CENTEL คาดรายได้ H2/52 โต 5% จาก H1/52 จากไฮซีซั่น แต่ทั้งปีโต 2-3%

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday August 31, 2009 12:34 —SMS: IQ ข่าวหุ้น

นายรณชิต มหัทธนะพฤทธิ์ รองประธานอาวุโส ฝ่ายการเงินบัญชีและบริหาร บมจ. โรงแรมเซ็นทรัลพลาซา (CENTEL) คาดว่ารายได้ในครึ่งปีหลังจะมีทิศทางปรับตัวเพิ่มขึ้นจากครึ่งปีแรก 5% เนื่องจากสัญญาณการฟื้นตัวของเศรษฐกิจที่ทำให้ผู้บริโภคกลับมาใช้จ่ายมากขึ้น

ในครึ่งปีหลังธุรกิจโรงแรมจะเป็นตัวสร้างรายได้ให้กับบริษัท เพราะจะรับรายได้จากการที่โรงแรมหลายแห่งในครือเปิดบริการเต็มปี เช่น เซ็นทารา แกรนด์ เซ็นทรัลเวิลด์ รวมทั้งยังพบว่ามีอัตราการเข้าพักที่ดีขึ้น โดยทั้งปีเฉลี่ยอัตราการเข้าพัก 60% ใกล้เคียงปีก่อนที่ 63% และแนวโน้มไตรมาส 3 จะดีขึ้นอีก 4-5% สังเกตจากตัวเลขการจองห้องพักมีปริมาณดีขึ้น แม้ว่าพฤติกรรมการจองจะเปลี่ยนไปเหลือ 10 วันจากเดิม 6-8 สัปดาห์ในปีก่อน

ขณะที่ธุรกิจอาหารก็จะดีขึ้น โดยเฉพาะในช่วงไตรมาส 4 ที่จะเป็น High Season แต่อย่างไรก็ตาม ในครึ่งปีแรกที่บริษัทได้รับผลกระทบจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจจึงทำให้ทั้งปีบริษัทมองการเติบโตของรายได้ 2-3%

ทั้งนี้ ในส่วนของกำไรคาดว่าครึ่งปีหลังจะใกล้เคียงกับครึ่งปีแรก แต่ทั้งปีจะต้องขึ้นอยู่กับสถานการณ์ถึงแม้ว่าบริษัทจะมีการบันทึกรายการพิเศษจากกองทุนอสังหาริมทรัพย์ที่บริษัทถืออยู่ 25% ใน 2 แห่ง

ส่วนการเพิ่มขนาดกองทุนอสังหาฯ อยู่ระหว่างการศึกษาว่าจะนำโรงแรมใดเข้าเป็นทรัพย์สิน แต่ในส่วนของการรับบริหารคาดว่าปีนี้จะมี 1 แห่ง จากปัจจุบัน 9 แห่ง มีมาเสนอทั้งไทยและต่างประเทศ ซึ่งคาดว่าในครึ่งปีหลังจะรัยรู้รายได้การบริหาร 60-70 ล้านบาท จาก 40 ล้านบาทในครึ่งปีแรก และจะเพิ่มขึ้นเป็น 100 ล้านบาทในปี 53

นายรณชิต กล่าวว่า ตอนนี้เรายังไม่รู้ว่ากำไรปีนี้จะเป็นอย่างไร แต่ครึ่งปีหลังอย่างเก่งก็คงเท่ากับครึ่งปีแรก

ทั้งนี้ ในส่วนการรับบริหารโรงแรมในปีหน้า บริษัทจะมีการจัดตั้งเป็นบริษัทรับบริหารอย่างชัดเจน หลังจากสามารถสร้างรายได้ให้บริษัทในช่วงที่ภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว โดยตั้งเป้าเพิ่มสัดส่วนรายได้จากธุรกิจโรงแรมในปีหน้าเป็น 50% อาหาร 50% จากปีนี้ ธุรกิจโรงแรมคิดเป็นสัดส่วนรายได้ 38% และอาหาร 52%

ในส่วนของงบลงทุน ในครึ่งปีหลังคาดว่าจะใช้เงิน 1.5 พันล้านบาท จากทั้งปี 2.7-2.8 พันล้านบาท ซึ่งใน 1.5 พันล้านบาทใช้ลงทุนที่พัทยา และภูเก็ต คาดว่าพัทยาจะเปิดบริการ พ.ย.นี้ ส่วนภูเก็ตจะทยอยทำในปีนี้และปีหน้า ทำให้งบลงทุนในปีหน้าลดลงเหลือ 700 ล้านบาท เท่านั้น

นายรถชิต กล่าวถึงแนวโน้ม EBITDA ดีขึ้นโดยไตรมาส 2 อยู่ที่ 303 ล้านบาท จากปี 51 ที่ EBITDA 321 ล้านบาท

ด้านธุรกิจอาหาร จะสร้างแบรนด์ขึ้นมาใหม่ คาดว่าจะเห็น 2-3 แบรนด์ในปีหน้า จากปัจจุบันที่มีอยู่แล้ว 8 แบรนด์


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ