โบรกฯเชียร์"ซื้อ"BGH รับปย.หวัด 2009 ระบาดอีกรอบ-ต่างชาติเที่ยวเพิ่ม

ข่าวทั่วไป Wednesday November 25, 2009 10:46 —SMS: IQ ข่าวหุ้น

โบรกเกอร์ พร้อมใจแนะ"ซื้อ"หุ้นบมจ.กรุงเทพดุสิตเวชการ(BGH) มองธุรกิจโรงพยาบาลได้ประโยชน์สูงสุดจากการกลับมาระบาดไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 อีกครั้ง ประกอบกับ การท่องเที่ยวที่ฟื้นตัวทำให้ลูกค้าต่างชาติกลับคืนมา ยอดผู้ใช้บริการสูงขึ้นได้ชัดในไตรมาส 3/52 และดีต่อนื่องในไตรมาส 4/52 ทั้งปี 52 คาดมีอัตราผู้ใช้บริการเฉลี่ย 65-70% ส่งผลให้กำไรสุทธิปีนี้สูงขึ้นจากปีก่อนมากกว่า 10% และปี 53 เติบโตต่อตามการฟื้นตัวของภาพรวมเศรษฐกิจ ขณะที่โรงพยาบาลในกัมพูชา 2 แห่งไม่ได้รับผลกระทบจากปัญหาความขัดแย้งระหว่างรัฐบาลสองประเทศ แต่ยังชะลอการสร้างโรงพยาบาลแห่งที่ 3

          โบรกเกอร์         คำแนะนำ      ราคาเป้าหมาย(บาท/หุ้น)

          สถาบันวิจัยนครหลวงไทย ซื้อ          34.00
          บล.กรุงศรีอยุธยา      ซื้อ          31.50
          บล.ทรีนิตี้            ซื้อ          30.00
          บล.ฟิลลิป            ซื้อ          30.00
          บล.เอเซียพลัส        ซื้อ          29.10
          บล.เกียรตินาคิน       ซื้อ          29.00

นายนัท พนัสสุทรากร ผู้ช่วยผู้จัดการ ฝ่ายวิเคราะห์ บล.นครหลวงไทย มองว่า จากการกลับมระบาดของไขัหวัดใหญ่สายพันํธ์ใหม่ 2009 จะทำให้ BGH ได้ประโยชน์สูงสุด จากรอบก่อนหน้านี้โรงพยาบาลได้รับความเชื่อมั่นจากกรณีที่ประสบความสำเร็จในการแยกผู้ป่วยติดเชื้อไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ รวมทั้ง สามารถรองรับผู้ป่วยได้มากขึ้นและรองรับจากโรงพยาบาลอื่นได้เพิ่มด้วย ทำให้คาดว่าอัตราการใช้บริการเฉลี่ยทั้งปีอยู่ที่ 65-70% โดยในไตรมาส 3/52 มีอัตรา 70% จึงคาดว่าผลกำไรในปี 52 ยังคงประมาณการเดิมที่ตั้งไว้ 1,888 ล้านบาท หรือ เติบโต 14% จากปีก่อน

ส่วนปี 53 ผลกำไรจะเติบโตเป็น 2,250 ล้านบาท จากการที่ประชาชนใส่ใจสุขภาพมากขึ้น นอกจากนี้ เครือข่ายของโรงพยาบาลที่มีอยู่เกือบทั่วประเทศ ส่งผลให้ BGH สามารถรองรับความต้องการรักษาพยาบาลที่เพิ่มขึ้น

"เรามองว่า การที่ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่กลับมาระบาดอีกครั้งน่าจะทำให้เขาได้ประโยชน์สูงสุด...เราเชื่อว่าแน่นอนจำนวนคนที่ใช้บริการมากขึ้น ทำให้ fixed cost ขยับลง คิดว่าผลประกอบการก็น่าจะ in line อยู่" นายนัท กล่าว

ปัจจุบัน BGH มีโรงพยาบาลอยู่ในเครือทั้งหมด 19 แห่ง อาทิ โรงพยาบาลกรุงเทพฯ โรงพยาบาลสมิติเวช และโรงพยาบาลบีเอ็นเอช เป็นต้น โดยกลุ่ม BGH มีจำนวนเตียงที่สามารถรองรับผู้ป่วยทั้งสิ้น 2,967 เตียง

ด้านบล.ทรีนิตี้ ระบุว่า จากผลประกอบการในไตรมาส 3/52 ที่รายได้เติบโต 11% QoQ และ 5% YoY มาจากได้รับแรงสนับสนุนจากความกังวลเรื่องไข้หวัดใหญ่ 2009 ทำให้ปริมาณคนไข้เข้ารับการตรวจรักษา(OPD)และคนไข้ใน(IPD)เพิ่มขึ้นอย่างแข็งแกร่ง ในขณะที่แนวโน้มโดยรวมยังคงดีต่อเนื่องหลังตัวเลขจำนวนผู้ป่วยเดือน ต.ค.52 ใกล้เคียงช่วงต้นปีที่มีผลประกอบการในเกณฑ์ดี ประกอบกับเข้า High season ของการท่องเที่ยว จะทำให้มีรายได้จากผู้ป่วยที่เป็นนักท่องเที่ยวต่างชาติเพิ่มขึ้นอีกทางหนึ่ง

ส่วนโรงพยาบาลทั้ง 2 แห่งของ BGH ในกัมพูชาที่เสียมเรียบและพนมเปญ ได้แก่ Royal Ankor International (50 เตียง)และ Royal Rattana International(30 เตียง)ไม่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ทางการเมืองแต่อย่างใด อย่างไรก็ตาม บริษัทชะลอแผนงานจะขยายโรงพยาบาลแห่งที่ 3 ขนาด 100 เตียงในกรุงพนมเปญ ไปก่อนเนื่องปัญหาเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัว ทั้งนี้ จำนวนเตียงในกัมพูชาคิดเป็นเพียง 3% ของจำนวนเตียงทั้งหมดของ BGH ทำให้เราคาดว่าผลการดำเนินงานในกัมพูชาจะยังไม่มีผลกระทบต่อกลุ่มอย่างมีนัยสำคัญ

"เรายังคงให้ BGH เป็นตัวเลือกหมายเลข 1 หรือ Top pick กลุ่มการแพทย์จากโอกาสในการเติบโตที่โดดเด่นถึง 25% เฉลี่ยระหว่างปี 52-55(CAGR)ด้วยภาวะเศรษฐกิจโลกที่มีทิศทางดีขึ้น ในขณะที่ Utilization rate ยังอยู่ที่เพียง 65-70% จะทำให้มีโอกาสเติบโตอีกมากโดยไม่ต้องลงทุนเพิ่มแต่อย่างใด"บทวิเคราะห์ ระบุ

ขณะที่บทวิเคราะห์ของ บล.เกียรตินาคิน ระบุว่า แนวโน้มไตรมาส 4/52 ผู้บริหารของ BGH ยังมีมุมมองบวก จากการใช้บริการของลูกค้าต่างชาติเริ่มมีสัญญาณดีขึ้น อีกทั้งคาดหวังอานิสงค์การท่องเที่ยวที่เริ่มฟื้นตัว เป็นอีกปัจจัยหนุนปริมาณผู้ใช้บริการดีต่อเนื่อง

อย่างไรก็ดี เรากังวลการนัดชุมนุมใหญ่ของกลุ่มเสื้อแดงปลายเดือน พ.ย.-ต้นเดือน ธ.ค. อาจเป็นปัจจัยลบต่อการตัดสินใจเดินทางมาประเทศไทย เบื้องต้นคาดผลประกอบการในไตรมาส 4/52 มีแนวโน้มอ่อนตัวลงจากในไตรมาส 3/52 แต่เทียบกับใน ไตรมาส 4/51 จะเห็นการเติบโตจากฐานกำไรสุทธิต่ำกว่าปกติ จากผลกระทบเหตุการณ์ปิดสนามบินช่วงปลายปีก่อน

ส่วนปี 53 แม้ผู้บริหาร BGH ระบุอยู่ระหว่างทำแผนธุรกิจของกลุ่มฯ แต่ยังมีมุมมองต่อผลประกอบการดีขึ้นจากปีนี้ จากปัจจัยบวกเศรษฐกิจมีแนวโน้มดีขึ้น ประกอบกับ BGH ยังเดินหน้าปรับปรุงการใช้สินทรัพย์ภายในเครือข่ายให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยคาดปี 52 มีกำไรสุทธิ 1,740 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5% YoY

ขณะที่ในปี 53 คาดกำไรสุทธิ 1,854 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7% YoY และประมาณการเงินปันผลปี 52-53 ในอัตราหุ้นละ 0.55 บาท(จ่ายปีละครั้ง)คิดเป็น Dividend yield 2.2%



เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ