บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ประกาศอันดับเครดิตให้แก่หุ้นกู้ไม่มีประกันชุดใหม่ในวงเงินไม่เกิน 2,000 ล้านบาทของ บริษัท ควอลิตี้ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) ที่ระดับ “A-” ในขณะเดียวกันก็คงอันดับเครดิตองค์กรและหุ้นกู้ไม่มีประกันชุดปัจจุบันของ บริษัทที่ระดับ “A-” เช่นกัน ทั้งนี้ หุ้นกู้ชุดใหม่ดังกล่าวใช้แทนหุ้นกู้ไม่มีประกันในวงเงินคงเหลือไม่เกิน 1,000 ล้านบาทของบริษัท ซึ่งมีการประกาศผลอันดับเครดิตไปเมื่อวันที่ 10 พฤษภาคม 2553 อันดับเครดิตสะท้อนถึงผลงานที่ยาวนานในธุรกิจพัฒนาอสังหาริม ทรัพย์ ตลอดจนสถานะที่แข็งแกร่งในตลาดบ้านจัดสรรระดับราคาปานกลางถึงสูง และรายได้ที่สม่ำเสมอจากหลากหลายแหล่งทั้งค่า เช่าเซอร์วิสอพาร์ทเมนท์และอาคารสำนักงาน การพิจารณาอันดับเครดิตยังคำนึงถึงความคล่องตัวทางการเงินจากการถือครอง เงินลงทุนในบริษัทร่วมด้วย อย่างไรก็ตาม จุดแข็งดังกล่าวถูกลดทอนบางส่วนจากความไม่แน่นอนทางการเมือง ลักษณะของธุรกิจ พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่เป็นวงจรขึ้นลง และการที่บริษัทมีอัตราส่วนเงินกู้ที่ค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกับผู้ประกอบการรายอื่น
แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” สะท้อนถึงการมีผลประกอบการที่ดีขึ้นของบริษัทจากความต้องการที่ อยู่อาศัยที่เพิ่มขึ้น ทริสเรทติ้งคาดว่าบริษัทจะยังคงรักษาความเป็นผู้นำในตลาดบ้านจัดสรรราคาสูงต่อไปได้ อีกทั้งจะรักษาสัดส่วน ของสินค้าที่อยู่อาศัยให้มีความสมดุลย์เพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงในความต้องการของลูกค้า โดยที่ภาระหนี้ของบริษัทยังเป็น ประเด็นที่ต้องระมัดระวัง ทั้งนี้ แผนการลงทุนเพื่อขยายโครงการไม่ควรส่งผลกระทบต่อความพยายามในการสร้างความแข็งแกร่ง ให้แก่งบดุลของบริษัท
ทริสเรทติ้งรายงานว่า บริษัทควอลิตี้ เฮ้าส์ เป็นหนึ่งในผู้นำในตลาดพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ของไทยซึ่งมีชื่อเสียงเป็นที่ ยอมรับในตลาดบ้านจัดสรรราคาปานกลางถึงสูง บริษัทก่อตั้งในปี 2526 โดย บริษัท แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) กลุ่มผู้ ถือหุ้นใหญ่ของบริษัท ณ สิ้นปี 2553 ประกอบด้วยบริษัทแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ร่วมกับตระกูลอัศวโภคิน (25%) และ The Government of Singapore Investment Corporation Pte. Ltd. (11%) ความได้เปรียบในการแข่งขันของบริษัทมา จากการมีสถานะที่แข็งแกร่งในตลาดที่อยู่อาศัยราคาสูง รวมถึงการมีแหล่งรายได้ที่แน่นอนจากอสังหาริมทรัพย์ให้เช่าที่มีคุณภาพซึ่ง ประกอบด้วยเซอร์วิสอพาร์ทเม้นท์ Centrepoint และอาคารสำนักงาน Q. House อีกทั้งยังมีโครงการบ้านจัดสรรราคา ปานกลาง Casa Ville และ Casa City ซึ่งเป็นที่รู้จักมากขึ้น บริษัทมียอดรับรู้รายได้จากโครงการบ้านจัดสรรและอาคารชุด ประมาณ 93% ของรายได้รวมในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2553 ในขณะที่รายได้ค่าเช่าจากโครงการอาคารสำนักงานและ เซอร์วิสอพาร์ทเมนท์มีประมาณ 7% ราคาขายที่อยู่อาศัยเฉลี่ยต่อหน่วยในโครงการทั้งหมดของบริษัทในปี 2553 อยู่ที่ระดับ 7-8 ล้านบาท ลดลงอย่างต่อเนื่องจากที่เคยสูงกว่า 10 ล้านบาทในปี 2549 ซึ่งแสดงให้เห็นถึงกลยุทธ์ที่เน้นกลุ่มลูกค้ารายได้ปานกลาง มากขึ้น ณ สิ้นเดือนกันยายน 2553 บริษัทมีที่ดินและโครงการระหว่างก่อสร้างในมือมูลค่าประมาณ 20,524 ล้านบาท
เมื่อเทียบกับคู่แข่งแล้ว ทริสเรทติ้งกล่าวว่าบริษัทควอลิตี้ เฮ้าส์ มีประเภทของสินทรัพย์ที่แตกต่างออกไป โดย 1 ใน 4 ของสินทรัพย์รวมเป็นอสังหาริมทรัพย์ให้เช่าและเป็นเงินลงทุนในบริษัทร่วม โดยอสังหาริมทรัพย์ให้เช่านอกจากจะสร้างราย ได้ที่สม่ำเสมอและเงินสดรับที่แน่นอนแล้ว ยังช่วยเสริมสภาพคล่องให้แก่บริษัทด้วยเนื่องจากบริษัทสามารถขายอสังหาริมทรัพย์ดัง กล่าวให้แก่กองทุนอสังหาริมทรัพย์ นอกจากนี้ เงินลงทุนในบริษัทร่วมจำนวน 3 แห่งซึ่ง 2 แห่งเป็นหลักทรัพย์ที่ซื้อขายในตลาดหลัก ทรัพย์แห่งประเทศไทย และอีก 1 แห่งอยู่ในแผนการจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์นั้นทำให้บริษัทมีรายได้จากเงินปันผลประมาณ 300-400 ล้านบาทต่อปีซึ่งเป็นแหล่งเงินทุนได้อีกทางหนึ่ง อีกทั้งยังช่วยเสริมสภาพคล่องให้แก่บริษัทในระยะยาวด้วย
บริษัทมีรายได้ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2553 จำนวน 10,039 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 20% จากช่วงเดียวกันของปี ก่อน อัตราส่วนกำไรจากการดำเนินงานก่อนค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายต่อยอดขายในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2553 อยู่ที่ 17.7% ลดลงจาก 20.3% ในปี 2552 ส่วนหนึ่งเนื่องมาจากมาตรการภาษีของภาครัฐที่สิ้นสุดลง บริษัทมีหนี้สิน ณ สิ้นเดือน กันยายน 2553 ทั้งสิ้น 15,216 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจาก 12,936 ล้านบาท ณ สิ้นปี 2552 ในช่วงเวลาเดียวกัน อัตราส่วนเงินกู้ รวมต่อโครงสร้างเงินทุนอยู่ที่ 54.2% เพิ่มขึ้นจาก 51.1% โดยอัตราส่วนที่สูงขึ้นดังกล่าวเป็นผลจากการซื้อที่ดินเพิ่ม ภาระหนี้ของ บริษัทน่าจะเพิ่มขึ้นอีกเล็กน้อยจากการซื้อที่ดินในช่วงหลังของปี 2553 จนถึงช่วงต้นปี 2554 และการลงทุนประมาณ 1.1 พันล้าน บาทใน บริษัท แอล เอช ไฟแนนซ์เชียล กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นในธนาคาร แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ เพื่อรายย่อย จำกัด (มหาชน) บริษัทมีสถานะสภาพคล่องและความยืดหยุ่นทางการเงินที่ได้รับแรงหนุนทั้งจากเงินสดในมือจำนวน 1,452 ล้าน บาทและจากวงเงินสินเชื่อระยะยาวที่ยังไม่ได้เบิกใช้อีก 3,814 ล้านบาท ณ สิ้นเดือนกันยายน 2553 รวมทั้งจากความสามารถ ในการระดมเงินในตลาดทุน
ภาวะตลาดที่อยู่อาศัยเริ่มฟื้นตัวในช่วงครึ่งหลังของปี 2552 และอยู่ในสภาวะทรงตัวตลอดปี 2553 อย่างไรก็ตาม ตลาดที่อยู่อาศัยในปี 2553 ได้รับผลกระทบบางส่วนจากความวุ่นวายทางการเมืองภายในประเทศในช่วงไตรมาสที่ 2 ของปีและ จากการสิ้นสุดมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจด้านภาษีของรัฐบาลในเดือนมิถุนายน 2553 ผู้ประกอบการรายใหญ่ยังคงมีส่วนแบ่งทาง การตลาดเพิ่มขึ้นต่อไปโดยเกือบทั้งหมดมีแผนการขยายธุรกิจเชิงรุกในช่วง 2-3 ปีข้างหน้า ดังนั้น ราคาที่ดินในทำเลที่เหมาะสม จึงมีแนวโน้มที่จะเพิ่มสูงขึ้น หลังจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจด้านภาษีของรัฐบาลสิ้นสุดลง ความต้องการที่อยู่อาศัยจะขึ้นอยู่กับ ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคและการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจเป็นอย่างมาก ทั้งนี้ คาดว่าการเปลี่ยนแปลงนโยบายอัตราส่วนเงินให้สินเชื่อ ต่อมูลค่าหลักประกัน (LTV Ratio) ที่ประกาศโดยธนาคารแห่งประเทศไทยและแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยขาขึ้นจะช่วยลดปัญหาการ ซื้ออสังหาริมทรัพย์เพื่อเก็งกำไรและส่งเสริมให้ธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เติบโตอย่างมีคุณภาพมากขึ้นจากปี 2554 เป็นต้นไป ทริ สเรทติ้งกล่าว -- จบ