเมษายน ซึ่งเป็นไปตามกลไกการตลาดเนื่องจากเข้าสู่ภาวะเปิดภาคเรียนใหม่ ส่งผลให้การบริโภคเพิ่มขึ้น และคาดการณ์เดือนมิถุนายนการผลิตและจำหน่ายเสื้อผ้าสำเร็จรูป จะชะลอตัว เช่นเดียวกับผลิตภัณฑ์สิ่งทอ
3. อุตสาหกรรมเหล็กและเหล็กกล้า
“ ภาวการณ์การผลิตในเดือน พ.ค. 2548 คาดว่าจะทรงตัวเมื่อเทียบกับเดือนก่อน โดยในกลุ่มเหล็กทรงยาว เช่น เหล็กเส้น เหล็กลวด ที่ใช้ในโครงการก่อสร้างของภาครัฐยังคงขยายตัวแต่ในส่วนของโครงการภาคเอกชนยังคงซบเซาอยู่ ขณะที่เหล็กทรงแบนยังคงขยายตัวตามภาวะของอุตสาหกรรมต่อเนื่อง ”
1.การผลิต
ภาวะการผลิตเหล็กในช่วงเดือน เม.ย. 48 ชะลอตัวลงโดยดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมในเดือนนี้ลดลงร้อยละ 7.07 เมื่อเทียบกับเดือนก่อน โดยมีค่า 157.45 ส่วนหนึ่งเป็นเพราะในช่วงเทศกาลสงกรานต์ซึ่งมีจำนวนวันทำงานน้อยกว่าปกติ ผลิตภัณฑ์ที่ลดลงมากที่สุดได้แก่ เหล็กแผ่นเคลือบดีบุก ร้อยละ 31.34 รองลงมาคือ เหล็กเส้นกลม ลดลง ร้อยละ 24.61 เนื่องจากภาวะธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในโครงการภาคเอกชนช่วงนี้ซบเซาลง ผู้รับเหมาได้รับผลกระทบจากวัสดุก่อสร้างอื่นๆ ที่มีการปรับราคาเพิ่มขึ้น ทำให้ภาวะการค้าในช่วงนี้ชะลอตัวลง สำหรับเหล็กลวดลดลง ร้อยละ 24.31 เหล็กแผ่นรีดร้อนชนิดม้วนและเหล็กแผ่นรีดเย็น ทรงตัวคือ ลดลง ร้อยละ 1.98 และเพิ่มขึ้น 0.05 ตามลำดับ ขณะเดียวกันเมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน ภาวะการผลิตเพิ่มขึ้น ร้อยละ 22.06 โดยเหล็กแผ่นรีดร้อนชนิดม้วน เพิ่มขึ้นมากที่สุด ร้อยละ 55.18 รองลงมา คือ เหล็กเส้นกลม เพิ่มขึ้นร้อยละ 40.37
2. ราคาเหล็ก
สำหรับการเปลี่ยนแปลงของราคาเหล็ก (FOB) โดยเฉลี่ยที่สำคัญในตลาด CIS ในช่วงเดือนพฤษภาคม 2548 เทียบกับช่วงเดือนก่อน ผลิตภัณฑ์เหล็กที่สำคัญทุกตัวมีราคาลดลง โดยเหล็กแท่งแบน ลดลงมากที่สุด จาก 470 เป็น 430 เหรียญสหรัฐต่อตัน ลดลง ร้อยละ 8.51 รองลงมาคือ เศษเหล็กลดลงจาก 230 เป็น 215 เหรียญสหรัฐต่อตัน ลดลงร้อยละ 6.52 เหล็กแท่งเล็ก ลดลงจาก 383 เป็น 358 เหรียญสหรัฐต่อตัน ลดลง ร้อยละ 6.32 เหล็กแผ่นรีดเย็น ลดลงจาก 630 เป็น 610 เหรียญสหรัฐต่อตัน ลดลงร้อยละ 3.17 เหล็กแผ่นรีดร้อน ลดลงจาก 521 เป็น 505 เหรียญสหรัฐต่อตัน ลดลงร้อยละ 3.12 เหล็กเส้น ลดลงจาก 415 เป็น 408 เหรียญสหรัฐต่อตัน ลดลง ร้อยละ 1.61
3. แนวโน้ม
ภาวการณ์การผลิตในเดือน พ.ค. 2548 คาดว่าจะทรงตัวเมื่อเทียบกับเดือนก่อน โดยในกลุ่มเหล็กทรงยาว เช่น เหล็กเส้น เหล็กลวด ที่ใช้ในโครงการก่อสร้างของภาครัฐยังคงขยายตัวแต่ในส่วนของโครงการภาคเอกชนยังคงซบเซาอยู่ ขณะที่เหล็กทรงแบนยังคงขยายตัวตามภาวะของอุตสาหกรรมต่อเนื่อง
4. อุตสาหกรรมยานยนต์
รถยนต์ (พ.ค. 48)
อุตสาหกรรมรถยนต์ในเดือนพฤษภาคม 2548 มีการผลิต จำหน่าย และส่งออก ขยายตัวเมื่อเปรียบเทียบกับเดือนที่ผ่านมา เนื่องจาก ผู้ผลิตแต่ละรายเริ่มทำการผลิตเพิ่มขึ้น ภายหลังจากในช่วงเดือนเมษายนที่มีการชะลอการผลิต การส่งมอบรถยนต์ และการส่งออก เพราะมีวันหยุดนักขัตฤกษ์หลายวัน ทั้งนี้ รถยนต์ปิกอัพและอนุพันธ์ของรถยนต์ปิกอัพ ยังคงเป็นที่นิยมของผู้บริโภค โดยเฉพาะรุ่นยอดนิยมยังไม่สามารถผลิตได้ทันตามความต้องการของตลาดในประเทศโดยประมาณการในเดือนพฤษภาคม ดังนี้
- การผลิตรถยนต์ จำนวน 88,000 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนพฤษภาคม 2547 ร้อยละ 13.27 และเพิ่มขึ้นจากเดือนเมษายน 2548 ซึ่งมีการผลิต 76,287 คัน ร้อยละ 15.35
- การจำหน่ายรถยนต์ จำนวน 56,000 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนพฤษภาคม 2547 ร้อยละ 13.65 และเพิ่มขึ้นจากเดือนเมษายน 2548 ซึ่งมีการจำหน่าย 55,920 คัน ร้อยละ 0.14
- การส่งออกรถยนต์ มีจำนวน 32,000 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนพฤษภาคม 2547 ร้อยละ 15.85 และเพิ่มขึ้นจากเดือนเมษายน 2548 ซึ่งมีการส่งออก 30,308 คัน ร้อยละ 5.58
- ภาวะในเดือนมิถุนายน 2548 อุตสาหกรรมรถยนต์คาดว่ายังคงขยายตัวเพิ่มขึ้นได้เล็กน้อย
รถจักรยานยนต์ (พ.ค. 48)
อุตสาหกรรมรถจักรยานยนต์ขยายตัวเมื่อเปรียบเทียบกับเดือนเมษายนที่ผ่านมา เนื่องจากโรงงานเริ่มทำการผลิตเพิ่มขึ้นภายหลังจากในช่วงเดือนเมษายนที่ชะลอการผลิต เพราะมีวันหยุดมาก โดยประมาณการในเดือนพฤษภาคม ดังนี้
- การผลิตรถจักรยานยนต์ จำนวน 269,000 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนพฤษภาคม 2547 ร้อยละ 3.18 และเพิ่มขึ้นจากเดือนเมษายน 2548 ซึ่งมีการผลิต 243,547 คัน ร้อยละ 10.45
- การจำหน่าย จำนวน 180,000 คัน ลดลงจากเดือนพฤษภาคม 2547 ร้อยละ 1.12 แต่เพิ่มขึ้นจากเดือนเมษายน 2548 ซึ่งมีการจำหน่าย 130,774 คัน ร้อยละ 37.64
- การส่งออกรถจักรยานยนต์ มีจำนวน 89,000 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนพฤษภาคม 2547 ร้อยละ 8.73 และเพิ่มขึ้นจากเดือนเมษายน 2548 ซึ่งมีการส่งออก 79,884 คัน ร้อยละ 11.41
- แนวโน้ม ภาวะอุตสาหกรรมรถจักรยานยนต์ในเดือนมิถุนายน 2548 จะชะลอตัวเล็กน้อยจากเดือนพฤษภาคม 2548 เนื่องจากเริ่มเข้าสู่ฤดูฝน ซึ่งมิใช่ฤดูกาลขายของรถจักรยานยนต์
5.อุตสาหกรรมปูนซีเมนต์
“การผลิตและการจำหน่ายในประเทศลดลง เนื่องจากเป็นช่วงวันหยุดยาวในเทศกาลสงกรานต์ ”
1.การผลิตและการจำหน่ายในประเทศ
การผลิตปูนซีเมนต์ในเดือนเมษายน 2548 เมื่อเทียบกับเดือนก่อนลดลงร้อยละ 19.91 เนื่องจากเป็นช่วงวันหยุดยาวเทศกาลสงกรานต์ทำให้จำนวนวันทำงานลดลง แต่เมื่อเทียบเดือนเดียวกันของปีก่อน เพิ่มขึ้นร้อยละ 7.39 เนื่องจากการจำหน่ายในประเทศยังคงเพิ่มขึ้นตามความต้องการใช้ปูนซีเมนต์ซึ่งเพิ่มขึ้นตามภาวะธุรกิจก่อสร้างและธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่ยังขยายตัวอย่างต่อเนื่อง จากการขยายการลงทุนในภาคเอกชนและการลงทุนในโครงการพัฒนาสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐานของภาครัฐ
2.การส่งออก
มูลค่าการส่งออกปูนซีเมนต์ เดือนเมษายน เมื่อเทียบกับเดือนก่อนลดลงร้อยละ 9.11 เนื่องจากความต้องการใช้ปูนซีเมนต์ในประเทศคู่ค้าลดลง แต่เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อนเพิ่มขึ้นร้อยละ 60.91 สำหรับตลาดส่งออกปูนซีเมนต์ที่สำคัญ ได้แก่ เวียดนาม สหรัฐอเมริกา บังคลาเทศ และกัมพูชา
3.แนวโน้ม
เดือนพฤษภาคมคาดว่าการผลิตและการจำหน่ายในประเทศมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นตามการขยายตัวของธุรกิจในประเทศ ส่วนเดือนมิถุนายนการผลิตและการจำหน่ายในประเทศอาจจะลดลงเล็กน้อย เนื่องจากเริ่มเข้าสู่ฤดูฝนทำให้การก่อสร้างเริ่มชะลอตัว สำหรับการส่งออกขึ้นอยู่กับอุปสงค์ของประเทศคู่ค้าที่สำคัญ
6. อุตสาหกรรมไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์
“การผลิตในเดือนพฤษภาคมและเดือนมิถุนายน 2548 คาดว่าจะมีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้นกว่าเดือนเมษายนซึ่งเป็นเดือนที่อยู่ในช่วง Low season ของทุกปี แต่การขยายตัวอาจไม่ขยายตัวในอัตราสูงเท่ากับช่วงเดียวกันของปี 2547 โดยเฉพาะสินค้าในกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ที่มีแนวโน้มการปรับตัวลดลงค่อนข้างมากเมื่อเทียบกับปีก่อน”
ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์
1.การผลิต
ภาพรวมการผลิตอุตสาหกรรมไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ในภาพรวมของเดือนเมษายน 2548 เมื่อเทียบกับเดือนก่อนปรับตัวลดลงร้อยละ 12.41 เป็นการลดลงของสินค้าทั้ง 2 กลุ่มโดยลดลงจากสินค้าในกลุ่มไฟฟ้าร้อยละ 14.58 และลดลงจากสินค้าในกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ร้อยละ 9.01
และเมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน มีการปรับตัวลดลงร้อยละ 9.79 เป็นการลดลงจากสินค้ากลุ่มไฟฟ้าร้อยละ 5.15 และจากสินค้ากลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ร้อยละ 15.87
2. การส่งออก
การส่งออกสินค้าไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ในเดือนเมษายน 2548 มีมูลค่าส่งออกรวม 107,258.5 ล้านบาท มีการปรับตัวลดลงถึงร้อยละ 15.4 เมื่อเทียบกับเดือนก่อนและเป็นการลดลงของสินค้าทั้ง 2 กลุ่ม โดยเป็นการลดลงจากสินค้ากลุ่มไฟฟ้าร้อยละ 16.8 และกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ ร้อยละ 14.5 และเป็นที่น่าสังเกตุว่าการส่งออกในเดือนนี้เมื่อเทียบกับเดือนก่อนมีการปรับตัวลดลงเกือบทุกสินค้า ยกเว้นลำโพงขยายเสียงและส่วนประกอบในสินค้ากลุ่มไฟฟ้า และมอเตอร์และเครื่องกำเนิดไฟฟ้า เครื่องส่งวิทยุ โทรเลข โทรศัพท์ในสินค้ากลุ่มอิเล็กทรอนิกส์
3. แนวโน้ม
การผลิตในเดือนพฤษภาคมและเดือนมิถุนายน 2548 คาดว่าจะมีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้นกว่าเดือนเมษายนซึ่งเป็นเดือนที่อยู่ในช่วง Low season ของทุกปี แต่การขยายตัวอาจไม่ขยายตัวในอัตราสูงเท่ากับช่วงเดียวกันของปี 2547 โดยเฉพาะสินค้าในกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ที่มีแนวโน้มการปรับตัวลดลงค่อนข้างมากเมื่อเทียบกับปีก่อนและจะยังมีภาวะที่น่าเป็นห่วงต่อไปหากภาวะความต้องการของอิเล็กทรอนิกส์โลกยังไม่ปรับตัวดีขึ้น
- ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมในเดือนเมษายน 2548 มีค่า 132.58 ลดลงจากเดือนมีนาคม 2548 (152.93) ร้อยละ 13.3 แต่เพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันของปีก่อน (125.43) ร้อยละ 5.7
- อุตสาหกรรมหลักที่ส่งผลให้ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมลดลงจากเดือนมีนาคม 2548 ได้แก่ อุตสาหกรรมการผลิตยานยนต์ อุตสาหกรรมการจัดเตรียมและการปั่นเส้นใยสิ่งทอรวมถึงการทอสิ่งทอ อุตสาหกรรมการผลิตน้ำตาล อุตสาหกรรมการผลิตผลิตภัณฑ์จากคอนกรีต ซีเมนต์ และปูนปลาสเตอร์ อุตสาหกรรมการแปรรูปและการถนอมสัตว์น้ำและผลิตภัณฑ์จากสัตว์น้ำ เป็นต้น
- อุตสาหกรรมหลักที่ส่งผลให้ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันของปีก่อน ได้แก่ อุตสาหกรรมการผลิตยานยนต์ อุตสาหกรรมการผลิตเหล็กและผลิตภัณฑ์เหล็กกล้าขั้นมูลฐาน อุตสาหกรรมการผลิตมอลต์ลิกเคอและมอลต์ อุตสาหกรรมการผลิตเครื่องจักรที่ใช้งานทั่วไปอื่นๆ อุตสาหกรรมการผลิตผลิตภัณฑ์จากคอนกรีต ซีเมนต์ และปูนปลาสเตอร์ เป็นต้น
- อัตราการใช้กำลังการผลิตในเดือนเมษายน 2548 มีค่า 62.44 ลดลงจากเดือนมีนาคม 2548 (71.20) แต่เพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันของปีก่อน (58.31)
- อุตสาหกรรมหลักที่ส่งผลให้อัตราการใช้กำลังการผลิตลดลงจากเดือนมีนาคม 2548 ได้แก่ อุตสาหกรรมการผลิตยานยนต์ อุตสาหกรรมการจัดเตรียมและการปั่นเส้นใยสิ่งทอรวมถึงการทอสิ่งทอ อุตสาหกรรมการผลิตผลิตภัณฑ์จากคอนกรีต ซีเมนต์ และปูนปลาสเตอร์ อุตสาหกรรมการผลิตผลิตภัณฑ์พลาสติก อุตสาหกรรมการผลิตเครื่องแต่งกายยกเว้นเครื่องแต่งกายที่ทำจากขนสัตว์ เป็นต้น
- อุตสาหกรรมหลักที่ส่งผลให้อัตราการใช้กำลังการผลิตเพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันของปีก่อน ได้แก่ อุตสาหกรรมการผลิตยานยนต์ อุตสาหกรรมการผลิตเหล็กและผลิตภัณฑ์เหล็กกล้าขั้นมูลฐาน อุตสาหกรรมการผลิตผลิตภัณฑ์ที่ได้จากการกลั่นน้ำมันปิโตรเลียม อุตสาหกรรมการผลิตมอลต์ลิกเคอและมอลต์ อุตสาหกรรมการผลิตอาหารสัตว์สำเร็จรูป เป็นต้น
- อัตราการใช้กำลังการผลิตในเดือนเมษายน 2548 ของโรงงานขนาดเล็กมีค่า 40.1 โรงงานขนาดกลางมีค่า 50.6 และโรงงานขนาดใหญ่มีค่า 66.6
สถานภาพการประกอบกิจการอุตสาหกรรมเดือนเมษายน 2548
- ภาวะการประกอบกิจการของโรงงานจากกรมโรงงานอุตสาหกรรมในเดือนเมษายน 2548 มีโรงงานที่เริ่มประกอบกิจการจำนวน 460 ราย เพิ่มขึ้นในจำนวนที่น้อยกว่าเดือนมีนาคม 2548 ซึ่งมีโรงงานเริ่มประกอบกิจการจำนวน 648 รายหรือคิดเป็นจำนวนน้อยกว่าร้อยละ 29.0 ในส่วนของจำนวนเงินลงทุน มียอดเงินลงทุนรวมทั้งสิ้น 5,660 ล้านบาท และก่อให้เกิดการจ้างงานรวม 8,410 คน ลดลงจากเดือนมีนาคม 2548 ซึ่งมีการลงทุนเพิ่ม 42,713 ล้านบาทและจำนวนการจ้างงาน 15,544 คน
- อุตสาหกรรมที่มีจำนวนโรงงานเริ่มประกอบกิจการมากที่สุด คืออุตสาหกรรมการทำเหมืองหิน ทรายและดินเหนียว จำนวน 159 ราย รองลงมาคือ อุตสาหกรรมการผลิตเครื่องไม้ที่ใช้ในการก่อสร้างและเครื่องประกอบอาคาร จำนวน 51 ราย
- อุตสาหกรรมที่เริ่มประกอบกิจการโดยมีการลงทุนสูงสุด คืออุตสาหกรรมการทำเหมืองหิน ทรายและดินเหนียว เงินทุน 1,107 ล้านบาท รองลงมาคือ อุตสาหกรรมการกลั่น การกลั่นลำดับส่วน และการผสมสุรา รวมทั้งการผลิตเอทิลแอลกอฮอล์ที่ได้จากการหมัก เงินทุน 800 ล้านบาท
- อุตสาหกรรมที่เริ่มประกอบกิจการและมีการจ้างงานสูงสุด คือ อุตสาหกรรมการผลิตเครื่องรับโทรทัศน์และวิทยุ เครื่องบันทึกเสียงหรือภาพ หรือเครื่องซาวนด์รีโพรดิวซิ่งหรือวิดิโอรีโพรดิวซิ่ง และสินค้าที่เกี่ยวข้อง คนงาน 2,137 คน รองลงมาคือ อุตสาหกรรมการทำเหมืองหิน ทรายและดินเหนียว คนงาน 779 คน
- ภาวะการเลิกกิจการของโรงงานจากกรมโรงงานอุตสาหกรรมในเดือนเมษายน 2548 มีโรงงานที่ปิดดำเนินกิจการจำนวน 151 ราย ซึ่งเป็นจำนวนที่น้อยกว่าเดือนมีนาคม 2548 ร้อยละ 29.4 ซึ่งเป็นการลงทุนจำนวน 801 ล้านบาทและเลิกจ้างงานจำนวน 4,158 คน
- ภาวะการลงทุนของการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) ในเดือนเมษายน 2548 มีโรงงานที่เปิดดำเนินกิจการในนิคมอุตสาหกรรมต่างๆ จำนวน 13 ราย คิดเป็นเงินลงทุน 4,432 ล้านบาทและมีการจ้างงานรวม 2,685 คน
- อุตสาหกรรมที่เปิดดำเนินกิจการในนิคมอุตสาหกรรมที่มีการลงทุนสูงสุด คือ อุตสาหกรรมการผลิตยางนอกและยางใน การหล่อดอกยางและการซ่อมสร้างยางเงินทุน 1,754 ล้านบาท รองลงมาคือ อุตสาหกรรมการผลิตผลิตภัณฑ์พลาสติก เงินทุน 971 ล้านบาท
- อุตสาหกรรมหลักที่เปิดดำเนินกิจการในนิคมอุตสาหกรรมที่มีการจ้างงานสูงสุด คือ อุตสาหกรรมการผลิตผลิตภัณฑ์พลาสติก คนงาน 1,061 คน รองลงมาคือ อุตสาหกรรมการผลิตเครื่องเพชรพลอยและรูปพรรณ และของที่เกี่ยวข้อง คนงาน 485คน
- ภาวะการลงทุนของสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (สกท.) ในช่วงเดือน ม.ค.-เม.ย.2548
- จำนวนโครงการที่ได้รับการอนุมัติการส่งเสริมการลงทุนจาก สกท. ทั้งสิ้น 360 โครงการ คิดเป็นเงินลงทุน 79,300 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันของปี 2547 ที่มีจำนวน 366 โครงการ เงินลงทุน 128,600 ล้านบาท
การร่วมทุน จำนวน(โครงการ) มูลค่าเงินลงทุน(ล้านบาท)
1.โครงการคนไทย 100% 126 20,100
2.โครงการต่างชาติ 100% 118 39,300
3.โครงการร่วมทุนไทยและต่างชาติ 116 19,900
- ประเภทกิจการที่ได้รับการอนุมัติการส่งเสริมการลงทุนมากที่สุด คือ หมวดผลิตภัณฑ์โลหะ เครื่องจักรและอุปกรณ์ขนส่ง มีมูลค่าเงินลงทุนรวม 15,800 ล้านบาท รองลงมา คือ หมวดอิเล็กทรอนิกส์ และเครื่องไฟฟ้ามีมูลค่าเงินลงทุนรวม 24,200 ล้านบาท
--สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม--
-พห-