โบรกฯ เชียร์"ซื้อ"THCOM มองปีหน้าพลิกมีกำไรจากรายได้ตลาดอินเดีย

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday October 13, 2009 14:53 —SMS: IQ ข่าวหุ้น

โบรเกอร์ ส่วนใหญ่แนะ"ซื้อ"หุ้นบมจ.ไทยคม(THCOM)มองปีหน้าบริษัทจะพลิกมีกำไร จากปีนี้ที่คาดว่าจะขาดทุน แต่ขาดทุนลดลง เหตุผลหลักมาจากการรับรู้รายได้จากการเปิดตลาดอินเดียของดาวเทียมไอพีสตาร์ที่จะเริ่มในปลายปีนี้ และแนวโน้มตลาดไอพีสตาร์เติบโตต่อเนื่องสูง ขณะที่กระแสข่าวที่กลุ่มบมจ.สามารถคอร์ปอเรชั่น(SAMART) จะเข้าซื้อหุ้น THCOM จากกองทุนเทมาเสก ยังมองว่ามีความเป็นไปได้น้อยหากต้องลงทุนตามลำพังเพราะต้องใช้เงินลงทุนค่อนข้างมาก

ราคาหุ้น THCOM ปิดเที่ยงวันนี้อยู่ที่ 8.80 บาท ลบ 0.10 บาท (-1.12%) โดยราคาปรับขึ้นไปสูงสุดที่ 9.10 บาท

          โบรกเกอร์         คำแนะนำ       ราคาเป้าหมาย(บาท/หุ้น)
          บล.บัวหลวง          ซื้อ           12.35
          บล.ไอร่า            ซื้อ           11.10
          บล.กิมเอ็ง         ซื้อเก็งกำไร      10.75
          บล.ฟิลลิป            ซื้อ           10.85
          บล.ฟินันเซียไซรัส      ถือ            9.60

นักวิเคราะห์ จาก บล.ฟินันเซีย ไซรัส กล่าวว่า กระแสข่าวที่ กลุ่ม SAMART จะเข้ามาซื้อหุ้น THCOM นั้น จะให้น้ำหนักเงินทุนของ SAMART ที่จะเข้ามาซื้อในส่วนที่บมจ.ชิน คอร์ปอเรชั่น(SHIN)ถืออยู่ประมาณ 42% ซึ่งผู้บริหารระบุว่าต้องใช้เงินประมาณ 3-4 พันล้านบาท เมื่อพิจารณาถึงกระแสเงินสดของบริษัทมีเพียงประมาณ 1.2 พันล้านบาทเอง มองว่าค่อนข้างเป็นไปได้ยากในเชิงทางการเงินหากต้องลงทุนเพียงลำพัง

"ถ้าดูตัว SAMART ยังไม่มีเงินเหลือไปซื้อได้ คือตอนที่เศรษฐกิจซบมากๆ ราคาหุ้นต่างๆลงมาถูก ก็เคยมีข่าวออกมา แล้วก็กลับมาพูดกันใหม่ แต่ก็ยากเหมือนกันถ้าจะลงทุนคนเดียว"นักวิเคราะห์ กล่าว

สำหรับด้านผลประกอบการชอง THCOM นั้น หลังจากที่บริษัทได้เซ็นสัญญากับลูกค้าอินเดียแต่กว่าจะรับรู้รายได้เต็มที่จะเป็นปีหน้าหรือตั้งแต่ต้นไตรมาสแรกปี 53 ขณะที่ลูกค้าที่จีนก็มีการเปลี่ยนพันธมิตรหรือคู่ค้า ทำให้การตลาดดาวเทียมไอพีสตาร์ดีขึ้น จึงคาดว่าปีหน้าบริษัทจะเริ่มมีกำไร จากปีนี้ที่ขาดทุน

"เดิมเราเป็น BUY แต่ถ้ามีหุ้นอยู่ก็ถือไว้ เพราะเห็นว่าราคาหุ้นขึ้นไปมาก แต่จะซื้อก็ซื้อได้ แต่รอให้ราคาย่อตัวลงมาก่อนจะดีกว่า" นักวิเคราะห์ กล่าว

ส่วนประเด็นไทยคม 2 นักวิเคราะห์กล่าวว่า เรื่องนี้ยังเป็นประเด็นที่ไม่มีใครกล้าตัดสินใจ เท่าที่ดูจากสัญญาสัมปทานว่าให้จัดหา แต่จะจัดหาในรูปแบบไหน ว่าจะเช่า หรือ ลงทุน ซึ่งแนวโน้มที่ THCOM จะลงทุนยาก

น.ส.ปองรัตน์ รัตนะตวณานนท์ ผู้จัดการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.บัวหลวง กล่าวว่า กระแสข่าวที่ SAMART จะเข้าซื้อหุ้น THCOM ยังมีความไม่แน่นอน แต่จากฐานะการเงินของ SAMART เชื่อว่าเป็นไปได้ยาก เพราะปัจจุบันมูลค่าทางบัญชีของ THCOM ปรับสูงขึ้น

ขณะที่ผลประกอบการของ THCOM ดีขึ้นมาตลอด จึงได้ปรับราคาเป้าหมายขึ้นมา โดยลูกค้าในตลาดอินเดียคาดว่าจะรับรู้รายได้ในปีหน้า ทำให้ปีหน้าเริ่มจะมีกำไร จากปีนี้ที่ขาดทุน แต่จะเป็นการขาดทุนลดลง

ด้านน.ส.รัศดา ทวีแสงสกุลไทย ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) กล่าวว่า กรณีที่ SAMART จะเข้าซื้อหุ้น THCOM นั้น แต่ยังไม่ได้รับยืนยันจากทาง THCOM และก็ต้องดูความพร้อมทางด้านการเงินของ SAMART และ มูลค่าทางบัญชีของ THCOM ปัจจุบันอยู่ที่ประมาณกว่า 14 บาท สูงกว่าราคาในตลาดที่อยู่ประมาณ 8.90 บาท และยังต้องเตรียมเงินทำเทนเดอร์ออฟเฟอร์ มองดูแล้ว SAMART ไม่ได้มีความสามารถทางการเงินขนาดนั้น

สำหรับการดำเนินธุรกิจของ THCOM มองว่ารายได้จากตลาดอินเดียจะเข้ามาในปีหน้าเต็มปี โดยจะเริ่มเข้ามาในปลายปีนี้ เพราะตลาดอินเดียใหญ่เป็นอันดับสองรองจากจีน หรือคิดเป็น 17.5% ของ capacity ดาวเทียมไอพีสตาร์ โดยคาดว่าปี 53 THCOM น่าจะมีกำไรประมาณ 300 ล้านบาท

ส่วนบทวิเคราะห์ บล.กิมเอ็ง(ประเทศไทย) คาดหมายว่า ธุรกิจไอพีสตาร์จะเริ่มสร้างรายได้อย่างมีนัยสำคัญในอินเดียในไตรมาส 1/53, ญี่ปุ่นในไตรมาส 2/53 และจีนในครึ่งหลังของปี 53 ปีหน้าจะเป็นปีที่ดีมากของไอพีสตาร์ จึงยังคงคำแนะนำ ซื้อเก็งกำไร หุ้น THCOM โดยปรับเพิ่มราคาเหมาะสมตามวิธี sum-of-the-parts จาก 7.22 บาทเป็น 10.75 บาทโดยปรับส่วนลดในการประเมินมูลค่าธุรกิจดาวเทียมลง 2% หลังแนวโน้มธุรกิจไอพีสตาร์มีความชัดเจนขึ้น

ในทางกลับกันได้ปรับการคาดการณ์ผลการดำเนินงานให้เป็นไปในทางอนุรักษ์นิยมขึ้นทั้งในด้านการเริ่มสร้างรายได้ของธุรกิจไอพีสตาร์ในอินเดียและญี่ปุ่นในครึ่งแรกของปีหน้าจากเดิมคาดว่าเริ่มในปลายปีนี้ และด้านการทดแทนดาวเทียมไทยคม 2 ที่จะหมดอายุลงในกลางปีหน้านั้นเราเปลี่ยนจากสมมติฐานเดิมการเช่าดาวเทียมอื่นเป็นการซื้อดาวเทียมที่ใช้งานอยู่แล้วจากผู้ประกอบการรายอื่นด้วยงบประมาณ 100 ล้านเหรียญฯ ซึ่งบริษัทยังไม่ได้ตัดสินใจว่าจะใช้วิธีใด

นอกจากนี้ได้ปรับลดประมาณการในปีนี้จากเดิมคาดว่าจะมีผลขาดทุนปกติ 110 ล้านบาทเป็นขาดทุนปกติ 363 ล้านบาท โดยปรับลดสมมติฐานอัตราการใช้ไอพีสตาร์และยอดขาย user terminal เราก็คาดว่าการขยายธุรกิจในตลาดสำคัญในปีหน้าจะช่วยพลิกให้มีกำไร 305 ล้านบาทในปีหน้าได้


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ