ทริสเรทติ้งจัดอันดับเครดิตหุ้นกู้มีการค้ำประกันวงเงินไม่เกิน 1,000 ล้านบาท “บ. บางกอกมิตซูบิชิ ยูเอฟเจ ลีส” ที่ระดับ “AA+/Stable”

ข่าวทั่วไป Friday February 8, 2013 16:32 —ทริส เรตติ้ง

ทริสเรทติ้งจัดอันดับเครดิตหุ้นกู้มีการค้ำประกันในวงเงินไม่เกิน 1,000 ล้านบาทของบริษัท บางกอกมิตซูบิชิ ยูเอฟเจ ลีส จำกัด ที่ระดับ “AA+” ด้วยแนวโน้ม “Stable” หรือ “คงที่” หุ้นกู้ดังกล่าวได้รับการค้ำประกันเต็มจำนวนโดยบริษัทแม่ คือ Mitsubishi UFJ Lease and Finance Company Limited (MUL) ในประเทศญี่ปุ่น โดย MUL ได้รับอันดับเครดิตในระดับ “A” จาก Standard & Poor’s (S&P) และ “A3” จาก Moody’s Japan KK (Moody’s) ซึ่งอันดับเครดิตของหุ้นกู้ดังกล่าวอยู่บนพื้นฐานความน่าเชื่อถือของผู้ค้ำประกันซึ่งค้ำประกันหุ้นกู้แบบไม่มีเงื่อนไขและไม่สามารถเพิกถอนได้

ภายใต้ข้อตกลงการค้ำประกันซึ่งบังคับใช้ภายใต้กฎหมายของประเทศญี่ปุ่น ผู้ค้ำประกันจะให้การค้ำประกันเต็มจำนวนแบบไม่มีเงื่อนไขและไม่สามารถเพิกถอนได้สำหรับหุ้นกู้ที่ได้รับการจัดอันดับเครดิตดังกล่าว โดยผู้ค้ำประกันพร้อมที่จะชำระหนี้ให้แก่ผู้ถือหุ้นกู้ภายใต้ข้อตกลงการค้ำประกันในกรณีที่บริษัทบางกอกมิตซูบิชิ ยูเอฟเจ ลีส ไม่สามารถชำระหนี้ได้ตามกำหนด นอกจากนี้ หากมีการควบรวมหรือการเข้าครอบงำกิจการของ MUL บริษัทใหม่ที่เกิดขึ้นหลังการควบรวมกิจการหรือบริษัทที่เข้าครอบงำกิจการของ MUL จะต้องรับข้อผูกพันในการค้ำประกันหุ้นกู้ดังกล่าวด้วย ในกรณีที่ MUL ไม่สามารถจ่ายชำระหนี้ตามกำหนดหลังจากได้รับหนังสือบอกกล่าวแล้ว ผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้สามารถดำเนินการตามกฎหมายกับผู้ค้ำประกัน ณ ศาลในประเทศญี่ปุ่นเพื่อฟ้องร้องเรียกเงินที่ผิดนัดชำระคืนได้ อนึ่ง ภาระการค้ำประกันนี้ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขหรือเพิกถอนได้โดยปราศจากมติเอกฉันท์จากผู้ถือหุ้นกู้

แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” ของหุ้นกู้มีการค้ำประกันของบริษัทบางกอกมิตซูบิชิ ยูเอฟเจ ลีส สะท้อนถึงคุณภาพเครดิตของผู้ค้ำประกันคือ MUL ซึ่งเป็นบริษัทลูกที่มีความสำคัญเชิงกลยุทธ์ของ MUFG ซึ่ง MUL ได้รับอันดับเครดิตที่ระดับ “A-/Stable” จาก S&P และ “A3/Stable” จาก Moody’s

MUL ก่อตั้งในปี 2514 โดย Diamond Lease Co., Ltd. ภายหลังการควบรวมกับ UFJ Central Leasing Co., Ltd. ในปี 2550 บริษัทได้เปลี่ยนชื่อเป็น MUL และทำให้ MUL กลายเป็นหนึ่งในบริษัทลีสซิ่งที่ใหญ่ที่สุดในประเทศญี่ปุ่น ณ วันที่ 31 มีนาคม 2555 Mitsubishi UFJ Financial Group, Inc. (MUFG) ซึ่งรวมถึง Bank of Tokyo-Mitsubishi UFJ Ltd. (BTMU) และ Mitsubishi UFJ Trust and Banking Corp. (MUTB) ถือหุ้น MUL ในสัดส่วน 23.4% ในขณะที่ Mitsubishi Corporation (MC) ถือหุ้น 20.0%

อันดับเครดิตของ MUL ซึ่งเป็นผู้ค้ำประกันหุ้นกู้ได้รับแรงหนุนจากการมีสถานะทางธุรกิจที่แข็งแกร่งในประเทศญี่ปุ่น โดย MUL มีจุดแข็ง 2 ประการ ได้แก่ 1) การเป็นหน่วยงานที่มีความสำคัญเชิงกลยุทธ์ของทั้ง MUFG และ MC และ 2) ผลิตภัณฑ์และบริการที่หลากหลายซึ่งตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างครบถ้วน MUL เป็นบริษัทขนาดใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในอุตสาหกรรมลีสซิ่งของประเทศญี่ปุ่น บริษัทได้รับการสนับสนุนจากบริษัทในเครือของ MUFG และ MC ซึ่งช่วยให้บริษัทมีฐานลูกค้าที่แข็งแกร่งยิ่งขึ้น อย่างไรก็ตาม จุดแข็งดังกล่าวลดทอนลงจากปริมาณธุรกรรมลีสซิ่งที่มีแนวโน้มลดลงในญี่ปุ่น

MUL มุ่งเน้นในธุรกิจลีสซิ่ง การขายผ่อนชำระ (Installment Sale) และ ผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายเกี่ยวกับการเงิน MUL ยังมีแหล่งรายได้ที่กระจายตัวโดยมาจากธุรกิจหลัก ได้แก่ ธุรกิจ ลีสซิ่งแบบเช่าดำเนินงาน (Operating Lease) ธุรกิจซื้อขายเครื่องจักรมือสอง (Used Equipment Trade) ธุรกิจการบริหารจัดการสินทรัพย์โดยผ่านคอมพิวเตอร์ (Asset Management Service - e-Leasing Direct) ธุรกิจให้เช่าดำเนินงานรถยนต์พร้อมบริการซ่อมบำรุง (Auto Lease) บริการเกี่ยวกับเครื่องมือเครื่องจักรที่ช่วยประหยัดพลังงาน (ECO Related Service) บริการให้กู้โดยใช้อสังหาริมทรัพย์ค้ำประกัน (Real Estate Finance) ธุรกิจให้เช่าอสังหาริมทรัพย์แบบลีสซิ่ง (Real Estate-related Lease - Symphony) ธุรกิจให้กู้เพื่อโครงการสาธารณูปโภค (Private Finance Initiative) และธุรกิจขายลดลูกหนี้ (Factoring) ณ สิ้นเดือนกันยายน 2555 MUL มีสินทรัพย์ทั้งสิ้น 3.7 ล้านล้านเยน ซึ่งประกอบด้วยสินทรัพย์ให้เช่า 1.7 ล้านล้านเยน (45.7% ของสินทรัพย์ทั้งหมด) เงินให้กู้ยืม 1.2 ล้านล้านเยน (33.0% ของสินทรัพย์ทั้งหมด) และสินทรัพย์จากสินเชื่อผ่อนชำระ 0.2 ล้านล้านเยน (6.0% ของสินทรัพย์ทั้งหมด)

การมีธุรกิจที่หลากหลายช่วยทำให้ MUL สามารถข้ามพ้นวิกฤติเศรษฐกิจปี 2551 มาได้ ทั้งนี้ ในงวดปีบัญชี 2552 (เมษายน 2551-มีนาคม 2552) ผลประกอบการของ MUL ปรับลดลงอย่างมีนัยสำคัญ แต่บริษัทยังคงมีกำไรอยู่ โดยมีกำไรสุทธิ 7.1 พันล้านเยน ลดลงจาก 30.2 พันล้านเยนในงวดปีบัญชี 2551 ผลประกอบการของ MUL ในงวดปีบัญชี 2552 ปรับลดลงค่อนข้างมากจากเงินสำรองหนี้สูญและหนี้สงสัยจะสูญที่เพิ่มขึ้นหลังจากการด้อยค่าลงอย่างมากของสินทรัพย์ประเภทอสังหาริมทรัพย์ การลดลงของมูลค่าอสังหาริมทรัพย์เป็นผลมาจากวิกฤติเศรษฐกิจในประเทศญี่ปุ่น กำไรสุทธิของบริษัทปรับตัวเพิ่มขึ้นเป็น 20.7 พันล้านเยนในปีบัญชี 2553 เป็น 25.8 พันล้านเยนในปีบัญชี 2554 และ 34.6 พันล้านเยนในปีบัญชี 2555 สำหรับงวดครึ่งแรกของปีบัญชี 2556 กำไรสุทธิอยู่ที่ 21.2 พันล้านเยน เพิ่มขึ้น 14.9% จากงวดเดียวกันของปีบัญชีก่อน MUL มีการใช้แหล่งเงินกู้ระยะสั้นในสัดส่วนหนึ่งซึ่งไม่สอดคล้องกับระยะเวลาของสินทรัพย์ทำให้บริษัทมีความเสี่ยงด้านสภาพคล่องระยะสั้นในระดับหนึ่ง อย่างไรก็ตาม ความเสี่ยงดังกล่าวลดลงจากการบริหารจัดการสินทรัพย์และหนี้สิน (Asset Liability Management) อีกทั้งยังได้รับการสนับสนุนทางการเงินจากธนาคารหลายแห่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากผู้ถือหุ้นที่เกี่ยวข้องคือ BTMU

MUL ได้กำหนดแผนธุรกิจ 3 ปีโดยเริ่มตั้งแต่งวดบัญชีปี 2554 เป้าหมายหลักของแผนดำเนินงานคือการขยายธุรกิจไปยังต่างประเทศ โดยบริษัทจะเน้นไปยังธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการรักษาสิ่งแวดล้อม การให้บริการทางการเงินแก่ผู้ค้าขาย (Vendor Finance) และการซื้อและขายเครื่องมือเครื่องจักรที่ใช้แล้ว ความพยายามดังกล่าวมีเป้าหมายเพื่อผลักดันให้ MUL กลายเป็นบริษัทที่ให้บริการทางการเงินที่ครบวงจรของเอเชีย ปัจจุบันสินทรัพย์ดำเนินงานของบริษัทที่เกี่ยวข้องที่อยู่ในต่างประเทศของ MUL มีรวมทั้งสิ้น 297 พันล้านเยน ซึ่งใกล้เคียงกับเป้าหมายในปีบัญชี 2556 ที่ 300 พันล้านเยน

จากแผนธุรกิจในปัจจุบันรวมทั้งแนวโน้มที่ดีในอุตสาหกรรมลีสซิ่งสำหรับเครื่องจักรและอุปกรณ์และการให้เช่าดำเนินงานรถยนต์ในประเทศไทย MUL ได้มุ่งเน้นการดำเนินธุรกิจในประเทศไทยผ่านบริษัทลูกของตนคือบริษัทบางกอก มิตซูบิชิ ยูเอฟเจ ลีส โดยบริษัทบางกอกมิตซูบิชิ ยูเอฟเจ ลีส เป็นบริษัทที่ดำเนินธุรกิจให้เช่าแบบลีสซิ่งสำหรับเครื่องจักรและอุปกรณ์ในประเทศไทยมาอย่างยาวนาน บริษัทก่อตั้งในปี 2534 โดยความร่วมมือกับกลุ่มธนาคารกรุงเทพในประเทศไทย ปัจจุบันบริษัทมีผู้ถือหุ้นใหญ่คือ MUL ซึ่งถือหุ้น 44% ในขณะที่ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) และบริษัทที่เกี่ยวข้องถือหุ้นรวมกันในสัดส่วน 34%

บริษัทบางกอกมิตซูบิชิ ยูเอฟเจ ลีส ให้บริการใน 2 ธุรกิจหลัก คือ สินเชื่อลีสซิ่งสำหรับเครื่องจักรและอุปกรณ์ และการให้เช่าดำเนินงานรถยนต์พร้อมบริการซ่อมบำรุง โดย ณ สิ้นเดือนกันยายน 2555 บริษัทมีพอร์ตสินเชื่อ 9,212 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจาก 5,322 ล้านบาท ณ สิ้นปี 2554 หรือเพิ่มขึ้น 73% และ ณ สิ้นเดือนกันยายน 2555 สินทรัพย์ดำเนินงานรวมของบริษัทประกอบด้วยเครื่องมือเครื่องจักรประมาณ 80% ส่วนที่เหลือเป็นรถยนต์ MUL ได้แสดงความตั้งใจในการให้การสนับสนุนทั้งทางด้านธุรกิจและด้านการเงินแก่บริษัทบางกอกมิตซูบิชิ ยูเอฟเจ ลีส ซึ่งได้แก่การให้ความรู้ในด้านธุรกิจทั้งแนวปฏิบัติในการดำเนินงานและการบริหารความเสี่ยง รวมถึงการคิดค้นผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ ทั้งนี้ การให้การค้ำประกันหนี้ทั้งหมดของบริษัทรวมทั้งหุ้นกู้ที่เสนอขายในครั้งนี้เป็นอีกตัวอย่างหนึ่งของการให้การสนับสนุนด้านการเงินที่บริษัทได้รับในฐานะเป็นบริษัทลูกของ MUL การสนับสนุนอย่างเต็มที่จากบริษัทแม่คาดว่าจะมีอย่างต่อเนื่องในอนาคตซึ่งสอดคล้องกับการให้ความสำคัญแก่กลุ่มธุรกิจต่างประเทศ ของ MUL โดยเฉพาะทวีปเอเชีย

บริษัท บางกอก มิตซูบิชิ ยูเอฟเจ ลีส จำกัด (BMUL)
อันดับเครดิตตราสารหนี้:
หุ้นกู้มีการค้ำประกันในวงเงินไม่เกิน 1,000 ล้านบาท ไถ่ถอนภายในปี 2559 AA+
แนวโน้มอันดับเครดิต:	                                      Stable
บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด/ www.trisrating.com
ติดต่อ santaya@trisrating.com  โทร. 0-2231-3011 ต่อ 500 อาคารสีลมคอมเพล็กซ์ ชั้น 24 191 ถ. สีลม กรุงเทพฯ 10500
บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2556  ห้ามมิให้บุคคลใด ใช้ เปิดเผย ทำสำเนาเผยแพร่ แจกจ่าย หรือเก็บไว้เพื่อใช้ในภายหลังเพื่อประโยชน์ใดๆ ซึ่งรายงานหรือข้อมูลการจัดอันดับเครดิต ไม่ว่าทั้งหมดหรือแต่เพียงบางส่วน และไม่ว่าในรูปแบบ หรือลักษณะใดๆ หรือด้วยวิธีการใดๆ โดยมิได้รับอนุญาต การจัดอันดับเครดิตนี้มิใช่คำแถลงข้อเท็จจริง หรือคำเสนอแนะให้ซื้อ ขาย หรือถือตราสารหนี้ใดๆ แต่เป็นเพียงความเห็นเกี่ยวกับความเสี่ยงหรือความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้นั้นๆ หรือของบริษัทนั้นๆ โดยเฉพาะ ความเห็นที่ระบุในการจัดอันดับเครดิตนี้มิได้เป็นคำแนะนำเกี่ยวกับการลงทุน หรือคำแนะนำในลักษณะอื่นใด การจัดอันดับและข้อมูลที่ปรากฏในรายงานใดๆ ที่จัดทำ หรือพิมพ์เผยแพร่โดย บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้จัดทำขึ้นโดยมิได้คำนึงถึงความต้องการด้านการเงิน พฤติการณ์ ความรู้ และวัตถุประสงค์ของผู้รับข้อมูลรายใดรายหนึ่ง ดังนั้น ผู้รับข้อมูลควรประเมินความเหมาะสมของข้อมูลดังกล่าวก่อนตัดสินใจลงทุน บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้รับข้อมูลที่ใช้สำหรับการจัดอันดับเครดิตนี้จากบริษัทและแหล่งข้อมูลอื่นๆ ที่เชื่อว่าเชื่อถือได้ ดังนั้น บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด จึงไม่รับประกันความถูกต้อง ความเพียงพอ หรือความครบถ้วนสมบูรณ์ของข้อมูลใดๆ ดังกล่าว และจะไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสีย หรือความเสียหายใดๆ อันเกิดจากความไม่ถูกต้อง ความไม่เพียงพอ หรือความไม่ครบถ้วนสมบูรณ์นั้น และจะไม่รับผิดชอบต่อข้อผิดพลาด หรือการละเว้นผลที่ได้รับหรือการกระทำใดๆโดยอาศัยข้อมูลดังกล่าว ทั้งนี้ รายละเอียดของวิธีการจัดอันดับเครดิตของ บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เผยแพร่อยู่บน Website: http://www.trisrating.com/th/ratinginformation/rating_criteria.html

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ