กลุ่ม PTT จะยื่นอุทธรณ์คำสั่งศาลระงับโครงการในมาบตาพุดศุกร์นี้

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday October 14, 2009 17:26 —SMS: IQ ข่าวหุ้น

นายประเสริฐ บุญสัมพันธ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ และ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ปตท. (PTT) เปิดเผยว่า บริษัทและบริษัทในกลุ่มปตท. ได้เตรียมยื่นอุทธรณ์ต่อศาลเพื่อให้สามารถเดินหน้าลงทุนในมาบตาพุดได้ภายในวันศุกร์นี้ หลังจากที่ศาลปกครองได้มีคำสั่งระงับโครงการ 76 โครงการในนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด

"หวังว่าท้ายสุดแล้วรัฐบาลน่าจะมีทางออกที่ดีสำหรับผู้ที่เกี่ยวข้องทุกฝ่ายเกี่ยวกับปัญหาการลงทุนในนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุดและทำให้ภาคเอกชนลงทุนต่อไปได้" นายประเสริฐ กล่าว

ด้านนายชายน้อย เผื่อนโกสุม ประธานกลุ่มปิโตรเคมี สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. ปตท.อะโรเมติกส์และการกลั่น (PTTAR) กล่าวว่า ขณะนี้ผู้ประกอบการอยู่ระหว่างการศึกษาข้อมูล เพื่อเตรียมแผนในการรับมือ หากต้องชะลอการก่อสร้างไปในช่วง 6 เดือนข้างหน้า จนกว่ารัฐบาลจะดำเนินการแก้กฎหมายแล้วเสร็จ โดยอาจจะต้องเจรจากับผู้ที่เกี่ยวข้อง เพื่อชะลอบางโครงการออกไปก่อน

ส่วนนายสันติ วิลาสศักดานนท์ ประธาน ส.อ.ท. กล่าวว่า ภาคเอกชนเห็นด้วยกับการเร่ง แก้พ.ร.บ.สิ่งแวดล้อมของรัฐบาล ซึ่งถือว่าเป็นไปตามขั้นตอน ในการออกกฎหมายลูกตามรัฐธรรมนูญมาตรา 67 วรรค 2 อยู่แล้ว โดยในระหว่างนี้การออกกฎเกณฑ์ชั่วคราวก่อน ก็จะทำให้การลงทุนไม่ต้องหยุดชะงักไป

ทั้งนี้ในส่วนของภาคเอกชน ต้องการให้ดำเนินการแก้กฎหมายโดยเร็วที่สุด ซึ่งตามขั้นตอนประเมินว่า อาจจะแล้วเสร็จในเดือนกุมภาพันธ์ปีหน้า

นอกจากนี้ จะเร่งทำความเข้าใจกับประชาชน โดยประเด็นสำคัญที่ต้องชี้แจง คือ ที่ผ่านมาโรงงานขนาดใหญ่มีความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม และชุมชนมาโดยตลอด เพราะเป็นส่วนหนึ่งในกฎเกณฑ์การค้าระหว่างประเทศ

ส่วนนายธวัชชัย ยงกิตติกุล เลขาธิการ สมาคมธนาคารไทย เชื่อว่าปัญหาในนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด จะไม่ลุกลามมายังสินเชื่อของภาคธนาคาร เนื่องจากส่วนมากเป็นบริษัทขนาดใหญ่ และมีบริษัทแม่ที่แข็งแกร่งในด้านฐานะทางการเงินอยู่แล้ว อีกทั้งทุกธนาคารพร้อมที่จะหารือกับลูกค้า เพื่อหาทางออกร่วมกัน

ทั้งนี้สิ่งที่เป็นห่วงมากที่สุด คือความเชื่อมั่นของนักลงทุน โดยเฉพาะนักลงทุนจากต่างประเทศ ที่อาจทำให้เกิดการย้ายฐานการลงทุน รวมไปถึงหากโครงการต้องหยุดชะงัก อาจส่งผลต่อเนื่องไปยังอุตสาหกรรมปลายน้ำ ที่เกี่ยวเนื่องกับปิโตรเคมีได้ ซึ่งผลเสียหายจะค่อนข้างมาก

ขณะที่นายธนินท์ เจียรวนนท์ ประธานกรรมการเครือเจริญโภคภัณฑ์ (ซีพี) กล่าวว่า อยากให้โครงการลงทุนในพื้นที่มาบตาพุดเกิดขึ้นเพราะบริษัทต่างๆ ที่เข้าไปลงทุนในพื้นที่ดังกล่าวเป็นบริษัทขนาดใหญ่และมีพื้นฐานดี หากการลงทุนชะงักไป ก็จะมีผลกระทบต่อการลงทุนของประเทศและทำให้ต่างประเทศไม่กล้าลงทุนในไทยอีก ขณะเดียวกันหากไทยไม่มีปัญหาด้านการเมืองก็จะกลายเป็นประเทศที่รวยที่สุดในอาเซียนและเป็นประเทศที่ยังน่าลงทุน ดังนั้นอย่าให้กฎหมู่อยู่เหนือกฎหมาย

ส่วนนายบัณฑูร ล่ำซำ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารกสิกรไทย (KBANK) กล่าวว่า ปัญหาการลงทุนในิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด อาจมีผลต่อการปล่อยสินเชื่อของแบงก์ให้สะดุดลงไปบ้าง แต่เชื่อว่าเรื่องนี้จะมีทางออก โดยแนะให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องหาวิธีการเจรจาที่ดีต่อกัน เพื่อสร้างสมดุลระหว่างการลงทุนและด้านสังคมและสิ่งแวดล้อมให้เดินควบคู่ไปด้วยกันได้



เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ