ทริสเรทติ้งจัดอันดับเครดิตหุ้นกู้ไม่มีประกันวงเงิน 500 ล้านบาท “บ. เอ็ม บี เค” ที่ระดับ “A/Stable”

ข่าวทั่วไป Friday August 3, 2012 16:46 —ทริส เรตติ้ง

บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ประกาศจัดอันดับเครดิตหุ้นกู้ไม่มีประกันวงเงิน 500 ล้านบาท (MBK227A) ของ บริษัท เอ็ม บี เค จำกัด (มหาชน) ที่ระดับ “A” พร้อมทั้งคงอันดับเครดิตองค์กรและตราสารหนี้ชุดปัจจุบันของบริษัทที่ระดับ “A” เช่นกัน โดยแนวโน้มยังคง “Stable” หรือ “คงที่” บริษัทจะนำเงินที่ได้รับจากการออกหุ้นกู้ชุดใหม่ไปใช้ชำระหนี้และลงทุนเพิ่ม อันดับเครดิตดังกล่าวสะท้อนถึงการมีกระแสเงินสดที่แน่นอนจากธุรกิจให้เช่าพื้นที่ค้าปลีก ความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกับกลุ่มธนชาต รวมถึงความยืดหยุ่นด้านการเงินจากการลงทุนในหลักทรัพย์เผื่อขายจำนวนมาก อย่างไรก็ตาม จุดเด่นดังกล่าวลดทอนลงบางส่วนจากการมีต้นทุนการดำเนินงานที่จะเพิ่มสูงขึ้นเมื่อสัญญาเช่าที่ดินและทรัพย์สินของศูนย์การค้าฉบับใหม่เริ่มมีผลในทางปฏิบัติในปี 2556 ในขณะที่แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” สะท้อนถึงการคาดการณ์ว่าบริษัทจะยังคงมีกระแสเงินสดที่แน่นอนจากธุรกิจให้เช่าพื้นที่ค้าปลีก และคาดว่าบริษัทจะรักษาระดับคุณภาพสินเชื่อรถจักรยานยนต์เอาไว้ในระดับที่ดีจากการมีขั้นตอนการพิจารณาสินเชื่อและกระบวนการจัดเก็บหนี้ที่เข้มงวด ทั้งนี้ จากแผนรายจ่ายฝ่ายทุนที่อยู่ในระดับปานกลางในปี 2555-2556 ทำให้คาดว่าบริษัทจะยังคงสามารถรักษาอัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนในระดับปัจจุบันเอาไว้ได้

ทริสเรทติ้งรายงานว่า บริษัทเอ็ม บี เคก่อตั้งในปี 2517 ปัจจุบัน บริษัท ทุนธนชาต จำกัด (มหาชน) และบริษัทในเครือเป็นผู้ถือหุ้นหลักของบริษัทในสัดส่วนรวม 20% บริษัทดำเนินธุรกิจพื้นที่ค้าปลีกให้เช่า โรงแรม สนามกอล์ฟ พัฒนาโครงการที่อยู่อาศัย ธุรกิจข้าว และธุรกิจการเงิน โดยเป็นเจ้าของและบริหารจัดการศูนย์การค้า “เอ็ม บี เค เซ็นเตอร์” ซึ่งเป็นศูนย์การค้าที่มีชื่อเสียงตั้งอยู่บนที่ดินเช่าติดกับย่านสยามสแควร์ในใจกลางกรุงเทพฯ แม้จะมีธุรกิจที่หลากหลาย แต่ผลประกอบการของบริษัทยังคงขึ้นอยู่กับสินทรัพย์หลักอันได้แก่ศูนย์การค้าเอ็ม บี เค เซ็นเตอร์ และ “โรงแรมปทุมวันปริ๊นเซส” ซึ่งตั้งอยู่ในบริเวณเดียวกัน โดยในไตรมาสแรกของปี 2555 สินทรัพย์ดังกล่าวสร้างรายได้ประมาณ 33% และสร้างกระแสเงินสดประมาณ 57% ให้แก่บริษัท

ทริสเรทติ้งกล่าวว่า เพื่อลดความเสี่ยงจากการกระจุกตัวของรายได้ บริษัทเอ็ม บี เคจึงขยายการลงทุนในธุรกิจให้เช่าพื้นที่ค้าปลีกเพิ่มขึ้น โดยมีสัดส่วนการลงทุน 31% ใน บริษัท สยามพิวรรธน์ จำกัด ซึ่งเป็นเจ้าของและบริหารศูนย์การค้าในย่านสยามสแควร์ บริษัทสยามพิวรรธน์เป็นผู้ถือหุ้น 100% ในศูนย์การค้าสยามเซ็นเตอร์ (19,000 ตารางเมตร (ตร.ม.)) และศูนย์การค้าสยามดิสคัฟเวอรี่เซ็นเตอร์ (23,200 ตร.ม.) และถือหุ้น 50% ในศูนย์การค้าสยามพารากอน (186,010 ตร.ม.) นอกจากนี้ บริษัทยังมีบริษัทร่วมทุนกับบริษัทสยามพิวรรธน์ (สัดส่วน 50:50) ซึ่งได้ทำการปรับปรุงตกแต่งพื้นที่และเปิดให้บริการพื้นที่ให้เช่าใน “ศูนย์การค้าพาราไดซ์พาร์ค” (เดิมชื่อ “ศูนย์การค้าเสรีเซ็นเตอร์”) ขนาด 90,177 ตร.ม. อย่างเต็มรูปแบบในเดือนกรกฎาคม 2553 และในเดือนสิงหาคม 2554 บริษัทได้เปิด “เดอะ ไนน์” ซึ่งเป็นศูนย์การค้าชุมชน (Community Mall) แห่งแรกของบริษัทซึ่งตั้งอยู่บนถนนพระราม 9 โดยมีพื้นที่ค้าปลีก 12,873 ตร.ม. และมีพื้นที่อาคารสำนักงานให้เช่ารวม 8,979 ตร.ม. ด้วย ณ เดือนมีนาคม 2555 บริษัทบริหารพื้นที่ค้าปลีกรวม 205,251 ตร.ม. และพื้นที่อาคารสำนักงานให้เช่ารวม 57,895 ตร.ม.

สำหรับธุรกิจโรงแรม ปัจจุบันบริษัทเอ็ม บี เคเป็นเจ้าของและให้บริการโรงแรม 6 แห่งในจังหวัดท่องเที่ยวหลักของประเทศไทย โดยมีจำนวนห้องพักรวม 972 ห้อง จากความต้องการที่เพิ่มมากขึ้นในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว อัตราการเข้าพักโรงแรมเฉลี่ยของบริษัทอยู่ในระดับสูงที่ 73% ในช่วงไตรมาสแรกของปี 2555 ในขณะที่อัตราค่าห้องพักเพิ่มขึ้น 3% สู่ระดับ 3,168 บาทต่อห้องในช่วงไตรมาสแรกของปี 2555 ดังนั้นอัตรารายได้ต่อห้องพักที่มีอยู่ของบริษัท (Revenue Per Available Room - RevPAR) โดยเฉลี่ยเพิ่มขึ้นจาก 2,214 บาทต่อห้องในไตรมาสแรกของปี 2554 เป็น 2,301 บาทต่อห้อง ในไตรมาสแรกของปี 2555

นอกจากธุรกิจให้เช่าพื้นที่แล้ว ในปี 2553 บริษัทเอ็ม บี เคยังซื้อกิจการของ บริษัท ที ลีสซิ่ง จำกัด ซึ่งดำเนินธุรกิจสินเชื่อรถจักรยานยนต์ โดย ณ เดือนมีนาคม 2555 บริษัทที ลีสซิ่ง มียอดสินเชื่อเช่าซื้อรถจักรยานยนต์คงค้าง 1,043 ล้านบาท จากเหตุอุทกภัยครั้งใหญ่ในช่วงปลายปี 2554 อัตราส่วนเงินให้สินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ต่อเงินให้สินเชื่อรวมของบริษัทเพิ่มขึ้นเป็น 6.5% ณ เดือนมีนาคม 2555 จาก 4.2% ณ สิ้นเดือนกันยายน 2554 อย่างไรก็ตาม ความสามารถในการควบคุมคุณภาพสินเชื่อพร้อมกับการขยายขนาดสินเชื่อนับเป็นความท้าทายของบริษัท นอกจากนี้ บริษัทยังให้บริการสินเชื่ออสังหาริมทรัพย์ โดย ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2555 บริษัทมียอดสินเชื่อคงค้างที่มีอสังหาริมทรัพย์ค้ำประกัน 2,490 ล้านบาท และมีอัตราส่วนสินเชื่อต่อมูลค่าหลักทรัพย์ค้ำประกันอยู่ที่ 41%

สำหรับช่วง 9 เดือนแรกของปีบัญชี 2554/2555 (กรกฎาคม 2554—มีนาคม 2555) บริษัทเอ็ม บี เคมีรายได้เพิ่มขึ้น 2% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนเป็น 5,871 ล้านบาท อัตราส่วนกำไรจากการดำเนินงานของบริษัทเพิ่มขึ้นจาก 30.2% ในช่วง 9 เดือนแรกของปีบัญชี 2553/2554 เป็น 33.3% ในช่วง 9 เดือนแรกของปีบัญชี 2554/2555 โดยอัตรากำไรที่เพิ่มขึ้นมาจากการปรับปรุงธุรกิจโรงแรมและพื้นที่ให้เช่า ตั้งแต่เดือนเมษายน 2556 เป็นต้นไป บริษัทจะต้องจ่ายค่าเช่าประจำปีของศูนย์การค้า เอ็ม บี เค เซ็นเตอร์ เพิ่มขึ้นจาก 85 ล้านบาทต่อปีเป็น 695 ล้านบาทต่อปี ทั้งนี้ คาดว่าอัตรากำไรของบริษัทจะลดลงหากบริษัทไม่สามารถส่งผ่านต้นทุนที่เพิ่มขึ้นให้แก่ผู้เช่าได้ โดยบริษัทมีแผนจะเพิ่มค่าเช่าเพื่อชดเชยกับภาระค่าเช่าที่ดินที่สูงขึ้นซึ่งจะช่วยปรับปรุงอัตรากำไรให้ดีขึ้น

เงินทุนจากการดำเนินงานของบริษัทเอ็ม บี เคอยู่ที่ระดับ 2,085 ล้านบาทในปีบัญชี 2553/2554 และอยู่ที่ระดับ 1,546 ล้านบาทในช่วง 9 เดือนแรกของปีบัญชี 2554/2555 เงินกู้รวมของบริษัทลดลงจาก 9,207 ล้านบาท ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2554 เหลือ 7,351 ล้านบาท ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2555 เนื่องจากการชำระคืนเงินกู้ อัตราส่วนเงินทุนจากการดำเนินงานต่อเงินกู้รวมอยู่ที่ระดับ 22.7% ในปีบัญชี 2553/2554 และ 21.0% ในช่วง 9 เดือนแรกของปีบัญชี 2554/2555 (ยังไม่ได้ปรับอัตราส่วนให้เป็นตัวเลขเต็มปี) ในขณะที่อัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนลดลงจากระดับ 42.1% ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2554 เป็น 33.6% ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2555 สภาพคล่องของบริษัทยังคงอยู่ในระดับที่น่าพอใจ โดย ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2555 บริษัทมีเงินสดจำนวน 881 ล้านบาท ในขณะที่เงินลงทุนมีมูลค่า 5,204 ล้านบาท ทริสเรทติ้งกล่าว — จบ

บริษัท เอ็ม บี เค จำกัด (มหาชน) (MBK)
อันดับเครดิตองค์กร:	                                      คงเดิมที่ A
อันดับเครดิตตราสารหนี้:
MBK137A: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 3,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2556	        คงเดิมที่ A
MBK163A: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 2,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2559	        คงเดิมที่ A
MBK188A: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 300 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2561	        คงเดิมที่ A
MBK188B: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 400 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2561	        คงเดิมที่ A
MBK227A: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 500 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2565	            A
แนวโน้มอันดับเครดิต:	                              Stable (คงที่)
บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด/ www.trisrating.com
ติดต่อ santaya@trisrating.com  โทร. 0-2231-3011 ต่อ 500 อาคารสีลมคอมเพล็กซ์ ชั้น 24 191 ถ. สีลม กรุงเทพฯ 10500
บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2555  ห้ามมิให้บุคคลใด ใช้ เปิดเผย ทำสำเนาเผยแพร่ แจกจ่าย หรือเก็บไว้เพื่อใช้ในภายหลังเพื่อประโยชน์ใดๆ ซึ่งรายงานหรือข้อมูลการจัดอันดับเครดิต ไม่ว่าทั้งหมดหรือแต่เพียงบางส่วน และไม่ว่าในรูปแบบ หรือลักษณะใดๆ หรือด้วยวิธีการใดๆ โดยมิได้รับอนุญาต การจัดอันดับเครดิตนี้มิใช่คำแถลงข้อเท็จจริง หรือคำเสนอแนะให้ซื้อ ขาย หรือถือตราสารหนี้ใดๆ แต่เป็นเพียงความเห็นเกี่ยวกับความเสี่ยงหรือความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้นั้นๆ หรือของบริษัทนั้นๆ โดยเฉพาะ ความเห็นที่ระบุในการจัดอันดับเครดิตนี้มิได้เป็นคำแนะนำเกี่ยวกับการลงทุน หรือคำแนะนำในลักษณะอื่นใด การจัดอันดับและข้อมูลที่ปรากฏในรายงานใดๆ ที่จัดทำ หรือพิมพ์เผยแพร่โดย บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้จัดทำขึ้นโดยมิได้คำนึงถึงความต้องการด้านการเงิน พฤติการณ์ ความรู้ และวัตถุประสงค์ของผู้รับข้อมูลรายใดรายหนึ่ง ดังนั้น ผู้รับข้อมูลควรประเมินความเหมาะสมของข้อมูลดังกล่าวก่อนตัดสินใจลงทุน บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้รับข้อมูลที่ใช้สำหรับการจัดอันดับเครดิตนี้จากบริษัทและแหล่งข้อมูลอื่นๆ ที่เชื่อว่าเชื่อถือได้ ดังนั้น บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด จึงไม่รับประกันความถูกต้อง ความเพียงพอ หรือความครบถ้วนสมบูรณ์ของข้อมูลใดๆ ดังกล่าว และจะไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสีย หรือความเสียหายใดๆ อันเกิดจากความไม่ถูกต้อง ความไม่เพียงพอ หรือความไม่ครบถ้วนสมบูรณ์นั้น และจะไม่รับผิดชอบต่อข้อผิดพลาด หรือการละเว้นผลที่ได้รับหรือการกระทำใดๆโดยอาศัยข้อมูลดังกล่าว ทั้งนี้ รายละเอียดของวิธีการจัดอันดับเครดิตของ บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เผยแพร่อยู่บน Website: http://www.trisrating.com/th/ratinginformation/rating_criteria.html

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ