ทริสเรทติ้งลดอันดับเครดิตองค์กร “บ. ทรัพย์ศรีไทย” เป็น “BBB-” จาก “BBB” ด้วยแนวโน้ม “Stable”

ข่าวทั่วไป Friday March 18, 2011 16:44 —ทริส เรตติ้ง

บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ประกาศปรับลดอันดับเครดิตองค์กรของ บริษัท ทรัพย์ศรีไทย จำกัด (มหาชน) เป็น

ระดับ “BBB-” จากเดิมที่ระดับ “BBB” ด้วยแนวโน้ม “Stable” หรือ “คงที่” โดยอันดับเครดิตสะท้อนถึงความเสี่ยงทางด้าน

ธุรกิจและการเงินที่จะเพิ่มขึ้นหลังจากบริษัทขยายการดำเนินงานสู่ธุรกิจถั่วเหลืองโดยการซื้อหุ้นของ บริษัท อุตสาหกรรมวิวัฒน์

จำกัด ทั้งนี้ ในการพิจารณาอันดับเครดิต ทริสเรทติ้งยังคำนึงถึงการมีประสบการณ์ที่ยาวนานของบริษัทในธุรกิจคลังสินค้า ตลอดจน

การมีรายได้ที่สม่ำเสมอจากธุรกิจคลังเอกสารด้วย

แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” สะท้อนถึงความคาดหมายของทริสเรทติ้งว่ารายได้ค่าบริการที่ค่อนข้าง

สม่ำเสมอจากธุรกิจคลังสินค้าและคลังเอกสารจะช่วยบรรเทาความผันผวนของรายได้จากธุรกิจถั่วเหลืองให้แก่บริษัท ทั้งนี้ ความ

ต้องการกากถั่วเหลืองและน้ำมันถั่วเหลืองที่เพิ่มขึ้นและตราสินค้า “ทิพ” ที่เป็นที่รู้จักจะช่วยสนับสนุนการขยายตัวของบริษัทในธุรกิจ

นี้

ทริสเรทติ้งรายงานว่า บริษัททรัพย์ศรีไทยเป็นหนึ่งในผู้นำในธุรกิจคลังสินค้าและคลังเอกสารซึ่งก่อตั้งในปี 2519 และจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยในปี 2530 เริ่มแรกบริษัทได้รับอนุญาตจากกระทรวงพาณิชย์ในการดำเนินธุรกิจ คลังสินค้าและท่าเรือที่จังหวัดสมุทรปราการ ต่อมาในปี 2538 ได้ขยายกิจการสู่ธุรกิจคลังเอกสาร ปัจจุบันบริษัทเป็นเจ้าของคลัง สินค้าและคลังเอกสารรวม 51 หลัง และมีท่าเทียบเรือ 2 ท่า มีพื้นที่เก็บสินค้าทั้งสิ้น 81,769 ตารางเมตร (ตร.ม.) บริษัทใช้ พื้นที่ประมาณ 25% ของพื้นที่ทั้งหมดในการจัดเก็บเอกสาร ส่วนที่เหลือ 75% ใช้จัดเก็บสินค้า ในปี 2553 รายได้และกำไรจาก ธุรกิจคลังเอกสารคิดเป็นสัดส่วน 60% ของรายได้รวมและกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย ในขณะ ที่รายได้และกำไรจากธุรกิจคลังสินค้าคิดเป็นสัดส่วน 40% รายได้รวมในธุรกิจคลังสินค้าและคลังเอกสารของบริษัทในระยะ 3 ปีที่ ผ่านมาเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยอยู่ที่ระดับ 202 ล้านบาทในปี 2553 จาก 138 ล้านบาทในปี 2549 ธุรกิจคลังเอกสารเป็น ธุรกิจหลักที่ขับเคลื่อนการเติบโตของบริษัท โดยในระหว่างปี 2549-2553 บริษัทมีปริมาณกล่องเอกสารรับฝากเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 10% ต่อปี เพิ่มขึ้นจากลูกค้าเก่า 70%-80% และจากลูกค้าใหม่ 20%-30% สำหรับธุรกิจคลังสินค้านั้น รายได้ค่อนข้างทรงตัวโดยอยู่ที่ ระดับ 79 ล้านบาทในปี 2553

ทริสเรทติ้งกล่าวว่า ในเดือนกุมภาพันธ์ 2553 บริษัททรัพย์ศรีไทยประกาศจะซื้อหุ้น 99.7% ของจำนวนหุ้นทั้งหมด ของบริษัทอุตสาหกรรมวิวัฒน์ซึ่งเป็นผู้ผลิตและจำหน่ายน้ำมันพืชภายใต้เครื่องหมายการค้า “ทิพ” โดยใช้เงินลงทุน 200 ล้านบาท ปัจจุบัน บริษัทอุตสาหกรรมวิวัฒน์อยู่ระหว่างการทำแผนฟื้นฟูกิจการภายใต้การดูแลของศาลล้มละลายกลาง คาดว่าแผนฟื้นฟูจะได้รับ อนุมัติจากศาลภายในเดือนเมษายน 2554 และบริษัททรัพย์ศรีไทยจะเป็นผู้ถือหุ้นเพียงรายเดียวของบริษัทอุตสาหกรรมวิวัฒน์ตาม แผนการฟื้นฟูกิจการ หลังจากการซื้อกิจการดังกล่าวและรวมกิจการกับบริษัทเสร็จสมบูรณ์แล้ว โครงสร้างธุรกิจของบริษัทจะเปลี่ยน ไปอย่างมีนัยสำคัญ โดยบริษัทมีแผนจะผลิตกากถั่วเหลืองและน้ำมันถั่วเหลืองรวม 80,000-100,000 ตันต่อปี และคาดว่ารายได้ จากการขายผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับถั่วเหลืองจะสูงถึง 80%-90% ของรายได้รวมของบริษัท คิดเป็น 50%-60% ของกำไรก่อนดอกเบี้ย จ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา ค่าตัดจำหน่ายและดอกเบี้ยจ่าย โดยรายได้จากน้ำมันถั่วเหลืองจะคิดเป็นสัดส่วน 30%-40% ของรายได้ รวมในธุรกิจถั่วเหลือง ส่วนที่เหลือจะมาจากรายได้การขายกากถั่วเหลือง เนื่องจากถั่วเหลืองเป็นทั้งพืชพลังงานและสินค้า โภคภัณฑ์ ราคาจึงผันผวนตามธรรมชาติโดยเคลื่อนไหวตามราคาน้ำมันเชื้อเพลิง รวมถึงอุปสงค์และอุปทานของถั่วเหลือง ทั้งนี้ ราคาขายปลีกน้ำมันถั่วเหลืองจะถูกควบคุมโดยกรมการค้าภายใน ส่วนกากถั่วเหลืองที่ผลิตในประเทศจะต้องแข่งขันกับกากถั่ว เหลืองที่นำเข้าจากประเทศผู้ผลิตรายใหญ่ระดับสากล เช่น ประเทศบราซิลและอาร์เจนติน่า จากกลไกตลาดในลักษณะดังกล่าว การปรับราคาขายเพื่อสะท้อนต้นทุนเมล็ดถั่วเหลืองที่ผันผวนจึงเป็นสิ่งที่ค่อนข้างท้าทาย ทั้งนี้ การพิจารณาความเสี่ยงทางธุรกิจของ บริษัทยังรวมถึงประสบการณ์ในธุรกิจถั่วเหลืองที่บริษัทมีค่อนข้างจำกัดด้วย

ในปี 2553 บริษัทเริ่มมีรายได้จากการขายน้ำมันถั่วเหลืองตั้งแต่ไตรมาสที่ 2 หลังจากซื้อตราสินค้าและเครื่องหมาย การค้า “ทิพ” จากบริษัทอุตสาหกรรมวิวัฒน์ รายได้รวมของบริษัทในปี 2553 จึงเพิ่มขึ้น 40% เป็น 273 ล้านบาท โดยแบ่งเป็น รายได้จากธุรกิจคลังสินค้าและคลังเอกสาร 202 ล้านบาทและจากการขายน้ำมันถั่วเหลือง 71 ล้านบาท ในปี 2553 ความ สามารถในการทำกำไรของธุรกิจคลังสินค้าและคลังเอกสารยังคงแข็งแกร่ง โดยอัตราส่วนกำไรจากการดำเนินงานก่อนค่าเสื่อม ราคาและค่าตัดจำหน่ายอยู่ในระดับ 58.7% อย่างไรก็ตาม อัตรากำไรของธุรกิจน้ำมันถั่วเหลืองที่อยู่ในระดับต่ำส่งผลให้อัตรา กำไรจากการดำเนินงานเฉลี่ยของบริษัทปรับตัวลดลงเป็น 39.0% ในปี 2553 จาก 62.4% ในปี 2552

ณ สิ้นเดือนธันวาคม 2553 บริษัทมีเงินกู้รวม 572 ล้านบาท และอัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนอยู่ที่ระดับ

33.0% อย่างไรก็ตาม คาดว่าโครงสร้างเงินทุนของบริษัทจะอ่อนแอลงหลังรวมงบการเงินกับบริษัทอุตสาหกรรมวิวัฒน์ในครึ่งหลัง

ของปี 2554 โดยเงินกู้รวมของบริษัทจะเพิ่มขึ้นอย่างมากเมื่อรวมเงินกู้ของบริษัทอุตสาหกรรมวิวัฒน์จำนวน 600-700 ล้านบาท

บริษัทจะใช้แหล่งเงินทุนจากการขายคลังเอกสารจำนวน 9 หลังให้แก่กองทุนอสังหาริมทรัพย์ที่จัดตั้งขึ้นใหม่เพื่อลงทุนในบริษัท

อุตสาหกรรมวิวัฒน์ ทั้งนี้ คาดว่าบริษัทจะได้รับเงินจำนวน 675 ล้านบาทจากการขายทรัพย์สินดังกล่าว บริษัทมีแผนจะถือหุ้น 1

ใน 3 ของกองทุนอสังหาริมทรัพย์และจะทำสัญญาเช่าคลังเอกสารและสินค้าจากกองทุนอสังหาริมทรัพย์เป็นระยะเวลา 10 ปี คาด

ว่าอัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนหลังการรวมบริษัทอุตสาหกรรมวิวัฒน์และสัญญาเช่าระยะยาวจะเพิ่มขึ้นสูงกว่า 50%

จากสิ้นปี 2553 ซึ่งอยู่ที่ระดับ 33% นอกจากนี้ ความสามารถในการชำระหนี้ของบริษัทโดยรวมจะลดลงเนื่องจากอัตรากำไรของ

ธุรกิจถั่วเหลืองอยู่ในระดับต่ำ ผนวกกับภาระหนี้ที่เพิ่มสูงขึ้น ทริสเรทติ้งกล่าว — จบ

บริษัท ทรัพย์ศรีไทย จำกัด (มหาชน) (SST)
อันดับเครดิตองค์กร: ลดลงเป็น BBB- จาก BBB
แนวโน้มอันดับเครดิต: Stable (คงที่)
? บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2554  ห้ามมิให้บุคคลใด ใช้ เปิดเผย ทำสำเนาเผยแพร่ แจกจ่าย หรือเก็บ
ไว้เพื่อใช้ในภายหลังเพื่อประโยชน์ใดๆ ซึ่งรายงานหรือข้อมูลการจัดอันดับเครดิต  ไม่ว่าทั้งหมดหรือแต่เพียงบางส่วน และไม่ว่า
ในรูปแบบ หรือลักษณะใดๆ หรือด้วยวิธีการใดๆ โดยมิได้รับอนุญาต การจัดอันดับเครดิตนี้มิใช่คำแถลงข้อเท็จจริง หรือคำเสนอ
แนะให้ซื้อ ขาย หรือถือตราสารหนี้ใดๆ แต่เป็นเพียงความเห็นเกี่ยวกับความเสี่ยงหรือความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้นั้นๆ หรือ
ของบริษัทนั้นๆ โดยเฉพาะ ความเห็นที่ระบุในการจัดอันดับเครดิตนี้มิได้เป็นคำแนะนำเกี่ยวกับการลงทุน หรือคำแนะนำในลักษณะ
อื่นใด การจัดอันดับและข้อมูลที่ปรากฏในรายงานใดๆ ที่จัดทำ หรือพิมพ์เผยแพร่โดย บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้จัดทำขึ้นโดยมิ
ได้คำนึงถึงความต้องการด้านการเงิน พฤติการณ์ ความรู้ และวัตถุประสงค์ของผู้รับข้อมูลรายใดรายหนึ่ง ดังนั้น ผู้รับข้อมูลควร
ประเมินความเหมาะสมของข้อมูลดังกล่าวก่อนตัดสินใจลงทุน บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้รับข้อมูลที่ใช้สำหรับการจัดอันดับเครดิต
นี้จากบริษัทและแหล่งข้อมูลอื่นๆ ที่เชื่อว่าเชื่อถือได้ ดังนั้น บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด จึงไม่รับประกันความถูกต้อง ความเพียงพอ
หรือความครบถ้วนสมบูรณ์ของข้อมูลใดๆ ดังกล่าว และจะไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสีย หรือความเสียหายใดๆ อันเกิดจากความไม่
ถูกต้อง ความไม่เพียงพอ หรือความไม่ครบถ้วนสมบูรณ์นั้น และจะไม่รับผิดชอบต่อข้อผิดพลาด หรือการละเว้นผลที่ได้รับหรือการ
กระทำใดๆ โดยอาศัยข้อมูลดังกล่าว ทั้งนี้ รายละเอียดของวิธีการจัดอันดับเครดิตของ บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เผยแพร่อยู่บน
Website: http://www.trisrating.com/th/rating_information/rating_criteria.html

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ