โบรกฯหนุน"ซื้อ" PTTAR คาดกำไร Q2/52 โดดเด่นจากโรงกลั่น-อะโรเมติกส์

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday May 26, 2009 16:15 —SMS: IQ ข่าวหุ้น

โบรกเกอร์ ประสานเสียงแนะ"ซื้อ"หุ้น บมจ.ปตท.อะโรเมติกส์และการกลั่น(PTTAR)คาดว่ากำไรไตรมาส 2/52 จะออกมาดีต่อเนื่องจากไตรมาส 1/52 และอาจเติบโตอย่างโดดเด่น เพราะธุรกิจทั้งโรงกลั่นและอะโรเมติกส์ทำกำไรได้ดี โดยคาดว่าจะมีกำไรจากสต็อกน้ำมันหลังราคาน้ำมันโลกถีบตัวสูงขึ้น ขณะที่สเปรดของพาราไซลีนสูงถึง 700 เหรียญ/ตัน จากความต้องการตลาดจีนเพิ่มขึ้น ประกอบกับ บริษัทเพิ่มกำลังการผลิตอะโรเมติกส์เท่าตัว ยิ่งส่งผลดีต่อบริษัท

แม้ว่าขณะนี้ราคาหุ้นปรับตัวลดลง เห็นว่าเป็นการขายทำกำไรมากกว่า แต่เชื่อว่าจะฟื้นตัวได้ต่อ เพราะยังมีข่าวควบรวมกิจการในเครือปตท.รออยู่ในช่วงปลายปีด้วย นอกเหนือจากผลประกอบการที่ดีมากพลิกจากปีก่อนที่มีผลขาดทุน รวมทั้งทิศทางตลาดหุ้นโดยรวมก็ยังเป็นขาขึ้นอยู่

          โบรกเกอร์       คำแนะนำ          ราคาเป้าหมาย(บาท/หุ้น)
          บล.ทรีนิตี้           ซื้อ             25.50
          บล.กรุงศรีอยุธยา     ซื้อ             25.00
          บล.บัวหลวง         ซื้อ             24.00
          บล.บีฟิท            ซื้อ             23.40
          บล.ฟิลลิป           ซื้อ             22.90

นายอนุพนธ์ ศรีอาจ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.บีฟิท คาดว่า ผลประกอบการไตรมาส 2/52 น่าจะทำได้ดีกว่าในไตรมาส 1/52 ที่มีกำไรสุทธิ 1,742 ล้านบาท เป็นผลจากราคาทั้งพาราไซลีนและเบนซีนปรับขึ้นต่อเนื่อง และมีกำลังการผลิตอะโรเมติกส์เพิ่มขึ้นจากโรงอะโรเมติกส์ใหม่(AR3)สอดรับกับความต้องการในตลาดที่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะจากจีน บริษัทจึงได้ประโยชน์จากตรงนี้

ส่วนธุรกิจโรงกลั่น ราคาน้ำมันขณะนี้อยู่ในช่วงปรับตัวสูงขึ้น บริษัทก็จะได้ประโยชน์ในแง่มูลค่าสต็อกน้ำมัน ก็จะมี กำไรจากสต็อกน้ำมัน กลับมาในไตรมาส 2/52 รวมทั้งอาจจะได้ประโยชน์จากการทำสัญญาล่วงหน้า(Hedging)น้ำมันบางชนิด เช่น ดีเซล

แต่ครึ่งหลังของปีนี้ คาดว่ากำไรอาจชะลอลงบ้าง ถ้ากรณีราคาปิโตรเคมีอาจอ่อนตัวจากกำลังการผลิตใหม่ในตลาด แต่โรงงานอะโรเมติกส์ของบริษัทใหญ่ขึ้นทำให้ได้เปรียบเรื่องต้นทุนต่อหน่วยลดลง

"การขายทำกำไรก็มีบ้าง เพราะราคาขึ้นมาเยอะ เมื่อลงมาก็ซื้อใหม่ก็ได้ ถ้าเกิดมองว่ามันมีโอกาสปรับขึ้นได้อีก ...แต่ราคาที่คาดไว้ใช้ราคา book value ของปี 09 ที่คาดไว้ที่ 19 บาท กับดู cashflow ที่จะได้รับเข้ามา แต่ P/E ผมไม่ดูแลย ไม่ค่อยสะท้อนความเป็นจริง เพราะธุรกิจนี้ถ้าขาดทุนก็ดูจาก P/E ไม่ได้ ถ้ามีกำไร ก็อาจจะไม่ใช่กำไรปกติ ยังมีความสวิงของกำไรค่อนข้างเยอะ"นายอนุพนธ์ กล่าว

ทั้งนี้ คาดการณ์กำไรปี 52 อยู่ที่ 6.68 พันล้านบาท จากปีก่อนขาดทุน 8.47 พันล้านบาท

"ในแง่มูลค่าหุ้น เท่าที่ดูผมให้สูงเฉลี่ยกว่าที่อื่น เพราะผมมองว่าบริษัทมีข่าวเกี่ยวกับควบรวมกิจการ บางครั้งราคาหุ้นที่เคย discount ลงไปเยอะๆ ไม่ว่ามูลค่าทางบัญชี หรือมูลค่าทางกิจการก็ตาม ส่วนใหญ่จะวิ่งกลับขึ้นมา และมีภาพให้เห็นแล้วว่าตัว PTTAR IRPC PTTCH วิ่งกลับขึ้นมา ถ้ามองแบบ conservative ผมก็ต้องเอามูลค่าทางบัญชี(book value)เข้ามาคำนวณด้วย เพราะว่าราคาหุ้นไม่ควรต่ำกว่า book value...ตอนนี้นอกจากดูตัวมันเองก็ต้องดูตลาดรวมด้วยซึ่งยังเป็นขาขึ้น"นายอนุพนธ์ กล่าว

ด้านนางวชิราลักษณ์ แสงศิลป์ชัย ผู้ข่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวิเคราะห์ บล.ทรีนิตี้ คาดว่า ไตรมาส 2/52 ผลประกอบการจะออกมาโดดเด่นมากจากไตรมาส 1/52 โดยคาดว่าจะมีกำไรสุทธิสูงถึง 6.8 พันล้านบาท ถือเป็นการทำกำไรกลับมามีระดับสูงสุดในกลุ่ม PTT หลังจากที่ขาดทุนมหาศาลในไตรมาส 4/51 จากการขาดทุนสต็อกน้ำมัน

เนื่องจากไตรมาส 2/52 หากราคาน้ำมันยังยืนได้ระดับ 60 เหรียญ/บาร์เรล ก็มีกำไรจากสต็อกน้ำมัน ซึ่งคาดว่าจะได้ประมาณ 2.8 พันล้านบาท รวมค่าการกลั่นที่ทำได้ปกติเฉลี่ยที่ 4 เหรียญ/บาร์เรล ซึ่งอาจจะได้ประมาณ 1 พันกว่าล้านบาท

และในปีนี้มีกำลังการผลิตอะโรเมติกส์ เพิ่มเป็น 1.2 ล้านตัน ตั้งแต่ปลาย ก.พ.52 จาก 6 แสนตันในปีก่อน และ สเปรดของพาราไซลีนสูงถึงประมาณ 700 เหรียญ/ตัน โดยทั้งปีคาดว่ามีสเปรดเฉลี่ย 500 เหรียญ/ตัน

"ราคาสเปรดที่ดีขึ้นคูณด้วยปริมาณที่เยอะกว่าใคร ขนาดยิ่งใหญ่ก็ยิ่งได้ประโยชน์มากกว่าคนอื่น เราคิดแบบ conservative น่าจะได้กำไร 6.8 พันล้านบาทในไตรมาส 2 และทั้งปีจะได้ประมาณ 1.5 หมื่นล้านบาท และยังมีกำไรพิเศษอีก รวมแล้วทั้งปี 52 ก็จะได้กำไรประมาณ 1.5 หมื่นล้านบาท เพราะฉะนั้น ด้วยระดับราคาอย่างนี้ ถ้าไตรมาส 2 ทำได้อย่างที่เราคาด ไตรมาส 3 ไตรมาส 4 ก็ไม่เหนื่อยมาก และราคาเป้าหมายก็มี P/E ที่ 5 เท่า ก็น่าซื้อ" นางวชิราลักษณ์ กล่าว

เช่นเดียวกับ บทวิเคราะห์ของ บล.ฟิลลิป(ประเทศไทย) คาดว่าแนวโน้มกำไรในไตรมาส 2/52 ยังดีขึ้นต่อเนื่อง จากธุรกิจอะโรเมติกส์พลิกฟื้นมามีกำไร โดยราคาพาราไซลีนและเบนซีนในปัจจุบันปรับตัวสูงขึ้น ส่วนธุรกิจโรงกลั่น คาดว่าจะมีกำไรจากสต็อกน้ำมัน จากที่ราคาน้ำมันปรับสูงขึ้น และมีกำไรจากการทำ Hedging

"ทางฝ่ายคาดว่าในช่วงสั้นราคาหุ้นจะได้รับความสนใจ และมีโอกาสปรับขึ้นจากแนวโน้มกำไรในไตรมาส 2/52 ที่ยังดีต่อเนื่อง และข่าวการควบรวมซึ่งคาดว่าจะได้ข้อสรุปในปลายปีนี้"บทวิเคราะห์ ระบุ


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ