โบรกฯแนะ"ซื้อ"TCAP ตัวเต็งชนะประมูลหุ้น SCIB ลุ้นรอบแรกกลาง ธ.ค.

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday December 8, 2009 14:39 —SMS: IQ ข่าวหุ้น

โบรกเกอร์แนะ"ซื้อ"หุ้น บมจ.ทุนธนชาติ(TCAP)ลุ้นเป็นตัวเต็งชนะประมูลซื้อหุ้นธนาคารนครหลวงไทย(SCIB)จากกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบชำระเงิน เนื่องจากฐานทุนของบริษัทได้เตรียมความพร้อมสำหรับเข้าลงทุนแล้ว และประเมินว่าหากควบรวมกันได้จะทำให้ TCAP ยกระดับขึ้นเป็นแบงก์อันดับ 5 จากปัจจุบันอยู่อันดับ 8

กองทุนฟื้นฟูฯ จะเริ่มเปิดประมูลการเสนอซื้อหุ้น SCIB จำนวน 47.6% ช่วงกลางเดือน ธ.ค.โดยตั้งเป้าจะขายหุ้นให้แล้วเสร็จในเดือน มี.ค.53 ทั้งนี้ TCAP ประกาศจะยื่นเสนอการประมูลในครั้งนี้

          โบรกเกอร์       คำแนะนำ       ราคาเป้าหมาย(บาท/หุ้น)
          บล.ไทยพาณิชย์       ซื้อ             31.50
          บล.บัวหลวง         ซื้อ             29.50
          บล.ทรีนิตี้           ซื้อ             28.00
          บล.กสิกรไทย        ซื้อ             25.00
          บล.กรุงศรีอยุธยา    เทรดดิ้ง          22.00

นายธนัท รังษีธนานนท์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.กรุงศรีอยุธยา กล่าวว่า ให้ราคาเป้าหมายหุ้น TCAP สำหรับปี 53 ในราคา 22 บาท ซึ่งยังไม่รวมเรื่องการชนะประมูลการเข้าซื้อธนาคารนครหลวงไทย(SCIB) คาดว่าจะได้เห็นข้อสรุปการซื้อขายหรือควบรวมในช่วงครึ่งหลังปี 53

โดยมองว่า TCAP มีโอกาสสูงที่จะชนะการประมูล และมีความพร้อม รวมทั้งเป็นธนาคารสัญชาติไทย หากควบรวมกันก็น่าจะไปด้วยกันได้ และเชื่อว่าจะมีแผนธุรกิจที่ทำให้ SCIB ดีขึ้นด้วย รวมถึงการดูแลพนักงานของ SCIB

"ผมมองเป็นเทรดดิ้ง สมมติถ้าเขาไม่ชนะราคาประมูล ผมก็ว่าเหมือนเดิม ก็ยังมีการซื้อขายที่ price per book 0.6 เท่า แต่ถ้าเขาขนะขึ้นมาก็มีนัย เพราะจะกระโดดจากแบงก์อันดับ 8 ขึ้นมาเป็นแบงก์อันดับ 5 ก็จะหมายถึงฐานกำไร ดังนั้น price per book อาจจะเทรดสูงกว่านี้ 1 เท่าหรือ 1 เท่ากว่า ซึ่งถ้าคิด 1 เท่าของ TCAP ณ วันนี้ ก็ 34 บาท ถ้ามองอย่างนี้ก็มีโอกาสปรับประมาณการหุ้นตัวนี้ขึ้นถ้าเขาชนะประมูล แต่ยังฟันธงไม่ได้" นายธนัท กล่าว

อย่างไรก็ตาม ก็ต้องติดตามดูว่าดีลจะจบเมื่อไร ราคาขายที่เท่าไร และได้กำไรเท่าไร แต่เชื่อว่าคนที่ถือหุ้น TCAP ก็ยังไม่กล้าขายออกมา เพราะยังมีโอกาส ซึ่ง TCAP เองก็มีลุ้นว่าจะประมูลได้เช่นกัน จึงไม่รีบร้อนที่จะขาย โดยยกแรกประมูลในกลางเดือนนี้ ก็มองเห็นเค้าลางว่ามีใครเข้ารอบ ที่เห็นตอนนี้ก็มี ICBC แบงก์ที่จะเป็นคู่แข่งสูสีกัน

ในตัวธุรกิจ ด้านสินเชื่อปีหน้าคาดว่าทรงตัว โดยในไตรมาส 4/52 คาดว่าขยับขึ้นได้จากสินเชื่อรถยนต์ และดีต่อเนื่องไปจนถึงไตรมาส 1/53 และสเปรดก็ยังอยู่ในเกณฑ์ที่ดี ขณะที่ NPL ยังคุมได้ดี ส่วนธุรกิจประกันชีวิตก็ขยายตัวดี ทั้งนี้ การดำเนินงานในปีหน้าก็ไม่มีอะไรหวือหวา โดยคาดว่าปี 53 จะมีกำไรประมาณ 3.1 พันล้านบาท จากปีนี้กำไรราว 4,800 ล้านบาท เพราะปีนี้มีกำไรพิเศษตอนต้นปีที่ขายหุ้นให้สโกเทียแบงก์

ด้าน น.ส.สิริณัฎฐา เตะชศิริวรรณ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิเคราะห์หลักทนรัพย์ บล.กสิกรไทย เชื่อว่า TCAP มีความพร้อมเข้าประมูล เพราะเตรียมตัวมากนาน หากประมูลได้ก็จะสามารถ synergy กลยุทธ์ที่ SCIB มีฐานลูกค้าองค์กรเอสเอ็มอี แต่หากประมูลไม่ได้ บริษัทจะได้กำไรจากที่ถือหุ้น SCIB ในปัจจุบัน 4.97%

สาเหตุที่แนะนำให้ลงทุน เพราะมองว่าราคาหุ้น TCAP ยังต่ำกว่า price per book ซึ่งอยู่ประมาณ 0.9 เท่า ขณะที่ธนาคารอื่น แทรดเฉลี่ยที่ 1.2-2 เท่า และบริษัทให้อัตราผลตอบแทนการจ่ายเงินปันผลดีประมาณ 5% ต่อปี

"เขาเตรียมการมาค่อนข้างนาน และก็เช้าถือหุ้น SCIB ด้วย คิดว่าความพร้อมรวมๆ TCAP ค่อนข้างพร้อม แต่ว่าเรื่องราคาเราไม่รู้ว่าจะมีใคร bid สู้ เพราะไม่รู้ว่าสุดท้ายจะมีใครให้ราคาสูง โดยรอบแรกว่าใครมีคุณสมบัติเข้าข่าย หรือมีใจสู้ในแง่ราคาขนาดไหน" น.ส.สิริณัฎฐา กล่าว

บทวิเคราะห์ของบล.ทรีนิตึ้ ยังคงคาดว่า TCAP จะเป็นผู้ชนะการประมูลหุ้น SCIB และก้าวขึ้นมาเป็นธนาคารอันดับที่ 5 และกลายเป็น universal bank ที่สามารถให้บริการหลากหลายให้กับลูกค้า โดยคู่แข่งสำคัญคือ ICBC แบงก์ที่ได้ประกาศเข้าซื้อ ACL จึงเชื่อว่า รมว.คลังต้องการที่จะให้ธนาคารของไทยเข้าไปซื้อกิจการ SCIB มากกว่า

อย่างไรก็ดี ดีลนี้มีธนาคารต่างประเทศสนใจ ได้แก่ ICBC, HSBC, Barclay, Maybank and Bank of Baroda

ส่วนบทวิเคราะห์ของ บล.บัวหลวง คาดว่าราคาเสนอซื้อหุ้น SCIB ไม่น่าจะต่ำกว่าค่า PBV เฉลี่ยของกลุ่มธนาคารที่ 1.4 เท่า ก่อนหน้านี้กระทรวงการคลังวางแผนจะขายหุ้น ACL ให้แก่ Industrial and Commercial Bank of China (ICBC) ที่ 1.4 เท่าของมูลค่าตามบัญชี(BV) นอกจากนี้ กองทุนฟื้นฟูฯ ขายหุ้นไทยธนาคารให้แก่ CIMB ที่ 2.9 เท่าของมูลค่าตามบัญชี ดังนั้น SCIB มีแนวโน้มจะขายได้ในช่วง PBV 1.4 และ 2.0 เท่า (ที่เป็นค่าเฉลี่ย PBV ของกลุ่มธนาคารในประเทศภูมิภาคนี้) ซึ่งคิดกลับเป็นราคาหุ้นในช่วง 28 ถึง 40 บาทต่อหุ้น เรามองว่าหากราคาเสนอซื้อเกิน PBV 2 เท่า TCAP อาจปฏิเสธดีลดังกล่าว


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ