นางสุนันทา เตียสุวรรณ์ ประธานกลุ่มการเงิน บมจ.แพรนด้า จิวเวลรี (PRANDA) คาดกำไรสุทธิปี 52 ใกล้เคียงปีก่อนที่มีกำไร 183.95 ล้านบาท แม้ว่ารายได้ในปีนี้จะลดลง 15% จากปีก่อนที่มี่รายได้ 4 พันล้านบาท เพราะว่าปีนี้บริษัทสามารถทำอัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มเป็น 35-38% จากปีก่อนที่ทำได้ 32% ซึ่งบริษัทหันมาขายจิวเวลรี่ที่ทำจากเงินมากขึ้น โดยสัดส่วนที่จิวเวลรี่ที่ทำจากเงิน 80% และ ที่ทำจากทอง 20%
แต่หากภาวะเศรษฐกิจฟื้นตัว กำลังซื้อกลับมา บริษัทเชื่อว่าจิวเวลรี่ที่ประกอบจากทองจะมีคำสั่งซื้อมากขึ้น รวมถึงทองคำ ภายใต้"พรีม่าโกลด์"ก็จะเพิ่มขึ้นด้วย
"ไตรมาส 3 ในช่วงก.ค. -ส.ค. ออเดอร์เริ่มกลับมาดีมาก เรามั่นใจว่า 6 เดือนแรกหลังน่าจะดีกว่า 6 เดือนไม่น้อยกว่า 10% ดังนั้นทั้งปีเป้าที่คาดว่าจะลดลงถึง 15% ก็ไม่น่าจะลดมากกว่านี้แล้ว" นางสุนันทากล่าว
อย่างไรก็ตาม บริษัทจะเน้นการขยายตลาดไปยังตลาดต่างประเทศ เนื่องจากการที่รัฐบาลลดภาษีมูลค่าเพิ่มในการนำเข้าวัตถุดิบอัญมณี จะช่วยส่งเสริมอุตสาหกรรมให้เติบโตมากขึ้น เชื่อว่าการขยายตลาดไปยังต่างประเทศ ก็จะขยายฐานลูกค้าหลากหลายมากขึ้น ได้แก่ บราซิล จากเดิม ที่บริษัทได้ทำตลาดในจีน อินเดีย รัสเซีย และตะวันออกกลาง
โดยตลาดจีนมีอัตราเติบโตสูง และมีแผนเพิ่มอีก 10 สาขา จากปัจจุบันมี 10 สาขา โดยเน้นเปิดในเมืองกวางเจา และเซี่ยงไฮ้ ส่วนอินเดีย หลังบริษัทเข้าร่วมทุนกับพันธมิตรอินเดีย ขณะนี้ บริษัทได้เปิดตัวครั้งแรกในงานมหกรรมสินค้าที่อินเดีย และได้รับการตอบรับดีมาก เชื่อว่าบริษัทอาจจะเห็นสาขาเพิ่มในอินเดียในช่วงปลายปีนี้
ทั้งนี้ อุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับไทย เป็นหนึ่งในห้าของโลก และบริษัทมีการส่งออกมากเป็นอันดับ 2 ของประเทศ และจากการสนับสนุนของภาครัฐโดยลดภาษีนำเข้าวัตถุดิบอัญมณีจะช่วยทำให้อุตสาหกรรมสามารถเปิดตลาดใหม่ๆ และพัฒนารูปแบบไลเซ่นส์แบรนด์เพิ่มมากขึ้น
ปัจจุบัน PRANDA มีแบรนด์สินค้าที่ออกขายอยู่กว่า 10 แบรนด์ อาทิ พรีม่าโกลด์ พรีม่าไดมอนด์ พรีม่าอาร์ต บาติกซิลเวอร์ เป็นต้น