GFPT ปรับเพิ่มเป้ารายได้ปีนี้เป็นโต 5-10% แต่คาดกำไรต่ำกว่าปีก่อน

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday August 10, 2009 10:32 —SMS: IQ ข่าวหุ้น

บมจ.จีเอฟพีที(GFPT)ผู้ผลิตและจำหน่ายเนื้อไก่รายใหญ่ ยอมรับกำไรสุทธิในปี 52 อาจต่ำกว่าปีก่อนที่เคยทุบสถิติทำกำไรถึง 1.08 พันลบ.หรือมีอัตรากำไรสุทธิ(Net Profit Margin)พุ่งเป็น 10% จากตลาดส่งออกไก่แปรรูปดีผิดปกติ แต่ปีนี้สถานการณ์กลับเข้าสู่ภาวะปกติที่อัตรากำไรสุทธิจะกลับมาสู่ระดับ 3-5% โดยอัตรากำไรขั้นต้นก็ปรับลงตามคาดว่าจะอยู่ที่ 15% จากปีก่อนทำได้สูงถึง 18-20% และแนวโน้มราคาวัตถุดิบปรับสูงขึ้น

แต่ในแง่รายได้ปีนี้ปรับเป้าหมายขึ้นมาเติบโตราว 5-10% จากเดิมคาดว่ารายได้จะทรงตัวจากปีก่อนที่ราว 1 หมื่นล้านบาท หลังจากเห็นครึ่งปีแรกยอดขายเติบโตขึ้นมาได้ และเชื่อว่าครึ่งปีหลังผลงานดีกว่าครึ่งปีแรก เพราะเข้าสู่ช่วงไฮซีซั่น และภาวะเศรษฐกิจมีสัญญาณฟื้นตัว

ในปีนี้บริษัทจะเดินหน้าลงทุน 900 ล้านบาทเพื่อขยายโรงงานไก่แปรรูปที่มุ่งเจาะตลาดญี่ปุ่น โดยได้ร่วมทุนกับ นิชิเร และเพิ่มฟาร์มเลี้ยงไก่อีก 50% เพื่อป้อนวัตถุดิบให้โรงงานใหม่ คาดเริ่มผลิตได้ปลายปี 53 และผลิตเต็มที่ในปี 54 มั่นใจส่งผลกำไรเติบโตก้าวกระโดด

*ปรับเป้ารายได้เป็นโต 5-10% จากเดิมทรงตัว

น.ส.จุฑามาส อิงโพธิ์ชัย ผู้จัดการนักลงทุนสัมพันธ์ GFPT กล่าวว่า บริษัทคาดว่าทั้งปี 52 รายได้จะเพิ่มขึ้น 5-10% จากปีก่อนที่มีรายได้ 10,996 ล้านบาท จากเดิมที่คาดการณ์ว่ารายได้จะไม่เติบโต แต่หลังจากที่ยอดขายครึ่งปีแรกกระเตื้อง บริษัทปรับประมาณการใหม่

"คือตอนต้นปีเราประมาณการไว้เท่าเดิม เพราะจริงๆ เศรษฐกิจไม่ค่อยดี แต่ดูจากครึ่งปีแรกแล้วน่าจะดี เลยปรับขึ้นแค่ 5% ถ้าดีสุดก็ 10% เราดูอยู่ 1.1 -1.2 หมื่นล้นบาท" น.ส.จุฑามาส กล่าวกับ"อินโฟเควสท์"

นอกจากนี้ บริษัทมองว่าตลาดมีความต้องการเพิ่ม โดยมีการขยายกำลังการผลิตเพิ่มอีก 10% เป็นไก่แปรรูปเป็น 2 พันตัน/เดือน โดยปีนี้น่าจะมีปริมาณส่งออกเฉลี่ย 1.8 พัน/เดือน จากปีที่แล้ว 1.5 พันตัน/เดือน ส่วนหนึ่งเป็นการเพิ่มการส่งออกไปตลาดญี่ปุ่น จากผลของข้อตกลงหุ้นส่วนเศรษฐกิจไทย-ญี่ปุ่น(JTEPA)และความต้องการของลูกค้าญี่ปุ่น ซึ่งเป็นลูกค้ารายใหญ่ของบริษัทมีเพิ่มขึ้นด้วย

น.ส.จุฑามาศ กล่าวว่า แนวโน้มผลประกอบการในไตรมาส 2/52 ออกมาดีกว่าไตรมาส 1/52 ซึ่งเป็นช่วงโลว์ซีซั่น ขณะที่ไตรมาส 2/52 มีปริมาณส่งออกมากขึ้น ขณะที่ราคาขายใกล้เคียงกันกับไตรมาสแรก โดยราคาส่งออกได้ปรับลงจากไตรมาส 4/51 ส่วนราคาในประเทศอีกขึ้นเล็กน้อย ขณะที่อัตรากำไรขั้นต้นดีขึ้น 2% จากไตรมาสก่อน หรือเพิ่มเป็น 15%

และคาดว่าแนวโน้มผลประกอบการในครึ่งปีหลัง น่าจะดีขึ้นกว่าครึ่งปีแรก เพราะเป็นช่วงไฮซีซั่น โดยยอดขายไตรมาส 3/52 ไม่ต่ำกว่าไตรมาส 2/52

"ครึ่งปีหลังเทียบกับปีก่อนในงวงดเดียวกันคาดว่าคงไม่ดีขึ้นมาก แต่ดีกว่าครึ่งปีแรก ซึ่งไตรมาส 1 ฉุดยอดขายไป เนื่องจากเศรษฐกิจไม่ดี อุตสาหกรรมอาหารจะลดไม่เท่ากับอุตสาหกรรมอื่น แต่หากภาวะเศรษฐกิจฟื้น อุตสาหกรรมอาหารจะค่อยๆฟื้น" น.ส.จุฑามาส กล่าว

ทั้งนี้ GFPT มีสัดส่วนรายได้จากส่งออกประมาณ 25% ของรายได้รวม โดยตลาดส่งออกสำคัญ คือ ตลาดญี่ปุ่น และ ยุโรป สัดส่วน 60% และ 40% ตามลำดับ

*กำไรปีนี้ต่ำกว่าปีก่อน

น.ส.จุฑามาศ คาดว่า กำไรสุทธิในปีนี้น่าจะน้อยกว่าปีที่แล้ว เพราะปีก่อนเป็นปีที่ผิดปกติที่ตลาดส่งออกมีราคาขายดีมาก ทำให้บริษัทมีอัตรากำไรขั้นต้นสูงถึง 18-20% แต่อัตรากำไรสุทธิสูงถึง 10% แต่ในปีนี้คาดว่าจะมีอัตรากำไรสุทธิจะลดลงมาเหลือเพียง 3-5% ซึ่งถือเป็นภาวะปกติ

"ปีก่อนมีมาร์จิ้น 18-20% เพราะราคาทั้ง 3 ตลาดดี คือ ญี่ปุ่น ยุโรป และ ในประเทศ ปรับตัวดีขึ้นมาก ทำให้มาร์จิ้นดีขึ้นตาม ซึ่งสูงกว่าปกติ แต่มาร์จิ้นปีนี้สู้ไม่ได้ เพราะปีที่แล้วทางตลาดยุโรปและญี่ปุ่นกลัวเรื่องขาดแคลนอาหาร เพราะมีการนำกากถั่วเหลืองและข้าวโพดไปทำเป็นไบโอดีเซล ทำให้ราคาสูงขึ้น แต่ปีนี้ไม่ปัจจัยนี้" น.ส.จุฑามาส กล่าว

ด้านราคาวัตถุดิบในไตรมาส 2/52 ปรับลดลงไม่มาก เทียบกับไตรมาส 1/52 โดยราคากากถั่วเหลืองมีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้น ส่วนราคาข้าวโพดทรงตัวตั้งแต่ต้นปี อย่างไรก็ดี เมื่อเทียบกับปีที่แล้วราคาวัตถุดิบลดลงประมาณ 15% โดยมีวัตถุดิบหลัก คือ ข้าวโพด กากถั่วฯ แต่ราคาขายก็ปรับลดลง ซึ่งลดตามราคาวัตถุดิบ ดังนั้น อัตรากำไรปีนี้จึงไม่สูงกว่าปีก่อน

*รอผลเติบโตชัดในปี 54 หลังลงทุนเพิ่มรง.ไก่แปรรูป-ฟาร์เลี้ยงไก่

ผู้จัดการนักลงทุนสัมพันธ์ GFPT กล่าวว่า ปีนี้บริษัทใช้งบลงทุนประมาณ 900 ล้านบาทเข้าลงทุนในโรงงานไก่แปรรูป ซึ่งบริษัทได้ร่วมทุนกับบริษัท นิชิเร ฟูดส์ อิงค์ ในบริษัท จีเอฟพีที นิชิเร(ประเทศไทย)จำกัด(GFN) โดย GFPT ถือหุ้น 49% ส่วน นิชิเรฯ ถือ 51% มูลค่าโครงการทั้งหมด 1,500 ล้านบาท โดย GFPT ใช้เงินส่วนทุน 400 ล้านบาท ที่เหลือเป็นเงินกู้

ขณะเดียวกันบริษัทจะลงทุนเพิ่มฟาร์มเลี้ยงไก่เพื่อป้อนเป็นวัตถุดิบให้กับโรงงานใหม่ดังกล่าว คาดว่าใช้เงินไม่น้อยกว่า 500 ล้านบาท โดยจะเลี้ยงไก่เพิ่มขึ้นป 50% จากปัจจุบันที่มีปริมาณ 50 ล้านตัว/ปี เพิ่มเป็น 75 ล้านตัว/ปี คาดว่าจะเริ่มทยอยปลายปี 53 และเต็มกำลังการผลิตในปี 54 ตามแผนงาน

ส่วนโรงงานไก่แปรรูปจะเริ่มผลิตได้ในปลายปี 53 เช่นกันและจะทำเต็มกำลังในปี 54 ทั้งนี้ โรงงานดังกล่าวจะผลิตเพื่อส่งออกทั้งหมดราว 1,500 ตันต่อเดือนไปตลาดญี่ปุ่นโดยเฉพาะ คาดว่าจะทำรายได้ราวปีละ 6 พันล้านบาท และบริษัทยังมีรายได้จากการขายไก่ให้กับบริษัทร่วมทุน จะส่งผลให้รายได้กำไรในปี 54 เติบโตอย่างชัดเจน

"ในอีก 2 ปี (ปี 54) กำไรจะก้าวกระโดด ปีนี้และปี 53 บริษัทอยู่ในช่วงระยะการลงทุนเพื่อขยายกิจการ คิดว่าในช่วงปี 54 จะเริ่มเห็นผลของการขยายการลงทุน และทำไก่แปรรูป มีมาร์จิ้นดีขึ้นมาก ส่วนปีนี้เราประมาณการปีนี้น่าจะประคองตัว และเรามาเน้นเรื่องของการลงทุนขยายกิจการ"น.ส.จุฑามาส กล่าว

สำหรับกรณีที่สหภาพยุโรป(อียู)จะขอปรับตารางภาษีนำเข้าสินค้าสัตว์ปีกแปรรูป 8 รายการ น.ส.จุฑามาส กล่าวว่า บริษัทไม่ได้รับผลกระทบ เพราะไม่ได้ส่งออกสินค้า 8 รายการดังกล่าว แต่ภาพรวมอุตสาหกรรมอาจมี 2-3 รายการที่ไทยส่งออก แต่คาดว่าจะเสียภาษีประมาณ 4 พันล้านบาทเท่านั้น ซึ่งถือน้อยมาก อย่างไรก็ตาม ทางการไทยยังอยู่ระหว่างการเจรจากับทางอียู


แท็ก จีเอฟพีที   (GFPT)  

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ