บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ประกาศทบทวนอันดับเครดิตองค์กรและหุ้นกู้ไม่มีประกันของ บริษัท ทางยกระดับดอนเมือง จำกัด (มหาชน) โดยคงอยู่ที่ระดับ “A-” ด้วยแนวโน้ม “Stable” หรือ “คงที่” อันดับเครดิตสะท้อนฐานะการเงินของบริษัทที่ปรับตัวดีขึ้นหลังจากการปรับปรุงเงื่อนไขสัญญาสัมปทานครั้งที่ 3 โดยมีการขยายอายุสัมปทานออกไปและมีการกำหนดขั้นตอนและโครงสร้างการปรับราคาค่าผ่านทางที่ชัดเจน นอกจากนี้ อันดับเครดิตดังกล่าวยังมีปัจจัยสนับสนุนจากผลงานที่มีมาอย่างยาวนาน การมีทำเลที่ตั้งของทางด่วนที่อยู่ในจุดสำคัญ และผู้บริหารที่มีประสบการณ์ อย่างไรก็ตาม จุดแข็งดังกล่าวถูกลดทอนบางส่วนจากความผันผวนของปริมาณจราจรที่เป็นมาตั้งแต่ในอดีตเนื่องจากทางด่วนของบริษัทเป็นทางด่วนเดี่ยวที่ต้องแข่งขันโดยตรงกับถนนปกติ ประกอบกับความไม่แน่นอนด้านนโยบายการจราจรของภาครัฐ และการที่บริษัทมีสัดส่วนเงินกู้อยู่ในระดับสูง ในขณะที่แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” สะท้อนถึงการคาดการณ์ว่าปริมาณจราจรบนทางด่วนของบริษัทจะไม่ต่ำไปกว่าปริมาณในปัจจุบันอย่างมีนัยสำคัญไปจนตลอดอายุของสัมปทาน นอกจากนี้ การจ่ายเงินปันผลและการลงทุนในอนาคตควรได้รับการพิจารณาอย่างรอบคอบเพื่อมิให้เกิดผลกระทบต่อฐานะการเงินของบริษัท
ทริสเรทติ้งรายงานว่า บริษัททางยกระดับดอนเมืองเป็นผู้ก่อสร้างและให้บริการทางด่วนยกระดับระยะทาง 21 กิโลเมตรซึ่งเป็นเส้นทางจากดินแดงถึงอนุสรณ์สถานภายใต้สัญญาสัมปทานในระบบ BTO (Build-Transfer-Operate) อายุ 25 ปีโดยได้รับอนุมัติจากกรมทางหลวง ทางด่วนของบริษัทเป็นทางยกระดับ 6 ช่องการจราจรเหนือถนนวิภาวดีรังสิตซึ่งประกอบด้วยโครงการ 3 ส่วน ได้แก่ โครงการส่วนเริ่มต้น (ดินแดง-ดอนเมือง) โครงการส่วนต่อขยายด้านทิศเหนือ (ดอนเมือง-อนุสรณ์สถาน) และโครงการส่วนต่อขยายด้านรังสิต (อนุสรณ์สถาน-รังสิต) โดยบริษัทได้รับสัมปทานในการให้บริการสำหรับ 2 โครงการแรก ส่วนโครงการส่วนต่อขยายด้านรังสิตซึ่งได้รับการยกเว้นค่าผ่านทางนั้นให้บริการโดยกรมทางหลวง ระบบทางด่วนดังกล่าวช่วยลดปัญหาการจราจรที่แออัดบนถนนวิภาวดีรังสิตซึ่งเป็นเส้นทางหลักที่เชื่อมระหว่างใจกลางกรุงเทพฯ กับท่าอากาศยานนานาชาติกรุงเทพ (ท่าอากาศยานดอนเมือง) และจังหวัดอื่น ๆ ในเขตภาคกลางและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
ทริสเรทติ้งกล่าวว่า นับตั้งแต่เริ่มให้บริการในช่วงปลายปี 2537 บริษัททางยกระดับดอนเมืองเผชิญกับความเสี่ยงจากหลายเหตุการณ์ เช่น วิกฤตการณ์การเงินในปี 2540 การขยายและเพิ่มช่องจราจรบนถนนวิภาวดีรังสิตและการก่อสร้างถนนสายย่อย (Local Road) ในปี 2541 การเปิดให้บริการทางพิเศษอุดรรัถยา (บางปะอิน-ปากเกร็ด) ในปี 2542 และการย้ายท่าอากาศยานดอนเมืองในปี 2549 นอกจากนี้ การปรับอัตราค่าผ่านทางยังเป็นปัจจัยสำคัญที่กระทบต่อปริมาณจราจรโดยตรง โดยในปี 2553 ปริมาณจราจรลดลง 29% เนื่องการปรับเพิ่มอัตราค่าผ่านทางถึง 55% ในเดือนธันวาคม 2552 อย่างไรก็ตามในช่วงครึ่งแรกของปี 2554 ปริมาณจราจรกลับเพิ่มขึ้นอย่างมากถึง 17% สู่ระดับเฉลี่ยที่จำนวนรถยนต์ 62,252 คันต่อวันตามการฟื้นตัวของภาวะเศรษฐกิจ
ทริสเรทติ้งยังกล่าวด้วยว่า แม้ว่าจราจรบนทางด่วนของบริษัททางยกระดับดอนเมืองจะมีความผันผวน แต่บริษัทก็ได้รับประโยชน์จากการมีสัญญาสัมปทานที่เอื้ออำนวย โดยสัญญาสัมปทานกำหนดให้กรมทางหลวงทำการเจรจากับบริษัทเพื่อเยียวยาผลกระทบด้านลบที่มีต่อฐานะการเงินของบริษัทอันเกิดจากเหตุการณ์ต่าง ๆ ได้แก่ เหตุสุดวิสัย หรือการกระทำหรือการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ของส่วนราชการที่ส่งผลให้ปริมาณจราจรบนทางด่วนลดลง เป็นต้น บริษัทมีการปรับปรุงเงื่อนไขในสัญญาสัมปทานถึง 3 ครั้ง การปรับปรุงล่าสุดกระทำในปี 2550 โดยบริษัทได้รับการขยายอายุสัญญาสัมปทานเพิ่มต่อไปอีก 27 ปีเริ่มจากเดือนกันยายน 2550 และได้รับการอนุมัติในเบื้องต้นในการกำหนดการปรับราคาค่าผ่านทางตลอดอายุสัญญาสัมปทาน ดังนั้น บริษัทจึงสามารถเพิ่มอัตราค่าผ่านทางได้โดยอัตโนมัติหลังจากแจ้งกรมทางหลวงล่วงหน้า 30 วัน นอกจากนี้ บริษัทยังได้รับการยกเลิกส่วนแบ่งรายได้ที่จะต้องส่งให้แก่กรมทางหลวงในช่วง 4 ปีสุดท้ายของสัญญาด้วย
ฐานะการเงินของบริษัทปรับตัวดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญหลังจากการปรับปรุงเงื่อนไขสัญญาสัมปทานในครั้งที่ 3 แม้ว่าการปรับขึ้นอัตราค่าผ่านทางจะส่งผลให้ปริมาณจราจรปรับตัวลดลง แต่รายได้ก็ยังปรับตัวเพิ่มขึ้นเนื่องจากอัตราค่าผ่านทางที่เพิ่มขึ้นนั้นสูงกว่าปริมาณจราจรที่ปรับตัวลดลง โดยรายได้ของบริษัทเพิ่มขึ้นจาก 1,366 ล้านบาทในปี 2552 สู่ระดับ 1,510 ล้านบาทในปี 2553 ในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2554 รายได้ของบริษัทเพิ่มขึ้น 16% สู่ระดับ 809 ล้านบาทอันเป็นผลมาจากปริมาณจราจรที่เพิ่มขึ้น อัตราส่วนกำไรจากการดำเนินงานก่อนค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายต่อรายได้จากการขายในช่วง 5 ปีที่ผ่านมาอยู่ในระดับ 74%-81%โครงสร้างเงินทุนและกระแสเงินสดของบริษัทก็ปรับตัวดีขึ้น โดยอัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนปรับตัวดีขึ้นจาก 55.7% ในปี 2552 เป็น 54.9% ในปี 2553 และอยู่ที่ระดับ 53.7% ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2554 อัตราส่วนกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่ายต่อดอกเบี้ยจ่ายปรับตัวลดลงเล็กน้อยจาก 3.4 เท่าในปี 2552 เป็น 3.2 เท่าในปี 2553 และปรับตัวเพิ่มขึ้นเป็น 3.8 เท่าในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2554 บริษัทยังได้ลดความเสี่ยงจากความผันผวนของอัตราดอกเบี้ยโดยการออกหุ้นกู้ที่มีอัตราดอกเบี้ยคงที่แทนเงินกู้ยีมที่มีอัตราดอกเบี้ยลอยตัวในช่วงปลายปี 2553 ในขณะที่อัตราส่วนเงินทุนจากการดำเนินงานต่อเงินกู้รวมอยู่ที่ระดับประมาณ 8.1% ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา และอยู่ที่ระดับ 5.5% (ยังไม่ได้ปรับอัตราส่วนให้เป็นตัวเลขเต็มปี) สำหรับช่วง 6 เดือนแรกของปี 2554
ทริสเรทติ้งคาดว่าในระยะปานกลางปริมาณจราจรบนทางด่วนของบริษัททางยกระดับดอนเมืองจะยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจากปัจจัยต่าง ๆ อาทิ การฟื้นตัวของภาวะเศรษฐกิจ การเพิ่มขึ้นของที่อยู่อาศัยในบริเวณทิศเหนือของกรุงเทพฯ และการจราจรที่ติดขัดบนถนนวิภาวดีรังสิต ทั้งนี้ คาดว่าผลประกอบการของบริษัทจะปรับตัวดีขึ้นตามการฟื้นตัวของปริมาณจราจร รวมทั้งตามการปรับอัตราค่าผ่านทาง และความสามารถของคณะผู้บริหารในการควบคุมต้นทุนการดำเนินงานให้มีประสิทธิภาพ อย่างไรก็ตาม บริษัทก็เผชิญกับความเสี่ยงจากการขาดความร่วมมือที่จริงจังจากหน่วยงานภาครัฐที่รับผิดชอบในด้านการวางแผนและก่อสร้างสาธารณูปโภคถนน — จบ