ทริสเรทติ้งคงอันดับเครดิตองค์กร &หุ้นกู้ไม่มีประกัน “บ. ฐิติกร” ที่ระดับ "A-" จัดอันดับหุ้นกู้ไม่มีประกันวงเงินไม่เกิน 570 ล้านบาทที่ระดับ "A-" และคงแนวโน้ม “Stable”

ข่าวทั่วไป Monday July 15, 2013 16:32 —ทริส เรตติ้ง

ทริสเรทติ้งคงอันดับเครดิตองค์กรและหุ้นกู้ไม่มีประกัน (TK146A และ TK165A) ของ บริษัท ฐิติกร จำกัด (มหาชน) ที่ระดับ “A-” พร้อมทั้งจัดอันดับเครดิตหุ้นกู้ไม่มีประกันชุดใหม่ในวงเงินไม่เกิน 570 ล้านบาทของบริษัทที่ระดับ “A-” เช่นกัน โดยแนวโน้มยังคง “Stable” หรือ “คงที่” อันดับเครดิตดังกล่าวสะท้อนถึงคณะผู้บริหารที่มีความสามารถและประสบการณ์ที่ได้รับการยอมรับในธุรกิจสินเชื่อรถจักรยานยนต์ ตลอดจนความสามารถในการดำรงสถานะผู้นำตลาด การมีตลาดที่กระจายตัวทางภูมิศาสตร์ผ่านเครือข่ายสาขาที่กว้างขวาง ความสามารถในการทำกำไรที่โดดเด่นต่อเนื่อง และโครงสร้างเงินทุนที่แข็งแกร่ง อย่างไรก็ตาม อันดับเครดิตยังคงมีข้อจำกัดจากความเสี่ยงจากการกระจุกตัวของธุรกิจซึ่งมีผลิตภัณฑ์หลักเพียงประเภทเดียวคือสินเชื่อเช่าซื้อรถจักรยานยนต์รวมถึงการมีกลุ่มลูกค้าเป้าหมายที่มีความอ่อนไหวต่อการถดถอยของภาวะเศรษฐกิจเป็นอย่างมาก ในขณะที่แนวโน้มอันดับเครดิตที่ยังคง “Stable” หรือ “คงที่” สะท้อนถึงความคาดหมายว่าคณะผู้บริหารที่มีความสามารถและเครือข่ายสาขาที่กว้างขวางจะช่วยให้บริษัทสามารถดำรงสถานะผู้นำตลาดและผลประกอบการทางการเงินที่ค่อนข้างแข็งแกร่งต่อไปได้ นอกจากนี้ ทริสเรทติ้งยังคาดว่าบริษัทจะรักษาระดับฐานทุนที่แข็งแกร่งในปัจจุบันเอาไว้เพื่อช่วยบรรเทาความเสี่ยงที่อาจเกิดจากการเปลี่ยนแปลงของภาวะเศรษฐกิจและจากบรรยากาศการแข่งขัน โดยที่ระดับฐานทุนที่แข็งแกร่งยังมีส่วนช่วยสนับสนุนการขยายธุรกิจของบริษัทในอนาคตด้วย

สินเชื่อรถจักรยานยนต์ของบริษัทฐิติกรเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในปี 2555 โดยเพิ่มขึ้นเป็น 7,558 ล้านบาท ณ สิ้นปี 2555 หรือเพิ่มขึ้น 16.5% จากระดับ ณ สิ้นปี 2554 สินเชื่อเติบโตเพิ่มขึ้นเป็น 7,841 ล้านบาท ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2556 บริษัทสามารถดำรงสถานะความเป็นผู้นำตลาดในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑลมากว่า 30 ปีเมื่อพิจารณาจากจำนวนบัญชีสินเชื่อใหม่ บริษัทมีการกระจายฐานการตลาดในทางภูมิศาสตร์ที่เหนือกว่าคู่แข่งโดยให้บริหารผ่านสาขาที่ครอบคลุม 51 จังหวัดทั่วประเทศ จาก 45 จังหวัดในปี 2555 เครือข่ายสาขาที่แข็งแกร่งส่งผลให้บริษัทมีความได้เปรียบในการแข่งขันที่เหนือกว่าคู่แข่งรายอื่น ๆ ซึ่งมักเน้นเฉพาะลูกค้าในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล ทั้งนี้ คณะผู้บริหารและพนักงานที่มีประสบการณ์ยาวนาน ตลอดจนเครือข่ายสาขาที่กว้างขวาง และระบบการบริหารงานและการจัดเก็บหนี้ที่มีประสิทธิภาพจะช่วยสนับสนุนความพยายามของบริษัทที่จะดำรงสถานะผู้นำตลาดเอาไว้ให้ได้

สินเชื่อรถยนต์ของบริษัทกลับมาขยายตัวอีกครั้งในปี 2551 โดยบริษัทเน้นให้สินเชื่อรถยนต์ใหม่แทนรถยนต์มือสองที่เคยให้บริการในอดีต การแข่งขันที่รุนแรงและการมีส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยรับและดอกเบี้ยจ่ายที่ลดลงทำให้บริษัทตัดสินใจไม่ขยายสินเชื่อรถยนต์ในเชิงรุก เพียงแต่ดำรงธุรกิจเอาไว้เท่านั้นเพื่อรอโอกาสที่จะขยายตัวอีกครั้งเมื่ออัตราผลตอบแทนจากความเสี่ยงมีความน่าสนใจมากกว่านี้ โดยสินเชื่อรถยนต์เพิ่มขึ้นเป็น 1,551 ล้านบาทในปี 2555 จาก 1,471 ล้านบาทในปี 2554 สินเชื่อรถยนต์ของบริษัทลดลงเล็กน้อยมาอยู่ที่ 1,535 ล้านบาท ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2556 หรือคิดเป็น 16% ของสินเชื่อรวม ผลประกอบการของบริษัทฐิติกรยังคงขึ้นอยู่กับผลประกอบการของสินเชื่อรถจักรยานยนต์เป็นอย่างมากเนื่องจากเป็นสินเชื่อที่ให้ผลตอบแทนสูง

คุณภาพสินเชื่อของบริษัทได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์อุทกภัยครั้งใหญ่ในปี 2554 เช่นเดียวกับผู้ให้บริการสินเชื่อรถจักรยานยนต์รายอื่น ๆ สินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ปรับเพิ่มสูงขึ้นเป็น 4.3% ของสินเชื่อรวม ณ สิ้นปี 2554 จาก 3.2% ณ สิ้นเดือนกันยายน 2554 บริษัทได้ดำเนินนโยบายต่าง ๆ เพื่อจัดการกับปัญหาที่เกิดขึ้นโดยเน้นไปที่การจัดเก็บหนี้ ส่งผลให้อัตราส่วนสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ปรับลดลงเหลือ 3.6% ณ สิ้นปี 2555 ซึ่งใกล้เคียงกับระดับก่อนเกิดอุทกภัย ผลจากการแข่งขันที่รุนแรงในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑลทำให้บริษัทต้องดำเนินนโยบายพิจารณาสินเชื่อในเชิงรุกมากขึ้นเพื่อรักษาสถานะทางการตลาดไว้ ส่งผลให้อัตราส่วนสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ปรับเพิ่มขึ้นเล็กน้อยเป็น 3.9% ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2556 อย่างไรก็ตาม ทริสเรทติ้งคาดว่าประสบการณ์ในธุรกิจสินเชื่อรถจักรยานยนต์น่าจะช่วยให้บริษัทสามารถควบคุมและปรับปรุงคุณภาพสินเชื่อให้ดีขึ้นได้

การผลิตรถจักรยานยนต์กลับคืนสู่ระดับปกติในปี 2555 หลังจากหยุดชะงักไปในปี 2554 จากเหตุการณ์อุทกภัย การเพิ่มขึ้นของการผลิตรถจักรยานยนต์ใหม่ส่งผลกระทบต่อความต้องการรถจักรยานยนต์มือสอง โดยราคารถจักรยานยนต์มือสองลดต่ำลง ทำให้ผลขาดทุนจากการขายรถจักรยานยนต์ยึดคืนของผู้ประกอบการส่วนใหญ่เพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม บริษัทสามารถควบคุมต้นทุนในการดำเนินงาน รวมทั้งลดการขาดทุนจากการขายรถจักรยานยนต์ที่ยึดคืนมาได้ แม้ว่าผลขาดทุนต่อคันจากรถจักรยานยนต์ยึดคืนจะเพิ่มสูงขึ้น แต่บริษัทยังสามารถจำหน่ายรถจักรยานยนต์ที่ยึดคืนในราคาที่สูงขึ้นเนื่องจากบริษัทมีศูนย์ปรับสภาพรถเป็นของตนเองก่อนที่จะนำออกประมูล

อัตราส่วนค่าใช้จ่ายดำเนินงานต่อรายได้รวมของบริษัทปรับตัวดีขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 47.8% ในปี 2554 จาก 56.7% ในปี 2552 และ 49.2% ในปี 2553 อัตราส่วนดังกล่าวรักษาระดับอยู่ที่ 47.2% ในปี 2555 กำไรสุทธิของบริษัทปรับเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเพิ่มขึ้น 13.9% ในปี 2555 มาที่ระดับ 712 ล้านบาทในปี 2555 จาก 625 ล้านบาทในปี 2554 อัตราส่วนผลตอบแทนต่อสินทรัพย์รวมถัวเฉลี่ยก็ปรับเพิ่มขึ้นเช่นกัน โดยเพิ่มขึ้นเป็น 7.8% ในปี 2555 จาก 7.6% ในปี 2554 กำไรสุทธิสำหรับไตรมาสแรกของปี 2556 อยู่ที่ 203 ล้านบาท ในขณะที่อัตราส่วนผลตอบแทนต่อสินทรัพย์รวมถัวเฉลี่ยอยู่ที่ 8.4% (ปรับอัตราส่วนให้เป็นตัวเลขเต็มปีแล้ว)

แม้ว่าสินเชื่อของบริษัทจะขยายตัวค่อนข้างมากในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา แต่ความสามารถในการทำกำไรที่สูงได้ช่วยรักษาฐานทุนของบริษัทให้อยู่ในระดับที่แข็งแกร่ง อัตราส่วนของส่วนของผู้ถือหุ้นต่อสินทรัพย์รวมอยู่ที่ระดับ 40%-42% ในช่วงปี 2553-2555 ทริสเรทติ้งคาดว่าบริษัทจะสามารถรักษาอัตราส่วนโครงสร้างเงินทุนที่แข็งแกร่งนี้เอาไว้ได้ การมีฐานทุนที่แข็งแกร่งจะมีส่วนช่วยรองรับความเสี่ยงด้านเครดิตที่สูงของกลุ่มลูกค้าเป้าหมายของบริษัทซึ่งเป็นกลุ่มที่มีความอ่อนไหวต่อการเปลี่ยนแปลงของภาวะเศรษฐกิจมากกว่า

บริษัท ฐิติกร จำกัด (มหาชน) (TK)
อันดับเครดิตองค์กร: A-
อันดับเครดิตตราสารหนี้:
TK146A: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 500 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2557 A-
TK165A: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 300 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2559 A-
หุ้นกู้ไม่มีประกันในวงเงินไม่เกิน 570 ล้านบาท ไถ่ถอนภายในปี 2559 A-
แนวโน้มอันดับเครดิต: Stable
บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด/ www.trisrating.com
ติดต่อ santaya@trisrating.com  โทร. 0-2231-3011 ต่อ 500 อาคารสีลมคอมเพล็กซ์ ชั้น 24 191 ถ. สีลม กรุงเทพฯ 10500
บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2556  ห้ามมิให้บุคคลใด ใช้ เปิดเผย ทำสำเนาเผยแพร่ แจกจ่าย หรือเก็บไว้เพื่อใช้ในภายหลังเพื่อประโยชน์ใดๆ ซึ่งรายงานหรือข้อมูลการจัดอันดับเครดิต ไม่ว่าทั้งหมดหรือแต่เพียงบางส่วน และไม่ว่าในรูปแบบ หรือลักษณะใดๆ หรือด้วยวิธีการใดๆ โดยมิได้รับอนุญาต การจัดอันดับเครดิตนี้มิใช่คำแถลงข้อเท็จจริง หรือคำเสนอแนะให้ซื้อ ขาย หรือถือตราสารหนี้ใดๆ แต่เป็นเพียงความเห็นเกี่ยวกับความเสี่ยงหรือความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้นั้นๆ หรือของบริษัทนั้นๆ โดยเฉพาะ ความเห็นที่ระบุในการจัดอันดับเครดิตนี้มิได้เป็นคำแนะนำเกี่ยวกับการลงทุน หรือคำแนะนำในลักษณะอื่นใด การจัดอันดับและข้อมูลที่ปรากฏในรายงานใดๆ ที่จัดทำ หรือพิมพ์เผยแพร่โดย บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้จัดทำขึ้นโดยมิได้คำนึงถึงความต้องการด้านการเงิน พฤติการณ์ ความรู้ และวัตถุประสงค์ของผู้รับข้อมูลรายใดรายหนึ่ง ดังนั้น ผู้รับข้อมูลควรประเมินความเหมาะสมของข้อมูลดังกล่าวก่อนตัดสินใจลงทุน บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้รับข้อมูลที่ใช้สำหรับการจัดอันดับเครดิตนี้จากบริษัทและแหล่งข้อมูลอื่นๆ ที่เชื่อว่าเชื่อถือได้ ดังนั้น บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด จึงไม่รับประกันความถูกต้อง ความเพียงพอ หรือความครบถ้วนสมบูรณ์ของข้อมูลใดๆ ดังกล่าว และจะไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสีย หรือความเสียหายใดๆ อันเกิดจากความไม่ถูกต้อง ความไม่เพียงพอ หรือความไม่ครบถ้วนสมบูรณ์นั้น และจะไม่รับผิดชอบต่อข้อผิดพลาด หรือการละเว้นผลที่ได้รับหรือการกระทำใดๆโดยอาศัยข้อมูลดังกล่าว ทั้งนี้ รายละเอียดของวิธีการจัดอันดับเครดิตของ บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เผยแพร่อยู่บน Website: http://www.trisrating.com/th/ratinginformation/rating_criteria.html

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ