ทริสเรทติ้งคงอันดับเครดิตองค์กร & หุ้นกู้ไม่มีประกัน และจัดอันดับหุ้นกู้ไม่มีประกันวงเงินไม่เกิน 3,000 ล้านบาทและมูลค่า 2,000 ล้านบาท “บ. การบินไทย” ที่ระดับ “A+/Stable”

ข่าวทั่วไป Wednesday February 1, 2012 13:02 —ทริส เรตติ้ง

บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ประกาศคงอันดับเครดิตองค์กรของ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) และหุ้นกู้ไม่มี ประกันชุดปัจจุบันของบริษัทที่ระดับ “A+” ในขณะเดียวกันยังจัดอันดับเครดิตหุ้นกู้ไม่มีประกันชุดใหม่ในวงเงินไม่เกิน 3,000 ล้าน บาทและหุ้นกู้มูลค่า 2,000 ล้านบาท (THAI16DA) ของบริษัทที่ระดับ “A+” เช่นกัน โดยแนวโน้มอันดับเครดิตยัง คง “Stable” หรือ “คงที่” อันดับเครดิตสะท้อนถึงสถานะความเป็นผู้นำในธุรกิจการบินระหว่างประเทศในเส้นทางที่บินเข้าและ ออกจากประเทศไทยและการได้รับประโยชน์จากการเป็นสมาชิก Star Alliance ซึ่งเป็นเครือข่ายพันธมิตรสายการบินที่ใหญ่ที่ สุด อย่างไรก็ตาม ความแข็งแกร่งดังกล่าวถูกลดทอนบางส่วนจากการมีภาระหนี้ที่ค่อนข้างสูงและความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นจากราคา น้ำมันเชื้อเพลิงที่ผันผวน รวมถึงความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน และเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่กระทบต่อธุรกิจสายการบิน เช่น โรคระ บาด ภัยพิบัติทางธรรมชาติ และความไม่สงบทางการเมือง รวมถึงการแข่งขันที่รุนแรงทั้งจากสายการบินทั่วไปและสายการบินต้น ทุนต่ำที่จะกดดันอัตรารายได้ต่อผู้โดยสาร-กิโลเมตรของบริษัทอย่างต่อเนื่องทั้งในระยะสั้นและระยะปานกลาง ส่วนแนวโน้มอันดับ เครดิต “Stable” หรือ “คงที่” สะท้อนถึงความคาดหมายว่าบริษัทการบินไทยจะยังคงสามารถรักษาสถานะผู้นำในธุรกิจการบิน ระหว่างประเทศที่มีประเทศไทยเป็นจุดเริ่มต้นเอาไว้ได้ โดยอันดับเครดิตยังอยู่บนพื้นฐานการคาดการณ์ว่าบริษัทจะยังคงได้รับ ประโยชน์จากการมีรัฐบาลเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ต่อไป ดังนั้น การแปรรูปกิจการของบริษัทอาจส่งผลให้อันดับเครดิตของบริษัทถูกปรับ ลดลงได้ในระดับหนึ่ง นอกจากนี้ ความสามารถในการทำทำไรโดยการลดค่าใช้จ่ายด้านการดำเนินงานและด้านเชื้อเพลิงจะเป็น ปัจจัยสำคัญในการรักษาคุณภาพอันดับเครดิตของบริษัทเอาไว้โดยเฉพาะในช่วงที่บริษัทต้องมีการลงทุนอย่างมาก

ทริสเรทติ้งกล่าวว่า อันดับเครดิตของบริษัทการบินไทยได้รับการปรับเพิ่มขึ้นจากอันดับเครดิตเฉพาะของบริษัทซึ่ง สะท้อนถึงการสนับสนุนจากภาครัฐในฐานะที่เป็นรัฐวิสาหกิจและสายการบินแห่งชาติ ดังนั้น อันดับเครดิตจะได้รับการปรับลดลงหาก รัฐบาลลดสัดส่วนการถือหุ้นลงเหลือต่ำกว่า 50% ปัจจุบันกระทรวงการคลังเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของบริษัทในสัดส่วน 51% นอกจากนี้ ยัง มีธนาคารออมสินซึ่งเป็นธนาคารของรัฐบาลไทยเป็นผู้ถือหุ้นในสัดส่วน 2.4% ด้วย ในขณะที่หุ้นของบริษัทในสัดส่วน 15.1% ที่ถือ โดยกองทุนวายุภักษ์นั้นจัดเป็นการถือหุ้นโดยผู้ลงทุนภาคเอกชนแม้กองทุนวายุภักษ์จะได้รับการจัดตั้งโดยกระทรวงการคลังเพื่อลงทุน ในรัฐวิสาหกิจที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ก็ตาม

ทริสเรทติ้งรายงานว่า บริษัทการบินไทยเป็นหนึ่งในสายการบินที่ใหญ่ที่สุดในทวีปเอเซียในปัจจุบัน โดย ณ เดือน มีนาคม 2554 บริษัทให้บริการเส้นทางการบินระหว่างประเทศ ณ สนามบินปลายทาง 62 แห่งทั่วโลก ด้วยเที่ยวบินจำนวน 589 เที่ยวต่อสัปดาห์ บริษัทมีปริมาณที่นั่งในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2554 เพิ่มขึ้น 4.9% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนเนื่อง จากบริษัทเพิ่มเครื่องบินใหม่อีกจำนวน 6 ลำ บริษัทมีสถานะทางการตลาดที่แข็งแกร่งในเส้นทางการบินระหว่างประเทศ โดยใน ปี 2553 มีส่วนแบ่งทางการตลาดประมาณ 36.5% ของจำนวนเที่ยวบินระหว่างประเทศที่ใช้บริการ ณ ท่าอากาศยานนานาชาติ ต่าง ๆ ของไทย

สำหรับการบินภายในประเทศนั้น ปริมาณการจราจรทางอากาศโดยรวมเพิ่มขึ้นอย่างมากหลังจากที่สายการบินต้นทุน ต่ำเริ่มให้บริการในปี 2546 ทำให้จำนวนผู้โดยสารทั้งระบบเพิ่มขึ้นจาก 7.2 ล้านคนในปี 2546 มาอยู่ที่ 13.3 ล้านคนในปี 2553 กระนั้นส่วนแบ่งทางการตลาดของบริษัทก็ลดลงจาก 85% ในปี 2546 เหลือ 40% ในปี 2553 ธุรกิจการบินภายในประเทศ สร้างรายได้ให้แก่บริษัทเพียง 9% ของรายได้รวม การมีต้นทุนดำเนินงานที่ค่อนข้างสูงกว่าสายการบินต้นทุนต่ำทำ

ให้บริษัทต้องกำหนดกลยุทธ์ที่จะเพิ่มกำไรโดยการลดจำนวนเที่ยวบินภายในประเทศที่มีผลประกอบการขาดทุนและเปิด โอกาสให้สายการบินราคาประหยัดที่เป็นพันธมิตรของบริษัทคือ “นกแอร์” เป็นผู้ให้บริการแทน นอกจากนี้ บริษัทยังได้จัดตั้งหน่วย ธุรกิจใหม่ขึ้นมาเพื่อให้บริการสายการบินระดับกลางภายใต้ชื่อ “ไทยสไมล์” ซึ่งเน้นให้บริการแก่กลุ่มลูกค้ารายได้ปานกลาง โดย ไทยสไมล์จะเป็นเครื่องมือที่ใช้ในการแข่งขันเพื่อเพิ่มสัดส่วนทางการตลาดจากสายการบินต้นทุนต่ำอื่น ๆ ทั้งในเส้นทางการบินภาย ในประเทศและในภูมิภาคเอเชีย ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2554 บริษัทมีอัตราส่วนการบรรทุกผู้โดยสารลดลงสู่ระดับ 72.2% จาก 73.6% ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2553 นอกจากนี้ อัตราส่วนการขนส่งพัสดุภัณฑ์ก็ลดลงจากระดับ 69.6% ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2553 สู่ระดับ 66.5% ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2554

ในปี 2554 ผลการดำเนินงานของบริษัทปรับตัวลดลงเนื่องจากราคาน้ำมันเครื่องบินที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างมาก ประกอบกับการแข่งขันที่รุนแรงซึ่งมีผลจำกัดการปรับเพิ่มค่าชดเชยน้ำมัน อัตราส่วนกำไรจากการดำเนินงานก่อนค่าเสื่อมราคาและ ค่าตัดจำหน่ายต่อรายได้ของบริษัทลดลงจาก 17.2% ในปี 2553 เป็น 11.5% ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2554 อัตราส่วนกำไร จากการดำเนินงานก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่ายต่อดอกเบี้ยจ่ายปรับตัวลดลงจาก 6.2 เท่าในปี 2553 เป็น 4.2 เท่าในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2554 และอัตราส่วนเงินทุนจากการดำเนินงานต่อเงินกู้รวมก็ปรับตัวลดลงจาก 19.1% ในปี 2553 เป็น 10.3% (ยังไม่ปรับอัตราส่วนให้เป็นตัวเลขเต็มปี) ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2554 อัตราส่วนเงินกู้ รวมต่อโครงสร้างเงินทุนของบริษัทปรับเพิ่มขึ้นเล็กน้อยจาก 66.1% ในปี 2553 สู่ระดับ 67.6% ณ สิ้นเดือนกันยายน 2554 ทั้ง นี้ คาดว่าภาระหนี้ของบริษัทจะเพิ่มขึ้นและคงอยู่ในระดับสูงต่อไปในระยะปานกลางเนื่องจากบริษัทมีภาระลงทุนค่อนข้างสูงอันเกิด จากการจัดหาเครื่องบินใหม่ อย่างไรก็ตาม บริษัทจะได้ประโยชน์จากการจัดหาเครื่องบินใหม่ในแง่ประสิทธิภาพการบินที่เพิ่มขึ้น ปริมาณการใช้น้ำมันที่ต่ำลง และค่าใช้จ่ายในการซ่อมบำรุงที่ลดลง ทริสเรทติ้งกล่าว — จบ

บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) (THAI)
อันดับเครดิตองค์กร:                                         คงเดิมที่ A+
อันดับเครดิตตราสารหนี้:
THAI12NA: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 4,500 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2555     	คงเดิมที่ A+
THAI13OA: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 2,556.79 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2556  	คงเดิมที่ A+
THAI14OA: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 3,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2557   	คงเดิมที่ A+
THAI155A: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 3,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2558   	คงเดิมที่ A+
THAI165A: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 2,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2559   	คงเดิมที่ A+
THAI185A: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 1,555 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2561  	คงเดิมที่ A+
THAI185B: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 1,445 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2561 	คงเดิมที่ A+
THAI215A: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 833 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2564   	คงเดิมที่ A+
THAI215B: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 2,167 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2564   	คงเดิมที่ A+
THAI16DA: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 2,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2559
A+
หุ้นกู้ไม่มีประกันในวงเงินไม่เกิน 3,000 ล้านบาท ไถ่ถอนภายในปี 2565              A+
แนวโน้มอันดับเครดิต:	Stable (คงที่)
บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด/ www.trisrating.com
ติดต่อ rapee@tris.co.th  โทร. 0-2231-3011 ต่อ 500 อาคารสีลมคอมเพล็กซ์ ชั้น 24 191 ถ. สีลม กรุงเทพฯ
10500
บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2555  ห้ามมิให้บุคคลใด ใช้ เปิดเผย ทำสำเนาเผยแพร่ แจกจ่าย หรือเก็บไว้
เพื่อใช้ในภายหลังเพื่อประโยชน์ใดๆ ซึ่งรายงานหรือข้อมูลการจัดอันดับเครดิต ไม่ว่าทั้งหมดหรือแต่เพียงบางส่วน และไม่ว่าในรูป
แบบ หรือลักษณะใดๆ หรือด้วยวิธีการใดๆ โดยมิได้รับอนุญาต การจัดอันดับเครดิตนี้มิใช่คำแถลงข้อเท็จจริง หรือคำเสนอแนะให้
ซื้อ ขาย หรือถือตราสารหนี้ใดๆ แต่เป็นเพียงความเห็นเกี่ยวกับความเสี่ยงหรือความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้นั้นๆ หรือของบริษัท
นั้นๆ โดยเฉพาะ ความเห็นที่ระบุในการจัดอันดับเครดิตนี้มิได้เป็นคำแนะนำเกี่ยวกับการลงทุน หรือคำแนะนำในลักษณะอื่นใด การ
จัดอันดับและข้อมูลที่ปรากฏในรายงานใดๆ ที่จัดทำ หรือพิมพ์เผยแพร่โดย บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้จัดทำขึ้นโดยมิได้คำนึงถึง
ความต้องการด้านการเงิน พฤติการณ์ ความรู้ และวัตถุประสงค์ของผู้รับข้อมูลรายใดรายหนึ่ง ดังนั้น ผู้รับข้อมูลควรประเมินความ
เหมาะสมของข้อมูลดังกล่าวก่อนตัดสินใจลงทุน บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้รับข้อมูลที่ใช้สำหรับการจัดอันดับเครดิตนี้จากบริษัท
และแหล่งข้อมูลอื่นๆ ที่เชื่อว่าเชื่อถือได้ ดังนั้น บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด จึงไม่รับประกันความถูกต้อง ความเพียงพอ หรือความ
ครบถ้วนสมบูรณ์ของข้อมูลใดๆ ดังกล่าว และจะไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสีย หรือความเสียหายใดๆ อันเกิดจากความไม่ถูกต้อง
ความไม่เพียงพอ หรือความไม่ครบถ้วนสมบูรณ์นั้น และจะไม่รับผิดชอบต่อข้อผิดพลาด หรือการละเว้นผลที่ได้รับหรือการกระทำใดๆ
โดยอาศัยข้อมูลดังกล่าว ทั้งนี้ รายละเอียดของวิธีการจัดอันดับเครดิตของ บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เผยแพร่อยู่บน Website:
http://www.trisrating.com/th/ratinginformation/rating_criteria.html







เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ