บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ยืนยันอันดับเครดิตองค์กรและหุ้นกู้มีการค้ำประกันของ บริษัท โกลว์ เอสพีพี จำกัด (มหาชน) ที่ระดับ "A-" เมื่อพิจารณาถึงการเข้าควบรวมบริษัท โกลว์ จำกัด โดยโกลว์ เอสพีพีมีแผนจะซื้อหุ้นทั้งหมดของโกลว์จาก Tractebel Electricity & Gas International (Tractebel EGI) ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของโกลว์ เอสพีพีเช่นกัน โดยการควบรวมกิจการจะใช้เงินลงทุนจากเงินกู้ยืม เงินทุน และเงินสดคงเหลือของบริษัท อันดับเครดิตดังกล่าวสะท้อนถึงการมีกระแสเงินสดที่สม่ำเสมอจากสัญญาซื้อขายไฟฟ้าระยะยาว การใช้เชื้อเพลิงที่หลากหลาย และเงินปันผลจากโรงไฟฟ้า 2 แห่งของโกลว์โดยที่โกลว์ เอสพีพียังคงมีความสามารถในการชำระหนี้เงินกู้ที่เพิ่มขึ้นจากการควบรวมกิจการ นอกจากนี้ ยังรวมถึงการมีคณะผู้บริหารที่มีประสบการณ์จาก Tractebel EGI โดยอันดับเครดิตยังพิจารณาถึงความเสี่ยงในการดำเนินงานของโรงไฟฟ้าและความไม่แน่นอนของการแปรรูปกิจการไฟฟ้าในอนาคตด้วย ในขณะที่แนวโน้มอันดับเครดิต "Stable"หรือ "คงที่" สะท้อนถึงกระแสเงินสดที่สม่ำเสมอของบริษัทจากการมีสัญญาซื้อขายไฟฟ้าระยะยาวกับ กฟผ. และกลุ่มลูกค้าอุตสาหกรรม โดยคาดว่าบริษัทจะสามารถบรรลุผลการดำเนินงานตามเป้าหมายที่กำหนดไว้และจะยังคงรักษาสถานะทางการเงินให้อยู่ในระดับที่ดีได้
ทริสเรทติ้งรายงานว่า กลุ่มบริษัทโกลว์ เอสพีพี ประกอบด้วย บริษัท โกลว์ เอสพีพี 2 จำกัด และ บริษัท โกลว์ เอสพีพี 3 จำกัด ซึ่งเป็นกลุ่มผู้ผลิตไฟฟ้าอิสระรายเล็ก (SPP) ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทยซึ่งผลิตและจำหน่ายไฟฟ้า ไอน้ำ และน้ำที่ผ่านการบำบัดโดยใช้เทคโนโลยีโคเจเนอเรชั่นเพื่อป้อนให้แก่โรงงานอุตสาหกรรมในเขตนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุดและการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) โกลว์ เอสพีพีและบริษัทลูกซึ่งได้แก่ โกลว์ เอสพีพี 2 และโกลว์ เอสพีพี 3 มีกำลังการผลิตไฟฟ้ารวม 814 เมกะวัตต์ มีกำลังการผลิตไอน้ำ 770 ตันต่อชั่วโมง ผลิตน้ำบริสุทธิ์ 2,000 ลบ.ม./ชม. และผลิตน้ำปราศจากแร่ธาตุ 660 ลบ.ม./ชม.
ทริสเรทติ้งกล่าวว่า ตามแผนการปรับโครงสร้างองค์กรของกลุ่ม โกลว์ เอสพีพีจะซื้อหุ้นทั้งหมดของโกลว์จาก Tractebel EGI มูลค่าประมาณ 7,500 ล้านบาท แหล่งเงินลงทุนในการควบรวมกิจการจะมาจากเงินสดคงเหลือ เงินทุนของบริษัท และเงินกู้ยืมเพิ่มเติมบางส่วน หลังการควบรวมกิจการ ธุรกิจการผลิตไฟฟ้าของ Tractebel EGI ในประเทศไทยจะอยู่ภายใต้การดูแลของโกลว์ เอสพีพีแต่เพียงผู้เดียว ซึ่งโรงไฟฟ้าในกลุ่มจะรวมโครงการผลิตไฟฟ้า 2 แห่งซึ่งเปิดดำเนินงานแล้วได้แก่ บริษัท โกลว์ ไอพีพี จำกัด ซึ่งเป็นผู้ผลิตไฟฟ้าอิสระที่ถือหุ้นโดยโกลว์ 95% และ บริษัท โกลว์ เอสพีพี 1 จำกัด ซึ่งถือหุ้นโดยโกลว์ทั้งหมด โดยมีกำลังการผลิตไฟฟ้ารวม 860 เมกกะวัตต์ จะส่งผลให้กลุ่มบริษัทโกลว์ เอสพีพีมีกำลังการผลิตไฟฟ้ารวม 1,674 เมกะวัตต์ มีกำลังการผลิตไอน้ำ 900 ตันต่อชั่วโมง ผลิตน้ำบริสุทธิ์ 2,000 ลบ.ม./ชม. และผลิตน้ำปราศจากแร่ธาตุ 810 ลบ.ม./ชม. นอกจากการลงทุนเริ่มแรกแล้ว คาดว่าโครงการโรงไฟฟ้าทั้ง 2 แห่งจะไม่ก่อภาระเพิ่มขึ้นแก่โกลว์ เอสพีพีในอนาคตเนื่องจากโครงการดังกล่าวมีการกู้ยืมเงินในรูปแบบสินเชื่อโครงการ ในทางตรงข้าม โกลว์ เอสพีพีคาดว่าจะได้รับเงินปันผลจากทั้ง 2 โครงการภายใต้เงื่อนไขของสัญญาสินเชื่อโครงการ เงินกู้ยืมที่เพิ่มขึ้นจากการควบรวมกิจการจะได้รับการจัดโครงสร้างโดยพิจารณาจากความสามารถในการชำระหนี้ของโกลว์ เอสพีพี และเงินต้นจะได้รับชำระคืนจากเงินสดส่วนเกินจากภาระหนี้ที่มีอยู่ในปัจจุบัน
กระแสเงินสดที่สม่ำเสมอของบริษัทคาดว่าจะอยู่ในระดับที่แข็งแกร่งแม้ว่าจะมีการควบรวมกิจการเนื่องจากการที่บริษัทมีสัญญาซื้อขายไฟฟ้าระยะยาว (PPA) อายุ 21-25 ปีกับ กฟผ. และมีสัญญาอายุระหว่าง 3-17 ปีกับลูกค้าอุตสาหกรรม ตามสัญญาซื้อขายไฟฟ้า รายได้จากค่าไฟฟ้าจะครอบคลุมค่าใช้จ่ายคงที่ซึ่งรวมถึงเงินลงทุนผ่านค่าพลังไฟฟ้าและค่าใช้จ่ายผันแปรอันได้แก่ต้นทุนค่าเชื้อเพลิงและค่าบำรุงรักษาผ่านค่าพลังงานไฟฟ้า โดยค่าพลังไฟฟ้ามีกลไกที่ช่วยลดความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนด้วยการปรับอัตราแลกเปลี่ยนตามสัญญาซื้อขายไฟฟ้าเพื่อสะท้อนอัตราแลกเปลี่ยนในปัจจุบัน ผลประกอบการของโกลว์ เอสพีพีในปี 2546 เป็นที่น่าพอใจ บริษัทสามารถรักษาระดับความพร้อมจ่ายของโรงไฟฟ้าให้อยู่ที่ระดับ 95% การหยุดเดินเครื่องโรงไฟฟ้าโดยรวมในปี 2546 ลดลงเป็น 44 วันเมื่อเทียบกับ 52 วันในปี 2545 และอัตราการสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงเฉลี่ยดีขึ้นในปี 2546 คือคิดเป็น 9,098 บีทียูต่อหน่วยโดยเทียบเท่าจาก 9,169 บีทียูต่อหน่วยโดยเทียบเท่าในปี 2545 อย่างไรก็ตาม อัตราส่วนกำไรจากการดำเนินงานก่อนค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายต่อรายได้จากการขายลดลงจาก 34.1% ในปี 2545 เหลือ 29.5% ในปี 2546 ส่วนใหญ่เนื่องมาจากค่าใช้จ่ายในการจัดหาเงินกู้ใหม่ในช่วงครึ่งหลังของปี 2546 และยังคงลดลงอย่างต่อเนื่องเหลือ 28.5% ในช่วงครึ่งแรกของปี 2547 จากผลกระทบของราคาก๊าซธรรมชาติและถ่านหินที่เพิ่มขึ้น ทริสเรทติ้งกล่าว -- จบ
ทริสเรทติ้งรายงานว่า กลุ่มบริษัทโกลว์ เอสพีพี ประกอบด้วย บริษัท โกลว์ เอสพีพี 2 จำกัด และ บริษัท โกลว์ เอสพีพี 3 จำกัด ซึ่งเป็นกลุ่มผู้ผลิตไฟฟ้าอิสระรายเล็ก (SPP) ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทยซึ่งผลิตและจำหน่ายไฟฟ้า ไอน้ำ และน้ำที่ผ่านการบำบัดโดยใช้เทคโนโลยีโคเจเนอเรชั่นเพื่อป้อนให้แก่โรงงานอุตสาหกรรมในเขตนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุดและการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) โกลว์ เอสพีพีและบริษัทลูกซึ่งได้แก่ โกลว์ เอสพีพี 2 และโกลว์ เอสพีพี 3 มีกำลังการผลิตไฟฟ้ารวม 814 เมกะวัตต์ มีกำลังการผลิตไอน้ำ 770 ตันต่อชั่วโมง ผลิตน้ำบริสุทธิ์ 2,000 ลบ.ม./ชม. และผลิตน้ำปราศจากแร่ธาตุ 660 ลบ.ม./ชม.
ทริสเรทติ้งกล่าวว่า ตามแผนการปรับโครงสร้างองค์กรของกลุ่ม โกลว์ เอสพีพีจะซื้อหุ้นทั้งหมดของโกลว์จาก Tractebel EGI มูลค่าประมาณ 7,500 ล้านบาท แหล่งเงินลงทุนในการควบรวมกิจการจะมาจากเงินสดคงเหลือ เงินทุนของบริษัท และเงินกู้ยืมเพิ่มเติมบางส่วน หลังการควบรวมกิจการ ธุรกิจการผลิตไฟฟ้าของ Tractebel EGI ในประเทศไทยจะอยู่ภายใต้การดูแลของโกลว์ เอสพีพีแต่เพียงผู้เดียว ซึ่งโรงไฟฟ้าในกลุ่มจะรวมโครงการผลิตไฟฟ้า 2 แห่งซึ่งเปิดดำเนินงานแล้วได้แก่ บริษัท โกลว์ ไอพีพี จำกัด ซึ่งเป็นผู้ผลิตไฟฟ้าอิสระที่ถือหุ้นโดยโกลว์ 95% และ บริษัท โกลว์ เอสพีพี 1 จำกัด ซึ่งถือหุ้นโดยโกลว์ทั้งหมด โดยมีกำลังการผลิตไฟฟ้ารวม 860 เมกกะวัตต์ จะส่งผลให้กลุ่มบริษัทโกลว์ เอสพีพีมีกำลังการผลิตไฟฟ้ารวม 1,674 เมกะวัตต์ มีกำลังการผลิตไอน้ำ 900 ตันต่อชั่วโมง ผลิตน้ำบริสุทธิ์ 2,000 ลบ.ม./ชม. และผลิตน้ำปราศจากแร่ธาตุ 810 ลบ.ม./ชม. นอกจากการลงทุนเริ่มแรกแล้ว คาดว่าโครงการโรงไฟฟ้าทั้ง 2 แห่งจะไม่ก่อภาระเพิ่มขึ้นแก่โกลว์ เอสพีพีในอนาคตเนื่องจากโครงการดังกล่าวมีการกู้ยืมเงินในรูปแบบสินเชื่อโครงการ ในทางตรงข้าม โกลว์ เอสพีพีคาดว่าจะได้รับเงินปันผลจากทั้ง 2 โครงการภายใต้เงื่อนไขของสัญญาสินเชื่อโครงการ เงินกู้ยืมที่เพิ่มขึ้นจากการควบรวมกิจการจะได้รับการจัดโครงสร้างโดยพิจารณาจากความสามารถในการชำระหนี้ของโกลว์ เอสพีพี และเงินต้นจะได้รับชำระคืนจากเงินสดส่วนเกินจากภาระหนี้ที่มีอยู่ในปัจจุบัน
กระแสเงินสดที่สม่ำเสมอของบริษัทคาดว่าจะอยู่ในระดับที่แข็งแกร่งแม้ว่าจะมีการควบรวมกิจการเนื่องจากการที่บริษัทมีสัญญาซื้อขายไฟฟ้าระยะยาว (PPA) อายุ 21-25 ปีกับ กฟผ. และมีสัญญาอายุระหว่าง 3-17 ปีกับลูกค้าอุตสาหกรรม ตามสัญญาซื้อขายไฟฟ้า รายได้จากค่าไฟฟ้าจะครอบคลุมค่าใช้จ่ายคงที่ซึ่งรวมถึงเงินลงทุนผ่านค่าพลังไฟฟ้าและค่าใช้จ่ายผันแปรอันได้แก่ต้นทุนค่าเชื้อเพลิงและค่าบำรุงรักษาผ่านค่าพลังงานไฟฟ้า โดยค่าพลังไฟฟ้ามีกลไกที่ช่วยลดความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนด้วยการปรับอัตราแลกเปลี่ยนตามสัญญาซื้อขายไฟฟ้าเพื่อสะท้อนอัตราแลกเปลี่ยนในปัจจุบัน ผลประกอบการของโกลว์ เอสพีพีในปี 2546 เป็นที่น่าพอใจ บริษัทสามารถรักษาระดับความพร้อมจ่ายของโรงไฟฟ้าให้อยู่ที่ระดับ 95% การหยุดเดินเครื่องโรงไฟฟ้าโดยรวมในปี 2546 ลดลงเป็น 44 วันเมื่อเทียบกับ 52 วันในปี 2545 และอัตราการสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงเฉลี่ยดีขึ้นในปี 2546 คือคิดเป็น 9,098 บีทียูต่อหน่วยโดยเทียบเท่าจาก 9,169 บีทียูต่อหน่วยโดยเทียบเท่าในปี 2545 อย่างไรก็ตาม อัตราส่วนกำไรจากการดำเนินงานก่อนค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายต่อรายได้จากการขายลดลงจาก 34.1% ในปี 2545 เหลือ 29.5% ในปี 2546 ส่วนใหญ่เนื่องมาจากค่าใช้จ่ายในการจัดหาเงินกู้ใหม่ในช่วงครึ่งหลังของปี 2546 และยังคงลดลงอย่างต่อเนื่องเหลือ 28.5% ในช่วงครึ่งแรกของปี 2547 จากผลกระทบของราคาก๊าซธรรมชาติและถ่านหินที่เพิ่มขึ้น ทริสเรทติ้งกล่าว -- จบ