นายพงษ์ชัย อมตานนท์ กรรมการผู้จัดการ บมจ.ฟอร์ท คอร์ปอเรชั่น(FORTH)เปิดเผย"อินโฟเควสท์"ว่า บริษัทอยู่ระหว่างเตรียมเข้าประมูลงานภาครัฐเพิ่มในช่วงครึ่งหลังปี 52 เพิ่มประมาณ 2-3 พันล้านบาท ซึ่งคาดว่าจะได้งานทั้งหมด โดยจะทยอยส่งมอบและรับรู้รายได้ภายในสิ้นปีนี้ โดยงานที่เข้าประมูลส่วนใหญ่เป็นงานโครงการเป็นหลัก
ล่าสุด บริษัทได้งานจากบริษัท ทีโอที(TOT)อีกประมาณ 280 ล้านบาท ซึ่งเป็นงานต่อเนื่อง รวมทั้งยังมีงานติดตั้งกล้อง CCTV ในพื้นที่ กทม.มูลค่าประมาณ 300 ล้านบาท
นายพงษ์ชัย กล่าวว่า การเน้นรับงานโครงการจะส่งผลดีต่อการดำเนินงาน แม้จะมีมูลค่าไม่มากเมื่อเทียบกับงานรับจ้างผลิต แต่อัตรากำไรขั้นต้น(มาร์จิ้น)สูงกว่า โดยงานโครงการจะมีมาร์จิ้นประมาณ 15-20% ส่วนรับจ้างผลิตมีมาร์จิ้นอยู่ที่ 1-2% จึงเชื่อว่าจะทำให้ผลประกอบการของบริษัทในปีนี้พลิกเป็นกำไร จากปีก่อนที่ขาดทุน 78 ล้านบาท ขณะที่ในด้านรายได้ก็คงไม่น้อยกว่าปีก่อนที่มีรายได้อยู่ที่ 7,469 ล้านบาทแน่นอน
อีกทั้งยังสอดคล้องกับแผนงานบริษัทที่ได้ปรับกลยุทธ์ด้วยการหันมารับงานโครงการมากขึ้นโดยเฉพาะงานภาครัฐ เพราะปัจจุบันงานส่วนใหญ่ที่ออกมาในระยะนี้จะเป็นงานของภาครัฐมากกว่าเอกชน
สำหรับงานรับจ้างผลิตแม้จะมีคำสั่งซื้อลดลงบ้างจากลูกค้ารายเล็ก แต่ในส่วนของบริษัท Western Digital ซึ่งเป็นลูกค้าหลักของบริษัทยังส่งออร์เดอร์ให้กับบริษัทอย่างต่อเนื่อง โดยในเดือน มิ.ย.เพิ่มออเดอร์เป็น 2 ล้านชิ้นต่อเดือน จากที่ผ่านมาเฉลี่ยอยู่ที่ 1.8 ล้านชิ้นต่อเดือน ซึ่งจะส่งผลบวกแม้กำไรไม่มาก เพราะ Western Digital เป็นผู้จัดหาวัตถุดิบให้ FORTH
ด้านนายอรินทร์ แจ่มนารี ผู้อำนวยการฝ่ายบัญชีและการเงิน FORTH กล่าวว่า บริษัทได้มีการปรับแผนในการหันมารับงานโครงการมากขึ้น เพื่อลดความเสี่ยงหลังจากที่งานรับจ้างผลิตหรือคิดเป็นสัดส่วนรายได้ถึง 60-70% ชะลอตัวลงจากผลกระทบวิกฤติเศรษฐกิจโลก ยกเว้น Western Digital ที่เป็นลูกค้าหลัก ขณะเดียวกันปริมาณงานส่วนใหญ่ปัจจุบันก็มาจากโครงการของภาครัฐที่รัฐบาลมีการใช้จ่ายเม็ดเงินเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ
"ตอนนี้งานส่วนใหญ่จะมาจากภาครัฐทำให้เราต้องปรับแผนด้วยการหันมารับงานภาครัฐมากขึ้น และยังมาเจอภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวทำให้งานรับจ้างผลิต drop ลง ลูกค้ารายเล็กๆ หายไปหมดเหลือก็แต่ Western Digital ที่ยังมีการสั่งสินค้าแม้วอลลุ่มจะน้อยลงบ้างบางช่วงแต่ก็มีมูลค่าเยอะอยู่" นายอรินทร์ กล่าว
นอกจากนี้ บริษัทจะพยายามหารายได้เพิ่มจากธุรกิจอื่นมากขึ้น ทั้งธุรกิจตู้เติมเงินโทรศัพท์มือถือ(Mobile Top Up)ที่อยู่ภายใต้บริษัทย่อย คือ บริษัท ฟอร์ท สมาร์ท เซอร์วิส ซึ่ง FORTH ถือหุ้น 51% ธุรกิจดังกล่าวบริษัทได้ตั้งเป้าหมายเบื้องต้นในการติดตั้งจำนวน 2 หมื่นเครื่อง โดยบริษัทเพิ่งเริ่มติดตั้งได้ 1 เดือนที่ผ่านมาประมาณ 100 เครื่องและคาดว่าภายในปี 52 จะสามารถติดตั้งได้จำนวน 1 หมื่นเครื่อง
รวมทั้งธุรกิจจัดหาน้ำดิบเพื่อจัดส่งให้กับโรงงานอุตสาหกรรมต่าง ๆ ที่ FORTH ถือหุ้น 70% แม้ว่าธุรกิจน้ำดิบยังอยู่ในช่วงเริ่มต้น แต่ก็เป็นธุรกิจที่มีศักยภาพในระยะยาว ซึ่งบริษัทอยู่ระหว่างการเจรจากับคู่สัญญาและการวางแผนก่อสร้าง คาดว่าจะใช้เงินลงทุน 190 ล้านบาท และจะเริ่มธุรกิจได้ในไตรมาส 2/53