ทริสเรทติ้งจัดอันดับเครดิตหุ้นกู้ไม่มีประกันวงเงินไม่เกิน 150 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ “บ. บ้านปู” ที่ระดับ “AA-/Stable”

ข่าวทั่วไป Monday March 25, 2013 16:32 —ทริส เรตติ้ง

ทริสเรทติ้งจัดอันดับเครดิตหุ้นกู้ไม่มีประกันชุดใหม่ในวงเงินไม่เกิน 150 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ของ บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) ที่ระดับ “AA-” พร้อมทั้งคงอันดับเครดิตองค์กรและหุ้นกู้ไม่มีประกันชุดปัจจุบันของบริษัทที่ระดับ “AA-” ด้วยเช่นกัน โดยแนวโน้มยังคง “Stable” หรือ “คงที่” ทั้งนี้ บริษัทจะนำเงินที่ได้จากการออกหุ้นกู้ชุดใหม่ไปใช้ชำระหนี้เดิมและใช้สำหรับการลงทุนในอนาคต อันดับเครดิตสะท้อนความเป็นผู้นำของบริษัทในอุตสาหกรรมถ่านหินในภูมิภาคเอเชีย ตลอดจนความหลากหลายของแหล่งถ่านหินและฐานลูกค้า รวมถึงรายได้เงินปันผลที่แน่นอนจากธุรกิจไฟฟ้า อันดับเครดิตยังคำนึงถึงความสามารถของบริษัทในการปรับลดเงินลงทุนและลดต้นทุนในการดำเนินงานในภาวะที่อุตสาหกรรมถ่านหินชะลอตัวตลอดจนวินัยทางการเงินของบริษัท ทั้งนี้ ราคาถ่านหินที่อ่อนแอ การเปลี่ยนแปลงด้านกฎระเบียบที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจถ่านหินในประเทศอินโดนีเซียและออสเตรเลีย และความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลกยังคงเป็นปัจจัยเสี่ยงต่ออันดับเครดิตของบริษัท ในขณะที่แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” สะท้อนการคาดการณ์ของทริสเรทติ้งว่าบริษัทบ้านปูจะยังคงรักษาวินัยทางการเงินและสภาพคล่องทางการเงินที่ดีไว้ได้ แผนการลดต้นทุนและความยืดหยุ่นในการปรับลดแผนลงทุนจะช่วยให้บริษัทสามารถประคองตัวในภาวะชะลอตัวของอุตสาหกรรมถ่านหินไว้ได้ ทั้งนี้ เงินปันผลที่แน่นอนจากธุรกิจไฟฟ้าจะช่วยบรรเทาผลกระทบบางส่วนที่เกิดจากภาวะแวดล้อมในการดำเนินธุรกิจถ่านหินที่มีความท้าทายมากขึ้นในปัจจุบัน

บริษัทบ้านปูเป็นหนึ่งในผู้ประกอบการธุรกิจพลังงานรายใหญ่ในเอเชียซึ่งก่อตั้งในปี 2526 เพื่อดำเนินธุรกิจผลิตถ่านหินในประเทศไทย บริษัทขยายธุรกิจอย่างต่อเนื่องโดยปัจจุบันมีแหล่งถ่านหินอยู่ในประเทศอินโดนีเซีย ออสเตรเลีย จีน และมองโกเลีย ธุรกิจถ่านหินในประเทศอินโดนีเซียยังคงเป็นแหล่งสร้างกำไรหลักของบริษัท โดยในปี 2555 กำไรจากธุรกิจในประเทศอินโดนีเซียมีสัดส่วน 68% ของกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) กำไรจากธุรกิจถ่านหินในประเทศออสเตรเลียคิดเป็น 21% ของ EBITDA ในขณะที่กำไรจากธุรกิจในประเทศไทยคิดเป็นสัดส่วน 8% ของ EBITDA และกำไรจากประเทศจีนคิดเป็นสัดส่วนเพียง 3% ของ EBITDA เมื่อพิจารณาในด้านประเภทธุรกิจแล้ว กำไรจากธุรกิจถ่านหินในปี 2555 คิดเป็นสัดส่วน 91% ของ EBITDA ในขณะที่กำไรส่วนที่เหลือในสัดส่วน 9% มาจากธุรกิจไฟฟ้า

ในปี 2555 ปริมาณการผลิตถ่านหินของกลุ่มบ้านปู (ไม่รวมประเทศจีน) คิดเป็นจำนวน 43.1 ล้านตัน โดยประกอบด้วยถ่านหินที่ผลิตในประเทศอินโดนีเซีย 28.5 ล้านตันและในประเทศออสเตรเลีย 14.6 ล้านตัน ณ สิ้นเดือนธันวาคม 2555 ปริมาณสำรองถ่านหินของบริษัทในประเทศอินโดนีเซียและออสเตรเลียมีจำนวนรวม 811 ล้านตัน ในขณะที่ปริมาณสำรองถ่านหินคิดตามสัดส่วนการถือหุ้นอยู่ที่ 593 ล้านตัน ปริมาณสำรองของเหมืองอินโดนีเซียและออสเตรเลียดังกล่าวเทียบเท่ากับปริมาณการผลิตราว 14 ปี

ปัญหาอุปทานถ่านหินส่วนเกินได้กดดันราคาถ่านหินในปี 2555 อย่างไรก็ตาม การขายถ่านหินบางส่วนตามสัญญาขายถ่านหินระยะยาวในราคาที่สูงทำให้ราคาขายถ่านหินเฉลี่ยของบริษัทยังอยู่ในระดับที่ดี แต่ราคาขายถ่านหินของบริษัทได้ลดลงเป็นลำดับในครึ่งปีหลังของปี 2555 ในขณะที่บริษัทดำเนินการตามแผนลดต้นทุนการดำเนินงานเพื่อลดผลกระทบจากราคาถ่านหินที่อ่อนแอ อัตรากำไรขั้นต้นของธุรกิจถ่านหินได้ปรับตัวลดลงเป็น 35% ในไตรมาสที่ 4 ของปี 2555 จาก 44% ในไตรมาสแรกของปี 2555 ขณะที่ราคาขายถ่านหินได้ปรับตัวลง 14.0% ในไตรมาสที่ 4 ของปี 2555 เมื่อเทียบกับไตรมาสแรกของปี 2555 รวมทั้งปี 2555 อัตรากำไรขั้นต้นของธุรกิจถ่านหินเฉลี่ยลดลงเป็น 39% จาก 46% ในปี 2554

ธุรกิจไฟฟ้าซึ่งให้ผลกำไรในสัดส่วน 9% ของ EBITDA ในปี 2555 เป็นไปอย่างราบรื่น โรงไฟฟ้าซึ่งใช้ถ่านหินในประเทศจีนมีผลกำไรเพิ่มขึ้นในปี 2555 อัตรากำไรขั้นต้นของธุรกิจไฟฟ้าในประเทศจีนดีขึ้นจาก 10% ในปี 2554 เป็น 17% ในปี 2555 ผลการดำเนินงานที่ปรับตัวดีขึ้นมีสาเหตุหลักมาจากราคาถ่านหินที่ลดลง ในปี 2555 ธุรกิจไฟฟ้าในจีนให้ผลกำไร EBITDA จำนวน 41.8 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งคิดเป็นอัตราการเพิ่มขึ้น 47.7% เมื่อเทียบกับปี 2554 สำหรับธุรกิจโรงไฟฟ้าในประเทศไทยบริษัทถือหุ้น 50% ใน บริษัท บีแอลซีพี เพาเวอร์ จำกัด (BLCP Power Ltd. -- BLCP) ซึ่งเป็นผู้ดำเนินการโรงไฟฟ้าพลังถ่านหินขนาด 1,434 เมกะวัตต์ภายใต้โครงการผู้ผลิตไฟฟ้าอิสระ (Independent Power Producer -- IPP) BLCP นำส่งกำไรตามวิธีส่วนได้เสียจำนวน 2,361 ล้านบาทแก่บริษัทในปี 2555 จาก 1,952 ล้านบาทในปี 2554 การเพิ่มขึ้นของกำไรมีสาเหตุหลักมาจากกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน นอกจากโรงไฟฟ้าที่ดำเนินการอยู่ในปัจจุบันแล้วบริษัทยังถือหุ้น 40% ในโครงการหงสา ซึ่งเป็นโรงไฟฟ้าภายใต้โครงการ IPP ที่ตั้งอยู่ในประเทศลาว โครงการหงสาอยู่ระหว่างการก่อสร้าง ปัจจุบันก่อสร้างแล้วเสร็จ 40% และเฟสแรกของโครงการจะเริ่มดำเนินการเชิงพาณิชย์ในปี 2558

แม้ว่าราคาถ่านหินจะปรับตัวลดลงมากในปี 2555 แต่ EBITDA ของบริษัทลดลงเป็น 29,535 ล้านบาทหรือลดลงเพียง 8% จากปี 2554 เนื่องจากบริษัทได้ทำสัญญาขายถ่านหินระยะยาวในช่วงที่ราคายังอยู่ในระดับสูง ปริมาณขายถ่านหินที่สูงขึ้น กำไรที่เพิ่มขึ้นจากธุรกิจไฟฟ้า และกำไรจากสัญญาอนุพันธ์ทางการเงิน กำไรสุทธิปี 2555 ลดลงจาก 20,060 ล้านบาทในปี 2554 เป็น 9,293 ล้านบาท เนื่องจากบริษัทมีกำไรหลังหักภาษีจากการขายเหมืองต้าหนิงจำนวน 6,307 ล้านบาทในปี 2554 อัตราส่วนกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา ค่าตัดจำหน่ายต่อดอกเบี้ยจ่าย (EBITDA Interest Coverage Ratio) ลดลงเป็น 8.5 เท่าในปี 2555 จาก 10.5 เท่าในปี 2554

หลังจากอัตราส่วนเงินกู้สุทธิต่อโครงสร้างทุนปรับตัวขึ้นสูงสุดที่ 51.6% ในเดือนธันวาคม 2553 อัตราส่วนเงินกู้สุทธิต่อโครงสร้างทุนของบริษัทก็ปรับตัวดีขึ้นเป็น 42.4% ในปลายปี 2554 อัตราส่วนดังกล่าวเพิ่มขึ้นเป็น 45.7% ในเดือนธันวาคม 2555 ทั้งนี้ เพื่อดูแลรักษาสภาพคล่องทางการเงินบริษัทได้ประกาศปรับแผนการลงทุนสำหรับการพัฒนาและการขยายกำลังการผลิตในช่วง 5 ปีข้างหน้าลงเหลือ 1,248 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ นอกจากนี้ บริษัทได้ทำแผนลดต้นทุน รวมถึงลดอัตรา Stripping Ratio ที่เหมืองอินโดนีเซียด้วย แผนการลดต้นทุนดังกล่าวน่าจะช่วยให้บริษัทสามารถรักษาอัตรากำไรจากการดำเนินงานไม่ให้ลดลงมากในภาวะที่ราคาถ่านหินอ่อนแอ ปัจจุบันบริษัทได้ทำสัญญาขายถ่านหินคิดเป็นสัดส่วน 83% ของเป้าหมายปริมาณขายสำหรับปี 2556 โดยประมาณ 55% เป็นการขายที่กำหนดราคาคงที่ จากสมมติฐานราคาถ่านหินอ้างอิง Barlow Jonker Index ที่ระดับ 90-95 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อตันและแผนการลดต้นทุน คาดว่า EBITDA ของบริษัทจะอยู่ระดับ 850-1,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อปี ขณะที่บริษัทมีกำหนดการชำระหนี้คืนปีละ 350-400 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในช่วง 3 ปีข้างหน้า กระแสเงินสดจากการดำเนินงานยังเพียงพอต่อแผนการลงทุน การจ่ายปันผลและการชำระหนี้ตามกำหนด บริษัทมีแผนจะซื้อหุ้นคืนโดยใช้เงินประมาณ 6,000 ล้านบาทในช่วง 6 เดือนข้างหน้า แผนการซื้อหุ้นคืนดังกล่าวจะเพิ่มอัตราส่วนการก่อหนี้ในช่วง 2-3 ปีข้างหน้าก่อนที่จะมีการขายหุ้นคืน อย่างไรก็ตาม คาดว่าอัตราส่วนเงินกู้สุทธิต่อโครงสร้างเงินทุนจะยังอยู่ในระดับที่ยอมรับได้และเป็นไปตามนโยบายโครงสร้างเงินทุนของบริษัท

บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) (BANPU)
อันดับเครดิตตราสารหนี้:
BP145A: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 2,200 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2557 AA-
BP15NA: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 2,500 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2558 AA-
BP165A: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 2,100 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2559 AA-
BANPU184A: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 5,500 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2561 AA-
BANPU195A: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 3,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2562 AA-
BANPU214A: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 4,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2564 AA-
BANPU225A: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 3,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2565 AA-
BANPU234A: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 3,500 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2566 AA-
BANPU264A: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 2,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2569 AA-
หุ้นกู้ไม่มีประกันในวงเงินไม่เกิน 150 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ไถ่ถอนภายในปี 2566 AA-
แนวโน้มอันดับเครดิต: Stable
บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด/ www.trisrating.com
ติดต่อ santaya@trisrating.com  โทร. 0-2231-3011 ต่อ 500 อาคารสีลมคอมเพล็กซ์ ชั้น 24 191 ถ. สีลม กรุงเทพฯ 10500
บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2556  ห้ามมิให้บุคคลใด ใช้ เปิดเผย ทำสำเนาเผยแพร่ แจกจ่าย หรือเก็บไว้เพื่อใช้ในภายหลังเพื่อประโยชน์ใดๆ ซึ่งรายงานหรือข้อมูลการจัดอันดับเครดิต ไม่ว่าทั้งหมดหรือแต่เพียงบางส่วน และไม่ว่าในรูปแบบ หรือลักษณะใดๆ หรือด้วยวิธีการใดๆ โดยมิได้รับอนุญาต การจัดอันดับเครดิตนี้มิใช่คำแถลงข้อเท็จจริง หรือคำเสนอแนะให้ซื้อ ขาย หรือถือตราสารหนี้ใดๆ แต่เป็นเพียงความเห็นเกี่ยวกับความเสี่ยงหรือความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้นั้นๆ หรือของบริษัทนั้นๆ โดยเฉพาะ ความเห็นที่ระบุในการจัดอันดับเครดิตนี้มิได้เป็นคำแนะนำเกี่ยวกับการลงทุน หรือคำแนะนำในลักษณะอื่นใด การจัดอันดับและข้อมูลที่ปรากฏในรายงานใดๆ ที่จัดทำ หรือพิมพ์เผยแพร่โดย บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้จัดทำขึ้นโดยมิได้คำนึงถึงความต้องการด้านการเงิน พฤติการณ์ ความรู้ และวัตถุประสงค์ของผู้รับข้อมูลรายใดรายหนึ่ง ดังนั้น ผู้รับข้อมูลควรประเมินความเหมาะสมของข้อมูลดังกล่าวก่อนตัดสินใจลงทุน บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้รับข้อมูลที่ใช้สำหรับการจัดอันดับเครดิตนี้จากบริษัทและแหล่งข้อมูลอื่นๆ ที่เชื่อว่าเชื่อถือได้ ดังนั้น บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด จึงไม่รับประกันความถูกต้อง ความเพียงพอ หรือความครบถ้วนสมบูรณ์ของข้อมูลใดๆ ดังกล่าว และจะไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสีย หรือความเสียหายใดๆ อันเกิดจากความไม่ถูกต้อง ความไม่เพียงพอ หรือความไม่ครบถ้วนสมบูรณ์นั้น และจะไม่รับผิดชอบต่อข้อผิดพลาด หรือการละเว้นผลที่ได้รับหรือการกระทำใดๆโดยอาศัยข้อมูลดังกล่าว ทั้งนี้ รายละเอียดของวิธีการจัดอันดับเครดิตของ บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เผยแพร่อยู่บน Website: http://www.trisrating.com/th/ratinginformation/rating_criteria.html

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ